ไทย (Thai): Unlocked Literal Bible Print

Updated ? hours ago # views See on WACS
DEUTERONOMY
DEUTERONOMY
1

1 เหล่านี้คือบรรดาถ้อยคำของโมเสสที่กล่าวต่อชาวอิสราเอลทั้งหมดที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนในถิ่นทุรกันดาร ที่ทุ่งราบของหุบเขาแม่น้ำจอร์แดนซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับเมืองสูฟ ที่อยู่ระหว่างปารานกับโทเฟล ลาบาน ฮาเซโรท และดีซาหับ 2 จากโฮเรบไปทางภูเขาเสอีร์เพื่อจะไปถึงคาเดชบารเนียนั้นต้องใช้เวลาเดินทางสิบเอ็ดวัน

3 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปีที่สี่สิบ เดือนที่สิบเอ็ด ในวันแรกของเดือน ที่โมเสสได้กล่าวต่อประชาชนอิสราเอลถึงทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาโมเสสเกี่ยวกับพวกเขา 4 นี่คือหลังจากที่พระยาห์เวห์ได้โจมตีสิโหนกษัตริย์ของคนอาโมไรต์ซึ่งอาศัยอยู่ในเฮชโบน และโอกกษัตริย์แห่งบาชานซึ่งอาศัยอยู่ในอัชทาโรทที่เอเดรอี 5 ทางอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนในดินแดนโมอับ โมเสสเริ่มต้นประกาศคำสั่งสอนเหล่านี้ว่า

6 พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ตรัสแก่พวกเราที่โฮเรบว่า 'พวกเจ้าได้อาศัยอยู่ในประเทศเทือกเขานี้นานพอแล้ว 7 จงหันไปและออกเดินทางไปยังประเทศเทือกเขาของคนอาโมไรต์ และสถานที่ใกล้เคียงในทุ่งราบแห่งหุบเขาแม่น้ำจอร์แดน ในประเทศเทือกเขา ในที่ราบต่ำ ในเนเกบและชายฝั่งทะเล ในดินแดนคานาอัน และในเลบานอน ไปจนถึงยูเฟรติสแม่น้ำใหญ่

8 ดูเถิด เราได้ตั้งดินแดนนั้นเอาไว้ต่อหน้าพวกเจ้า จงเข้าไปและยึดครองดินแดนนั้นที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาเอาไว้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้า คือ อับราฮัม อิสอัค และยาโคบ และให้ไว้แก่เชื้อสายของพวกเขาที่มาหลังจากพวกเขานั้น' 9 ข้าพเจ้าได้กล่าวแก่พวกท่านในเวลานั้นว่า 'ข้าพเจ้าไม่สามารถแบกพวกท่านเอาไว้เพียงคนเดียวได้ 10 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงเพิ่มทวีจำนวนของพวกท่าน และดูเถิดในวันนี้พวกท่านมีจำนวนมากมายดุจดั่งดวงดาวในฟ้าสวรรค์ 11 ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านทรงกระทำให้พวกท่านเพิ่มพูนมากขึ้นอีกเป็นพันเท่า และขอทรงอวยพรพวกท่านตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาเอาไว้แก่พวกท่าน

12 แต่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียวจะแบกรับปัญหา ภาระหนัก และข้อพิพาทต่าง ๆ ของพวกท่านได้อย่างไร? 13 จงเลือกบรรดาคนที่ฉลาด คนที่มีความเข้าใจ และคนที่มีชื่อเสียงดีจากแต่ละเผ่า และข้าพเจ้าจะทำให้พวกเขาเป็นหัวหน้าปกครองเหนือพวกท่าน' 14 พวกท่านตอบข้าพเจ้าว่า 'สิ่งที่ท่านได้กล่าวมานั้นเป็นสิ่งดีที่พวกเราสมควรทำ' 15 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้เลือกบรรดาหัวหน้าออกมาจากเผ่าต่าง ๆ ของพวกท่าน คือ คนที่ฉลาดและคนที่มีชื่อเสียงดี และแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นหัวหน้าปกครองดูแลพวกท่าน เป็นหัวหน้าผู้ควบคุมคนหนึ่งพันคนบ้าง หัวหน้าผู้ควบคุมคนหนึ่งร้อยคนบ้าง หัวหน้าผู้ควบคุมคนห้าสิบคนบ้าง หัวหน้าผู้ควบคุมคนสิบคนบ้าง และแต่งตั้งบรรดาเจ้าหน้าที่ประจำเผ่าแต่ละเผ่า

16 ข้าพเจ้าได้สั่งบรรดาผู้วินิจฉัยของพวกท่านในครั้งนั้นว่า 'จงฟังข้อพิพาทต่าง ๆ ระหว่างพี่น้องของพวกท่าน และจงตัดสินอย่างชอบธรรมระหว่างคนหนึ่งกับพี่น้องของเขา และกับคนต่างชาติที่อยู่กับเขานั้น 17 พวกท่านจะไม่แสดงความลำเอียงต่อผู้ใดในข้อพิพาท พวกท่านจะฟังเสียงของคนเล็กน้อยเหมือนกับเสียงของคนที่ยิ่งใหญ่ พวกท่านจะไม่เกรงกลัวหน้าของผู้ใด เพราะการพิพากษาเป็นของพระเจ้า ข้อพิพาทที่หนักเกินกว่าที่พวกท่านจะตัดสินได้ พวกท่านจะนำมาหาข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะฟังข้อพิพาทนั้น' 18 ข้าพเจ้าสั่งพวกท่านในครั้งนั้นถึงทุกสิ่งที่พวกท่านสมควรกระทำ

19 เราเดินทางออกจากโฮเรบและผ่านเข้าไปในถิ่นทุรกันดารอันกว้างใหญ่และน่ากลัวตามที่พวกท่านได้เห็น ซึ่งอยู่ระหว่างทางที่พวกเราจะไปยังประเทศหุบเขาของคนอาโมไรต์ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ตรัสสั่งพวกเรา และพวกเราก็มาถึงที่คาเดชบารเนีย 20 ข้าพเจ้ากล่าวแก่พวกท่านว่า 'พวกท่านได้มาถึงประเทศหุบเขาของคนอาโมไรต์ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ประทานให้แก่พวกท่าน 21 ดูเถิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงตั้งดินแดนนี้เอาไว้ตรงหน้าพวกท่านแล้ว จงขึ้นไปและยึดครอง ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกท่านได้ตรัสเอาไว้แก่พวกท่าน อย่ากลัวหรืออย่าท้อแท้เลย'

22 พวกท่านทุกคนได้มาหาข้าพเจ้าและพูดว่า 'ให้เราส่งพวกผู้ชายไปข้างหน้าพวกเราเพื่อพวกเขาจะสอดแนมเกี่ยวกับดินแดนนั้นให้แก่พวกเรา และนำถ้อยคำมารายงานถึงวิธีการที่พวกเราควรจะโจมตี และเกี่ยวกับเมืองนั้นที่พวกเราจะเข้าไป' 23 คำแนะนำนั้นเป็นที่พอใจของข้าพเจ้าอย่างมาก ข้าพเจ้าจึงตั้งชายสิบสองคนจากทุกเผ่าของพวกท่าน โดยเลือกหนึ่งคนจากหนึ่งเผ่า 24 พวกเขาจึงหันหน้ามุ่งไปที่ประเทศหุบเขา มาถึงหุบเขาแห่งเอชโคล และสอดแนมเกี่ยวกับดินแดนนั้น

25 พวกเขานำผลผลิตแห่งแผ่นดินนั้นถือมาในมือและนำลงมาให้แก่พวกเรา พวกเขายังกลับมารายงานพวกเราอีกด้วยว่า 'ที่นั่นเป็นดินแดนที่ดีที่พระเจ้าของพวกเราทรงประทานให้แก่พวกเรา' 26 แต่พวกท่านกลับปฏิเสธที่จะโจมตี และยังกบฎต่อพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 27 พวกท่านบ่นในเต็นท์ของพวกท่านว่า "นี่เป็นเพราะพระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังพวกเรา พระองค์จึงได้นำพวกเราออกมาจากดินแดนอียิปต์เพื่อมอบพวกเราเอาไว้ในมือของคนอาโมไรต์ให้ทำลายพวกเรา

28 พวกเราสามารถไปที่ไหนได้เวลานี้? พวกพี่น้องของพวกเราได้ทำให้หัวใจของพวกเราละลายโดยกล่าวว่า 'คนพวกนั้นตัวใหญ่กว่าและสูงกว่าพวกเรายิ่งนัก บรรดาเมืองของพวกเขาใหญ่โตและมีกำลังมากจนถึงสวรรค์ ยิ่งกว่านั้น พวกเราได้เห็นพวกบุตรชายของอานาคิมอยู่ที่นั่นด้วย'" 29 และข้าพเจ้ากล่าวแก่พวกท่านว่า 'อย่าขยาดและอย่าหวาดกลัวพวกเขาเลย 30 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ผู้ทรงนำหน้าพวกท่าน พระองค์จะทรงต่อสู้เพื่อพวกท่าน ดังเช่นที่พระองค์ได้ทรงกระทำทุกสิ่งเพื่อพวกท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาพวกท่าน 31 และเช่นกันในถิ่นทุรกันดารที่พวกท่านได้เห็นแล้วว่าพระยาห์เวห์ทรงอุ้มชูพวกท่านเหมือนกับชายคนหนึ่งอุ้มบุตรชายของเขา ในทุกที่ทุกแห่งที่พวกท่านไปจนกระทั่งพวกท่านมาถึงสถานที่แห่งนี้'

32 แต่ถึงกระนั้นจากถ้อยคำนี้ พวกท่านก็ยังไม่เชื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 33 ผู้ทรงนำทางไปข้างหน้าพวกท่านด้วยไฟในเวลากลางคืนและด้วยเมฆในเวลากลางวันเพื่อหาสถานที่หนึ่งให้กับพวกท่านสำหรับตั้งค่าย 34 พระยาห์เวห์ทรงได้ยินเสียงถ้อยคำของพวกท่านและทรงพระพิโรธ พระองค์ทรงสัญญาและตรัสว่า 35 'แน่นอนจะไม่มีคนใดในท่ามกลางคนเหล่านี้ซึ่งเป็นชนรุ่นที่ชั่วช้าจะได้เห็นดินแดนอันประเสริฐตามที่เราได้สัญญาเอาไว้ว่าจะประทานให้กับบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา

36 ยกเว้นคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ เขาจะได้เห็นดินแดนนั้น เราจะประทานดินแดนที่เขาได้เหยียบย่างนั้นแก่เขา และแก่บรรดาลูกหลานของเขา เพราะเขาได้ติดตามพระยาห์เวห์อย่างเต็มที่' 37 เช่นเดียวกันพระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธต่อข้าพเจ้าเหตุเพราะพวกท่านด้วย พระองค์ตรัสว่า "เจ้าเองก็จะไม่ได้เข้าไปในดินแดนนั้นด้วยเช่นกัน 38 โยชูวาบุตรนูน ผู้ที่ยืนต่อหน้าเจ้านี้ เขาจะได้เข้าไปที่นั่น จงหนุนใจเขา เพราะเขาจะเป็นผู้นำชนอิสราเอลให้รับดินแดนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ 39 ยิ่งกว่านั้น บรรดาเด็กเล็ก ๆ ของพวกเจ้า คือบรรดาคนที่พวกเจ้ากล่าวว่าพวกเขาจะตกเป็นเหยื่อ ผู้ซึ่งในวันนี้ไม่มีความรู้ถึงสิ่งดีและชั่ว พวกเขาจะไปที่นั่น เราจะมอบดินแดนนั้นให้แก่พวกเขา และพวกเขาจะครอบครองดินแดนนั้น

40 แต่สำหรับพวกเจ้า จงหันกลับและเดินทางเข้าไปในถิ่นทุรกันดารตามทางที่จะไปทะเลแดง' 41 แล้วพวกท่านตอบแก่ข้าพเจ้าว่า 'พวกเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์แล้ว พวกเราจะขึ้นไปและต่อสู้ และพวกเราจะทำตามทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ทรงบัญชาให้แก่พวกเรากระทำ' ผู้ชายทุกคนในท่ามกลางพวกท่านต่างก็คาดอาวุธสำหรับทำสงคราม และพวกท่านพร้อมที่จะเข้าโจมตีประเทศหุบเขานั้น 42 พระยาห์เวห์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'จงบอกแก่พวกเขาว่า "อย่าเข้าโจมตีและอย่าต่อสู้ เพราะเราจะไม่อยู่กับพวกเจ้า และพวกเจ้าจะถูกปราบให้พ่ายแพ้โดยศัตรูของพวกเจ้า"

43 ข้าพเจ้ากล่าวแก่พวกท่านเช่นนี้ แต่พวกท่านไม่ยอมฟัง พวกท่านกบฎต่อคำบัญชาของพระยาห์เวห์ พวกท่านเพิกเฉยและเข้าโจมตีประเทศหุบเขานั้น 44 แต่ชาวอาโมไรต์ผู้อาศัยอยู่ในประเทศหุบเขานั้นได้ออกมาต่อสู้กับพวกท่าน และขับไล่พวกท่านเหมือนกับฝูงผึ้ง โจมตีพวกท่านไล่ลงมาจากเสอีร์ไปจนถึงโฮรมาห์ 45 พวกท่านหันกลับและร่ำไห้ต่อพระยาห์เวห์ แต่พระยาห์เวห์ไม่ทรงฟังเสียงของพวกท่าน หรือไม่ทรงสนพระทัยพวกท่านเลย 46 ดังนั้นพวกท่านจึงต้องพักอาศัยอยู่ที่คาเดชเป็นเวลาหลายวัน ตลอดเวลาที่พวกท่านพักอาศัยอยู่ที่นั่น

2

1 ต่อมาพวกเราจึงวกกลับและเดินทางเข้าไปในถิ่นทุรกันดารตามทางสู่ทะเลแดง ตามที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้า พวกเราได้เดินวนรอบภูเขาเสอีร์เป็นเวลาหลายวัน 2 พระยาห์เวห์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 3 'พวกเจ้าได้เดินวนรอบภูเขานี้เป็นเวลานานพอแล้ว จงหันไปทางทิศเหนือเถิด

4 จงบัญชาประชาชนว่า "พวกเจ้าจะต้องเดินผ่านเขตแดนบ้านเมืองของพวกพี่น้องของพวกเจ้า คือ เชื้อสายของเอซาวผู้อาศัยอยู่ในเสอีร์ พวกเขาจะเกรงกลัวพวกเจ้า ดังนั้นจงระวังให้ดี 5 อย่าต่อสู้กับพวกเขา เพราะเราจะไม่มอบดินแดนใดๆ ของพวกเขาให้แก่พวกเจ้า จะไม่ให้แม้แต่พอสำหรับฝ่าเท้าเหยียบ เพราะเราได้มอบภูเขาเสอีร์ให้แก่เอซาวเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว

6 พวกเจ้าจงเอาเงินซื้ออาหารจากพวกเขา เพื่อพวกเจ้าจะได้กิน พวกเจ้าจงเอาเงินซื้อน้ำจากพวกเขาด้วย เพื่อพวกเจ้าจะได้ดื่ม 7 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าได้ทรงอวยพรพวกเจ้าในการงานแห่งน้ำมือทุกอย่างของพวกเจ้า พระองค์ได้ทรงรู้ถึงการเดินผ่านถิ่นทุรกันดารอันกว้างใหญ่นี้ เพราะในเวลาสี่สิบปีเหล่านี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าได้ทรงสถิตกับพวกเจ้า และพวกเจ้าไม่ขาดสิ่งใดๆ เลย"

8 ดังนั้นเราจึงได้เดินเลยผ่านพวกพี่น้องของเรา คือ เชื้อสายของ เอซาวผู้อาศัยอยู่ในเสอีร์ ออกไปจากเส้นทางอาราบาห์ จากเอลัท และจากเอซีโอนเกเบอร์ แล้วพวกเราจึงหันกลับและผ่านไปทางถิ่นทุรกันดารโมอับ 9 พระยาห์เวห์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'อย่ารบกวนโมอับ และอย่าทำสงครามกับพวกเขา เพราะเราจะไม่มอบดินแดนของเขาให้แก่พวกเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ เพราะเราได้มอบเมืองอาร์ให้แก่เชื้อสายของโลทเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว' 10 (แต่ก่อนหน้านี้คนเอมิมได้อาศัยอยู่ที่นั่น เป็นชนชาติใหญ่ มีจำนวนมาก และสูงเหมือนกับคนอานาคิม

11 คนเหล่านี้ถูกนับว่าเป็นพวกเรฟาอิมเหมือนกับคนอานาคิม แต่คนโมอับเรียกพวกเขาว่าเอมิม 12 เมื่อก่อนพวกโฮรีก็อยู่ที่เสอีร์ด้วย แต่เชื้อสายของเอซาวได้เอาชนะพวกเขา ได้ทำลายพวกเขา และได้มาอาศัยอยู่แทนที่พวกเขา เหมือนกับที่อิสราเอลได้กระทำต่อดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้ทรงมอบให้แก่พวกเขาเป็นกรรมสิทธิ์นั้น)

13 "'บัดนี้จงลุกขึ้นและข้ามลำห้วยเศเรด' ดังนั้นพวกเราจึงข้ามลำห้วยเศเรด 14 นับจากเมื่อพวกเรามาจากคาเดชบารเนียจนกระทั่งพวกเราได้ข้ามลำห้วยเศเรดเป็นเวลาทั้งหมดสามสิบแปดปี ในเวลานั้นเองที่ผู้ชายทั้งหมดในชนรุ่นนั้นที่ถูกเตรียมไว้เพื่อสู้รบได้ตายไปจากท่ามกลางประชาชน ตามที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาแก่พวกเขา

15 ยิ่งกว่านั้น พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ได้ทรงต่อสู้ชนรุ่นนั้นเพื่อทำลายพวกเขาจากประชาชนจนกว่าพวกเขาจะหมดสิ้นไป 16 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อผู้ชายทั้งหมดที่ได้เตรียมไว้เพื่อการสู้รบได้ตายและหมดสิ้นไปจากท่ามกลางประชาชน

17 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 18 'วันนี้พวกเจ้าต้องเดินผ่านเมืองอาร์ เขตแดนของคนโมอับ 19 เมื่อพวกเจ้ามาใกล้ฝั่งตรงกันข้ามดินแดนของคนอัมโมน อย่าก่อกวนหรือสู้รบกับพวกเขา เพราะเราจะไม่มอบดินแดนใดๆ ของคนอัมโมนให้แก่พวกเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ เนื่องจากเราได้มอบดินแดนนั้นให้แก่เชื้อสายของโลทเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว'"

20 (ที่นั่นถูกนับว่าเป็นดินแดนหนึ่งของพวกเรฟาอิมด้วย พวกเรฟาอิมเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน แต่คนอัมโมนเรียกพวกเขาว่าศัมซุมมิม 21 เป็นชนชาติใหญ่ มีจำนวนมาก และสูงเหมือนคนอานาค แต่พระยาห์เวห์ได้ทรงทำลายพวกเขาต่อหน้าต่อตาคนอัมโมน คนอัมโมนได้เอาชนะพวกเขา และเข้าอาศัยอยู่ที่นั่นแทนที่พวกเขา

22 พระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำสิ่งนี้เพื่อประชาชนของเอซาวผู้อาศัยอยู่ในเสอีร์ด้วย พระองค์ได้ทรงทำลายพวกโฮรีต่อหน้าต่อตาพวกเขา และเชื้อสายของเอซาวได้เอาชนะพวกเขา และได้เข้าอาศัยแทนที่พวกเขาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ 23 เช่นเดียวกันกับพวกอัฟวิมที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างๆ ไปไกลถึง กาซา คนคัฟโทร์ซึ่งมาจากคัฟโทร์ได้ทำลายพวกเขาและตั้งถิ่นฐานแทนที่พวกเขา)

24 "'บัดนี้จงลุกขึ้นออกเดินทาง และข้ามลำห้วยหุบเขาอารโนน ดูเถิด เราได้มอบสิโหนชาวอาโมไรต์ผู้เป็นกษัตริย์แห่งเฮชโบนและดินแดนของเขาเอาไว้ในมือของพวกเจ้า จงเริ่มยึดครองและทำสงครามสู้รบกับเขา 25 วันนี้เราจะเริ่มใส่ความกลัวและครั่นคร้ามต่อพวกเจ้าให้กับประชาชนทั้งหลายทั่วใต้ฟ้า พวกเขาจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับพวกเจ้า และจะตัวสั่นสะท้านและทุกข์ทรมานเนื่องจากพวกเจ้า'

26 ข้าพเจ้าจึงส่งผู้สื่อสารจากถิ่นทุรกันดารเคเดโมทไปเข้าเฝ้ากษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบน พร้อมกับถ้อยคำแห่งสันติว่า 27 'ขอให้ข้าพระบาทผ่านดินแดนของฝ่าพระบาท ข้าพระบาทจะเดินไปตามทางหลวงนั้น ข้าพระบาทจะไม่เลี้ยวไปทางขวาหรือไปทางซ้ายเลย 28 ฝ่าพระบาทจะขายอาหารให้แก่ข้าพระบาทเพื่อเอาเงิน เพื่อข้าพระบาทจะได้กิน ฝ่าพระบาทจะขายน้ำให้แก่ข้าพระบาทเพื่อเอาเงิน เพื่อข้าพระบาทจะได้ดื่ม ขอเพียงให้ข้าพระบาทผ่านไปตามทางของข้าพระบาทเท่านั้น

29 เหมือนกับบรรดาเชื้อสายของเอซาวผู้อาศัยอยู่ในเสอีร์ และเหมือนกับชาวโมอับผู้อาศัยอยู่ในเมืองอาร์ได้กระทำเพื่อข้าพระบาท จนกระทั่งข้าพระบาทข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงประทานให้แก่พวกเรา' 30 แต่กษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบนไม่ยอมปล่อยพวกเราให้ผ่านดินแดนของเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำให้ใจของเขาแข็งกระด้าง และทำให้หัวใจของเขาดื้อดึง เพื่อพระองค์จะปราบเขาให้พ่ายแพ้โดยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำแล้วในวันนี้

31 พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'ดูเถิด เราได้เริ่มมอบสิโหนและดินแดนของเขาให้แก่เจ้าแล้ว จงเริ่มต้นยึดครอง เพื่อว่าเจ้าจะได้ดินแดนของเขาเป็นกรรมสิทธิ์' 32 แล้วสิโหนจึงได้ออกมาต่อต้านพวกเรา เขาและประชาชนของเขาทั้งหมดมาต่อสู้ที่ยาฮาส

33 พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ทรงมอบเขาให้แก่พวกเรา และพวกเราได้ปราบเขาให้พ่ายแพ้ เราทำร้ายเขาจนถึงตาย ทั้งบรรดาบุตรชาย และประชาชนของเขาทั้งหมด 34 เรายึดครองเมืองทุกเมืองของเขาในเวลานั้น และทำลายทุกเมืองอย่างสิ้นซาก บรรดาผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กเล็ก ๆ เราไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต 35 มีเพียงฝูงสัตว์ที่เรายึดมาเป็นของพวกเราพร้อมกับของริบของเมืองต่างๆ ที่เราได้ยึดมา

36 จากอาโรเออร์ซึ่งตั้งอยู่บนริมลุ่มแม่น้ำอารโนน และจากเมืองที่อยู่ในลุ่มแม่น้ำนั้น ไปตามทางทุกทางจนถึงเมืองกิเลอาด ไม่มีเมืองใดที่สูงเกินไปสำหรับพวกเรา พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ประทานชัยชนะให้แก่พวกเราเหนือเหล่าศัตรูทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าพวกเรา 37 มีเพียงดินแดนที่เป็นของเชื้อสายของอัมโนนเท่านั้นที่พวกท่านไม่ได้ไป คือทุกฝั่งของแม่น้ำยับบอก และเมืองต่างๆ ในประเทศหุบเขานั้น ที่ใดๆ ก็ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ทรงห้ามไม่ให้พวกเราไป

3

1 แล้วพวกเราจึงได้หันกลับและขึ้นไปตามทางสู่บาชาน กษัตริย์โอกแห่งบาชานได้มาและโจมตีเรา เขาและประชาชนของเขาทั้งหมดมาต่อสู้ที่เอเดรอี 2 พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราได้มอบชัยชนะเหนือเขาให้แก่เจ้าแล้ว และได้วางประชาชนทั้งหมดและดินแดนของเขาภายใต้การควบคุมของเจ้าแล้ว พวกเจ้าจะกระทำต่อเขาเหมือนกับที่กระทำต่อกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ผู้อาศัยอยู่ที่เฮชโบน'

3 ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราจึงได้ทรงประทานชัยชนะเหนือกษัตริย์โอกแห่งบาชานให้แก่พวกเรา และประชาชนทั้งหมดของเขาถูกวางไว้ภายใต้การควบคุมของพวกเรา พวกเราต่อสู้พวกเขาจนกระทั่งไม่มีแม้แต่คนเดียวในท่ามกลางประชาชนของเขาที่หลงเหลืออยู่ 4 พวกเรายึดครองเมืองทั้งหมดของเขาในเวลานั้น ไม่มีแม้แต่เมืองเดียวที่เราไม่ได้ยึดครองมาจากพวกเขา จำนวนเมืองหกสิบเมือง คือ ทุกแคว้นของอารโกบ อาณาจักรของโอกในบาชาน 5 เหล่านี้คือเมืองป้อมทั้งหมดที่มีกำแพงสูง ประตูใหญ่ และดาลประตู นอกจากนี้คือหมู่บ้านจำนวนมากที่ไม่มีกำแพง

6 พวกเราได้ทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น เหมือนกับที่พวกเราได้กระทำต่อกษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบน ทำลายเมืองทุกเมืองอย่างสิ้นซาก ทั้งบรรดาชาย หญิง และเด็กเล็ก ๆ 7 แต่ฝูงสัตว์ทั้งหมดและของริบของเมืองต่าง ๆ พวกเราได้ยึดมาเป็นของพวกเรา 8 ในเวลานั้นพวกเราได้ยึดครองดินแดนจากมือของกษัตริย์ทั้งสองของคนอาโมไรต์ผู้อาศัยอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน จากแม่น้ำอารโนนไปจนถึงภูเขาเฮอร์โมน 9 (ภูเขาเฮอร์โมนนั้น ชาวไซดอนเรียกว่า สีรีออน และชาวอาโมไรต์เรียกว่า เสนีร์)

10 และทุกเมืองที่เป็นที่ราบ กิเลอาดทั้งหมด และบาชานทั้งหมด ตลอดทุกเส้นทางที่ไปถึงเมืองสาเลคาห์และเมืองเอเดรอี เมืองต่าง ๆ ของอาณาจักรของโอกในบาชาน" 11 (สำหรับส่วนที่เหลือของพวกเรฟาอิม มีเพียงกษัตริย์โอกแห่งบาชานเท่านั้นที่เหลือรอดอยู่ ดูเถิด ที่นอนของเขาเป็นเตียงเหล็ก มันไม่ได้อยู่ในรับบาห์ คือ สถานที่ที่เชื้อสายของอัมโมนอาศัยอยู่หรอกหรือ? เตียงนี้ยาว 9 ศอก กว้าง 4 ศอก นี่คือวิธีวัดขนาดของประชาชน) 12 "ดินแดนนี้ที่พวกเราได้ยึดมาเป็นกรรมสิทธิ์ในเวลานั้น จากอาโรเออร์ คือ ดินแดนที่อยู่ใกล้ลุ่มแม่น้ำอารโนน และครึ่งหนึ่งของประเทศหุบเขาในกิเลอาด และเมืองต่าง ๆ ของดินแดนนั้น เราได้มอบให้แก่เผ่ารูเบนและเผ่ากาด

13 ส่วนที่เหลือของกิเลอาด และบาชานทั้งหมด คืออาณาจักรของโอก ข้าพเจ้าได้มอบให้แก่เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือแคว้นทั้งหมดของอารโกบ และบาชานทั้งหมด (อาณาเขตเดียวกันนี้ได้ถูกเรียกว่าเป็นดินแดนของพวกเรฟาอิม 14 ยาอีร์ คือเชื้อสายหนึ่งของมนัสเสห์ ได้รับเอาแคว้นทั้งหมดของอารโกบ ไปจนถึงเขตแดนของชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ เขาเรียกชื่อแคว้นทั้งหมดแม้แต่บาชานตามชื่อของเขาเอง คือ ฮัฟโวท ยาอีร์ มาจนถึงวันนี้) 15 ข้าพเจ้าได้มอบกิเลอาดให้แก่มาคีร์

16 สำหรับเผ่ารูเบนและเผ่ากาด ข้าพเจ้าได้มอบอาณาเขตจากกิเลอาดไปจนถึงลุ่มแม่น้ำอารโนน คือ นับจากตอนกลางของแม่น้ำเป็นเขตแดนของอาณาเขต และไปจนถึงแม่น้ำยับบอกซึ่งเป็นเขตแดนของเชื้อสายอัมโมน 17 เขตแดนอีกส่วนหนึ่งเป็นที่ราบของแม่น้ำจอร์แดนเช่นกัน จากคินเนเรทไปจนถึงทะเลแห่งอาราบาห์ (คือทะเลเกลือ) ไปจนถึงทางลาดของภูเขาปิสกาห์ในทางทิศตะวันออก

18 ข้าพเจ้าได้บัญชาพวกท่านในเวลานั้นว่า 'พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงมอบดินแดนนี้ให้แก่พวกท่านเป็นกรรมสิทธิ์ พวกท่าน คือ บรรดาชายผู้เป็นนักรบทั้งหมด จะข้ามไปก่อนพี่น้องของพวกท่านคือประชาชนอิสราเอล 19 แต่ภรรยาของพวกท่าน ลูกๆ และฝูงสัตว์ของพวกท่าน (ข้าพเจ้ารู้ว่าพวกท่านมีฝูงสัตว์จำนวนมาก) จะยังคงอยู่ในเมืองต่าง ๆ ของพวกท่านที่ข้าพเจ้าได้มอบให้แก่พวกท่านนั้น 20 จนกว่าพระยาห์เวห์จะประทานการพักสงบให้แก่พี่น้องของพวกท่านเหมือนกับที่พระองค์ได้ประทานให้แก่พวกท่าน จนกระทั่งพวกเขายึดครองดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงมอบให้แก่พวกเขาคือดินแดนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนนั้น จากนั้นพวกท่านคือพวกผู้ชายทุกคนจะกลับมายังดินแดนที่ข้าพเจ้าได้มอบให้แก่พวกท่านแล้วนั้น'

21 ข้าพเจ้าได้บัญชาโยชูวาในเวลานั้น โดยกล่าวว่า 'สายตาของท่านได้มองเห็นทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงกระทำต่อกษัตริย์ทั้งสองเหล่านี้ พระยาห์เวห์จะทรงกระทำอย่างเดียวกันต่อทุกอาณาจักรที่ท่านเข้าไป 22 ท่านจะไม่กลัวพวกเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นผู้เดียวที่จะต่อสู้เพื่อท่าน' 23 ข้าพเจ้าทูลขอพระยาห์เวห์ในเวลานั้น โดยกล่าวว่า 24 'โอ พระเจ้าพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงเริ่มต้นสำแดงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์และถึงพระหัตถ์อันเข้มแข็งของพระองค์ จะมีพระใดที่อยู่ในฟ้าสวรรค์หรือในโลกนี้ที่สามารถกระทำพระราชกิจอย่างเดียวกันกับที่พระองค์ได้ทรงกระทำ และสามารถกระทำกิจอันทรงฤทธิ์ได้เหมือนพระองค์หรือ?

25 ข้าพระองค์ขอทูลวิงวอนพระองค์ ขอให้ข้าพระองค์ได้ข้ามไป และมองเห็นดินแดนอันประเสริฐที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน เห็นประเทศหุบเขาที่ดี และเห็นเลบานอนด้วยเถิด' 26 แต่พระยาห์เวห์ทรงพิโรธข้าพเจ้าเหตุเพราะพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงฟังเสียงข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 'ให้เรื่องนี้พอแล้วสำหรับเจ้า จงอย่าพูดกับเราด้วยเรื่องนี้อีกต่อไป

27 จงขึ้นไปบนยอดเขาปิสกาห์และเปิดตาของเจ้ามองไปทางทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก จงมองดูด้วยสายตาของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน 28 แต่จงสั่งสอนโยชูวา และหนุนใจ และเสริมกำลังเขา เพราะเขาจะข้ามนำหน้าไปก่อนประชาชนนี้ และเขาจะทำให้ประชาชนได้รับดินแดนที่เจ้าจะมองเห็นนั้นเป็นมรดก' 29 ดังนั้นพวกเราจึงยังคงอยู่ในหุบเขาฝั่งตรงข้ามกับเบธเปโอร์

4

1 บัดนี้ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังกฎบัญญัติและข้อบังคับที่ข้าพเจ้าจะสอนพวกท่าน จงปฏิบัติตามเพื่อพวกท่านจะมีชีวิตและเข้าไปยึดครองดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านจะทรงมอบให้แก่พวกท่าน 2 พวกท่านจะไม่เพิ่มเข้าไปในถ้อยคำใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้บัญชาแก่พวกท่าน และจะไม่ทำให้น้อยลง เพื่อว่าพวกท่านจะรักษาคำบัญชาต่างๆ ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่ข้าพเจ้าได้บัญชาพวกท่านนั้น 3 ดวงตาของพวกท่านได้มองเห็นสิ่งที่พระยาห์เวห์กระทำเนื่องจากพระบาอัลเปโอร์ ทุกคนที่ติดตามพระบาอัลเปโอร์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงทำลายพวกเขาไปจากท่ามกลางพวกท่านแล้ว

4 แต่พวกท่านผู้ยึดมั่นต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านก็มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ คือ พวกท่านทุกคน 5 ดูเถิด ข้าพเจ้าได้สอนกฎบัญญัติและข้อบังคับให้แก่พวกท่านตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าได้บัญชาแก่ข้าพเจ้า เพื่อพวกท่านจะกระทำตามในท่ามกลางดินแดนที่พวกท่านกำลังเข้าไปเพื่อยึดครองนั้น 6 ดังนั้นจงถือรักษาและกระทำตาม เพราะนี่คือสติปัญญาและความเข้าใจของพวกท่านในสายตาของประชาชนต่างๆ ผู้ที่จะได้ยินเกี่ยวกับกฎหมายทั้งหมดเหล่านี้โดยกล่าวว่า 'แน่ทีเดียวที่ชนชาติอันยิ่งใหญ่นี้คือประชาชนผู้มีสติปัญญาและความเข้าใจ'

7 เพราะมีชนชาติใหญ่อื่นใดที่มีพระเจ้าองค์หนึ่งที่อยู่ใกล้พวกเขา เหมือนดังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราที่พวกเราร้องทูลต่อพระองค์ได้ทุกเมื่ออย่างนั้นหรือ? 8 มีชนชาติใหญ่อื่นใดที่มีกฎบัญญัติและข้อบังคับอันชอบธรรมเหมือนกับกฎบัญญัติเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งไว้ตรงหน้าของพวกท่านในวันนี้อย่างนั้นหรือ? 9 เพียงแต่จงเอาใจใส่และปกป้องตัวของพวกท่านเอาไว้ให้ดี เพื่อว่าพวกท่านจะไม่หลงลืมสิ่งต่างๆ ที่ดวงตาของพวกท่านได้เห็นแล้ว เพื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่ออกไปจากหัวใจของพวกท่านไปจนตลอดวันเวลาแห่งชีวิตของพวกท่าน แต่จงทำให้บรรดาลูกและบรรดาหลานของพวกท่านได้รู้ถึงสิ่งเหล่านี้เถิด

10 ในวันนั้นที่พวกท่านได้ยืนต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่โฮเรบ เมื่อพระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'จงเรียกประชาชนมาชุมนุมต่อหน้าเรา และเราจะทำให้พวกเขาได้ยินบรรดาถ้อยคำของเรา เพื่อพวกเขาจะสามารถเรียนรู้ที่จะยำเกรงเราในทุกวันที่พวกเขามีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกนี้ และที่พวกเขาจะสอนให้แก่บรรดาลูกหลานของพวกเขา' 11 พวกท่านได้เข้ามาใกล้และยืนอยู่ที่เชิงเขา ภูเขานั้นมีไฟลุกโชติช่วงขึ้นไปถึงใจกลางของท้องฟ้า มีความมืดครึ้ม มีเมฆ และความมืดหนาแน่น 12 พระยาห์เวห์ตรัสกับพวกท่านออกมาจากกลางเพลิงนั้น พวกท่านได้ยินเสียงพร้อมกับบรรดาถ้อยคำ แต่พวกท่านไม่ได้เห็นรูปพรรณสัณฐาน พวกท่านเพียงแค่ได้ยินเสียงเท่านั้น

13 พระองค์ได้ทรงประกาศต่อพวกท่านถึงพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงบัญชาพวกท่านให้ปฏิบัติ คือ บัญญัติสิบประการ พระองค์ทรงเขียนบัญญัติเหล่านั้นบนศิลาสองแผ่น 14 พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาข้าพเจ้าในเวลานั้น เพื่อสอนกฎหมายและกฎบัญญัติให้แก่พวกท่านได้กระทำตามในดินแดนที่พวกท่านกำลังข้ามไปเพื่อยึดครอง 15 ดังนั้นจงเอาใจใส่ตัวของพวกท่านให้ดี เพราะพวกท่านไม่ได้เห็นรูปพรรณสัณฐานในวันนั้นที่พระยาห์เวห์ตรัสออกมาจากกลางเพลิงนั้นที่โฮเรบ

16 พวกท่านอย่าทำตัวเองให้เสื่อมเสีย และสร้างรูปแกะสลักที่เป็นเหมือนกับสิ่งทรงสร้างใด ๆ รูปปั้นที่เป็นชายหรือหญิง 17 หรือรูปเหมือนของสัตว์ชนิดใด ๆ ที่อยู่บนแผ่นดินโลก หรือรูปเหมือนของนกมีปีกที่บินในท้องฟ้า 18 หรือรูปเหมือนของสิ่งใด ๆ ที่เลื้อยคลานไปบนดิน หรือรูปเหมือนของปลาใด ๆ ที่อยู่ในน้ำใต้แผ่นดินโลก

19 พวกท่านอย่าเปิดดวงตาของพวกท่านมองขึ้นไปที่ท้องฟ้า และมองที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือดวงดาวต่าง ๆ คือบริวารทั้งหมดของท้องฟ้า และถูกชักนำให้นมัสการสิ่งเหล่านั้นและบูชาสิ่งเหล่านั้น คือ สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ประทานให้เป็นการแบ่งสรรแก่ประชาชนทุกคนภายใต้ท้องฟ้าทั้งหมด 20 แต่พระยาห์เวห์ได้ยึดท่านและนำท่านออกมาจากเตาเหล็ก คือออกจากอียิปต์ เพื่อเป็นประชาชนที่เป็นมรดกของพระองค์เองอย่างที่พวกท่านเป็นในทุกวันนี้

21 พระยาห์เวห์ทรงพิโรธข้าพเจ้าเหตุเพราะพวกท่าน พระองค์ทรงสัญญาว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน และที่ข้าพเจ้าไม่สมควรเข้าไปในดินแดนอันประเสริฐ คือดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังจะมอบให้แก่พวกท่านเป็นกรรมสิทธิ์นั้น 22 แต่ข้าพเจ้าต้องตายในดินแดนนี้ ข้าพเจ้าต้องไม่ข้ามแม่น้ำจอร์แดน แต่พวกท่านจะข้ามไปและยึดครองดินแดนอันประเสริฐนั้น 23 จงระวังตัวของพวกท่านให้ดี เพื่อพวกท่านจะไม่หลงลืมพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่พระองค์ได้ทรงกระทำกับพวกท่าน และสร้างรูปแกะสลักที่เป็นรูปทรงใด ๆ เพื่อตัวของพวกท่านเองดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงห้ามไม่ให้พวกท่านกระทำนั้น 24 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญและเป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน

25 เมื่อพวกท่านให้กำเนิดบรรดาลูกและหลานทั้งหลาย และเมื่อพวกท่านจะอาศัยอยู่ในดินแดนนั้นเป็นเวลานาน และถ้าพวกท่านจะทำตัวเองให้เสื่อมเสีย และสร้างรูปแกะสลักเป็นรูปทรงของสิ่งใด ๆ และทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ซึ่งเป็นการยั่วยุให้พระองค์ทรงพิโรธ 26 ข้าพเจ้าอันเชิญท้องฟ้าและแผ่นดินโลกให้เป็นพยานเพื่อต่อต้านพวกท่านในวันนี้ ที่ไม่ช้านานพวกท่านจะพินาศอย่างสิ้นเชิงจากดินแดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น พวกท่านจะไม่ได้ยืดเวลาของพวกท่านให้ยาวนาน แต่พวกท่านจะถูกทำลายอย่างสิ้นซาก 27 พระยาห์เวห์จะทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปท่ามกลางประชาชนทั้งหลาย และพวกท่านจะเหลือเพียงจำนวนน้อยในท่ามกลางบรรดาประชาชาติที่พระยาห์เวห์จะทรงนำท่านให้จากไปนั้น

28 ที่นั่นพวกท่านจะปรนนิบัติบรรดาพระอื่น การงานแห่งน้ำมือของมนุษย์ คือไม้และหิน ที่มองไม่เห็น ไม่ได้ยิน รับประทานไม่ได้ หรือดมกลิ่นไม่ได้ 29 แต่จากที่นั่นพวกท่านจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และพวกท่านจะพบพระองค์ เมื่อพวกท่านเสาะหาพระองค์ด้วยสุดใจของพวกท่าน และด้วยสุดจิตของพวกท่าน 30 เมื่อพวกท่านอยู่ในความเศร้าโศก และเมื่อสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งหมดมาเหนือพวกท่าน ในวันเหล่านั้นต่อมาพวกท่านจะหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และฟังเสียงของพระองค์

31 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระเมตตา พระองค์จะไม่ทรงทำให้พวกท่านผิดหวังหรือทรงทำลายพวกท่าน หรือทรงลืมพันธสัญญาของบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านที่พระองค์ได้ทรงสัญญาเอาไว้กับพวกเขา 32 บัดนี้จงถามถึงวันเหล่านั้นในอดีต คือวันที่อยู่ก่อนพวกท่าน นับจากวันนั้นที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์บนแผ่นดินโลกนี้ และจากฟากฟ้าหนึ่งไปจนถึงอีกฟากฟ้าหนึ่ง จงถามว่าเคยมีสิ่งใดเหมือนกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้บ้างหรือ? หรือมีสิ่งใดที่เคยได้ยินมาอย่างนี้บ้างหรือ?

33 เคยมีคนได้ยินเสียงของพระเจ้าที่ตรัสออกมาจากกลางเพลิงอย่างที่พวกท่านได้ยินและยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ไหม? 34 หรือเคยมีพระเจ้าองค์ใดที่ได้พยายามไปและนำชนชาติหนึ่งมาเพื่อพระองค์เองจากท่ามกลางอีกชนชาติหนึ่งด้วยการลองใจ ด้วยหมายสำคัญ ด้วยการอัศจรรย์ ด้วยสงคราม ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และด้วยพระกรที่เหยียดออก และด้วยเหตุที่น่ากลัวยิ่งนัก ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงกระทำเพื่อพวกท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาพวกท่านอย่างนั้นหรือ?

35 สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทรงสำแดงแก่พวกท่าน เพื่อพวกท่านจะรู้ว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า และนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใดเลย 36 จากท้องฟ้า พระองค์ได้ทรงกระทำให้พวกท่านได้ยินเสียงของพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงสั่งสอนพวกท่าน บนแผ่นดินโลก พระองค์ได้ทรงกระทำให้พวกท่านเห็นเพลิงอันยิ่งใหญ่ พวกท่านได้ยินถ้อยคำของพระองค์ออกมาจากท่ามกลางเพลิงนั้น 37 เพราะพระองค์ทรงรักบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน พระองค์ทรงเลือกเชื้อสายที่ตามมาของพวกเขา และนำพวกท่านออกมาจากอียิปต์พร้อมกับการทรงสถิตของพระองค์ พร้อมกับฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 38 เพื่อขับไล่ชนชาติทั้งหลายที่ยิ่งใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่าออกไปต่อหน้าต่อตาของพวกท่าน เพื่อนำพวกท่านเข้ามาและเพื่อมอบดินแดนของพวกท่านให้เป็นกรรมสิทธิ์อย่างเช่นในทุกวันนี้

39 ดังนั้นในวันนี้จงรู้เถิด และฝังสิ่งนี้เอาไว้ในหัวใจของพวกท่าน ว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าในฟ้าเบื้องบนและบนแผ่นดินโลกเบื้องล่าง ไม่มีผู้ใดอีกแล้ว 40 พวกท่านจะรักษาบรรดากฎหมายของพระองค์และพระบัญชาทั้งหลายของพระองค์ที่ข้าพเจ้าได้บัญชาพวกท่านในวันนี้ เพื่อพวกท่านจะไปดีมาดีและพร้อมทั้งบรรดาบุตรหลานที่มาภายหลังพวกท่านด้วย และเพื่อวันเวลาของพวกท่านจะยืนยาวในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานให้แก่พวกท่านเป็นนิตย์"

41 แล้วโมเสสจึงได้เลือกเมืองสามเมืองทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 42 เพื่อคนจะหลบหนีไปที่เมืองใดเมืองหนึ่งในเมืองเหล่านี้ ถ้าหากเขาได้ฆ่าคนโดยไม่เจตนา โดยไม่ได้เป็นศัตรูกันมาก่อน โดยการหนีไปที่เมืองใดเมืองหนึ่งเหล่านี้ เขาจะรอดชีวิต 43 เมืองเหล่านี้คือ เมืองเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดาร คือประเทศบนที่ราบ สำหรับเผ่ารูเบน เมืองราโมทในกิเลอาด สำหรับเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชาน สำหรับเผ่ามนัสเสห์

44 นี่คือกฎบัญญัติที่โมเสสได้วางไว้ต่อหน้าประชาชนอิสราเอล 45 เหล่านี้คือกฎหมายที่เป็นพันธสัญญา กฎบัญญัติต่าง ๆ และกฎหมายอื่น ๆ ที่โมเสสได้กล่าวต่อประชาชนอิสราเอลเมื่อพวกเขาออกมาจากอียิปต์ 46 เมื่อพวกเขาอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ในหุบเขาตรงกันข้ามกับเบธเปโอร์ ในดินแดนของสิโหนผู้เป็นกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ผู้อาศัยอยู่ที่เฮชโบน คือผู้ที่โมเสสและประชาชนอิสราเอลได้ปราบให้พ่ายแพ้เมื่อพวกเขาออกมาจากอียิปต์

47 พวกเขายึดดินแดนของสิโหนเป็นกรรมสิทธิ์ และดินแดนของโอกผู้เป็นกษัตริย์แห่งบาชาน เหล่านี้คือกษัตริย์ทั้งสองของคนอาโมไรต์ผู้อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนไปทางทิศตะวันออก 48 อาณาเขตนี้นับจากอาโรเออร์ไปถึงสุดขอบลุ่มแม่น้ำอารโนน ไปจนถึงภูเขาสีรีออน (หรือภูเขาเฮอร์โมน) 49 และรวมถึงที่ราบทั้งหมดของแม่น้ำจอร์แดน ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนไปจนถึงทะเลแห่งอาราบาห์ ไปถึงเนินลาดของปิสกาห์

5

1 โมเสสได้เรียกชาวอิสราเอลทั้งหมดและกล่าวแก่พวกเขาว่า 'อิสราเอลเอ๋ย จงฟังกฎบัญญัติและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ข้าพเจ้าจะกล่าวให้พวกท่านได้ยินในวันนี้ เพื่อพวกท่านจะเรียนรู้และถือรักษาเอาไว้ 2 พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ทรงกระทำพันธสัญญาต่อพวกเราที่โฮเรบ 3 พระยาห์เวห์มิได้ทรงกระทำพันธสัญญานี้กับบรรดาบรรพบุรุษของพวกเรา แต่ทรงกระทำกับพวกเรา พวกเราทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ในทุกวันนี้ 4 พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่พวกท่านหน้าต่อหน้าที่บนภูเขาออกมาจากกลางเพลิงนั้น

5 (ข้าพเจ้าได้ยืนอยู่ระหว่างพระยาห์เวห์กับพวกท่านในเวลานั้น เพื่อเปิดเผยถ้อยคำของพระองค์ให้แก่พวกท่าน เพราะพวกท่านหวาดกลัวเนื่องจากเพลิงนั้น และพวกท่านไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา) พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่า 6 'เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า ผู้นำพวกเจ้าออกมาจากดินแดนอียิปต์ ออกมาจากครัวเรือนของทาส 7 พวกเจ้าจะไม่มีพระอื่นใดต่อหน้าเรา 8 พวกเจ้าจะไม่ทำรูปสลักสำหรับตัวเองหรือรูปเหมือนของสิ่งใด ๆ ที่อยู่บนฟ้าเบื้องบน หรือที่อยู่บนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือที่อยู่ในใต้น้ำนั้น

9 พวกเจ้าจะไม่ก้มกราบลงหรือปรนนิบัติสิ่งเหล่านั้น เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน เราลงโทษความชั่วช้าของบรรดาบรรพบุรุษนั้นโดยการนำการลงโทษมาเหนือบรรดาบุตรหลาน คือ ชั่วอายุที่สามและสี่ของบรรดาคนที่เกลียดชังเรา 10 และสำแดงความสัตย์ซื่อตามพันธสัญญาต่อหลายพันชั่วอายุ ต่อบรรดาคนเหล่านั้นที่รักเราและถือรักษาพระบัญชาทั้งหลายของเรา 11 พวกเจ้าจะไม่ยกพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าอย่างไม่สมควร เพราะพระยาห์เวห์จะไม่ปล่อยคนที่ยกพระนามของพระยาห์เวห์อย่างไม่สมควรให้ไร้ความผิด

12 จงรักษาวันสะบาโตให้เป็นวันบริสุทธิ์ ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าได้บัญชาพวกเจ้า 13 พวกเจ้าจะลงแรงหรือทำงานทั้งหมดของพวกเจ้าในหกวัน 14 แต่ในวันที่เจ็ดคือวันสะบาโตจงถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า ในวันนั้นพวกเจ้าจะไม่ทำการงานใด ๆ ไม่ว่าตัวเจ้า หรือบุตรชายของพวกเจ้า หรือบุตรสาวของพวกเจ้า หรือทาสชายของพวกเจ้า หรือทาสหญิงของพวกเจ้า หรือวัวผู้ของพวกเจ้า หรือลาของพวกเจ้า หรือฝูงสัตว์ใด ๆ ของพวกเจ้า หรือคนต่างชาติคนใดก็ตามที่อาศัยอยู่ในรั้วประตูของพวกเจ้า สิ่งนี้เพื่อให้คนรับใช้ชายและคนรับใช้หญิงของพวกเจ้าได้พักผ่อนเหมือนกับพวกเจ้าด้วย

15 พวกเจ้าจะระลึกถึงว่าพวกเจ้าได้เป็นทาสในดินแดนอียิปต์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าได้ทรงนำพวกเจ้าออกมาจากที่นั่นโดยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และโดยพระกรที่เหยียดออก ด้วยเหตุนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าจึงได้ทรงบัญชาให้พวกเจ้าถือรักษาวันสะบาโต 16 จงให้เกียรติแก่บิดาของพวกเจ้าและแก่มารดาของพวกเจ้า ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าได้ทรงบัญชาให้พวกเจ้ากระทำนั้น เพื่อพวกเจ้าจะมีชีวิตยืนยาวในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าประทานให้แก่พวกเจ้า และเพื่อพวกเจ้าจะไปดีมาดี

17 พวกเจ้าจะไม่ฆ่าคน 18 พวกเจ้าจะไม่ล่วงประเวณี 19 พวกเจ้าจะไม่ลักขโมย 20 พวกเจ้าจะไม่ให้คำพยานเท็จต่อต้านเพื่อนบ้านของพวกเจ้า 21 พวกเจ้าจะไม่อยากได้ภรรยาของเพื่อนบ้าน พวกเจ้าจะไม่อยากได้บ้านของเพื่อนบ้าน ทุ่งนาของเขา หรือทาสชายของเขา หรือทาสหญิงของเขา วัวผู้ของเขา หรือลาของเขา หรือสิ่งใด ๆ ที่เป็นของเพื่อนบ้านของพวกเจ้า'

22 ถ้อยคำเหล่านี้ พระยาห์เวห์ได้ตรัสด้วยพระสุรเสียงอันดังต่อที่ชุมนุมชนทั้งหมดของพวกท่านบนภูเขาออกมาจากกลางเพลิง จากก้อนเมฆ และจากความมืดทึบ พระองค์ไม่ได้ทรงเพิ่มเติมถ้อยคำใด ๆ อีก พระองค์ทรงจารึกถ้อยคำเหล่านั้นบนศิลาสองแผ่นและได้ประทานให้แก่ข้าพเจ้า 23 ต่อมาเมื่อพวกท่านได้ยินพระสุรเสียงตรัสออกมาจากท่ามกลางความมืดในขณะที่ภูเขานั้นกำลังลุกไหม้ ซึ่งพวกท่านได้เข้ามาใกล้ข้าพเจ้า คือ บรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดของพวกท่านและบรรดาหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ ของพวกท่าน

24 พวกท่านกล่าวว่า 'ดูเถิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ทรงสำแดงพระสิริของพระองค์และความยิ่งใหญ่ของพระองค์แก่พวกเรา และพวกเราได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ออกมาจากกลางเพลิง ในวันนี้พวกเราได้เห็นแล้วว่าเมื่อพระเจ้าตรัสกับประชากร พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ 25 แต่ทำไมพวกเราจึงสมควรตาย? เพราะเพลิงอันยิ่งใหญ่นี้จะเผาผลาญพวกเรา ถ้าพวกเราได้ยินพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรานานกว่านี้ เราจะตายแน่ 26 เพราะนอกเหนือจากพวกเรา มีใครหรือในท่ามกลางมนุษย์ทั้งหมดที่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ตรัสออกมาจากกลางเพลิงและยังได้มีชีวิตอยู่เหมือนอย่างพวกเราหรือ?

27 สำหรับท่านนั้น ท่านควรไปและฟังทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราตรัส ขอทบทวนทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตรัสกับท่านให้แก่พวกเรา พวกเราจะฟังและกระทำตาม' 28 พระยาห์เวห์ทรงได้ยินถ้อยคำต่าง ๆ ของพวกท่านเมื่อพวกท่านได้กล่าวแก่ข้าพเจ้า พระองค์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 'เราได้ยินถ้อยคำต่าง ๆ ของประชาชนนี้ สิ่งที่พวกเขากล่าวนั้นดี

29 โอ ซึ่งมีหัวใจเช่นนี้ในพวกเขา ที่พวกเขาจะให้เกียรติแก่เราและรักษาคำบัญชาทั้งสิ้นของเราเสมอ เพื่อพวกเขาและบรรดาบุตรหลานของพวกเขาจะไปดีมาดีเป็นนิตย์ 30 จงไปพูดกับพวกเขาว่า "จงกลับไปยังเต็นท์ของพวกเจ้าเถิด"

31 แต่สำหรับเจ้า จงยืนอยู่ที่นี่กับเรา และเราจะบอกเจ้าถึงคำบัญชาทั้งสิ้น พระบัญญัติและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เจ้าจะสอนพวกเขา เพื่อพวกเขาจะถือรักษาในดินแดนที่เราจะมอบให้แก่พวกเขาเป็นกรรมสิทธิ์' 32 ด้วยเหตุนี้ พวกท่านจะถือรักษาสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงบัญชาแก่พวกท่าน พวกท่านจะไม่หันเหไปทางขวาหรือหันเหไปทางซ้าย 33 พวกท่านจะเดินในทุกทางที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงบัญชาแก่พวกท่าน เพื่อว่าพวกท่านจะมีชีวิตอยู่ และเพื่อพวกท่านจะไปดีมาดี และเพื่อพวกท่านจะมีวันเวลาที่ยืนยาวในดินแดนที่พวกท่านจะได้เป็นกรรมสิทธิ์นั้น

6

1 ดังนั้น เหล่านี้คือพระบัญชา กฎบัญญัติ และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงบัญชาข้าพเจ้าให้สอนพวกท่าน เพื่อว่าพวกท่านจะถือรักษาไว้ในดินแดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเพื่อยึดครองนั้น 2 เพื่อว่าพวกท่านจะให้เกียรติต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เมื่อพวกท่านถือรักษากฎบัญญัติและพระบัญชาทั้งสิ้นของพระองค์ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาให้แก่พวกท่าน คือพวกท่าน บรรดาบุตรชายของพวกท่าน และบรรดาบุตรหลานของพวกท่าน ตลอดทุกวันในชีวิตของพวกท่าน เพื่อวันเวลาของพวกท่านจะยืนยาว

3 ด้วยเหตุนี้ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังถ้อยคำเหล่านี้และถือรักษาเอาไว้เพื่อว่าพวกท่านจะไปดีมาดี เพื่อว่าพวกท่านจะทวีคูณอย่างมากมายในดินแดนที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลล้น ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านได้ทรงสัญญาแก่พวกท่านว่าจะทรงกระทำ 4 อิสราเอลเอ๋ยจงฟังเถิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงเป็นพระเจ้าเดียว 5 พวกท่านจะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยสิ้นสุดหัวใจของพวกท่าน ด้วยสิ้นสุดจิตของพวกท่าน และด้วยสิ้นสุดกำลังของพวกท่าน

6 ถ้อยคำทั้งหลายที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ จะอยู่ในหัวใจของพวกท่าน 7 และพวกท่านจะหมั่นเพียรสอนถ้อยคำเหล่านี้ให้แก่บรรดาบุตรหลานของพวกท่าน พวกท่านจะพูดถึงถ้อยคำเหล่านี้เมื่อพวกท่านนั่งอยู่ในบ้านของพวกท่าน เมื่อพวกท่านเดินไปบนถนน เมื่อพวกท่านนอนลง และเมื่อพวกท่านลุกขึ้น 8 พวกท่านจะผูกถ้อยคำเหล่านี้เป็นดั่งเครื่องหมายอยู่บนมือของพวกท่าน และพวกท่านจะคาดไว้ที่หน้าผากระหว่างดวงตาของพวกท่าน 9 พวกท่านจะเขียนถ้อยคำเหล่านี้เอาไว้บนวงกบประตูบ้านของพวกท่านและบนประตูรั้วของพวกท่าน

10 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงนำพวกท่านเข้าไปในดินแดนที่พระองค์ได้ทรงสัญญาเอาไว้ต่อบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน คือต่ออับราฮัม ต่ออิสอัค และต่อยาโคบ ที่พระองค์จะประทานให้แก่พวกท่าน พร้อมกับเมืองต่าง ๆ ที่กว้างใหญ่และดียิ่งนักซึ่งพวกท่านไม่ได้สร้าง 11 และบรรดาบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ดีทุกอย่างซึ่งพวกท่านไม่ได้กระทำ บ่อน้ำต่าง ๆ ที่พวกท่านไม่ได้ขุด และบรรดาสวนองุ่นกับต้นมะกอกที่พวกท่านไม่ได้ปลูก พวกท่านจะรับประทานและอิ่มหนำ

12 ดังนั้นจงเอาใจใส่ให้ดี เพื่อว่าพวกท่านจะไม่หลงลืมพระยาห์เวห์ ผู้ทรงได้นำพวกท่านออกจากดินแดนอียิปต์ ออกจากเรือนทาส 13 พวกท่านจะให้เกียรติต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านจะนมัสการพระองค์ และพวกท่านจะปฏิญาณโดยพระนามของพระองค์ 14 พวกท่านจะไม่ติดตามพระอื่น ๆ บรรดาพระทั้งหลายของประชาชนที่อยู่ล้อมรอบพวกท่าน

15 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่อยู่ท่ามกลางพวกท่านนั้นทรงเป็นพระเจ้าที่หวงแหน ถ้าหากพวกท่านกระทำ พระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะพลุ่งขึ้นเพื่อโจมตีพวกท่าน และพระองค์จะทำลายพวกท่านจากผืนแผ่นดินโลก 16 พวกท่านจะไม่ทดสอบพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเหมือนที่พวกท่านได้ทดสอบพระองค์ที่มัสสาห์ 17 พวกท่านจะเคร่งครัดในการถือรักษาพระบัญชาต่าง ๆ ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระบัญชาเกี่ยวเนื่องด้วยพิธีต่าง ๆ ของพระองค์ และกฎบัญญัติของพระองค์ ที่พระองค์ได้ทรงบัญชาพวกท่านเอาไว้

18 พวกท่านจะทำสิ่งที่ถูกต้องและดีงามในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เพื่อพวกท่านจะไปดีมาดี และเพื่อพวกท่านจะเข้าไปและยึดครองดินแดนอันประเสริฐที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาเอาไว้กับบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน 19 เพื่อขับไล่บรรดาศัตรูทั้งหมดของพวกท่านที่อยู่ต่อหน้าพวกท่าน ดังที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสไว้นั้น

20 เมื่อบุตรชายของพวกท่านถามพวกท่านในเวลาที่จะมาถึง กล่าวว่า 'อะไรคือกฎเกณฑ์ กฎบัญญัติต่าง ๆ ตามพันธสัญญา และกฎเกณฑ์อื่น ๆ ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ทรงบัญชาแก่พวกท่าน?' 21 แล้วพวกท่านจะพูดกับบุตรชายของพวกท่านว่า 'เราได้เคยตกเป็นทาสของฟาโรห์ในอียิปต์ พระยาห์เวห์ได้ทรงนำพวกเราออกจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ 22 และพระองค์ได้ทรงกระทำหมายสำคัญและการอัศจรร์ย์ต่าง ๆ ทรงกระทำกิจอันยิ่งใหญ่และรุนแรง เหนืออียิปต์ เหนือฟาโรห์ และเหนือครัวเรือนทั้งหมดของเขาต่อหน้าต่อตาของพวกเรา

23 และพระองค์ได้ทรงนำพวกเราออกจากที่นั่น เพื่อว่าพระองค์จะทรงนำพวกเราเข้าไปในดินแดนที่พระองค์ได้ทรงสัญญาเอาไว้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเราว่าจะทรงมอบให้แก่พวกเรา 24 พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาพวกเราให้ถือรักษากฎบัญญัติทั้งสิ้นเหล่านี้เสมอ ให้ยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราเพื่อผลดีของพวกเราเอง เพื่อพระองค์จะทรงรักษาพวกเราให้มีชีวิตดังที่พวกเราเป็นอยู่ในทุกวันนี้ 25 ถ้าหากพวกเราถือรักษาพระบัญชาทั้งสิ้นเหล่านี้ต่อพระพักตร์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ตามที่พระองค์ได้ทรงบัญชาเอาไว้แก่พวกเรานั้น สิ่งนี้จะเป็นความชอบธรรมของพวกเรา'

7

1 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงนำพวกท่านเข้ามาในดินแดนที่พวกท่านได้เป็นกรรมสิทธิ์นั้น พระองค์จะทรงขับไล่ชนชาติทั้งหลายที่อยู่ต่อหน้าพวกท่าน คือชาวฮิตไทต์ ชาวเกอร์กาชี ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี และชาวเยบุส ชนชาติเจ็ดชนชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่าพวกท่าน 2 คือ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นผู้ประทานชนชาติเหล่านั้นให้แก่พวกท่านเมื่อพวกท่านรบชนะพวกเขา และพวกท่านต้องทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก พวกท่านจะไม่ทำพันธสัญญาใด ๆ กับพวกเขา และไม่สำแดงความเมตตาต่อพวกเขาเลย

3 พวกท่านอย่าได้ทำการสมรสใด ๆ กับพวกเขา พวกท่านจะไม่มอบบรรดาบุตรหญิงของพวกท่านให้แก่บรรดาบุตรชายของพวกเขา และพวกท่านจะไม่นำบรรดาบุตรหญิงของพวกเขามาให้แก่บรรดาบุตรชายของพวกท่าน 4 เพราะพวกเขาจะทำให้บรรดาบุตรชายของพวกท่านหันเหไปจากการติดตามเรา เพื่อพวกเขาจะนมัสการพระอื่น แล้วพระพิโรธของพระยาห์เวห์จะพลุ่งขึ้นโจมตีพวกท่าน และพระองค์จะทรงทำลายพวกท่านอย่างรวดเร็ว 5 นี่คือวิธีการที่พวกท่านจะจัดการกับพวกเขา พวกท่านจะทำลายแท่นบูชาพวกเขา ทุบบรรดาเสาหินของพวกเขาจนแหลกเป็นชิ้น โค่นเสาอาเชราห์ลง และเผาบรรดารูปเคารพของพวกเขาเสีย

6 เพราะพวกท่านเป็นชนชาติหนึ่งที่ได้รับการแยกเอาไว้เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระองค์ได้ทรงเลือกพวกท่านให้เป็นประชาชาติที่พระองค์ทรงครอบครอง ยิ่งกว่าประชาชาติอื่นทั้งหมดที่อยู่บนผืนแผ่นดินโลกนี้ 7 พระยาห์เวห์มิได้ทรงตั้งความรักของพระองค์เหนือพวกท่านหรือทรงเลือกพวกท่านเพราะพวกท่านมีจำนวนมากกว่าประชาชาติใดๆ 8 แต่เพราะพวกท่านเป็นประชาชาติที่มีจำนวนน้อยที่สุด แต่เพราะพระองค์ทรงรักพวกท่าน และพระองค์ทรงปรารถนาที่จะรักษาคำสัญญาที่พระองค์ได้ทรงกระทำเอาไว้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน นี่จึงเป็นสาเหตุที่พระยาห์เวห์ได้ทรงนำพวกท่านออกมาด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และได้ทรงไถ่พวกท่านออกจากเรือนทาส จากพระหัตถ์ของฟาโรห์ กษัตริย์แห่งอียิปต์

9 ด้วยเหตุนี้ จงรู้จักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อ ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความสัตย์ซื่อไปจนเป็นพันชั่วอายุสำหรับผู้ที่รักพระองค์และรักษาพระบัญชาทั้งหลายของพระองค์ 10 แต่ทรงตอบสนองต่อบรรดาคนเหล่านั้นที่เกลียดชังพระองค์ต่อหน้าของพวกเขา ทรงทำลายพวกเขา พระองค์จะไม่ทรงปราณีต่อคนใดที่เกลียดชังพระองค์ พระองค์จะทรงตอบสนองเขาต่อหน้าเขาเอง

11 ด้วยเหตุนี้ พวกท่านจะถือรักษาพระบัญชา กฎบัญญัติ และกฎเกณฑ์ทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้บัญชาพวกท่านในวันนี้ เพื่อพวกท่านจะกระทำตามถ้อยคำเหล่านี้ 12 ถ้าหากพวกท่านฟังกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ และถือรักษาและกระทำตาม สิ่งนี้จะเกิดขึ้นแน่นอนคือพระยาห์เวห์จะทรงรักษาพันธสัญญาและความสัตย์ซื่อที่พระองค์ได้ทรงสัญญาเอาไว้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน 13 พระองค์จะทรงรักพวกท่าน ทรงอวยพรพวกท่าน และทรงให้พวกท่านมีจำนวนทวีคูณ พระองค์ทรงอวยพรผลจากร่างกายของพวกท่าน และผลจากผืนดินของพวกท่าน พืชผลของพวกท่าน เหล้าองุ่นใหม่ของพวกท่าน และน้ำมันของพวกท่าน ทรงเพิ่มพูนฝูงสัตว์และบรรดาลูกอ่อนของฝูงสัตว์ของพวกท่าน ในดินแดนที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านว่าจะประทานให้แก่พวกท่านนั้น

14 พวกท่านจะได้รับการอวยพรมากยิ่งกว่าประชาชาติอื่น ๆ ทั้งหมด จะไม่มีผู้ชายที่เป็นหมันหรือผู้หญิงที่เป็นหมันท่ามกลางพวกท่านหรือท่ามกลางฝูงสัตว์ของพวกท่าน 15 พระยาห์เวห์จะกำจัดโรคภัยทั้งหมดออกไปจากพวกท่าน จะไม่มีโรคร้ายของอียิปต์ที่พวกท่านได้รู้จักที่พระองค์จะทำให้เกิดขึ้นกับพวกท่าน แต่พระองค์จะทรงทำให้เกิดขึ้นกับบรรดาคนเหล่านั้นที่เกลียดชังพวกท่าน 16 พวกท่านจะทำลายประชาชาติทั้งหมดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานชัยชนะให้แก่พวกท่าน และนัยน์ตาของพวกท่านจะไม่มีความสงสารต่อพวกเขา พวกท่านจะไม่นมัสการพระต่าง ๆ ของพวกเขา เพราะนั้นจะเป็นกับดักสำหรับพวกท่าน

17 ถ้าพวกท่านกล่าวในใจของพวกท่านว่า 'ชนชาติต่าง ๆ เหล่านี้มีจำนวนมากกว่าเรา แล้วเราจะขับไล่พวกเขาไปได้อย่างไร?' 18 อย่ากลัวพวกเขาเลย พวกท่านจะระลึกถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงกระทำแล้วต่อฟาโรห์และต่ออียิปต์ทั้งหมด 19 การทนทุกข์ครั้งใหญ่ที่นัยน์ตาของพวกท่านได้เห็น หมายสำคัญ การอัศจรรย์ต่าง ๆ พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และพระกรที่เหยียดออกที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงนำพวกท่านออกมา พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงกระทำอย่างเดียวกันต่อบรรดาชนชาติทั้งหมดที่พวกท่านกลัว

20 ยิ่งไปกว่านั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงส่งฝูงต่อมาท่ามกลางพวกเขา จนกว่าบรรดาคนเหล่านั้นที่หลงเหลือและซ่อนตัวอยู่จากพวกท่านจะถูกทำลายให้หมดไปต่อหน้าของพวกท่าน 21 พวกท่านจะไม่หวาดกลัวพวกเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงอยู่ท่ามกลางพวกท่าน พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม

22 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงขับไล่ชนชาติต่าง ๆ เหล่านั้นต่อหน้าพวกท่านทีละน้อย พวกท่านจะไม่ได้รบชนะพวกเขาในครั้งเดียว หรือสัตว์ป่าทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบพวกท่านจะเพิ่มมากขึ้น 23 แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะประทานชัยชนะเหนือพวกเขาเมื่อพวกท่านประจันหน้าพวกเขาในสงคราม พระองค์จะทรงทำให้พวกเขาสับสนอย่างมากจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลาย 24 พระองค์จะทรงทำให้บรรดากษัตริย์ของพวกเขาตกอยู่ภายใต้อำนาจของพวกท่าน และพวกท่านจะกำจัดชื่อของพวกเขาออกไปเสียจากภายใต้ฟ้า ไม่มีสักคนเดียวที่จะสามารถยืนหยัดต่อหน้าพวกท่าน จนกว่าพวกท่านได้ทำลายพวกเขาจนหมด

25 พวกท่านจะเผารูปแกะสลักพระต่าง ๆ ของพวกเขา อย่าโลภเงินหรือทองที่ห่อหุ้มรูปเหล่านั้นและนำมาเป็นของพวกท่าน เพราะถ้าหากพวกท่านทำอย่างนั้น พวกท่านจะติดกับดักของมัน เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 26 พวกท่านจะไม่นำสิ่งที่น่ารังเกียจใด ๆ เข้ามาในบ้านของพวกท่านและเริ่มต้นนมัสการสิ่งนั้น พวกท่านจะรังเกียจและชิงชังสิ่งนั้นที่สุด เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกแยกเอาไว้เพื่อการทำลาย

8

1 พวกท่านต้องถือรักษาพระบัญชาทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้ากำลังมอบให้แก่พวกท่านในวันนี้ เพื่อว่าพวกท่านจะมีชีวิตและทวีคูณขึ้น และเข้าไปเพื่อยึดครองดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาต่อบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน 2 พวกท่านจะระลึกถึงวิถีทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงนำพวกท่านช่วงสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดารนั้น เพื่อว่าพระองค์จะทำให้พวกท่านถ่อมใจลง เพื่อพระองค์จะทรงทดสอบพวกท่านให้รู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของพวกท่าน ว่าพวกท่านจะถือรักษาพระบัญชาทั้งหลายของพระองค์หรือไม่

3 พระองค์ได้ทรงทำให้พวกท่านถ่อมใจลง และทำให้พวกท่านหิว และทรงเลี้ยงดูพวกท่านด้วยมานา คือสิ่งที่พวกท่านไม่เคยรู้จักและบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านก็ไม่เคยรู้จัก พระองค์ทำเช่นนั้นเพื่อให้พวกท่านรู้ว่าไม่ใช่แค่เพียงขนมปังเท่านั้นที่ทำให้ประชาชนมีชีวิตอยู่ แต่โดยทุกสิ่งที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ที่ทำให้ประชาชนมีชีวิตอยู่ 4 เสื้อผ้าของพวกท่านก็ไม่ชำรุดหรือขาดวิ่น และเท้าของพวกท่านก็ไม่บวมในช่วงระหว่างสี่สิบปีเหล่านั้น 5 พวกท่านจะคิดถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกท่าน เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งอบรมสั่งสอนบุตรชายของตน ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านก็จะทรงอบรมสั่งสอนพวกท่าน 6 พวกท่านจะถือรักษาพระบัญชาต่าง ๆ ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อว่าพวกท่านจะเดินในทางของพระองค์และถวายพระเกียรติแด่พระองค์

7 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังทรงนำพวกท่านให้เข้าไปในดินแดนอันประเสริฐ ดินแดนที่มีธารน้ำ น้ำพุ และแหล่งน้ำ ไหลออกมาและไปยังหุบเขาต่างๆ และไปท่ามกลางเนินเขาต่าง ๆ 8 ดินแดนที่เต็มไปด้วยข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ เถาองุ่น ต้นมะเดื่อ และทับทิม ดินแดนที่เต็มไปด้วยต้นมะกอกและน้ำผึ้ง 9 คือดินแดนที่พวกท่านจะรับประทานขนมปังได้อย่างไม่ขาด และเป็นที่ที่พวกท่านจะไม่ไปโดยสูญเปล่า ดินแดนที่มีหินต่าง ๆ ที่ทำจากเหล็ก และพวกท่านจะขุดทองแดงได้จากเนินเขาต่าง ๆ 10 พวกท่านจะรับประทานและอิ่มหนำ และพวกท่านจะสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านสำหรับดินแดนอันประเสริฐที่พระองค์ได้ประทานให้แก่พวกท่าน

11 จงเอาใจใส่เพื่อพวกท่านจะไม่หลงลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และเพื่อพวกท่านจะไม่เพิกเฉยต่อพระบัญชาของพระองค์ พระบัญญัติของพระองค์ และกฎหมายของพระองค์ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ 12 มิเช่นนั้น เมื่อพวกท่านรับประทานและอิ่มหนำ และเมื่อพวกท่านสร้างบ้านที่ดีและอาศัยอยู่ในนั้น จิตใจของพวกท่านจะถูกทำให้ลำพองขึ้น 13 จงระวังให้ดี เมื่อฝูงสัตว์ทั้งหลายของพวกท่านทวีจำนวนเพิ่มขึ้น และเมื่อเงินและทองคำของพวกท่านเพิ่มพูนขึ้น และทุกสิ่งที่พวกท่านมีนั้นเพิ่มทวียิ่งขึ้น 14 แล้วจิตใจของพวกท่านจะลำพองและพวกท่านจะหลงลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ผู้ทรงนำพวกท่านออกมาจากดินแดนอียิปต์ ออกมาจากเรือนทาสนั้น

15 อย่าหลงลืมพระองค์ผู้ได้ทรงนำพวกท่านผ่านถิ่นทุรกันดารอันกว้างใหญ่น่ากลัว ที่มีอสรพิษร้ายแรงและแมงป่องทั้งหลาย และผืนดินที่แห้งแล้งไม่มีน้ำ ผู้ที่ได้ทรงทำให้น้ำออกมาจากหินเหล็กไฟนั้น 16 พระองค์ได้ทรงเลี้ยงดูพวกท่านในถิ่นทุรกันดารด้วยมานาที่บรรดาบรรพบุรุษพวกท่านไม่เคยรู้จัก เพื่อว่าพระองค์จะทำให้พวกท่านถ่อมใจและทดสอบพวกท่าน เพื่อทำให้พวกท่านดีในบั้นปลาย 17 แต่พวกท่านอาจกล่าวในใจของพวกท่านว่า 'อำนาจของเราและกำลังแห่งมือของเราที่ทำให้เราได้ความมั่งคั่งทั้งหมดนี้'

18 แต่พวกท่านจะระลึกถึงพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพราะพระองค์เป็นผู้ประทานอำนาจแก่พวกท่านเพื่อพวกท่านจะมั่งคั่ง เพื่อพระองค์จะทรงสถาปนาพันธสัญญาของพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงสัญญาต่อบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน ดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ 19 สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น ถ้าหากพวกท่านจะหลงลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและเดินตามพระอื่น ๆ นมัสการพระเหล่านั้น และบูชาพระเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอเป็นพยานต่อต้านพวกท่านในวันนี้ว่าพวกท่านจะได้รับการลงโทษอย่างแน่นอน 20 เหมือนกับชนชาติทั้งหลายที่พระยาห์เวห์จะทรงลงโทษต่อหน้าต่อตาพวกท่าน ดังนั้นจะทรงลงโทษพวกท่าน เพราะพวกท่านไม่ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน

9

1 อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด พวกท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนในวันนี้ เพื่อเข้าไปขับไล่ชนชาติต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่าพวกท่าน และยึดเมืองทั้งหลายที่ยิ่งใหญ่และมีป้อมสูงถึงท้องฟ้า 2 ผู้คนที่ตัวใหญ่และสูง บรรดาบุตรชายทั้งหลายของคนอานาค ผู้ที่พวกท่านรู้จัก และผู้ที่พวกท่านได้ยินประชาชนพูดกันว่า 'ใครหรือที่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าบรรดาบุตรชายของคนอานาคได้?'

3 ดังนั้นในวันนี้จงรู้เถิดว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านคือพระองค์ผู้ทรงไปข้างหน้าพวกท่านเหมือนกับเพลิงที่เผาผลาญ พระองค์จะทรงทำลายพวกเขา และพระองค์จะทรงปราบพวกเขาต่อหน้าพวกท่าน เพื่อพวกท่านจะขับไล่พวกเขาออกไปและทำให้พวกเขาพินาศไปอย่างรวดเร็ว เหมือนที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับพวกท่าน 4 อย่ากล่าวในใจของพวกท่าน หลังจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าพวกท่านว่า 'เป็นเพราะความชอบธรรมของเราที่พระยาห์เวห์ได้ทรงนำเราเข้ามายึดครองดินแดนนี้' เป็นเพราะความชั่วช้าของชนชาติต่างๆ เหล่านี้ที่พระยาห์เวห์ทรงกำลังขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าพวกท่าน 5 ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมของพวกท่านหรือความเที่ยงตรงในใจของพวกท่านที่พวกท่านจะเข้าไปยึดครองดินแดนของพวกเขานั้น แต่เป็นเพราะความชั่วช้าของชนชาติต่างๆ เหล่านี้ที่พระเจ้าของพวกท่านจะขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าพวกท่าน และเพื่อว่าพระองค์จะทำให้ถ้อยคำของพระองค์เป็นจริงดังที่พระองค์ได้ทรงสัญญาต่อบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน คือต่ออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ

6 ดังนั้นจงรู้เถิดว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านมิได้ทรงประทานดินแดนอันประเสริฐนี้ให้แก่พวกท่านยึดครองเพราะความชอบธรรมของพวกท่าน เพราะพวกท่านเป็นประชาชนที่หัวแข็ง 7 จงระลึกถึงและอย่าหลงลืมว่าพวกท่านได้ยั่วยุให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านพิโรธในถิ่นทุรกันดารมาแล้วอย่างไร จากวันที่พวกท่านได้ออกจากอียิปต์จวบจนพวกท่านมาถึงสถานที่แห่งนี้ พวกท่านได้กบฎต่อพระยาห์เวห์ 8 เช่นเดียวกันที่โฮเรบ พวกท่านยั่วยุให้พระยาห์เวห์พิโรธมากพอที่จะทำให้พระองค์ทรงทำลายพวกท่านได้ 9 เมื่อข้าพเจ้าได้ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรับแผ่นศิลา คือแผ่นศิลาแห่งพันธสัญญาที่พระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำไว้กับพวกท่าน ข้าพเจ้าได้อยู่บนภูเขาเป็นเวลาสี่สิบวันและสี่สิบคืน ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานขนมปังหรือดื่มน้ำเลย

10 พระยาห์เวห์ได้ประทานแผ่นศิลาสองแผ่นให้แก่ข้าพเจ้าซึ่งถูกเขียนโดยพระหัตถ์ของพระองค์ บนศิลาเหล่านั้น ทุกสิ่งได้ถูกจารึกเอาไว้เหมือนกับถ้อยคำทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้ทรงประกาศให้แก่พวกท่านจากกลางเพลิงที่บนภูเขาในวันที่ชุมนุมกันนั้น 11 สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นในวันสุดท้ายของสี่สิบวันสี่สิบคืนที่พระยาห์เวห์ได้ประทานศิลาสองแผ่นนั้นให้แก่ข้าพเจ้า คือศิลาแห่งพันธสัญญา 12 พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'จงลุกขึ้น รีบลงไปจากที่นี่ เพราะประชาชนของเจ้า ผู้ที่เจ้าได้นำออกมาจากอียิปต์ ได้ทำให้ตัวของพวกเขาเสื่อมเสียแล้ว พวกเขาได้หันออกจากวิถีที่เราได้บัญชาพวกเขาอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้สร้างรูปหล่อสำหรับตัวพวกเขาเองแล้ว'

13 นอกจากนี้ พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'เราได้เห็นประชาชนนี้ พวกเขาเป็นประชาชนที่หัวแข็ง 14 จงปล่อยเราเถิด เพื่อเราจะทำลายพวกเขาและลบชื่อของพวกเขาออกจากภายใต้ฟ้า และเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่กว่าพวกเขา' 15 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงหันกลับและลงมาจากภูเขานั้น และภูเขานั้นกำลังเผาไหม้ แผ่นศิลาแห่งพันธสัญญาทั้งสองแผ่นได้อยู่ในมือของข้าพเจ้า 16 ข้าพเจ้าได้มองดู และดูเถิด พวกท่านได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านได้หล่อรูปลูกโคสำหรับตนเอง พวกท่านได้หันออกจากวิถีที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาพวกท่านอย่างรวดเร็ว

17 ข้าพเจ้าได้นำแผ่นศิลาทั้งสองมาและทุ่มลงจากมือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทำลายแผ่นศิลาเหล่านั้นต่อหน้าต่อตาของพวกท่าน 18 อีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ซบหน้าลงต่อพระยาห์เวห์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานขนมปังหรือดื่มน้ำเลย เพราะความบาปทั้งหมดของพวกท่านที่พวกท่านได้กระทำ ในการทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นการยั่วยุให้พระองค์ทรงพิโรธ 19 เพราะข้าพเจ้ากลัวพระพิโรธและความเดือดดาลที่พระยาห์เวห์ได้พิโรธมากพอที่จะต่อสู้กับพวกท่านเพื่อทำลายพวกท่าน แต่พระยาห์เวห์ได้ทรงฟังข้าพเจ้าในเวลานั้นด้วย 20 พระยาห์เวห์ได้ทรงมีพระพิโรธอย่างมากต่ออาโรนจนถึงกับจะทำลายเขา ข้าพเจ้าได้อธิษฐานเพื่ออาโรนในเวลานั้นด้วยเช่นกัน

21 ข้าพเจ้าได้นำความบาปของพวกท่าน รูปหล่อลูกโคที่พวกท่านได้สร้างขึ้นมา และเผามัน ทุบมันจนแหลก และบดขยี้จนเป็นผง จนมันเป็นเหมือนกับผงฝุ่น ข้าพเจ้าโปรยมันลงไปในลำธารน้ำที่ไหลมาจากภูเขา 22 ที่ทาเบราห์ ที่มัสสาห์ และที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์ พวกท่านได้ยั่วยุให้พระยาห์เวห์ทรงพิโรธ 23 เมื่อพระยาห์เวห์ได้ทรงส่งพวกท่านจากคารเดชบารเนียและตรัสว่า 'จงขึ้นไปและยึดครองดินแดนที่เราได้ประทานให้แก่พวกเจ้า' แล้วพวกท่านก็ได้กบฎต่อพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และพวกท่านไม่ได้เชื่อหรือฟังพระสุรเสียงของพระองค์ 24 พวกท่านได้กบฎต่อพระยาห์เวห์นับจากวันนั้นที่ข้าพเจ้าได้รู้จักพวกท่าน

25 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้ซบหน้าลงต่อพระยาห์เวห์ในช่วงสี่สิบวันสี่สิบคืนเหล่านั้น เพราะพระองค์ได้ตรัสว่าพระองค์จะทรงทำลายพวกท่าน 26 ข้าพเจ้าได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ทูลว่า 'โอ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ ขอทรงอย่าได้ทำลายประชาชนของพระองค์หรือมรดกของพระองค์ผู้ที่พระองค์ได้ทรงไถ่โดยความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ที่พระองค์ได้ทรงนำออกมาจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์

27 ขอทรงระลึกถึงบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ขออย่าทอดพระเนตรที่ความดื้อดึงของประชาชนเหล่านี้ หรือที่ความชั่วร้ายของพวกเขา หรือที่ความบาปของพวกเขา 28 เพื่อว่าดินแดนจากที่ข้าพเจ้าได้นำพวกเรามานั้นจะกล่าวได้ว่า "เพราะพระยาห์เวห์ไม่ทรงสามารถนำพวกเขาเข้าไปในดินแดนที่พระองค์ได้ทรงสัญญาต่อพวกเขา และเพราะพระองค์ทรงเกลียดพวกเขา พระองค์จึงได้ทรงนำพวกเขาออกมาเพื่อประหารพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร" 29 แต่พวกเขายังคงเป็นประชาชนของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ผู้ที่พระองค์ได้ทรงนำออกมาโดยพระกำลังอันเข้มแข็งและโดยการสำแดงถึงฤทธิ์อำนาจของพระองค์นั้น'

10

1 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 'จงสกัดศิลาสองแผ่นเหมือนกับครั้งแรก และจงขึ้นมาหาเราบนภูเขา และจงทำหีบไม้ใบหนึ่ง 2 เราจะเขียนถ้อยคำต่าง ๆ บนศิลาเช่นเดียวกับที่ได้เขียนบนศิลาสองแผ่นแรกที่เจ้าได้ทำลายไปแล้ว และเจ้าจงนำศิลาทั้งสองแผ่นใส่ไว้ในหีบนั้น' 3 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้ทำหีบจากไม้กระถินเทศขึ้นมาใบหนึ่ง และข้าพเจ้าได้สกัดศิลาสองแผ่นเหมือนกับครั้งแรก และข้าพเจ้าได้ขึ้นไปบนภูเขา โดยมีศิลาทั้งสองแผ่นอยู่ในมือของข้าพเจ้า

4 พระองค์ได้ทรงเขียนบนศิลาเหล่านั้น เหมือนกับที่ได้ทรงเขียนในครั้งแรก คือพระบัญญัติสิบประการที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าออกมาจากกลางเพลิงที่บนภูเขาในวันแห่งการชุมนุมกันนั้น แล้วพระยาห์เวห์จึงได้ประทานศิลาเหล่านั้นแก่ข้าพเจ้า 5 ข้าพเจ้าได้หันกลับและลงมาจากภูเขา และใส่แผ่นศิลาทั้งสองแผ่นในหีบที่ข้าพเจ้าได้ทำขึ้นมา ศิลาทั้งสองแผ่นก็อยู่ที่นั่น ตามที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาข้าพเจ้า" 6 (ประชาชนอิสราเอลได้เดินทางจากเบเอโรทเบเนยาอะคันไปยังโมเสราห์ อาโรนได้เสียชีวิตที่นั่น และเขาได้ถูกฝังที่นั่น เอเลอาซาร์ บุตรชายของเขาจึงได้ปรนนิบัติในตำแหน่งปุโรหิตแทนเขา

7 จากที่นั่น พวกเขาได้เดินทางไปที่กุดโกดาห์ และจากกุดโกดาห์ไปยังโยทบาธาห์ ดินแดนแห่งธารน้ำ 8 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์ได้ทรงเลือกเผ่าเลวีให้เป็นผู้แบกหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ เพื่อยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพื่อปรนนิบัติพระองค์ และเพื่ออวยพรประชาชนในพระนามของพระองค์ เหมือนเช่นทุกวันนี้ 9 ด้วยเหตุนี้คนเลวีจึงไม่มีทรัพย์สมบัติหรือมรดกของดินแดนนั้นร่วมกันกับพวกพี่น้องของเขา พระยาห์เวห์ทรงเป็นมรดกของเขา เหมือนดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ตรัสต่อเขา)

10 "ข้าพเจ้าได้อยู่บนภูเขาเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืนเหมือนอย่างครั้งแรก พระยาห์เวห์ได้ทรงฟังข้าพเจ้าในเวลานั้นด้วยเช่นกัน พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงปรารถนาที่จะทำลายพวกท่าน 11 พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'จงลุกขึ้น นำหน้าประชาชน นำพวกเขาไปในการเดินทางของพวกเขา พวกเขาจะเข้าไปและยึดครองดินแดนที่เราได้สัญญาเอาไว้กับบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขาเพื่อประทานให้แก่พวกเขา'

12 บัดนี้ อิสราเอลเอ๋ย พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านไม่ได้ทรงต้องการสิ่งใดจากพวกท่าน นอกจากความยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อดำเนินในวิถีทั้งสิ้นของพระองค์ เพื่อรักพระองค์ และเพื่อนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยสิ้นสุดใจของพวกท่านและด้วยสิ้นสุดจิตของพวกท่าน 13 เพื่อรักษาพระบัญชาของพระยาห์เวห์ และกฎบัญญัติของพระองค์ ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้เพื่อผลดีของพวกท่านเองไม่ใช่หรือ? 14 ดูเถิด เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านผู้ทรงเป็นเจ้าของท้องฟ้าและสวรรค์สูงสุด แผ่นดินโลก พร้อมทุกสิ่งที่อยู่ในสิ่งเหล่านั้น 15 เพียงแต่พระยาห์เวห์ได้ทรงพอพระทัยบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านและทรงรักพวกเขา และพระองค์ทรงเลือกพวกท่าน คือเชื้อสายของพวกเขา สืบทอดจากพวกเขา มากยิ่งกว่าประชาชนอื่นใด ดังที่พระองค์ทรงกระทำในวันนี้

16 ด้วยเหตุนี้ จงเข้าสุหนัตในหัวใจของพวกท่าน และอย่าหัวแข็งอีกต่อไป 17 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเหนือพระใด ๆ และทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือเจ้านายใด ๆ ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงฤทธิ์และน่าเกรงขาม ผู้มิได้ทรงเห็นแก่ผู้ใดและมิได้ทรงรับอามิสสินจ้าง 18 พระองค์ทรงดำเนินอย่างยุติธรรมเพื่อผู้ที่กำพร้าพ่อและหญิงม่าย และพระองค์ทรงสำแดงความรักต่อคนต่างชาติโดยการประทานอาหารและเสื้อผ้าให้แก่เขา

19 ด้วยเหตุนี้ จงรักคนต่างชาติ เพราะพวกท่านเป็นคนต่างชาติในดินแดนอียิปต์ 20 พวกท่านจะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านจะนมัสการพระองค์ ท่านต้องผูกพันอยู่กับพระองค์ และสาบานโดยพระนามของพระองค์ 21 พระองค์คือคำสรรเสริญของพวกท่าน และพระองค์คือพระเจ้าของพวกท่าน ผู้ได้ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสิ่งที่น่าเกรงขามเหล่านี้ให้กับพวกท่าน ตามที่ดวงตาของพวกท่านได้มองเห็นนั้น 22 บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านได้ลงไปที่อียิปต์เพียงเจ็ดสิบคน บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงกระทำให้พวกท่านมีจำนวนมากมายดุจดวงดาวในท้องฟ้า

11

1 ด้วยเหตุนี้ พวกท่านจะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและรักษาคำสั่งสอนของพระองค์ กฎบัญญัติของพระองค์ กฎหมายของพระองค์ และพระบัญชาของพระองค์เสมอ 2 จงสังเกตเถิดว่าข้าพเจ้าไม่ได้กำลังกล่าวกับลูกหลานของพวกท่านผู้ที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นการลงโทษของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ไม่เคยเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ หรือพระกรที่เหยียดออกของพระองค์ 3 หมายสำคัญและการกระทำต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำในท่ามกลางอียิปต์ต่อฟาโรห์ กษัตริย์ของอียิปต์ และต่อดินแดนทั้งหมดของเขา

4 พวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อกองทัพของอียิปต์ ต่อกองทหารม้าของพวกเขา ต่อบรรดารถม้าของพวกเขา การที่พระองค์ได้ทรงทำให้น้ำในทะเลแดงท่วมจมพวกเขาในขณะที่พวกเขาไล่ตามพวกท่าน และการที่พระยาห์เวห์ได้ทรงทำลายพวกเขาจนถึงทุกวันนี้ 5 หรือสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำเพื่อพวกท่านในถิ่นทุรกันดารจนกระทั่งพวกท่านได้มาถึงสถานที่แห่งนี้ 6 พวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำต่อดาธานและอาบีรัม บรรดาบุตรชายของเอลีอับแห่งเผ่ารูเบน การที่แผ่นดินโลกอ้าปากของมันและกลืนพวกเขาลงไป ครัวเรือนของพวกเขา เต็นท์ของพวกเขา และทุกสิ่งที่มีชีวิตที่ติดตามพวกเขา ในท่ามกลางอิสราเอลทั้งหมด

7 แต่ดวงตาของพวกท่านได้เห็นพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดของพระยาห์เวห์ที่พระองค์ได้ทรงกระทำ 8 ด้วยเหตุนี้จงถือรักษาพระบัญชาทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ เพื่อพวกท่านจะเข้มแข็ง และเข้าไปยึดครองดินแดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามไปเพื่อยึดครองนั้น 9 และเพื่อพวกท่านจะทำให้วันเวลาของพวกท่านยืนยาวตามที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญากับบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านว่าจะประทานให้แก่พวกเขา และแก่เชื้อสายของพวกเขา คือดินแดนที่ไหลล้นด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง

10 เพราะดินแดนนั้นที่พวกท่านจะเข้าไปเพื่อยึดครองนั้น ไม่เหมือนกับดินแดนของอียิปต์ที่พวกท่านได้จากมา ที่พวกท่านได้หว่านเมล็ดพันธุ์ของพวกท่านและรดน้ำด้วยเท้าของพวกท่าน เป็นเหมือนสวนพืชพันธุ์ต่างๆ 11 แต่ดินแดนนั้นที่พวกท่านจะข้ามไปเพื่อยึดครองนั้น เป็นดินแดนแห่งเนินเขาและหุบเขาต่างๆ และดื่มน้ำที่เป็นน้ำฝนจากท้องฟ้า 12 ดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเอาใจใส่ พระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเฝ้าอยู่เหนือดินแดนนั้นเสมอ จากวันเริ่มต้นของปีไปจนวันสุดท้ายของปี

13 มันจะเกิดขึ้น ถ้าพวกท่านจะฟังด้วยความหมั่นเพียรต่อพระบัญชาต่าง ๆ ของพระเจ้าที่ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่านในวันนี้ เพื่อรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและเพื่อปรนนิบัติพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจของพวกท่านและด้วยสิ้นสุดจิตของพวกท่าน 14 เพื่อพระองค์จะประทานน้ำฝนในดินแดนของพวกท่านตามฤดูกาลของมัน ฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู เพื่อพวกท่านจะเก็บรวบรวมพืชผลของพวกท่าน เหล้าองุ่นใหม่ของพวกท่าน และน้ำมันของพวกท่าน 15 พระองค์จะประทานต้นหญ้าในท้องทุ่งของพวกท่านสำหรับฝูงสัตว์ และพวกท่านจะรับประทานและอิ่มหนำ

16 จงเอาใจใส่ตัวของพวกท่านเพื่อว่าหัวใจของพวกท่านจะไม่ถูกหลอกลวง และทำให้พวกท่านหันออกไปและนมัสการพระอื่น ๆ และก้มกราบต่อพระเหล่านั้น 17 เพื่อว่าพระพิโรธของพระยาห์เวห์จะไม่พลุ่งขึ้นต่อสู้พวกท่าน และเพื่อพระองค์จะไม่ปิดท้องฟ้าเพื่อไม่ให้มีฝน และแผ่นดินนั้นจะไม่ผลิตผล และพวกท่านจะถูกทำลายอย่างรวดเร็วจากดินแดนอันประเสริฐที่พระยาห์เวห์ทรงประทานให้แก่พวกท่าน

18 ด้วยเหตุนี้จงจดจำถ้อยคำเหล่านี้ในใจของพวกท่านและในจิตของพวกท่าน ผูกเอาไว้เป็นเหมือนเครื่องหมายที่มือของพวกท่าน และคาดเอาไว้ที่ระหว่างดวงตาของพวกท่าน 19 พวกท่านจะสอนถ้อยคำเหล่านี้ให้แก่ลูกหลานของพวกท่าน และพูดถึงถ้อยคำเหล่านี้เมื่อพวกท่านนั่งในบ้านของพวกท่าน เมื่อพวกท่านเดินไปตามถนน เมื่อพวกท่านนอนลง และเมื่อพวกท่านลุกขึ้น 20 พวกท่านจะเขียนถ้อยคำเหล่านี้เอาไว้บนวงกบประตูบ้านของพวกท่านและที่ประตูเมืองของพวกท่าน 21 เพื่อวันเวลาของพวกท่านและวันเวลาของลูกหลานของพวกท่านจะทวีเพิ่มขึ้นในดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาแก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านว่าจะประทานให้พวกเขานานตราบที่ท้องฟ้ายังอยู่เหนือแผ่นดินโลก

22 เพราะถ้าพวกท่านหมั่นเพียรในการถือรักษาพระบัญชาทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่าน ดังที่พวกท่านกระทำตามพระบัญชาเหล่านั้น เพื่อรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และเพื่อผูกพันอยู่กับพระองค์ 23 แล้วพระยาห์เวห์จะทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมดออกไปจากพวกท่าน และพวกท่านจะขับไล่ชนชาติต่างๆ ที่ใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่าพวกท่านออกไป 24 ทุกสถานที่ที่ฝ่าเท้าของพวกท่านเหยียบย่ำจะเป็นของพวกท่าน จากถิ่นทุรกันดารเลบานอน จากแม่น้ำ คือแม่น้ำยูเฟรติส ไปจนถึงทะเลตะวันตกจะเป็นเขตแดนของพวกท่าน 25 ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะสามารถยืนต่อหน้าพวกท่านได้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะวางความเกรงกลัวต่อพวกท่านและความครั่นคร้ามต่อพวกท่านเหนือดินแดนทั้งหมดที่พวกท่านเหยียบย่ำ ดังที่พระองค์ได้ตรัสแก่พวกท่านแล้วนั้น

26 ดูเถิด ข้าพเจ้าตั้งพระพรและคำแช่งสาปต่อหน้าพวกท่านในวันนี้ 27 พระพรจะเป็นของพวกท่าน ถ้าหากพวกท่านเชื่อฟังพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่านในวันนี้ 28 และคำแช่งสาปจะเป็นของพวกท่าน ถ้าหากพวกท่านไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านในวันนี้ เพื่อไปติดตามพระอื่นๆ ที่พวกท่านไม่รู้จัก 29 สิ่งนี้จะเกิดขึ้น เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านนำพวกท่านเข้าสู่ดินแดนที่พวกท่านเข้าไปยึดครอง เพื่อพวกท่านจะตั้งพระพรเอาไว้บนภูเขาเกริซิม และคำแช่งสาปบนภูเขาเอบาล

30 พวกเขาไม่ได้ข้ามฟากแม่น้ำจอร์แดน ทางตะวันตกของถนนทิศตะวันตก ในดินแดนของคนคานาอันผู้อาศัยอยู่ในอาราบาห์ ตรงข้ามกิลกาล ด้านข้างต้น โอ๊คแห่งโมเรห์หรือ? 31 เพราะพวกท่านต้องข้ามแม่น้ำจอร์แดนเพื่อเข้าไปยึดครองดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่าน และพวกท่านจะยึดครองดินแดนนั้นและอาศัยอยู่ในนั้น 32 พวกท่านจะถือรักษากฎบัญญัติทั้งสิ้นและกฎหมายต่างๆ ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งไว้ต่อหน้าพวกท่านวันนี้

12

1 เหล่านี้คือกฎบัญญัติและกฎหมายต่างๆ ที่พวกท่านจะถือรักษาไว้ในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านได้ประทานให้แก่พวกท่านยึดครอง ตลอดวันเวลาที่พวกท่านมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ 2 แน่นอนที่พวกท่านจะต้องทำลายสถานที่ทุกแห่งที่ชนชาติต่างๆ ที่พวกท่านจะยึดครองนั้นได้นมัสการพระต่างๆ ของพวกเขา บนภูเขาสูงต่างๆ บนเนินเขาทั้งหลาย และใต้ต้นไม้สีเขียวทุกต้น

3 พวกท่านต้องทำลายแท่นบูชาต่างๆ ของพวกเขา จงทุบเสาหินของพวกเขาให้แหลกเป็นชิ้น และเผาเสาอาเชราห์ของพวกเขา พวกท่านต้องโค่นรูปแกะสลักพระต่างๆ ของพวกเขาและลบชื่อพระเหล่านั้นออกจากสถานที่นั้น 4 พวกท่านไม่นมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านแบบนั้น 5 แต่จงไปยังสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะเลือกออกมาจากเผ่าต่างๆ ทั้งหมดของพวกท่านเพื่อสถาปนาพระนามของพระองค์ ที่นั่นจะเป็นสถานที่ที่พระองค์ประทับอยู่ และเป็นสถานที่ที่พวกท่านจะไป

6 ที่นั่นคือสถานที่ที่พวกท่านจะนำเครื่องเผาบูชาของพวกท่านมาถวาย เครื่องบูชาของพวกท่าน ทศางค์ของพวกท่าน และของถวายต่างๆ ที่นำมาโดยมือของพวกท่าน ของถวายแก้บนต่างๆ ของพวกท่าน ของถวายตามสมัครใจของพวกท่าน และผลแรกของฝูงสัตว์ต่างๆ ของพวกท่าน 7 ที่นั่นพวกท่านจะรับประทานต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและร่าเริงเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พวกท่านได้ลงมือกระทำ พวกท่านและครัวเรือนของพวกท่าน คือสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงอวยพรพวกท่าน

8 พวกท่านจะไม่ทำสิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่พวกเรากำลังทำในวันนี้ บัดนี้ทุกคนกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของตัวเอง 9 เพราะพวกท่านยังไม่ได้มาถึงการพักสงบ มาถึงมรดกที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่าน 10 แต่เมื่อพวกท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนและอาศัยอยู่ในดินแดนนั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังทำให้พวกท่านได้เป็นมรดก และเมื่อพระองค์ประทานให้พวกท่านพักสงบจากบรรดาศัตรูทั้งหมดที่อยู่ล้อมรอบ เพื่อพวกท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย

11 แล้วสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพื่อในสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะเลือกเพื่อทำให้พระนามของพระองค์ดำรงอยู่ ที่นั่นพวกท่านจะนำทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่าน คือ เครื่องเผาบูชาของพวกท่าน เครื่องบูชาของพวกท่าน ทศางค์ของพวกท่าน และของถวายที่นำมาโดยมือของพวกท่าน และทุกสิ่งที่เป็นของถวายแก้บนที่พวกท่านได้สาบานกับพระยาห์เวห์เอาไว้นั้น 12 พวกท่านจะชื่นชมยินดีต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ทั้งบรรดาบุตรชายของพวกท่าน บรรดาบุตรหญิงของพวกท่าน บรรดาคนรับใช้ชายของพวกท่าน บรรดาคนรับใช้หญิงของพวกท่าน และบรรดาคนเลวีผู้ที่อยู่ในประตูเมืองของพวกท่าน เพราะเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งหรือมรดกในท่ามกลางพวกท่าน

13 จงเอาใจใส่ตัวของพวกท่านให้ดี เพื่อพวกท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาของพวกท่านในทุกสถานที่ที่พวกท่านมองเห็น 14 แต่คือสถานที่ที่พระยาห์เวห์จะทรงเลือกออกมาจากเผ่าหนึ่งในท่ามกลางเผ่าต่างๆ ของพวกท่านที่พวกท่านจะถวายเครื่องเผาบูชา และที่นั่นพวกท่านจะทำทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าบัญชาแก่พวกท่าน 15 อย่างไรก็ตาม พวกท่านอาจฆ่าและรับประทานสัตว์ต่างๆ ภายในประตูเมืองของพวกท่าน ตามที่พวกท่านปรารถนาได้ จงรับพระพรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ได้ประทานให้แก่พวกท่าน ทั้งคนที่ไม่สะอาดและสะอาดจะรับประทานสิ่งนั้น คือสัตว์ต่างๆ เช่น ละมั่งและกวาง 16 แต่พวกท่านจะไม่รับประทานเลือด พวกท่านจะเทเลือดลงบนแผ่นดินเหมือนเทน้ำ

17 พวกท่านจะไม่รับประทานภายในประตูเมืองของพวกท่านจากทศางค์ของพืชผลของพวกท่าน เหล้าองุ่นใหม่ของพวกท่าน น้ำมันของพวกท่าน หรือผลแรกของฝูงสัตว์ต่างๆ ของพวกท่าน และพวกท่านจะไม่รับประทานเนื้อที่เป็นเครื่องบูชาที่ถวายแก้บนที่พวกท่านได้สาบานเอาไว้ หรือไม่รับประทานของถวายตามสมัครใจ หรือไม่รับประทานของถวายที่พวกท่านนำมาด้วยมือของพวกท่าน 18 แทนที่จะทำอย่างนั้น พวกท่านจะรับประทานทั้งหมดนั้นต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านในสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงเลือก พวกท่าน บุตรชายของพวกท่าน บุตรหญิงของพวกท่าน คนรับใช้ชายของพวกท่าน คนรับใช้หญิงของพวกท่าน และคนเลวีผู้ที่อยู่ในประตูเมืองของพวกท่าน พวกท่านจะชื่นชมยินดีต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พวกท่านได้วางมือของพวกท่านนั้น

19 จงระวังตัวของพวกท่านให้ดี เพื่อพวกท่านจะไม่ทอดทิ้งคนเลวีนานตราบเท่าที่พวกท่านมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินของพวกท่าน 20 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะขยายเขตแดนของพวกท่านตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาแก่พวกท่าน และพวกท่านพูดว่า 'เราจะรับประทานเนื้อสด' เพราะความปรารถนาของพวกท่านที่จะรับประทานเนื้อ พวกท่านอาจกินเนื้อได้ตามที่ใจของพวกท่านปรารถนา 21 ถ้าสถานที่แห่งนั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเลือกเพื่อสถาปนาพระนามของพระองค์อยู่ห่างไกลเกินไปจากพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจะฆ่าสัตว์ส่วนหนึ่งจากฝูงสัตว์ของพวกท่านที่พระยาห์เวห์ได้ประทานให้แก่พวกท่าน ตามที่ข้าพเจ้าได้บัญชาพวกท่าน พวกท่านอาจรับประทานภายในประตูเมืองของพวกท่านตามที่ใจของพวกท่านปรารถนาได้

22 เช่นการรับประทานละมั่งและกวางนั้น ดังนั้นพวกท่านจะรับประทานสิ่งนั้น คนที่ไม่สะอาดและคนที่สะอาดจะรับประทานสิ่งนั้นได้เหมือนกัน 23 ขอเพียงแต่จงแน่ใจว่าพวกท่านไม่ดื่มเลือด เพราะเลือดคือชีวิต พวกท่านจะไม่รับประทานชีวิตพร้อมกับเนื้อนั้น 24 พวกท่านจะไม่รับประทานเลือด พวกท่านจะเทเลือดลงบนแผ่นดินเหมือนกับเทน้ำ 25 พวกท่านจะไม่รับประทานเลือด เพื่อว่าพวกท่านจะไปดีมาดี และทั้งบุตรหลานที่ตามมาของพวกท่าน เมื่อพวกท่านจะทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์

26 แต่สิ่งต่างๆ ที่เป็นของพระยาห์เวห์ที่พวกท่านมีและของถวายแก้บนต่างๆ ของพวกท่าน พวกท่านจะเอาสิ่งเหล่านี้มาและไปยังสถานที่ที่พระยาห์เวห์ทรงเลือก 27 ที่นั่นพวกท่านจะถวายเครื่องเผาบูชา คือ เนื้อและเลือด บนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เลือดของเครื่องบูชาต่าง ๆ ของพวกท่านจะถูกเทลงบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และพวกท่านจะรับประทานเนื้อสด 28 จงสังเกตและฟังทุกถ้อยคำเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่าน เพื่อพวกท่านจะไปดีมาดีและพร้อมกับบุตรหลานที่ตามมาของพวกท่านชั่วนิรันดร์ เมื่อพวกท่านทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน

29 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำจัดชนชาติทั้งหลายออกไปต่อหน้าพวกท่าน เมื่อพวกท่านเข้าไปขับไล่พวกเขา และพวกท่านขับไล่พวกเขา และอาศัยอยู่ในดินแดนของพวกเขานั้น 30 จงเอาใจใส่ตัวของพวกท่านให้ดีเพื่อพวกท่านจะไม่ติดกับดักในการทำตามพวกเขา หลังจากที่พวกเขาถูกทำลายไปต่อหน้าพวกท่านแล้ว คือกับดักในการไต่ถามเรื่องพระต่าง ๆ ของพวกเขาด้วยการถามว่า 'ชนชาติเหล่านี้นมัสการพระของพวกเขาอย่างไรหรือ? เราจะทำอย่างเดียวกันนั้น' 31 พวกท่านต้องไม่นมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยวิธีการอย่างนั้น เพราะทุกสิ่งนั้นเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระยาห์เวห์ สิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงเกลียด พวกเขาได้ทำสิ่งเหล่านี้กับพระต่างๆ ของพวกเขา พวกเขาทำแม้แต่เผาบุตรชายทั้งหลายและบุตรหญิงทั้งหลายของพวกเขาด้วยไฟเพื่อพระต่างๆ ของพวกเขา 32 สิ่งใดก็ตามที่ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่าน จงปฎิบัติตาม อย่าเพิ่มเติมเข้าไปหรือตัดออก

13

1 ถ้าหากมีผู้พยากรณ์คนหนึ่งหรือผู้ที่ฝันเห็นคนหนึ่งลุกขึ้นในท่ามกลางพวกท่าน และถ้าหากเขาให้หมายสำคัญและการอัศจรรย์อย่างหนึ่งแก่พวกท่าน 2 และถ้าหมายสำคัญหรือการอัศจรรย์ที่เขาพูดแก่ท่านนั้นเป็นอย่างนี้ว่า 'ให้พวกเราไปติดตามพระอื่นๆ ที่พวกท่านไม่รู้จัก และให้พวกเรานมัสการพระเหล่านั้น' 3 อย่าฟังถ้อยคำเหล่านั้นของผู้พยากรณ์คนนั้น หรืออย่าฟังผู้ที่ฝันเห็นนั้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังทดสอบพวกท่านเพื่อจะรู้ว่าพวกท่านรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยสิ้นสุดใจและด้วยสิ้นสุดจิตหรือไม่

4 พวกท่านจะดำเนินตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ถวายเกียรติแด่พระองค์ ถือรักษาพระบัญญัติต่างๆ ของพระองค์ และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และพวกท่านจะนมัสการพระองค์และผูกพันอยู่กับพระองค์ 5 ผู้พยากรณ์นั้นหรือผู้ที่ฝันเห็นนั้นจะต้องตาย เพราะเขาได้พูดกบฎต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ผู้ได้ทรงนำพวกท่านออกมาจากดินแดนอียิปต์ และเป็นผู้ที่ทรงไถ่พวกท่านจากเรือนทาส ผู้พยากรณ์นั้นต้องการดึงพวกท่านออกจากวิถีที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงบัญชาให้พวกท่านดำเนิน ดังนั้นจงเอาความชั่วออกไปจากท่ามกลางพวกท่านเสีย

6 สมมติว่าพี่น้องของพวกท่าน บุตรของมารดาของพวกท่าน หรือบุตรชายของพวกท่าน หรือบุตรหญิงของพวกท่าน หรือภรรยาที่อยู่ในอ้อมอกของพวกท่าน หรือเพื่อนของพวกท่านผู้ที่เป็นเหมือนดวงใจของพวกท่าน เข้ามาหาพวกท่านอย่างลับๆ และพูดว่า 'ให้พวกเราไปและนมัสการพระอื่นๆ ที่พวกท่านไม่รู้จัก ไม่ว่าพวกท่านหรือบรรพบุรุษของพวกท่าน 7 คือพระใดๆ ของประชาชนต่างๆ ที่อยู่ล้อมรอบพวกท่าน อยู่ใกล้พวกท่าน หรืออยู่ไกลจากพวกท่าน จากสุดปลายแผ่นดินโลกด้านหนึ่งไปยังจุดสิ้นสุดของปลายแผ่นดินโลกอีกด้านหนึ่ง'

8 อย่ายอมรับเขาหรือฟังเขา อย่าให้ดวงตาของพวกท่านสงสารเขา อย่าไว้ชีวิตเขาหรือซ่อนเขาไว้ 9 แต่พวกท่านจงฆ่าเขาเสีย มือของพวกท่านจะเป็นมือแรกที่ทำให้เขาตาย และหลังจากนั้นจึงเป็นมือของประชาชนทุกคน 10 พวกท่านจะขว้างเขาให้ตายด้วยก้อนหิน เพราะเขาได้พยายามดึงพวกท่านออกจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ผู้ได้ทรงนำพวกท่านออกมาจากดินแดนอียิปต์ ออกมาจากเรือนทาส 11 ชาวอิสราเอลทั้งหมดจะได้ยินและเกรงกลัว และจะไม่ทำความชั่วช้าเช่นนี้ในท่ามกลางพวกท่านอีกต่อไป

12 ถ้าพวกท่านฟังคนใดกล่าวถึงเมืองหนึ่งในเมืองทั้งหลายของพวกท่าน ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานให้แก่พวกท่านอาศัยอยู่ 13 มีคนหนุ่มบางคนเป็นคนชั่วร้ายที่ได้ออกไปจากพวกท่านและได้ดึงบรรดาผู้อาศัยอยู่เมืองของพวกท่านและพูดว่า 'ให้พวกเราไปและนมัสการพระอื่นๆ ที่พวกท่านไม่รู้จัก' 14 แล้วพวกท่านจะตรวจสอบหลักฐาน ทำการค้นหา และไต่ถามอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อพวกท่านค้นพบว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงและถูกต้องแน่นอนที่มีการกระทำอันเลวทรามต่ำช้าเกิดขึ้นในท่ามกลางพวกท่านแล้ว พวกท่านจงลงมือกระทำเถิด

15 พวกท่านจงโจมตีผู้อาศัยในเมืองนั้นด้วยคมดาบ ทำลายจนสิ้นซาก และประชาชนทั้งหมดที่อยู่ในนั้น ตลอดจนฝูงปศุสัตว์ จงทำลายด้วยคมดาบ 16 พวกท่านจะรวบรวมของที่ริบมาจากเมืองนั้นนำมาไว้กลางถนนและจะเผาเมืองนั้นรวมทั้งของที่ริบได้มาทั้งหมดด้วย เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เมืองนั้นจะเป็นกองซากปรักหักพังไปเป็นนิตย์ มันจะต้องไม่ถูกสร้างขึ้นมาอีก

17 ต้องไม่มีสักสิ่งเดียวในสิ่งเหล่านั้นที่ถูกแยกไว้เพื่อการทำลายจะอยู่ในมือของพวกท่าน นี่เป็นสิ่งที่พวกท่านต้องกระทำ เพื่อว่าพระยาห์เวห์จะทรงหันพระพิโรธอันรุนแรงออกไป แต่สำแดงพระเมตตาแก่พวกท่าน มีพระทัยสงสารต่อพวกท่าน และทรงทำให้พวกท่านเพิ่มจำนวนมากขึ้น ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาแก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน 18 พระองค์จะทรงทำสิ่งนี้เพราะพวกท่านฟังสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อถือรักษาพระบัญญัติทั้งหมดที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านวันนี้ เพื่อทำสิ่งนี้ที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน

14

1 พวกท่านเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน จงอย่าเชือดเนื้อตัวเอง หรือโกนส่วนใดๆ ของใบหน้าของท่านเพื่อคนตาย 2 เพราะพวกท่านเป็นชนชาติหนึ่งที่ถูกแยกไว้เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และพระยาห์เวห์ได้ทรงเลือกพวกท่านให้เป็นประชาชนเพื่อเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เอง มากยิ่งกว่าประชาชนทั้งหมดที่อยู่บนพื้นแผ่นดินนี้ 3 พวกท่านต้องไม่รับประทานสิ่งที่น่ารังเกียจใดๆ

4 เหล่านี้คือสัตว์ต่างๆ ที่พวกท่านรับประทานได้ คือ วัวผู้ แกะ และแพะ 5 กวาง ละมั่ง อีเก้ง แพะป่า สมัน เลียงผา และแกะบนภูเขา 6 พวกท่านรับประทานสัตว์ใดๆ ที่แยกกีบได้ คือสัตว์ที่กีบแยกออกเป็นสองส่วน และที่เคี้ยวเอื้อง 7 พวกท่านต้องไม่รับประทานสัตว์บางชนิดที่เคี้ยวเอื้องหรือมีกีบแยกเป็นสองส่วน คืออูฐ กระต่าย และกระจงผา เพราะพวกมันเคี้ยวเอื้องแต่ไม่แยกกีบ พวกมันเป็นมลทินสำหรับพวกท่าน

8 สุกรเป็นสัตว์มลทินสำหรับพวกท่านด้วยเช่นกันเพราะมันมีกีบแยกแต่ไม่ได้เคี้ยวเอื้อง มันเป็นสัตว์มลทินสำหรับพวกท่าน อย่ารับประทานเนื้อสุกร และอย่าแตะต้องซากของมัน นอกจากสิ่งเหล่านี้ 9 บรรดาสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในน้ำ พวกท่านรับประทานได้ คือสัตว์มีครีบและเกล็ด 10 แต่สิ่งที่ไม่มีครีบและเกล็ดนั้น พวกท่านต้องไม่รับประทาน พวกมันเป็นมลทินสำหรับพวกท่าน 11 นกทุกตัวที่สะอาดพวกท่านรับประทานได้ 12 แต่เหล่านี้คือนกทั้งหลายที่พวกท่านต้องไม่รับประทาน คือ นกอินทรี นกแร้งหนวดแพะ นกออก 13 เหยี่ยวแดง และเหยี่ยวดำ ไม่ว่านกเหยี่ยวใดๆ ก็ตาม

14 พวกท่านต้องไม่รับประทานนกกาชนิดใด ๆ 15 และนกกระจอกเทศ และนกเค้าแมว นกนางนวล และเหยี่ยวนกเขาชนิดต่างๆ 16 นกเค้าแมวเล็ก นกเค้าแมวใหญ่ นกเค้าแมวสีขาว 17 นกกระทุง นกแร้ง นกอ้ายงั่ว 18 พวกท่านต้องไม่รับประทานนกกระสาดำ นกกระสาชนิดต่างๆ นกหัวขวาน และค้างคาว 19 สัตว์มีปีกทุกชนิดจำพวกแมลงเป็นสัตว์มลทินสำหรับพวกท่าน พวกมันต้องไม่ถูกนำมารับประทาน 20 พวกท่านอาจรับประทานสัตว์มีปีกต่างๆ ที่สะอาดได้ทุกชนิด

21 พวกท่านต้องไม่รับประทานสิ่งใดๆ ที่ตายเอง พวกท่านเอามันให้กับคนต่างชาติที่อยู่ในเมืองของพวกท่านได้ เพื่อเขาจะรับประทานมัน หรือพวกท่านจะขายให้กับคนต่างชาติก็ได้ เพราะพวกท่านเป็นชนชาติหนึ่งที่ได้ถูกแยกไว้เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านต้องไม่ต้มลูกแพะอ่อนในน้ำนมแม่ของมัน 22 พวกท่านต้องถวายทศางค์ทั้งหมดของเมล็ดพืชของพวกท่าน ที่ได้มาจากทุ่งนาปีต่อปี 23 พวกท่านต้องรับประทานต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ในสถานที่ที่พระองค์จะเลือกให้เป็นสถานนมัสการ ถวายทศางค์จากพืชผลของพวกท่าน จากเหล้าองุ่นใหม่ของพวกท่าน และจากน้ำมันของพวกท่าน และสัตว์หัวปีจากฝูงสัตว์ของพวกท่าน เพื่อพวกท่านจะเรียนรู้ที่จะถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเสมอ

24 ถ้าหากการเดินทางนั้นไกลเกินไปสำหรับพวกท่านซึ่งทำให้พวกท่านไม่สามารถแบกสิ่งของไปได้ เพราะสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงเลือกให้เป็นสถานนมัสการของพระองค์นั้นอยู่ห่างไกลจากพวกท่านมากเกินไปในเมื่อพระยาห์เวห์ทรงอวยพรพวกท่าน 25 พวกท่านจงแลกเปลี่ยนของถวายให้กลายเป็นเงินแทน จงถือเงินนั้นเอาไว้ในมือของพวกท่าน และไปยังสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงเลือกนั้น 26 ที่นั่นพวกท่านจงใช้เงินสำหรับซื้อสิ่งที่พวกท่านปรารถนา คือซื้อวัว หรือซื้อแกะ สิ่งใดที่พวกท่านปรารถนา พวกท่านจงรับประทานที่นั่นต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และพวกท่านจะชื่นชมยินดี ทั้งพวกท่านและครัวเรือนของพวกท่าน 27 ส่วนคนเลวีผู้ที่อยู่ในประตูเมืองของพวกท่าน จงอย่าทอดทิ้งพวกเขา เพราะเขาไม่ได้มีส่วนแบ่งหรือรับมรดกร่วมกันกับพวกท่านเลย

28 เมื่อสิ้นปีของช่วงปีที่สาม พวกท่านจะนำเอาทศางค์ทั้งหมดจากผลผลิตในปีเดียวกันนั้นมา และพวกท่านจะสะสมเอาไว้ในประตูเมืองของพวกท่าน 29 และคนเลวี เนื่องจากเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งหรือรับมรดกร่วมกับพวกท่าน และคนต่างชาติ และเด็กกำพร้า และหญิงม่ายผู้ที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของพวกท่าน จะมาและรับประทานและอิ่มหนำ จงทำอย่างนี้เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะอวยพรพวกท่านในการงานทุกอย่างที่มือของพวกท่านกระทำ

15

1 เมื่อถึงสิ้นปีของทุกปีที่เจ็ด พวกท่านต้องยกหนี้ 2 นี่คือวิธีการปลดปล่อยหนี้สิน คือให้เจ้าหนี้ทุกคนยกเลิกหนี้ที่เขาให้เพื่อนบ้านขอยืม เขาจะไม่เรียกร้องเอาคืนจากเพื่อนบ้านของเขาหรือจากพี่น้องของเขาเพราะการยกหนี้ของพระยาห์เวห์ที่ได้ประกาศนี้ 3 พวกท่านสามารถเรียกร้องจากคนต่างชาติได้ แต่สิ่งใดก็ตามที่เป็นของพวกท่านซึ่งอยู่กับพี่น้องของพวกท่าน มือของพวกท่านจะต้องยอมปล่อยสิ่งนั้นไป 4 อย่างไรก็ตาม ไม่สมควรให้มีคนยากจนอยู่ในท่ามกลางพวกท่าน (เพราะพระยาห์เวห์จะอวยพรพวกท่านในดินแดนที่พระองค์ประทานให้แก่พวกท่านเป็นกรรมสิทธิ์ครอบครอง)

5 ถ้าพวกท่านขะมักเขม้นในการฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อถือรักษาพระบัญญัติทั้งสิ้นเหล่านี้ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ 6 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงอวยพรพวกท่าน ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ พวกท่านจะให้ชนชาติต่างๆ ยืม แต่พวกท่านจะไม่ยืม พวกท่านจะปกครองเหนือชนชาติต่างๆ มากมาย แต่พวกเขาจะไม่ปกครองเหนือพวกท่าน 7 ถ้าหากมีคนยากจนในท่ามกลางพวกท่าน คือคนที่เป็นพี่น้องของพวกท่าน ที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองในดินแดนของพวกท่านที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานให้แก่พวกท่าน พวกท่านต้องไม่ทำให้ใจแข็งกระด้างหรือปิดใจต่อพี่น้องที่ยากจนของพวกท่าน 8 แต่พวกท่านต้องมีใจเอื้อเฟื้อต่อเขาและให้เขายืมจนเพียงพอกับความจำเป็นของเขา

9 จงระวังที่จะไม่ให้มีความชั่วในใจของพวกท่านที่กล่าวว่า 'ปีที่เจ็ด ปีแห่งการปลดปล่อย ใกล้เข้ามาแล้ว' เพื่อพวกท่านจะไม่ตระหนี่ถี่เหนียวกับพี่น้องที่ยากจนของพวกท่านและไม่ให้สิ่งใดแก่เขาเลย เขาจะร้องทูลต่อพระยาห์เวห์เหตุเพราะพวกท่าน และนั่นจะเป็นบาปสำหรับพวกท่าน 10 พวกท่านต้องให้เขา และใจของพวกท่านต้องไม่เสียใจเมื่อพวกท่านให้แก่เขานั้น เพราะพระยาห์เวห์จะทรงตอบแทนพวกท่านด้วยการอวยพรพวกท่านในการทำงานทุกอย่างและในทุกสิ่งที่มือของพวกท่านกระทำ 11 เพราะคนยากจนจะไม่หมดไปแต่จะยังคงมีอยู่ในดินแดนนี้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบัญชาพวกท่านและกล่าวว่า 'พวกท่านต้องมีใจเอื้อเฟื้อต่อพี่น้องของพวกท่าน คนที่ขัดสนของพวกท่าน และคนยากจนในดินแดนของพวกท่าน'

12 ถ้าพี่น้องของพวกท่าน ไม่ว่าเป็นผู้ชายชาวฮีบรู หรือผู้หญิงชาวฮีบรู ที่ถูกขายให้แก่พวกท่านและรับใช้พวกท่านเป็นเวลาหกปีแล้ว ในปีที่เจ็ด พวกท่านต้องปล่อยเขาให้เป็นอิสระจากพวกท่าน 13 เมื่อพวกท่านปล่อยให้เขาเป็นอิสระจากพวกท่าน พวกท่านต้องไม่ปล่อยให้เขาไปโดยมือเปล่า 14 พวกท่านต้องจัดเตรียมด้วยใจกว้างขวางให้แก่เขา คือของจากฝูงสัตว์ของพวกท่าน จากลานนวดข้าวของพวกท่าน และจากบ่อย่ำองุ่นของพวกท่าน ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงอวยพรพวกท่านนั้น พวกท่านต้องให้แก่เขา 15 พวกท่านต้องระลึกถึงเมื่อพวกท่านเป็นทาสอยู่ในดินแดนอียิปต์ และที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงไถ่พวกท่านมา ดังนั้นในวันนี้ ข้าพเจ้าจึงบัญชาให้พวกท่านทำสิ่งนี้

16 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นถ้าหากเขาพูดกับพวกท่านว่า 'ข้าพเจ้าจะไม่จากท่านไปที่ใด' เพราะเขารักพวกท่านและบ้านของพวกท่าน และเพราะเขาสุขใจที่ได้อยู่กับพวกท่านแล้ว 17 พวกท่านต้องเอาเหล็กปลายแหลมและแทงทะลุหูของเขาไปติดที่ประตู และเขาจะเป็นทาสของพวกท่านเป็นนิตย์ พวกท่านต้องทำอย่างเดียวกันนี้กับทาสหญิงของพวกท่านด้วย 18 การที่พวกท่านต้องปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระจากท่านต้องไม่เป็นเรื่องยากสำหรับพวกท่านด้วย เพราะเขาได้รับใช้พวกท่านมาถึงหกปีและได้รับค่าแรงมากกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงอวยพรพวกท่านในทุกสิ่งที่พวกท่านกระทำ 19 สัตว์หัวปีทุกตัวในฝูงสัตว์ของพวกท่าน พวกท่านต้องแยกเอาไว้เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านจะไม่ใช้งานสัตว์หัวปีจากฝูงสัตว์ของพวกท่าน หรือไม่ตัดขนสัตว์หัวปีจากฝูงสัตว์ของพวกท่าน

20 พวกท่านต้องรับประทานสัตว์หัวปีต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านปีต่อปีในสถานที่ที่พระยาห์เวห์จะทรงเลือก พวกท่านและครัวเรือนของพวกท่าน 21 ถ้ามันมีตำหนิใดๆ เช่น ถ้ามันพิการหรือตาบอด หรือมีตำหนิใดๆ ก็ตาม พวกท่านต้องไม่นำมาถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 22 พวกท่านจะรับประทานมันภายในประตูเมืองของพวกท่าน ทั้งคนที่เป็นมลทินและคนสะอาดต้องรับประทานมันเหมือนกับพวกท่านรับประทานละมั่งหรือกวางตัวหนึ่ง 23 สิ่งเดียวที่พวกท่านต้องไม่รับประทานคือเลือดของมัน พวกท่านต้องเทเลือดของมันบนพื้นดินเหมือนกับเทน้ำ

16

1 จงถือปฎิบัติในเดือนอาบีบ และถือรักษาปัสกาต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพราะในเดือนอาบีบนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงนำพวกท่านออกมาจากอียิปต์ในตอนกลางคืน 2 พวกท่านจะถวายปัสกาต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยบางส่วนจากฝูงสัตว์ในสถานที่ที่พระยาห์เวห์จะทรงเลือกให้เป็นสถานนมัสการของพระองค์ 3 พวกท่านจะไม่รับประทานขนมปังมีเชื้อพร้อมกับเครื่องบูชานั้น เป็นเวลาเจ็ดวัน พวกท่านจะรับประทานขนมปังไร้เชื้อพร้อมกับเครื่องบูชา ขนมปังแห่งความทุกข์ใจ เพราะพวกท่านได้ออกมาจากดินแดนอียิปต์อย่างเร่งรีบ จงทำสิ่งนี้ตลอดชีวิตของพวกท่านเพื่อพวกท่านจะระลึกถึงวันนั้นเมื่อพวกท่านได้ออกมาจากดินแดนอียิปต์ 4 เชื้อขนมปังจะต้องไม่มีอยู่ในท่ามกลางพวกท่านภายในรั้วของพวกท่านเป็นเวลาเจ็ดวัน และต้องไม่มีเนื้อใดๆ ที่พวกท่านถวายบูชาในตอนเย็นของวันแรกที่เหลืออยู่จนถึงรุ่งเช้า

5 พวกท่านต้องไม่ถวายปัสกาภายในประตูเมืองใดๆ ของพวกท่านที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานให้ 6 แต่จงถวายเครื่องบูชาที่สถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงเลือกให้เป็นสถานนมัสการนั้น ที่นั่นพวกท่านจะถวายปัสกาในตอนเย็นเมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน ในเวลานั้นของปีที่พวกท่านได้ออกมาจากอียิปต์ 7 พวกท่านต้องย่างและรับประทานปัสกานั้นในสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงเลือก ในตอนเช้าที่พวกท่านจะหันกลับและไปยังเต็นท์ของพวกท่าน 8 เป็นเวลาหกวันพวกท่านจะรับประทานขนมปังไร้เชื้อ ในวันที่เจ็ด จะมีการประชุมศักดิ์สิทธิ์เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ในวันนั้นพวกท่านต้องไม่ทำงาน 9 พวกท่านจงนับไปให้ครบเจ็ดสัปดาห์เพื่อตัวของพวกท่าน จากเวลานั้นที่พวกท่านเริ่มต้นเอาเคียวเกี่ยวต้นข้าว พวกท่านต้องเริ่มต้นนับไปให้ครบเจ็ดสัปดาห์

10 พวกท่านต้องถือรักษาเทศกาลสัปดาห์เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านพร้อมกับถวายของถวายตามสมัครใจจากมือของพวกท่านที่พวกท่านจะให้ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงอวยพรพวกท่าน 11 พวกท่านจะชื่นชมยินดีต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน คือพวกท่าน บุตรชายของพวกท่าน บุตรหญิงของพวกท่าน คนรับใช้ชายของพวกท่าน คนรับใช้หญิงของพวกท่าน คนเลวีที่อยู่ในประตูเมืองทั้งหลายของพวกท่าน และคนต่างชาติ ลูกกำพร้า และหญิงม่ายที่อาศัยอยู่ในท่ามกลางพวกท่าน ในสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงเลือกเพื่อให้เป็นสถานนมัสการของพระองค์ 12 พวกท่านจะระลึกถึงเมื่อพวกท่านได้เป็นทาสในอียิปต์ พวกท่านต้องถือปฏิบัติและทำตามกฎบัญญัติต่างๆ เหล่านี้ 13 พวกท่านต้องถือรักษาเทศกาลสัปดาห์เป็นเวลาเจ็ดวันหลังจากพวกท่านได้รวบรวมการเก็บเกี่ยวจากลานนวดข้าวของพวกท่านและจากบ่อย่ำองุ่นของพวกท่าน

14 พวกท่านจะชื่นชมยินดีในช่วงระหว่างเทศกาลของพวกท่าน คือพวกท่าน บุตรชายของพวกท่าน บุตรหญิงของพวกท่าน คนรับใช้ชายของพวกท่าน คนรับใช้หญิงของพวกท่าน คนเลวี และคนต่างชาติ และลูกกำพร้า และหญิงม่าย ที่อาศัยอยู่ภายในประตูเมืองทั้งหลายของพวกท่าน 15 เป็นเวลาเจ็ดวัน พวกท่านต้องถือปฏิบัติตามเทศกาลนั้นเพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านในสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงเลือก เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะอวยพรพวกท่านในการเก็บเกี่ยวทุกอย่างและในการทำงานด้วยมือของพวกท่านทุกอย่าง และพวกท่านต้องชื่นชมยินดีอย่างเต็มที่ 16 เป็นเวลาสามครั้งในหนึ่งปีที่บรรดาผู้ชายทั้งหมดของพวกท่านต้องเข้าเฝ้าต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่สถานที่ที่พระยาห์เวห์จะทรงเลือก ในเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ ในเทศกาลสัปดาห์ และในเทศกาลอยู่เพิง และพวกเขาจะไม่เข้าเฝ้าต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ด้วยมือเปล่า

17 แต่ผู้ชายทุกคนจะให้ตามที่พวกเขาสามารถให้ได้ เพื่อพวกท่านจะรู้จักพระพรที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ประทานให้แก่พวกท่าน 18 พวกท่านต้องตั้งผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ภายในประตูเมืองทั้งหมดของพวกท่านที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานให้แก่พวกท่าน พวกเขาจะถูกเลือกออกมาจากแต่ละเผ่าของพวกท่าน และพวกเขาต้องพิพากษาประชาชนด้วยคำตัดสินที่ชอบธรรม 19 พวกท่านต้องไม่เอาความยุติธรรมออกไปโดยการบีบบังคับ พวกท่านต้องไม่แสดงความลำเอียงหรือรับสินบน เพราะสินบนนั้นทำให้ตาของคนมีปัญญามืดบอดไป และทำให้ถ้อยคำของคนชอบธรรมถูกบิดเบือน

20 พวกท่านต้องติดตามความยุติธรรม ติดตามความยุติธรรมเท่านั้น เพื่อพวกท่านจะมีชีวิตและรับมรดกคือดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะประทานให้แก่พวกท่าน 21 พวกท่านต้องไม่ตั้งเสาอาเชราห์เพื่อตนเอง ไม่ว่าเสาใดๆ นอกเหนือจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่พวกท่านจะทำไว้สำหรับพวกท่านเอง 22 พวกท่านต้องไม่ตั้งเสาหินศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเกลียดชัง

17

1 พวกท่านต้องไม่ถวายเครื่องบูชาเป็นวัวผู้หรือแกะที่มีตำหนิหรือสิ่งไม่ดีใดๆ แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 2 ถ้าหากพบผู้ชายหรือผู้หญิงคนใดในท่ามกลางพวกท่าน คือภายในประตูเมืองทั้งหลายที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานให้แก่พวกท่าน ที่ทำชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและละเมิดต่อพันธสัญญาของพระองค์ 3 คนที่ได้ไปและนมัสการพระอื่นๆ และก้มกราบต่อพระเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือสิ่งใดที่เป็นบริวารของท้องฟ้า สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้ห้ามเอาไว้ 4 และถ้าพวกท่านได้รับการบอกกล่าวในเรื่องนี้ หรือถ้าพวกท่านได้ยินเรื่องนี้แล้ว พวกท่านจงไต่ถามอย่างละเอียด ถ้าหากเป็นความจริงและถูกต้องแน่นอนแล้วว่ามีสิ่งที่น่ารังเกียจเกิดขึ้นในอิสราเอล นี่คือสิ่งที่พวกท่านสมควรต้องทำ

5 พวกท่านต้องนำผู้ชายหรือผู้หญิงคนนั้น คือคนที่ได้ทำสิ่งชั่วร้ายนี้ มายังประตูเมืองทั้งหลายของพวกท่าน และพวกท่านต้องเอาหินขว้างผู้ชายและผู้หญิงคนนั้นให้ตาย 6 โดยพยานสองปาก หรือพยานสามปาก เขาจะต้องตาย แต่โดยพยานปากเดียว เขาไม่ต้องถูกทำให้ถึงตาย 7 ผู้เป็นพยานเหล่านั้นจะต้องเป็นคนแรกที่ลงโทษเขาจนถึงตาย และหลังจากนั้นจึงเป็นประชาชนทั้งหมด และพวกท่านจึงจะกำจัดความชั่วออกไปจากท่ามกลางพวกท่านได้ 8 ถ้ามีคดีที่ยากเกินกว่าที่พวกท่านจะตัดสินได้ อาจเป็นคำถามเรื่องการตายโดยเจตนาฆ่าหรือตายโดยไม่เจตนาฆ่า เรื่องสิทธิอันชอบธรรมของบุคคลหนึ่งกับของอีกบุคคลหนึ่ง หรือคำถามเรื่องการทำร้ายร่างกาย หรือคดีอื่นๆ คดีต่างๆ ที่มีความเคลือบแคลงภายในประตูเมืองทั้งหลายของพวกท่าน ดังนั้นแล้วพวกท่านจงขึ้นไปยังสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงเลือกให้เป็นสถานนมัสการของพระองค์

9 พวกท่านต้องไปหาปุโรหิต ผู้เป็นเชื้อสายของคนเลวี และไปหาผู้พิพากษาผู้ที่กำลังทำงานปรนนิบัติในเวลานั้น พวกท่านจงแสวงหาคำปรึกษาของพวกเขา และพวกเขาจะให้คำตัดสินแก่พวกท่าน 10 พวกท่านต้องทำตามกฎหมายที่ได้ให้ไว้แก่พวกท่านในสถานที่ที่พระยาห์เวห์จะทรงเลือกให้เป็นสถานนมัสการของพระองค์ พวกท่านจงเอาใจใส่ที่จะทำทุกสิ่งที่พวกเขาสั่งให้พวกท่านทำ 11 จงทำตามกฎหมายที่พวกเขาสอนพวกท่าน และทำตามการตัดสินใจที่พวกเขาให้แก่พวกท่าน อย่าหันไปทางขวามือหรือซ้ายมือจากสิ่งที่พวกเขาบอกพวกท่าน 12 คนใดก็ตามที่จองหอง ไม่ฟังเสียงของปุโรหิตผู้ที่ยืนปรนนิบัติต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน หรือไม่ฟังเสียงผู้พิพากษา คนนั้นจะต้องตาย พวกท่านจงกำจัดคนชั่วออกไปจากอิสราเอล

13 ประชาชนทุกคนต้องได้ยินและยำเกรง และไม่ทำตัวจองหองอีกต่อไป 14 เมื่อพวกท่านได้มาถึงดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานให้แก่พวกท่าน และเมื่อพวกท่านยึดครองดินแดนนั้นและเริ่มต้นอาศัยอยู่ที่นั่น และพวกท่านกล่าวว่า 'เราจะตั้งกษัตริย์ปกครองเหนือเรา เหมือนกับทุกชนชาติที่อยู่ล้อมรอบเรา' 15 แล้วพวกท่านจงตั้งใครบางคนให้เป็นกษัตริย์ปกครองเหนือพวกท่าน คือคนที่พระยาห์เวห์จะทรงเลือก พวกท่านต้องตั้งใครบางคนจากพวกพี่น้องของพวกท่านให้เป็นกษัตริย์ปกครองเหนือพวกท่าน พวกท่านอย่าเอาคนต่างชาติผู้ที่ไม่ใช่พี่น้องของพวกท่านมาปกครองเหนือพวกท่าน 16 แต่เขาต้องไม่เพิ่มจำนวนม้าของเขาเอง หรือเป็นเหตุให้ประชาชนหันกลับไปอียิปต์เพื่อเขาจะได้ม้าเพิ่ม เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับพวกท่านแล้วว่า 'พวกเจ้าจงอย่ากลับไปทางนั้นอีก'

17 เขาต้องไม่มีภรรยาหลายคนสำหรับตัวของเขาเอง เพื่อว่าใจของเขาจะไม่หันออกไป เขาต้องไม่สะสมเงินและทองจำนวนมากมาย 18 เมื่อเขานั่งบนบัลลังก์แห่งอาณาจักรของเขา เขาต้องบันทึกสำเนากฎหมายนี้ในหนังสือม้วนสำหรับตัวของเขาเอง คือกฎหมายที่อยู่ต่อหน้าปุโรหิตผู้เป็นคนเลวี 19 หนังสือม้วนนั้นต้องอยู่กับเขา และเขาต้องอ่านสิ่งที่บันทึกในนั้นทุกวันตลอดชีวิตของเขา เพื่อว่าเขาจะเรียนรู้การถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เช่นเดียวกันเพื่อถือรักษาถ้อยคำทั้งหมดที่เป็นกฎหมายนี้และกฎบัญญัติเหล่านี้ เพื่อปฏิบัติตามถ้อยคำเหล่านี้ 20 เขาต้องทำสิ่งนี้เพื่อใจของเขาจะไม่ลำพองเหนือพวกพี่น้องของเขา เพื่อเขาจะไม่หันไปจากพระบัญญัติต่างๆ ไปทางขวามือหรือทางซ้ายมือ เพื่อจุดประสงค์ในการมีชีวิตยืนยาวในอาณาจักรของเขา เขาและบุตรหลานทั้งหลายของเขา ในท่ามกลางอิสราเอล

18

1 บรรดาปุโรหิต ผู้ที่เป็นคนเลวีทั้งหลาย และเผ่าเลวีทั้งหมด จะไม่ได้รับส่วนแบ่งหรือรับมรดกร่วมกับชาวอิสราเอล พวกเขาต้องรับประทานของถวายบูชาทั้งหลายของพระยาห์เวห์ซึ่งเผาด้วยไฟที่เป็นดั่งมรดกของพวกเขา 2 พวกเขาต้องไม่มีมรดกในท่ามกลางพวกพี่น้องของพวกเขา พระยาห์เวห์ทรงเป็นมรดกของพวกเขา ดังที่พระองค์ได้ตรัสกับพวกเขาแล้วนั้น 3 สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ปุโรหิตทั้งหลายสมควรได้รับจากประชาชน จากคนเหล่านั้นที่ถวายเครื่องบูชา ไม่ว่าจะเป็นวัวผู้หรือแกะ พวกเขาต้องเอาส่วนไหล่ ส่วนแก้มสองแก้ม และส่วนต่างๆที่เป็นอวัยวะภายในให้แก่ปุโรหิต 4 ผลแรกของพืชผลของพวกท่าน ของเหล้าองุ่นใหม่ของพวกท่าน และของน้ำมันของพวกท่าน และขนแกะที่ตัดครั้งแรกของพวกท่าน พวกท่านต้องมอบให้แก่เขา

5 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงเลือกเขาออกมาจากเผ่าต่าง ๆ ของพวกท่านเพื่อยืนขึ้นปรนนิบัติในพระนามของพระยาห์เวห์ ทั้งตัวเขาและบุตรชายทั้งหลายของพวกเขาตลอดไปเป็นนิตย์ 6 ถ้ามีคนเลวีคนหนึ่งจากเมืองใด ๆ ของพวกท่านที่ออกมาจากอิสราเอลทั้งหมดจากที่ที่เขากำลังอาศัยอยู่ และเขามีความปรารถนาอย่างสุดใจเพื่อจะมายังสถานที่ที่พระยาห์เวห์จะทรงเลือกนั้น 7 เขาต้องปรนนิบัติในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาเหมือนกับพวกพี่น้องของเขาทั้งหมดที่เป็นคนเลวีกระทำ คือผู้ที่ยืนอยู่ที่นั่นต่อพระพักตร์ของพระยาห์เวห์ 8 พวกเขาต้องรับส่วนแบ่งอย่างเดียวกันในการรับประทาน นอกเหนือจากสิ่งที่ได้จากการขายมรดกครอบครัวของเขานั้น

9 เมื่อพวกท่านได้เข้ามาในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานให้แก่พวกท่าน พวกท่านต้องไม่เรียนรู้ที่จะกระทำสิ่งที่น่ารังเกียจของชนชาติต่าง ๆ เหล่านั้น 10 ในท่ามกลางพวกท่าน จะต้องไม่พบคนใดที่เอาบุตรชายและบุตรหญิงของเขาเผาไฟ ต้องไม่พบคนใดที่เป็นคนทำนาย เป็นหมอดู หรือเป็นหมอเสน่ห์ หรือเป็นพ่อมดหมอผี เป็นหมอพราย 11 เป็นคนที่สื่อสารกับคนตาย หรือเป็นคนที่สื่อสารกับวิญญาณต่าง ๆ 12 เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ทำสิ่งเหล่านี้ก็เป็นที่น่ารังเกียจต่อพระยาห์เวห์ เพราะสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจึงขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าต่อตาพวกท่าน

13 พวกท่านจงเป็นคนที่ปราศจากตำหนิต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 14 เพราะชนชาติต่าง ๆ เหล่านี้ที่พวกท่านจะขับไล่นั้นฟังเสียงของพวกคนที่เป็นคนทำนายและหมอดู แต่สำหรับพวกท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านไม่อนุญาตให้พวกท่านทำอย่างนั้น 15 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะยกชูผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งจากท่ามกลางพวกท่านให้แก่พวกท่าน ผู้หนึ่งจากพวกพี่น้องของพวกท่าน เหมือนกับข้าพเจ้า พวกท่านต้องฟังเสียงของเขา

16 นี่คือสิ่งที่พวกท่านได้ขอจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่โฮเรบในวันแห่งการชุมนุมนั้น กล่าวว่า 'อย่าให้พวกเราได้ยินพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราอีก หรืออย่าให้พวกเราต้องมองเห็นไฟอันแรงกล้านี้อีกต่อไป มิฉะนั้น พวกเราจะตาย' 17 พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'สิ่งที่พวกเขาได้พูดนั้นก็ดี 18 เราจะยกผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งเพื่อพวกเขาซึ่งมาจากท่ามกลางพวกพี่น้องของพวกเขา ผู้เป็นเหมือนกับเจ้า เราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมดที่เราบัญชาแก่เขา 19 มันจะเกิดขึ้นที่มีบางคนที่ไม่ยอมฟังถ้อยคำต่าง ๆ ของเราที่เขากล่าวโดยนามของเรา เราจะกำหนดโทษให้แก่เขา

20 แต่ผู้เผยพระวจนะผู้ที่กล่าวถ้อยคำอย่างยโสในนามของเรา ถ้อยคำที่เราไม่ได้บัญชาเขาให้กล่าว หรือผู้ที่กล่าวในนามของพระอื่น ๆ ผู้เผยพระวจนะคนนั้นจะต้องตาย' 21 นี่คือสิ่งที่พวกท่านต้องกล่าวในใจของพวกท่าน 'พวกเราจะจดจำถ้อยคำที่พระยาห์เวห์ไม่ได้ตรัสได้อย่างไร?' 22 พวกท่านจะจดจำถ้อยคำที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสเมื่อผู้เผยพระวจนะกล่าวในนามของพระยาห์เวห์ ถ้าหากสิ่งนั้นไม่ได้ปรากฎหรือเกิดขึ้นแล้ว นั่นย่อมเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ไม่ได้ตรัสและผู้เผยพระวจนะได้กล่าวสิ่งนั้นอย่างยโส และพวกท่านจงอย่าเกรงกลัวเขา

19

1 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทำลายชนชาติต่าง ๆ คือคนเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังจะประทานดินแดนของพวกเขาให้แก่พวกท่าน และเมื่อพวกท่านขับไล่พวกเขาและเข้าอาศัยอยู่ในบรรดาเมืองและบ้านเรือนต่าง ๆ ของพวกเขา 2 พวกท่านจงเลือกเมืองสามเมืองสำหรับพวกท่านเองซึ่งอยู่ตรงกลางของดินแดนของพวกท่านที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังจะประทานให้พวกท่านยึดครอง 3 พวกท่านต้องสร้างถนนสายหนึ่งและแบ่งเขตแดนต่าง ๆ ในดินแดนของพวกท่านเป็นสามส่วน ดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังจะทำให้พวกท่านได้เป็นมรดก เพื่อว่าทุกคนที่ฆ่าบุคคลอื่นจะหนีไปที่นั่นได้ 4 นี่คือกฎหมายสำหรับคนที่ฆ่าคนอื่นและหนีไปอาศัยอยู่ที่นั่น คือใครก็ตามที่ฆ่าเพื่อนบ้านโดยไม่ตั้งใจ และไม่ได้เกลียดเขามาก่อน

5 เช่นเมื่อชายคนหนึ่งเข้าไปในป่าเพื่อตัดไม้กับเพื่อนบ้านของเขา และมือของเขาเงื้อมขวานขึ้นเพื่อจะตัดต้นไม้ และหัวขวานนั้นหลุดออกจากด้ามและไปถูกเพื่อนบ้านของเขาแล้วเพื่อนบ้านของเขาจึงเสียชีวิต ดังนั้นชายคนนั้นต้องหนีไปยังเมืองใดเมืองหนึ่งในเมืองเหล่านี้รักษาชีวิตของเขา 6 ไม่เช่นนั้นคนที่อาฆาตโลหิตจะตามคนนั้นเพื่อเอาชีวิตของเขาถ้าหากเมืองนั้นห่างไกลเกินไป ด้วยความโกรธที่กำลังพลุ่งขึ้น เขาจะทำร้ายและฆ่าชายคนนั้น แม้ว่าชายคนนั้นไม่สมควรจะต้องตาย เพราะเขาไม่ได้เกลียดเพื่อนบ้านของเขามาก่อน 7 ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงบัญชาพวกท่านให้เลือกเมืองสามเมืองเพื่อพวกท่านเอง 8 ถ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านขยายเขตแดนของพวกท่านดังที่พระองค์ได้ทรงสัญญาแก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านให้กระทำ และประทานดินแดนทั้งหมดให้แก่พวกท่านตามที่ได้ทรงสัญญาว่าจะประทานให้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน

9 ถ้าพวกท่านถือรักษาพระบัญญัติทั้งหมดเหล่านี้เพื่อกระทำตาม ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ คือพระบัญญัติให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและที่จะดำเนินในทางของพระองค์เสมอ แล้วพวกท่านต้องเพิ่มเมืองทั้งสามเมืองเพื่อพวกท่านเอง นอกเหนือจากสามเมืองเหล่านี้ 10 จงทำสิ่งนี้เพื่อโลหิตที่ไม่มีผิดจะไม่หลั่งออกในท่ามกลางดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังจะประทานให้พวกท่านเพื่อเป็นมรดก เพื่อจะไม่มีความผิดเนื่องจากโลหิตตกอยู่บนพวกท่าน 11 แต่ถ้าคนใดเกลียดเพื่อนบ้านของเขา ซุ่มคอยดักเขา ลุกขึ้นทำร้ายเขา และทำให้เขาบาดเจ็บจนถึงตาย และถ้าเขาหนีไปยังเมืองใดเมืองหนึ่งเหล่านี้แล้ว 12 บรรดาผู้ใหญ่ในเมืองของเขาต้องส่งตัวและนำเขากลับมาจากที่นั่น และมอบเขาคืนให้กับญาติที่มีความรับผิดชอบต่อเขา เพื่อว่าเขาจะถูกฆ่าตาย

13 ดวงตาของพวกท่านต้องไม่แสดงความสงสารแก่เขา แต่พวกท่านต้องกำจัดผู้ที่จงใจฆ่าคนตายออกไปจากอิสราเอล เพื่อพวกท่านจะไปดีมาดี 14 พวกท่านต้องไม่ย้ายหลักเขตของเพื่อนบ้านของพวกท่านที่พวกเขาได้ตั้งในสถานที่เป็นเวลานานมาแล้ว ในมรดกที่พวกท่านจะได้รับ ในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังจะประทานให้พวกท่านยึดครอง 15 พยานปากเดียวต้องไม่ลุกขึ้นปรักปรำชายคนใดสำหรับความชั่วร้าย หรือความบาปใด ๆ ในเรื่องใด ๆ ที่เขาทำบาป ไม่ว่าเรื่องใดจะต้องได้รับการยืนยันโดยพยานสองปาก หรือพยานสามปาก

16 สมมุติว่ามีพยานที่ไม่ชอบธรรมลุกขึ้นปรักปรำชายคนใดเพื่อพิสูจน์ถึงการกระทำผิดของเขา 17 ดังนั้นชายทั้งสองคน คือคนที่กำลังมีข้อพิพาทต่อกันนั้น จะต้องยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ ต่อหน้าปุโรหิตทั้งหลายและผู้พิพากษาทั้งหลายที่ปรนนิบัติในเวลานั้น 18 ผู้พิพากษาทั้งหลายต้องทำการไต่สวนอย่างละเอียด ดูว่าพยานนั้นเป็นพยานเท็จและได้มีหลักฐานเท็จเพื่อปรักปรำพี่น้องของเขาหรือไม่

19 ดังนั้นสิ่งที่พวกท่านต้องกระทำแก่เขาคือ ทำในสิ่งที่เขาปรารถนากระทำต่อพี่น้องของเขา และพวกท่านจะกำจัดคนชั่วออกไปจากท่ามกลางพวกท่าน 20 แล้วบรรดาคนเหล่านั้นที่เหลืออยู่จะได้ยินและเกรงกลัว และจากนั้นไปจะไม่มีการทำสิ่งชั่วร้ายในท่ามกลางพวกท่านอีก 21 ดวงตาของพวกท่านต้องไม่แสดงความสงสาร ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ตาแทนตา ฟันแทนฟัน มือแทนมือ เท้าแทนเท้า

20

1 เมื่อพวกท่านออกรบเพื่อต่อสู้กับเหล่าศัตรูของพวกท่าน และมองเห็นม้าทั้งหลาย รถม้าศึกทั้งหลาย และผู้คนที่มีจำนวนมากมายกว่าพวกท่าน พวกท่านจงอย่ากลัวพวกเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงอยู่กับพวกท่าน พระองค์ผู้ได้ทรงนำพวกท่านออกมาจากดินแดนอียิปต์ 2 เมื่อพวกท่านจะเข้าไปในสงคราม ปุโรหิตต้องเข้ามาใกล้และพูดกับประชาชน 3 เขาต้องพูดกับพวกเขาว่า 'อิสราเอล จงฟัง พวกท่านกำลังจะเข้าทำสงครามกับเหล่าศัตรูของพวกท่าน จงอย่าให้ใจของพวกท่านฝ่อ อย่ากลัวหรืออย่าขยาด อย่ากลัวพวกเขาเลย 4 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเป็นผู้เดียวที่ไปกับพวกท่านเพื่อต่อสู้ศัตรูแทนพวกท่านและเพื่อช่วยกู้พวกท่านให้รอด'

5 นายทหารทั้งหลายต้องพูดต่อประชาชนและพูดว่า 'มีชายคนใดที่ได้สร้างบ้านใหม่และยังไม่ได้ถวายบ้าน? ให้เขากลับไปบ้านของเขา เพื่อว่าเขาจะไม่ต้องตายในสงครามและทำให้คนอื่นต้องถวายบ้านแทน 6 มีใครที่ได้ปลูกสวนองุ่นและยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผล? ให้เขากลับบ้าน เพื่อเขาจะไม่ต้องตายในสงครามและให้คนอื่นเก็บเกี่ยวผลนั้นแทน 7 มีชายคนใดที่ได้หมั้นหมายเพื่อแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งและยังไม่ได้แต่งงานกับเธอ? ให้เขากลับบ้านเพื่อเขาจะไม่ต้องตายในสงครามและทำให้คนอื่นต้องแต่งงานกับเธอ' 8 นายทหารทั้งหลายต้องพูดเพิ่มเติมต่อประชาชนอีกและพูดว่า 'มีชายคนใดที่กลัวหรือหวาดหวั่นหรือ? ให้เขากลับไปบ้านของเขา เพื่อว่าใจของพี่น้องของเขาจะไม่ละลายไปเหมือนกับใจของเขาเอง'

9 เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งหลายได้กล่าวต่อประชาชนเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาต้องแต่งตั้งผู้บัญชาการเหนือพวกเขา 10 เมื่อพวกท่านออกไปโจมตีเมืองหนึ่ง จงให้ข้อเสนอยอมเจรจาอย่างสแก่ผู้คนเหล่านั้น 11 ถ้าพวกเขายอมรับข้อเสนอของพวกท่านและเปิดประตูเมืองให้แก่พวกท่าน ประชาชนทุกคนที่พบในเมืองนั้นจะต้องมาเป็นทาสแรงงานให้แก่พวกท่านและต้องรับใช้พวกท่าน 12 แต่ถ้าไม่มีการทำข้อเสนอยอมเจรจาต่อพวกท่าน แต่กลับทำสงครามกับพวกท่านแล้ว พวกท่านต้องล้อมเมืองนั้น

13 และเมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านประทานชัยชนะให้แก่พวกท่านและให้พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกท่าน พวกท่านต้องฆ่าผู้ชายทุกคนในเมืองนั้น 14 แต่สำหรับพวกผู้หญิง เด็กเล็ก ๆ ทั้งหลาย ฝูงสัตว์ และทุกสิ่งที่อยู่ในเมืองนั้น และทรัพย์สินทุกอย่างของเมืองนั้น พวกท่านจะยึดมาเป็นของริบเพื่อพวกท่านเอง พวกท่านจะใช้สิ่งของที่ยึดมาของศัตรูของพวกท่านได้ คือพวกที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ประทานให้แก่พวกท่าน 15 พวกท่านต้องกระทำด้วยวิธีการนี้ต่อเมืองทุกเมืองที่อยู่ห่างไกลจากพวกท่าน เมืองต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็นเมืองของชนชาติต่าง ๆ เหล่านี้ 16 ในเมืองต่าง ๆ ของประชาชนเหล่านี้ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังจะประทานให้แก่พวกท่านให้เป็นมรดก พวกท่านต้องไม่ปล่อยให้สิ่งใดรอดชีวิต

17 แต่พวกท่านต้องทำลายพวกเขาให้หมด คือชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสสี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงบัญชาพวกท่านนั้น 18 จงทำสิ่งนี้เพื่อว่าพวกเขาจะไม่ต้องสอนพวกท่านให้ทำตามวิถีที่น่ารังเกียจของพวกเขา เหมือนกับที่พวกเขาได้กระทำแก่พระต่าง ๆ ของพวกเขานั้น ถ้าหากพวกท่านทำ พวกท่านจะทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 19 เมื่อพวกท่านจะล้อมรอบเมืองหนึ่งเป็นเวลานาน ขณะที่พวกท่านทำสงครามเพื่อยึดครองเมืองนั้น พวกท่านต้องไม่ทำลายต้นไม้ต่าง ๆ ของเมืองนั้นโดยการใช้ขวานตัดโค่นพวกมัน เพราะพวกท่านต้องรับประทานผลจากพวกมัน ดังนั้นพวกท่านต้องไม่โค่นมันลง เพราะต้นไม้ในทุ่งนาเป็นชีวิตของมนุษย์ที่พวกท่านล้อมรอบอยู่นั้นใช่ไหม? 20 มีเพียงต้นไม้ต่าง ๆ ที่พวกท่านรู้ว่าไม่ใช่ต้นไม้สำหรับเป็นอาหาร พวกท่านสามารถทำลายและตัดได้ พวกท่านจะสร้างเครื่องล้อมเมืองเพื่อต่อสู้กับเมืองนั้นที่ทำสงครามกับพวกท่าน จนกว่าเมืองนั้นจะแตก

21

1 ถ้ามีบางคนถูกฆ่าตายในทุ่งนาในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่านครอบครองนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าเขาแล้ว 2 บรรดาผู้ใหญ่ของพวกท่านและพวกผู้พิพากษาของพวกท่านต้องออกไป และพวกเขาต้องวัดระยะทางถึงเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบคนนั้นที่ถูกฆ่า 3 แล้วบรรดาผู้ใหญ่ของเมืองที่อยู่ใกล้ศพคนตายมากที่สุดต้องนำวัวสาวตัวหนึ่งมาจากฝูง ซึ่งเป็นวัวที่ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน และไม่เคยเทียมแอกมาก่อน

4 แล้วพวกเขาต้องนำวัวสาวตัวนั้นลงมาที่หุบเขาแห่งหนึ่งที่มีแม่น้ำไหล เป็นหุบเขาที่ไม่เคยถูกไถพรวนหรือหว่านเมล็ดมาก่อน และที่ในหุบเขานั้นพวกเขาต้องหักคอของวัวสาวตัวนั้น 5 พวกปุโรหิต บรรดาเชื้อสายของคนเลวี ต้องมาใกล้ คือพวกเขาที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงเลือกให้ปรนนิบัติพระองค์และอวยพรประชาชนในพระนามของพระยาห์เวห์ จงฟังคำชี้แนะของพวกเขาเพราะถ้อยคำของพวกเขาจะเป็นคำตัดสินสำหรับทุกข้อพิพาทและสำหรับการประทุษร้ายทุกอย่าง 6 บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหมดของเมืองนั้นที่อยู่ใกล้คนที่ถูกฆ่าตายต้องชำระมือของพวกเขาเหนือวัวสาวตัวนั้นที่ถูกหักคอในหุบเขา 7 และพวกเขาต้องตอบในเรื่องนี้และพูดว่า 'มือของพวกเราไม่ได้ทำให้โลหิตนี้ตก และดวงตาของเราก็ไม่ได้มองเห็นมัน

8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงให้อภัยต่อประชาชนอิสราเอลของพระองค์ คือผู้ที่พระองค์ได้ทรงไถ่มา และขอทรงอย่าเอาผิดสำหรับการหลั่งเลือดของผู้ที่ไร้ความผิดในท่ามกลางประชาชนอิสราเอลของพระองค์นี้เลย' แล้วการหลั่งโลหิตนั้นจะได้รับการยกโทษ 9 ด้วยวิธีการนี้ พวกท่านจะเอาการหลั่งโลหิตของผู้ที่ไร้ความผิดของออกไปจากท่ามกลางพวกท่าน เมื่อพวกท่านทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ 10 เมื่อพวกท่านออกไปทำสงครามกับพวกศัตรูของพวกท่านและพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะประทานชัยชนะให้แก่พวกท่าน และทำให้พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกท่าน และพวกท่านจะเอาพวกเขามาเป็นเชลย

11 ถ้าท่านคนใดเห็นผู้หญิงสวยงามในท่ามกลางเชลยนั้น และท่านมีความปรารถนาต่อเธอและต้องการเอาเธอมาเป็นภรรยาของท่านเอง 12 แล้วท่านจะนำเธอมาที่บ้านของท่าน เธอจะโกนผมของเธอและตัดเล็บของเธอ 13 แล้วเธอจะถอดเสื้อผ้าที่เธอกำลังสวมใส่เมื่อตอนที่เธอถูกจับเป็นเชลยออก และเธอจะอาศัยอยู่ในบ้านของท่านและไว้ทุกข์เพื่อบิดาของเธอและมารดาของเธอตลอดหนึ่งเดือนเต็ม หลังจากนั้นท่านจึงจะหลับนอนกับเธอและเป็นสามีของเธอได้ และเธอจะเป็นภรรยาของท่าน 14 แต่ถ้าท่านไม่พึงพอใจเธอแล้ว ท่านสามารถปล่อยเธอไปในที่ที่เธอปรารถนาได้ แต่ท่านต้องไม่ขายเธอเพื่อแลกกับเงินอย่างเด็ดขาด และท่านต้องไม่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับเป็นทาส เพราะท่านได้ทำให้เธอเสียเกียรติแล้ว

15 ถ้าหากผู้ชายคนใดที่มีภรรยาสองคนและหนึ่งคนเป็นที่รักกับอีกคนเป็นที่เกลียดชัง และพวกเธอทั้งสองคนได้ให้กำเนิดบุตรแก่เขา คือทั้งภรรยาที่เป็นที่รักและภรรยาที่เป็นที่เกลียดชัง ถ้าบุตรชายหัวปีเป็นของภรรยาคนที่ถูกเกลียดชัง 16 แล้วในวันนั้นที่ผู้ชายคนนั้นทำให้บุตรชายของเขาได้รับมรดกที่เขาครอบครอง เขาต้องไม่ให้บุตรชายของภรรยาคนที่เป็นที่รักเป็นบุตรหัวปีก่อนบุตรชายของภรรยาคนที่เขาเกลียดชัง คือบุตรชายคนที่เป็นบุตรหัวปีที่แท้จริง 17 แต่เขาต้องยอมรับบุตรชายหัวปีของภรรยาคนที่เขาเกลียดชังนั้น โดยการมอบส่วนแบ่งเป็นสองเท่าของทุกสิ่งที่เขาครอบครองแก่บุตรชายคนนั้น เพราะบุตรชายคนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของกำลังของเขา สิทธิของบุตรหัวปีเป็นของเขา

18 ถ้าหากมีผู้ชายคนหนึ่งมีบุตรชายที่ดื้อรั้นและกบฎที่จะไม่เชื่อฟังเสียงของบิดาของเขาหรือเสียงของมารดาของเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตักเตือน บุตรชายก็จะไม่ฟังเสียงของพวกเขา 19 ดังนั้นบิดาของเขาและมารดาของเขาต้องจับตัวเขาและนำเขาออกไปหาบรรดาผู้ใหญ่ของเมืองของเขาและไปที่ประตูเมืองของเขา 20 พวกเขาต้องพูดต่อบรรดาผู้ใหญ่ของเมืองของเขาว่า 'นี่คือบุตรชายของเราที่ดื้อรั้นและกบฎ เขาจะไม่เชื่อฟังเสียงของพวกเรา เขาเป็นคนตะกละและเมามาย'

21 แล้วผู้ชายทุกคนในเมืองของเขาต้องเอาก้อนหินขว้างเขาให้ตาย และพวกท่านจะกำจัดความชั่วออกไปจากท่ามกลางพวกท่านได้ ชาวอิสราเอลทั้งหมดจะได้ยินเรื่องนี้และเกรงกลัว 22 ถ้าหากผู้ชายคนหนึ่งได้ทำบาปซึ่งสมควรตายและเขาถูกฆ่าตาย และพวกท่านแขวนเขาไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง 23 แล้วศพของเขาจะต้องไม่ถูกปล่อยให้ค้างคืนบนต้นไม้นั้น แต่พวกท่านต้องเผาศพของเขาในวันเดียวกันนั้น เพราะใครก็ตามที่ถูกแขวนนั้นก็ได้รับคำแช่งสาปโดยพระเจ้า จงเชื่อฟังคำบัญชานี้เพื่อว่าพวกท่านจะไม่ทำให้ดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่านเป็นมรดกนั้นเป็นมลทิน

22

1 พวกท่านต้องไม่มองดูวัวของเพื่อนชาวอิสราเอลหรือแกะของเขาพลัดหลงและนิ่งเฉยต่อพวกมัน พวกท่านต้องนำพวกมันกลับไปคืนให้เขา 2 ถ้าหากเพื่อนชาวอิสราเอลของพวกท่านไม่ได้อยู่ใกล้พวกท่าน หรือถ้าพวกท่านไม่รู้จักเขา แล้วพวกท่านต้องนำสัตว์นั้นกลับมาที่บ้านของพวกท่าน และมันต้องอยู่กับพวกท่านจนกว่าเขาจะมาตามหามัน และจากนั้นพวกท่านต้องคืนมันให้แก่เขา 3 พวกท่านต้องทำอย่างเดียวกันนี้กับลาของเขา พวกท่านต้องทำอย่างเดียวกันนี้กับเสื้อผ้าของพวกเขา พวกท่านต้องทำอย่างเดียวกันนี้กับทุกสิ่งที่เพื่อนชาวอิสราเอลของพวกท่านทำหาย สิ่งใดที่เขาได้ทำหายและพวกท่านได้พบ พวกท่านต้องไม่นิ่งเฉย 4 พวกท่านต้องไม่มองดูลาของเพื่อนชาวอิสราเอลของพวกท่านหรือวัวของเขาตกลงไปจากถนน และนิ่งเฉยต่อพวกมัน พวกท่านต้องช่วยเขาฉุดมันขึ้นมาอีกครั้ง

5 ผู้หญิงต้องไม่สวมเครื่องแต่งกายของผู้ชาย และผู้ชายก็ต้องไม่สวมเครื่องแต่งกายของผู้หญิง เพราะใครที่ทำสิ่งเหล่านี้ก็เป็นที่รังเกียจต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 6 ถ้ามีรังนกตกอยู่บนถนนต่อหน้าต่อตาพวกท่าน ในต้นไม้ต้นใด หรือบนพื้นดิน ซึ่งในรังนกมีลูกนกเล็ก ๆ หรือไข่นก และแม่ของมันนั่งกกลูกเล็กหรือไข่เหล่านั้นอยู่ พวกท่านต้องไม่พรากแม่ไปจากลูกเล็ก ๆ ของมัน 7 พวกท่านต้องปล่อยแม่ของมันไป แต่ลูกเล็ก ๆ ของมัน พวกท่านสามารถเอามาได้ จงเชื่อฟังคำบัญชานี้เพื่อพวกท่านจะไปดีมาดี และพวกท่านจะมีชีวิตยืนยาวตลอดวันเวลาของพวกท่าน 8 เมื่อพวกท่านสร้างบ้านใหม่หลังหนึ่ง แล้วพวกท่านต้องทำราวบันไดขึ้นไปบนหลังคาของพวกท่าน เพื่อพวกท่านจะไม่ทำให้โลหิตไหลบนบ้านของพวกท่านถ้าหากมีใครตกลงมาจากที่นั่น

9 พวกท่านต้องไม่ทำสวนองุ่นด้วยการหว่านเมล็ดพันธุ์สองชนิดพร้อมกัน เพื่อการเก็บเกี่ยวทั้งหมดนั้นจะไม่เป็นมลทิลต่อวิสุทธิสถาน คือเมล็ดพันธุ์ที่พวกท่านได้หว่านและผลผลิตจากสวนองุ่นนั้น 10 พวกท่านต้องไม่ใช้วัวและลาไถพรวนด้วยกัน 11 พวกท่านต้องไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่ทอขนแกะและผ้าลินินเข้าด้วยกัน 12 พวกท่านต้องทำพู่ห้อยเอาไว้ที่มุมทั้งสี่ด้านของเสื้อคลุมที่พวกท่านสวมใส่ 13 ถ้ามีชายคนหนึ่งมีภรรยาคนหนึ่ง หลับนอนกับเธอ และจากนั้นก็เกลียดชังเธอ

14 และจากนั้นก็กล่าวหาทำให้เธออับอายและทำให้เธอเสียชื่อเสียง และพูดว่า 'ข้าพเจ้ารับเอาผู้หญิงคนนี้มา แต่เมื่อข้าพเจ้าเข้าใกล้เธอ ข้าพเจ้าพบว่าเธอไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์' 15 แล้วบิดาและมารดาของหญิงสาวนั้นต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอต่อบรรดาผู้ใหญ่ที่ประตูเมือง 16 บิดาของหญิงสาวนั้นต้องพูดต่อบรรดาผู้ใหญ่ว่า 'ข้าพเจ้าได้มอบลูกสาวของข้าพเจ้าให้กับชายคนนี้เพื่อเป็นภรรยา และเขากลับเกลียดชังเธอ 17 ดูเถิด เขาได้กล่าวหาให้เธออับอายและพูดว่า "ข้าพเจ้าพบว่าลูกสาวของท่านไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์" แต่นี่คือหลักฐานแสดงความเป็นหญิงบริสุทธิ์อของลูกสาวของข้าพเจ้า' แล้วพวกเขาจะคลี่เสื้อผ้านั้นออกต่อหน้าบรรดาผู้ใหญ่ของเมืองนั้น 18 บรรดาผู้ใหญ่ของเมืองนั้นต้องนำตัวผู้ชายคนนั้นมาและลงโทษเขา

19 และพวกเขาต้องปรับเงินชายคนนั้นเป็นจำนวนหนึ่งร้อยเชเขล และมอบเงินนั้นให้กับบิดาของหญิงสาวคนนั้น เพราะชายคนนั้นได้ทำให้เสียชื่อเสียงเรื่องความบริสุทธิ์ของอิสราเอล เธอต้องเป็นภรรยาของเขา เขาไม่สามารถส่งเธอไปที่ไหนได้ตลอดชีวิตของเขา 20 แต่ถ้าสิ่งนี้เป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ว่าหญิงสาวนั้นไม่มีความบริสุทธิ์ 21 แล้วพวกเขาต้องนำหญิงสาวนั้นมาที่ประตูบ้านของบิดาของเธอ และพวกผู้ชายในเมืองของเธอต้องเอาก้อนหินขว้างเธอให้ตาย เพราะเธอได้ประพฤติอย่างน่าอับอายในอิสราเอล ประพฤติเยี่ยงโสเภณีในบ้านของบิดาของเธอ และพวกท่านจะกำจัดความชั่วออกไปจากท่ามกลางพวกท่าน 22 ถ้าหากมีผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกจับได้ว่าไปหลับนอนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้แต่งงานกับผุู้ชายอีกคนแล้ว พวกเขาต้องตายทั้งคู่ คือผู้ชายคนนั้นที่กำลังหลับนอนกับผู้หญิงคนนั้นและผู้หญิงคนนั้นเองด้วย และพวกท่านจะกำจัดความชั่วออกไปจากท่ามกลางพวกท่าน

23 ถ้าหากมีหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นหญิงบริสุทธิ์ ได้หมั้นกับผู้ชายคนหนึ่ง และมีผู้ชายอีกคนหนึ่งพบเธอในเมืองและหลับนอนกับเธอ 24 จงนำพวกเขาทั้งสองคนมาที่ประตูเมือง และเอาก้อนหินขว้างพวกเขาให้ตาย พวกท่านต้องเอาหินขว้างหญิงสาวคนนั้น เพราะเธอไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้ว่าเธออยู่ในเมืองนั้น พวกท่านต้องเอาหินขว้างผู้ชายคนนั้น เพราะเขาข่มขืนภรรยาของเพื่อนบ้านของเขา และพวกท่านจะกำจัดความชั่วออกไปจากท่ามกลางพวกท่าน 25 แต่ถ้าหากผู้ชายคนนั้นไปพบหญิงสาวที่หมั้นแล้วในทุ่งนา และถ้าหากเขาจับกุมเธอและหลับนอนกับเธอ ดังนั้นชายคนนั้นที่หลับนอนกับเธอจะต้องตายเพียงคนเดียว 26 แต่พวกท่านไม่ต้องทำสิ่งใดต่อหญิงสาวคนนั้น ไม่มีความบาปที่สมควรตายในหญิงสาวคนนั้น เพราะกรณีนี้เป็นเหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งได้ทำร้ายเพื่อนบ้านของเขาและฆ่าเขา

27 เพราะเขาได้พบเธอในทุ่งนา หญิงสาวที่หมั้นแล้วได้ส่งเสียงร้อง แต่ไม่มีใครช่วยเธอให้รอดพ้นได้ 28 ถ้าหากชายคนหนึ่งพบหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นหญิงบริสุทธิ์แต่ยังไม่ได้หมั้น และถ้าเขาจับกุมเธอและหลับนอนกับเธอ และถ้าพวกเขาถูกจับได้ 29 แล้วผู้ชายคนนั้นที่ได้หลับนอนกับเธอต้องให้เงินห้าสิบเชเขลกับบิดาของหญิงสาวคนนั้น และเธอต้องเป็นภรรยาของเขา เพราะเขาได้ทำให้เธอเสียเกียรติ เขาต้องไม่ไล่เธอไปจนตลอดชีวิตของเขา 30 ผู้ชายคนหนึ่งต้องไม่เอาภรรยาของบิดาของเขามาเป็นภรรยาของเขาเอง เขาต้องไม่เอาสิทธิในการสมรสของบิดาของเขาไป

23

1 ต้องไม่มีผู้ชายคนใดที่บาดเจ็บโดยการถูกตอนหรือถูกตัดอวัยวะเพศจะเข้าในที่ชุมนุมของพระยาห์เวห์ได้ 2 ต้องไม่มีลูกนอกกฎหมายคนใดมีส่วนร่วมในที่ชุมนุมของพระยาห์เวห์ ไปจนถึงชนรุ่นที่สิบของเชื้อสายของเขา ในท่ามกลางพวกเขาจะไม่มีสักคนเดียวที่มีส่วนร่วมในที่ชุมนุมของพระยาห์เวห์ 3 คนอัมโมนหรือคนโมอับจะไม่สามารถมีส่วนร่วมในที่ชุมนุมของพระยาห์เวห์ ไปจนถึงชนรุ่นที่สิบของเชื้อสายของเขา ในท่ามกลางพวกเขาจะไม่มีสักคนเดียวที่มีส่วนร่วมในที่ชุมนุมของพระยาห์เวห์ได้ 4 นี่เพราะพวกเขาไม่ได้ต้อนรับพวกท่านด้วยขนมปังและน้ำดื่มตามทางเมื่อพวกท่านได้ออกมาจากอียิปต์ และเพราะพวกเขาได้ว่าจ้างบาลาอัมบุตรชายของเบโอร์จากเปโธร์ในอารัมนาหะราอิมให้มาแช่งสาปพวกท่าน

5 แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านไม่ได้ฟังเสียงของบาลาอัม พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้เปลี่ยนคำแช่งสาปให้กลายเป็นพระพรสำหรับพวกท่านแทน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงรักพวกท่าน 6 พวกท่านต้องไม่แสวงหาสันติสุขหรือความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขา ในตลอดชีวิตของพวกท่าน 7 พวกท่านต้องไม่เกลียดชังคนเอโดม เพราะเขาเป็นพี่น้องของพวกท่าน พวกท่านต้องไม่รังเกียจคนอียิปต์เพราะเหตุที่พวกท่านเคยเป็นคนต่างชาติในดินแดนของเขามาก่อน 8 เชื้อสายของชนรุ่นที่สามที่ถือกำเนิดจากพวกเขาจะสามารถมีส่วนร่วมในที่ชุมนุมของพระยาห์เวห์ได้

9 เมื่อพวกท่านตั้งขบวนกองทัพเพื่อต่อสู้กับเหล่าศัตรูของพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านต้องรักษาตัวเองให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายทุกอย่าง 10 ถ้าหากในท่ามกลางพวกท่าน มีผู้ชายคนใดที่เป็นมลทินเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในเวลากลางคืน แล้วเขาต้องออกไปจากค่ายของกองทัพนั้น เขาต้องไม่กลับเข้ามาในค่ายอีก 11 เมื่อถึงเวลาเย็น เขาต้องชำระตัวให้สะอาดด้วยน้ำ เมื่อดวงอาทิตย์ตก เขาจึงจะกลับเข้ามาในค่ายได้ 12 พวกท่านต้องมีสถานที่แห่งหนึ่งภายนอกค่ายที่พวกท่านจะไปได้ด้วย

13 และพวกท่านจะมีอุปกรณ์บางอย่างในท่ามกลางอุปกรณ์ต่าง ๆ ของพวกท่านเพื่อใช้ขุดดิน เมื่อพวกท่านนั่งยอง ๆ ลงเพื่อขับถ่ายด้วยตัวเอง พวกท่านต้องขุดดินด้วยอุปกรณ์นั้นและจากนั้นจึงกลบดินปิดสิ่งที่ออกมาจากพวกท่านเอาไว้ 14 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงดำเนินในท่ามกลางค่ายของพวกท่านเพื่อประทานชัยชนะและเพื่อมอบเหล่าศัตรูให้แก่พวกท่าน ด้วยเหตุนี้ค่ายของพวกท่านต้องบริสุทธิ์ เพื่อพระองค์จะไม่ทรงทอดพระเนตรเห็นสิ่งที่เป็นมลทินใด ๆ ในท่ามกลางพวกท่านและหันหนีจากพวกท่าน 15 พวกท่านต้องไม่มอบทาสคนหนึ่งที่ได้หนีมาจากเจ้านายของเขาคืนให้แก่เจ้านายของเขา 16 จงยอมให้เขาอาศัยอยู่กับพวกท่าน ไม่ว่าในเมืองใดที่เขาเลือก อย่ากดขี่เขา

17 ต้องไม่มีโสเภณีในพิธีศาสนาในท่ามกลางบุตรหญิงทั้งหลายของอิสราเอล และต้องไม่มีโสเภณีในพิธีศาสนาในท่ามกลางบุตรชายทั้งหลายของอิสราเอล 18 พวกท่านต้องไม่นำค่าจ้างของโสเภณีหรือค่าจ้างของสุนัขเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเพื่อการปฏิญาณใด ๆ เพราะทั้งสองสิ่งเหล่านี้เป็นที่น่ารังเกียจต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 19 พวกท่านต้องไม่คิดดอกเบี้ยกับพี่น้องชาวอิสราเอล ไม่ว่าดอกเบี้ยเงิน ดอกเบี้ยอาหาร หรือดอกเบี้ยของสิ่งใด ๆ ที่ให้ยืมเพื่อเอาดอกเบี้ย

20 ต่อคนต่างชาติ พวกท่านสามารถให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยได้ แต่ต่อพี่น้องชาวอิสราเอลของพวกท่าน พวกท่านต้องไม่ให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ย เพื่อว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงอวยพรพวกท่านในทุกสิ่งที่มือของพวกท่านกระทำ ในดินแดนนั้นที่พวกท่านกำลังเข้าไปยึดครอง 21 เมื่อพวกท่านให้คำสาบานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านต้องไม่ช้าในการทำให้คำสาบานนั้นสำเร็จ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะเรียกร้องสิ่งนั้นจากพวกท่านแน่นอน การไม่ทำให้คำสาบานสำเร็จก็เป็นความบาป 22 แต่ถ้าพวกท่านจะระงับการให้คำสาบาน ก็จะไม่เป็นความบาปแก่พวกท่าน

23 สิ่งนั้นที่ได้ออกมาจากปากของพวกท่าน พวกท่านต้องปฏิบัติและทำตาม คือสิ่งที่พวกท่านได้ให้คำสาบานเอาไว้ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน สิ่งใด ๆ ก็ตามที่พวกท่านได้สัญญาด้วยปากของพวกท่านโดยสมัครใจ 24 เมื่อพวกท่านเข้าไปในสวนองุ่นของเพื่อนบ้านของพวกท่าน พวกท่านสามารถรับประทานผลองุ่นได้มากตามที่พวกท่านปรารถนา แต่อย่าเก็บผลองุ่นใส่ตะกร้าของพวกท่าน 25 เมื่อพวกท่านเข้าไปในทุ่งนาของเพื่อนบ้านของพวกท่าน พวกท่านสามารถใช้มือของพวกท่านเด็ดรวงข้าว แต่จงอย่าใช้เคียวเกี่ยวรวงข้าวของเพื่อนบ้านของพวกท่าน

24

1 เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งที่รับภรรยาและแต่งงานกับเธอ ถ้าหากเธอไม่เป็นที่พึงพอใจในสายตาของเขาเพราะเขาได้พบสิ่งที่ไม่เหมาะสมในตัวเธอ แล้วเขาต้องเขียนหนังสือหย่าให้แก่เธอฉบับหนึ่ง ใส่ไว้ในมือของเธอ และไล่เธอออกไปจากบ้านของเขา 2 เมื่อเธอได้ออกมาจากบ้านของเขา เธอสามารถไปเป็นภรรยาของผู้ชายอีกคนหนึ่งได้ 3 ถ้าหากสามีคนที่สองเกลียดเธอและเขียนหนังสือหย่าให้แก่เธอ ใส่ไว้ในมือของเธอ และไล่เธอออกไปจากบ้านของเขา หรือถ้าหากสามีคนที่สองตาย คือผู้ชายคนที่ได้รับเธอมาเป็นภรรยาของเขา 4 แล้วสามีคนแรกของเธอ คือคนที่ได้ไล่เธอออกจากบ้านคนแรก จะไม่สามารถรับเธอกลับมาเป็นภรรยาของเขาได้อีก หลังจากที่เธอได้กลายเป็นคนที่ไม่บริสุทธิ์แล้ว เพราะการทำเช่นนั้นเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระยาห์เวห์ พวกท่านต้องไม่ทำให้ดินแดนนั้นมีความผิด คือดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงประทานให้แก่พวกท่านเป็นมรดก

5 เมื่อผู้ชายคนหนึ่งมีภรรยาใหม่คนหนึ่ง เขาจะไม่ไปออกรบกับกองทัพ ไม่ว่าเขาจะได้รับคำสั่งให้ไปทำหน้าที่ในกองทัพใด ๆ ก็ตาม เขาจะเป็นอิสระเพื่อจะอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหนึ่งปีและจะชื่นชมอยู่กับภรรยาของเขาที่เขาได้รับมานั้น 6 อย่าให้คนใดยึดโม่หรือหินโม่เอาไว้เป็นประกัน เพราะนั่นจะเป็นการยึดเอาชีวิตของบุคคลหนึ่งไว้เป็นประกัน 7 ถ้าหากผู้ชายคนหนึ่งถูกจับได้ว่าลักพาตัวพี่น้องคนใดของเขาไปจากท่ามกลางชนอิสราเอล และทำให้เขาเป็นทาสและขายเขา คนที่ขโมยนั้นต้องตาย และพวกท่านจะกำจัดความชั่วออกไปจากท่ามกลางพวกท่าน 8 จงระวังเกี่ยวกับโรคเรื้อนใด ๆ เพื่อพวกท่านจะเอาใจใส่ในการปฏิบัติและทำตามคำสั่งสอนทุกอย่างที่ได้มอบเอาไว้ให้แก่พวกท่านตามที่บรรดาปุโรหิต คนเลวีทั้งหลาย ได้สอนพวกท่าน ตามที่ข้าพเจ้าได้บัญชาทั้งหมดนั้น เพื่อพวกท่านจะกระทำตาม

9 จงระลึกถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงกระทำต่อมิเรียมเมื่อพวกท่านได้กำลังออกมาจากอียิปต์ 10 เมื่อพวกท่านให้เพื่อนบ้านของพวกท่านยืมสิ่งใด ๆ พวกท่านต้องไม่เข้าไปในบ้านของเขาเพื่อยึดของประกัน 11 พวกท่านจะยืนอยู่ด้านนอก และผู้ชายคนนั้นที่พวกท่านได้ให้ยืมจะนำของประกันออกมาให้แก่พวกท่าน 12 ถ้าหากเขาเป็นคนยากจน พวกท่านต้องไม่นอนหลับโดยมีของประกันของเขาอยู่ในการครอบครองของพวกท่าน 13 พวกท่านต้องคืนของประกันให้แก่เขาก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน เพื่อเขาจะสามารถใช้เสื้อคลุมห่มเวลานอนหลับและอวยพรพวกท่าน สิ่งนี้เป็นความชอบธรรมสำหรับพวกท่านต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน

14 พวกท่านต้องไม่กดขี่ลูกจ้างที่ยากจนและขัดสน ไม่ว่าเขาจะเป็นพี่น้องชาวอิสราเอลของพวกท่าน หรือเป็นคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในดินแดนของพวกท่านภายในประตูเมืองใด ๆ ของพวกท่านก็ตาม 15 ในแต่ละวัน พวกท่านต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่เขา ดวงอาทิตย์ต้องไม่ตกถึงดินก่อนที่เรื่องนี้จะได้รับการสะสาง เพราะเขายากจนและมีใจจดจ่ออยู่กับค่าจ้างนั้น จงกระทำสิ่งนี้เพื่อเขาจะไม่ร้องทูลกล่าวหาพวกท่านต่อพระยาห์เวห์ และเพื่อจะไม่เป็นความบาปที่พวกท่านได้กระทำ 16 พ่อแม่ทั้งหลายต้องไม่ถูกทำให้ถึงแก่ความตายแทนพวกลูกของพวกเขา พวกลูกต้องไม่ถูกทำให้ถึงแก่ความตายแทนพ่อแม่ของพวกเขา แต่ทุกคนต้องถูกทำให้ถึงแก่ความตายเพราะความบาปของเขาเอง

17 พวกท่านต้องไม่ใช้กำลังบังคับเพื่อเอาความยุติธรรมไปจากคนต่างชาติหรือจากลูกกำพร้า หรือยึดเสื้อคลุมของหญิงม่ายเป็นของประกัน 18 แต่พวกท่านต้องระลึกถึงเมื่อพวกท่านเป็นทาสในอียิปต์ และที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงช่วยกู้พวกท่านจากที่นั่น ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงสั่งสอนพวกท่านให้เชื่อฟังคำบัญชานี้ 19 เมื่อพวกท่านเก็บเกี่ยวในทุ่งนาของพวกท่าน และถ้าพวกท่านได้ลืมฟ่อนข้าวมัดหนึ่งเอาไว้ในทุ่งนานั้น พวกท่านต้องไม่กลับไปเอา มันต้องเป็นของคนต่างชาติ ของลูกกำพร้า หรือของหญิงม่าย เพื่อว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงอวยพรพวกท่านในการงานทุกอย่างที่มือของพวกท่านกระทำ

20 เมื่อพวกท่านเขย่าต้นมะกอก พวกท่านต้องไม่กลับไปที่กิ่งเดิมอีก มันจะต้องเป็นของคนต่างชาติ ของลูกกำพร้า หรือของหญิงม่าย 21 เมื่อพวกท่านเก็บผลองุ่นในสวนองุ่นของพวกท่าน พวกท่านต้องไม่เก็บซ้ำที่เดิมอีก สิ่งที่เหลืออยู่จะเป็นของคนต่างชาติ เป็นของลูกกำพร้า และเป็นของหญิงม่าย 22 พวกท่านต้องระลึกถึงเมื่อพวกท่านเป็นทาสอยู่ในดินแดนอียิปต์ ด้วยเหตุนี้้ข้าพเจ้าจึงสั่งสอนพวกท่านให้เชื่อฟังคำบัญชานี้

25

1 ถ้าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างมนุษย์ด้วยกันและพวกเขาไปที่ศาล และผู้พิพากษาตัดสินคดีของพวกเขา แล้วพวกเขาจะประกาศว่าไร้ผิดสำหรับคนที่ชอบธรรมและประกาศลงโทษคนที่ทำชั่ว 2 ถ้าหากคนที่ทำผิดสมควรได้รับการโบยตี แล้วผู้พิพากษาจะให้เขานอนลงและโบยตีต่อหน้าผู้พิพากษาพร้อมกับคำสั่งให้โบยตีกี่ครั้งแล้วแต่การกระทำผิดของคนนั้น 3 ผู้พิพากษาจะให้เขาถูกโบยตีสี่สิบครั้งก็ได้ แต่เขาต้องไม่ถูกโบยตีเกินกว่าจำนวนนั้น เพราะถ้าหากเขาสมควรถูกโบยตีมากกว่าจำนวนนั้นและโบยตีเขามากเกินกว่านั้น แล้วพี่น้องชาวอิสราเอลของพวกท่านจะถูกทำให้เสียเกียรติต่อหน้าต่อตาของพวกท่าน 4 พวกท่านต้องไม่เอาตะกร้าครอบปากวัวเมื่อขณะที่มันนวดข้าวอยู่

5 ถ้าหากมีพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันและหนึ่งคนในพวกเขาตาย โดยไม่มีบุตรชายแม้สักคนเดียว แล้วภรรยาของคนที่ตายต้องไม่แต่งงานกับคนภายนอกครอบครัวนี้ แต่น้องชายของสามีของเธอต้องหลับนอนกับเธอและรับเธอมาเป็นภรรยาของเขา และทำหน้าที่สามีให้กับเธอแทนพี่ชายของเขา 6 สิ่งนี้เพื่อว่าบุตรหัวปีที่เธอให้กำเนิดจะสืบชื่อของพี่ชายคนที่ตายไปแล้วนั้น เพื่อว่าชื่อของเขาจะไม่ถูกลบไปจากอิสราเอล 7 แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ปรารถนารับภรรยาของพี่ชายของเขามาเป็นภรรยาตนเอง แล้วภรรยาของพี่ชายของเขาต้องไปที่ประตูเมืองเพื่อหาบรรดาผู้ใหญ่และพูดว่า 'น้องชายของสามีของดิฉันปฏิเสธที่จะยกชูชื่อของพี่ชายของเขาในอิสราเอล เขาจะไม่ปฏิบัติหน้าที่น้องชายของสามีต่อดิฉัน'

8 แล้วบรรดาผู้ใหญ่ของเมืองของเขาต้องเรียกเขามาและพูดกับเขา แต่ถ้าหากเขายังยืนยันและพูดว่า 'ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาที่จะรับเธอเป็นภรรยา' 9 แล้วภรรยาของพี่ชายของเขาต้องขึ้นมาหาเขาต่อหน้าบรรดาผู้ใหญ่ ถอดรองเท้าแตะของเขาจากเท้าของเขา และถ่มน้ำลายรดหน้าเขา เธอต้องตอบเขาและพูดว่า 'นี่คือสิ่งที่สมควรกระทำต่อผู้ชายคนนั้นที่ไม่สร้างวงศ์ตระกูลของพี่ชายของเขา' 10 ชื่อของเขาจะถูกเรียกในอิสราเอลว่า 'วงศ์ตระกูลของเขาที่รองเท้าแตะถูกถอดออก'

11 ถ้าหากมีผู้ชายต่อสู้กัน และภรรยาของหนึ่งคนในนั้นมาเพื่อช่วยชีวิตสามีของเธอจากมือของคนนั้นที่ทำร้ายเขา และถ้าหากเธอยื่นมือของเธอออกมาและจับของลับของเขา 12 แล้วพวกท่านต้องตัดมือของเธอทิ้ง สายตาของพวกท่านต้องไม่มีความสงสาร 13 พวกท่านต้องไม่มีลูกตุ้มน้ำหนักที่แตกต่างกันในกระเป๋าของพวกท่าน ใหญ่อันหนึ่งและเล็กอันหนึ่ง 14 พวกท่านต้องไม่มีเครื่องตวงวัดที่แตกต่างกันในบ้านของพวกท่าน ใหญ่อันหนึ่งและเล็กอันหนึ่ง 15 พวกท่านต้องมีลูกตุ้มน้ำหนักหนึ่งอันที่ถูกต้องและแม่นยำ พวกท่านต้องมีเครื่องตวงวัดหนึ่งอันที่ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อว่าชีวิตของพวกท่านจะยืนยาวในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่าน

16 เพราะทุกคนที่ทำอย่างนั้น ทุกคนที่กระทำอย่างไม่ชอบธรรมนั้น ก็เป็นที่น่ารังเกียจต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 17 จงระลึกถึงสิ่งที่คนอามาเลขกระทำต่อพวกท่านตามหนทางเมื่อพวกท่านได้ออกมาจากอียิปต์ 18 การที่พวกเขาได้มาพบท่านอย่างไรตามหนทางนั้นและการที่เขาโจมตีพวกท่านด้านหลังอย่างไร ทุกคนที่อ่อนกำลังในกองหลังของพวกท่าน เมื่อพวกท่านอ่อนล้าและอ่อนแรง เขาไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า 19 ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ประทานการพักสงบจากเหล่าศัตรูทั้งหมดของพวกท่าน ในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่านเพื่อยึดครองเป็นมรดกนั้น พวกท่านต้องไม่ลืมว่าพวกท่านต้องทำให้คนอามาเลขสูญสิ้นไปจากความทรงจำภายใต้ท้องฟ้านี้

26

1 เมื่อพวกท่านได้เข้าไปในดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่านเป็นมรดกนั้น และเมื่อพวกท่านยึดครองดินแดนนั้นและอาศัยอยู่ในนั้น 2 แล้วพวกท่านต้องเอาผลแรกของการเก็บเกี่ยวทั้งหมดของแผ่นดินที่พวกท่านได้นำเข้ามาจากดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่าน พวกท่านต้องนำผลเหล่านั้นใส่ในตะกร้าและไปยังสถานที่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงเลือกให้เป็นดั่งสถานนมัสการของพระองค์ 3 พวกท่านต้องไปหาปุโรหิตผู้ที่กำลังปรนนิบัติในเวลานั้นและพูดกับเขาว่า 'ในวันนี้ข้าพเจ้ายอมรับต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านว่า ข้าพเจ้าได้มาถึงดินแดนนี้ที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาต่อบรรพบุรุษของพวกเราว่าจะประทานให้แก่พวกเรา' 4 ปุโรหิตต้องรับตะกร้านั้นจากมือของพวกท่านและวางมันลงต่อหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน

5 พวกท่านต้องพูดต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านว่า 'บรรพบุรุษของข้าพเจ้าคือชาวอารัมผู้ร่อนเร่ เขาได้ลงไปยังอียิปต์และอาศัยอยู่ที่นั่น และประชาชนของเขามีจำนวนน้อย ที่นั่นเขาได้กลายเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ เข้มแข็ง และมีประชาชนหนาแน่น 6 ชาวอียิปต์ได้ปฏิบัติต่อพวกเราอย่างเลวร้ายและได้ทรมานพวกเรา พวกเขาได้ให้เราทำงานเยี่ยงทาส 7 เราได้ร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษทั้งหลายของพวกเรา และพระองค์ได้ทรงฟังเสียงของพวกเราและได้ทอดพระเนตรเห็นความทรมานของพวกเรา การทำงานหนักของพวกเรา และการถูกกดขี่ของพวกเรา 8 พระยาห์เวห์ได้ทรงนำเราออกจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ ด้วยพระกรที่เหยียดออก ด้วยสิ่งที่น่ายำเกรงอย่างยิ่งใหญ่ต่าง ๆ ด้วยหมายสำคัญต่างๆ และด้วยการอัศจรรย์ต่างๆ

9 และพระองค์ได้ทรงนำพวกเรามาที่สถานที่แห่งนี้และได้ทรงประทานดินแดนนี้แก่พวกเรา คือดินแดนหนึ่งที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ 10 ดูเถิดเวลานี้ ข้าพเจ้าได้นำผลแรกของการเก็บเกี่ยวของแผ่นดินที่พระองค์ คือพระยาห์เวห์ ได้ประทานให้แก่ข้าพเจ้า' พวกท่านต้องวางมันลงต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและนมัสการต่อพระพักตร์ของพระองค์ 11 และพวกท่านต้องชื่นชมยินดีในทุกสิ่งที่ดีที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงกระทำเพื่อพวกท่าน เพื่อครอบครัวของพวกท่าน คือตัวพวกท่านและคนเลวี และคนต่างชาติที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน 12 เมื่อพวกท่านได้เสร็จสิ้นจากการถวายสิบลดทั้งหมดของการเก็บเกี่ยวของพวกท่านในปีที่สามแล้ว นั่นคือ ปีแห่งการถวายสิบลด แล้วพวกท่านต้องมอบสิ่งนั้นให้กับคนเลวี แก่คนต่างชาติ แก่ลูกกำพร้า และแก่หญิงม่าย เพื่อว่าพวกเขาจะสามารถรับประทานภายในประตูเมืองต่าง ๆ ของพวกท่านและอิ่มหนำ

13 พวกท่านต้องพูดต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านว่า 'ข้าพเจ้าได้นำสิ่งต่างๆ ที่เป็นของพระยาห์เวห์ออกจากบ้านของข้าพเจ้า และได้มอบสิ่งเหล่านั้นแก่คนเลวี แก่คนต่างชาติ แก่ลูกกำพร้า และแก่หญิงม่าย ตามพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์ที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้ละเมิดพระบัญญัติของพระองค์แม้แต่ข้อเดียว และไม่ได้ลืมเลย 14 ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานสิ่งใดๆ จากสิ่งเหล่านั้นในการไว้ทุกข์ของข้าพเจ้า หรือข้าพเจ้าไม่ได้วางมันไว้ในที่ใดเมื่อข้าพเจ้าไม่บริสุทธิ์ หรือข้าพเจ้าไม่ได้มอบสิ่งใดๆ ของสิ่งเหล่านั้นเพื่อให้เกียรติแก่คนตาย ข้าพเจ้าได้ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เชื่อฟังทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงบัญชาให้ข้าพเจ้ากระทำ 15 ขอทอดพระเนตรลงมาจากวิสุทธิสถานที่พระองค์ทรงประทับ คือจากสวรรค์ และขอทรงอวยพรประชาชนอิสราเอลของพระองค์ และดินแดนที่พระองค์ได้ประทานให้แก่พวกเรา ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของพวกเรา คือดินแดนหนึ่งที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์

16 วันนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังทรงบัญชาพวกท่านให้เชื่อฟังกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ ดังนั้นพวกท่านจะถือรักษาถ้อยคำเหล่านี้และทำตามด้วยสิ้นสุดใจและด้วยสิ้นสุดจิตของพวกท่าน 17 พวกท่านได้ประกาศในวันนี้ว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกท่าน และที่พวกท่านจะดำเนินในทางทั้งหลายของพระองค์และถือรักษากฎหมายต่างๆ ของพระองค์ พระบัญญัติต่างๆ ของพระองค์ และกฎเกณฑ์ต่างๆ ของพระองค์ และที่พวกท่านจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์ 18 วันนี้พระยาห์เวห์ได้ทรงประกาศว่าพวกท่านเป็นประชาชนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เอง ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แก่พวกท่าน และที่พวกท่านต้องถือรักษาพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์ 19 และพระองค์จะตั้งพวกท่านให้สูงเหนือชนชาติอื่นๆ ทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงสร้าง และพวกท่านจะรับคำสรรเสริญ ชื่อเสียง และเกียรติ พวกท่านจะเป็นประชาชนที่ถูกแยกเอาไว้เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เหมือนอย่างที่พระองค์ได้ตรัสแล้วนั้น

27

1 โมเสสและบรรดาผู้ใหญ่ของอิสราเอลได้บัญชาประชาชนและพูดว่า "จงถือรักษาพระบัญชาทั้งหลายซึ่งข้าพเจ้าบัญชาแก่พวกท่านในวันนี้ 2 ในวันนั้นเมื่อพวกท่านจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่ดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่าน พวกท่านต้องตั้งหินก้อนใหญ่จำนวนหนึ่งขึ้นและฉาบปูน 3 พวกท่านต้องเขียนถ้อยคำต่างๆ ของกฎหมายนี้เมื่อพวกท่านได้ข้ามไป เพื่อพวกท่านจะสามารถเข้าสู่ดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังประทานให้แก่พวกท่าน คือดินแดนที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านได้ทรงสัญญาแก่พวกท่าน

4 เมื่อพวกท่านได้ข้ามผ่านแม่น้ำจอร์แดน จงตั้งหินเหล่านี้ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ ที่บนภูเขาเอบาล และฉาบหินเหล่านั้นด้วยปูนขาว 5 ที่นั่นพวกท่านต้องสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน คือแท่นบูชาที่ทำจากหินทั้งหลาย แต่พวกท่านต้องไม่ใช้เครื่องมือเหล็กสกัดก้อนหินเหล่านั้น 6 พวกท่านต้องสร้างแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจากหินที่ยังไม่ได้สกัด พวกท่านต้องเผาเครื่องบูชาบนแท่นบูชานั้นถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 7 และพวกท่านจะถวายเครื่องสันติบูชาและจะรับประทานที่นั่น พวกท่านจะชื่นชมยินดีต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 8 พวกท่านจะเขียนถ้อยคำทั้งหมดที่เป็นกฎหมายนี้อย่างชัดเจนบนหินเหล่านั้น"

9 โมเสสและบรรดาปุโรหิตทั้งหลาย คนเลวีทั้งหลาย ได้กล่าวต่อชนอิสราเอลทั้งหมดและพูดว่า "อิสราเอลเอ๋ย จงเงียบและฟัง ในวันนี้พวกท่านได้มาเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 10 ด้วยเหตุนี้พวกท่านต้องเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและเชื่อฟังพระบัญญัติต่างๆ และกฎหมายของพระองค์ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้" 11 โมเสสได้บัญชาประชาชนในวันเดียวกันและพูดว่า 12 "ชนเผ่าเหล่านี้ต้องยืนบนภูเขาเกริซิมเพื่ออวยพรประชาชนหลังจากที่พวกท่านได้ข้ามผ่านแม่น้ำจอร์แดนมาแล้ว ได้แก่ เผ่าสิเมโอน เผ่าเลวี เผ่ายูดาห์ เผ่าอิสสาคาร์ เผ่าโยเซฟ และเผ่าเบนยามิน 13 ทั้งหมดเหล่านี้คือเผ่าต่างๆ ที่ต้องยืนบนภูเขาเอบาลเพื่อประกาศคำแช่งสาป ได้แก่ เผ่ารูเบน เผ่ากาด เผ่าอาเชอร์ เผ่าเศบูลุน เผ่าดาน และเผ่านัฟทาลี

14 คนเลวีทั้งหลายจะตอบและพูดต่อคนทั้งหมดของอิสราเอลด้วยเสียงอันดังว่า 15 'ขอคนนั้นถูกแช่งสาปคือคนที่สร้างรูปปั้นหรือรูปแกะสลัก ซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระยาห์เวห์ ผลงานแห่งน้ำมือของช่างฝีมือ และคนที่ตั้งมันไว้ในที่ลับ' แล้วประชาชนทุกคนต้องตอบและกล่าวว่า 'อาเมน' 16 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาปคือคนที่ไม่ให้เกียรติแก่บิดาของเขาหรือแก่มารดาของเขา' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน' 17 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่ย้ายหลักเขตของเพื่อนบ้านของเขา' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน' 18 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่ทำให้คนตาบอดหลงไปจากทาง' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน'

19 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่ใช้กำลังบังคับเอาความยุติธรรมออกไปจากคนต่างชาติ ลูกกำพร้า หรือหญิงม่าย' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน' 20 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่หลับนอนกับภรรยาของบิดาของเขา เพราะเขาได้เอาสิทธิ์ของบิดาของเขาไป' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน' 21 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่หลับนอนกับสัตว์ชนิดใดๆ' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน' 22 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่หลับนอนกับพี่น้องผู้หญิงของเขา คือบุตรหญิงของบิดาของเขา หรือกับบุตรหญิงของมารดาของเขา' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน'

23 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่หลับนอนกับแม่ยายของเขา' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน' 24 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่ฆ่าเพื่อนบ้านของเขาในที่ลับ' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน' 25 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่รับสินบนเพื่อฆ่าคนที่บริสุทธิ์' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน' 26 'ขอให้คนนั้นถูกแช่งสาป คือคนที่ไม่ยึดมั่นในถ้อยคำต่างๆ ที่เป็นกฎหมายนี้ ที่เขาจะเชื่อฟังถ้อยคำเหล่านั้น' แล้วประชาชนทุกคนต้องกล่าวว่า 'อาเมน'

28

1 ถ้าหากพวกท่านเอาใจใส่ในการฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเพื่อถือรักษาพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะตั้งพวกท่านเหนือชนชาติอื่นๆ ทั้งหมดบนแผ่นดินโลกนี้ 2 พระพรทั้งหมดเหล่านี้จะมาถึงพวกท่านและตามทันพวกท่าน ถ้าหากพวกท่านฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 3 พระพรจะเป็นของพวกท่านที่ในเมือง และพระพรจะเป็นของพวกท่านที่ในทุ่งนา 4 ผลจากร่างกายของพวกท่านจะได้รับพระพร และผลจากแผ่นดินของพวกท่าน และผลจากสัตว์ต่างๆ ของพวกท่าน คือฝูงสัตว์ของพวกท่านที่เพิ่มพูน และลูกอ่อนของฝูงสัตว์ของพวกท่าน 5 กระจาดของพวกท่านและรางนวดแป้งของพวกท่านจะได้รับพระพร 6 พวกท่านจะได้รับพระพรเมื่อเข้ามา พวกท่านจะได้รับพระพรเมื่อออกไป

7 พระยาห์เวห์จะทำให้พวกศัตรูของพวกท่านที่ลุกขึ้นต่อสู้พวกท่านนั้นพ่ายแพ้ต่อหน้าต่อตาของพวกท่าน พวกเขาจะเข้ามาต่อสู้พวกท่านหนึ่งทางแต่จะหนีไปจากพวกท่านเจ็ดทาง 8 พระยาห์เวห์จะทรงบัญชาพระพรมาเหนือพวกท่านในยุ้งฉางของพวกท่านและในทุกสิ่งที่มือของพวกท่านกระทำ พระองค์จะทรงอวยพรพวกท่านในดินแดนที่พระองค์กำลังประทานให้แก่พวกท่าน 9 พระยาห์เวห์จะทรงสถาปนาพวกท่านให้เป็นชนชาติหนึ่งที่ถูกแยกไว้เพื่อพระองค์เอง ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาแก่พวกท่าน ถ้าพวกท่านถือรักษาพระบัญญัติต่างๆ ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน และดำเนินในทางทั้งหลายของพระองค์ 10 ชนชาติทั้งหมดบนแผ่นดินโลกนี้จะมองเห็นว่าพวกท่านได้ถูกเรียกโดยพระนามของพระยาห์เวห์ และพวกเขาจะเกรงกลัวพวกท่าน

11 พระยาห์เวห์จะทรงทำให้พวกท่านเจริญรุ่งเรืองด้วยผลจากร่างกายของพวกท่าน ด้วยผลจากฝูงสัตว์ของพวกท่าน ด้วยผลจากแผ่นดินของพวกท่าน ในดินแดนที่พระองค์ได้ทรงสัญญาต่อบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านว่าจะประทานให้แก่พวกท่าน 12 พระยาห์เวห์จะทรงเปิดคลังแห่งสวรรค์ของพระองค์เพื่อประทานฝนให้แก่แผ่นดินของพวกท่านในเวลาที่เหมาะสม และทรงอวยพรการงานทุกอย่างที่มือของพวกท่านกระทำ พวกท่านจะเป็นผู้ให้ยืมแก่ชนชาติมากมาย แต่พวกท่านจะไม่เป็นผู้ที่ขอยืม 13 พระยาห์เวห์จะทรงทำให้พวกท่านเป็นหัว และไม่ใช่หาง พวกท่านจะอยู่เหนือกว่าเท่านั้น และพวกท่านจะไม่มีวันอยู่ภายใต้ ถ้าพวกท่านฟังพระบัญญัติทั้งหลายของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ ดังนั้นจงปฏิบัติและกระทำตามถ้อยคำเหล่านี้ 14 และถ้าพวกท่านไม่หันหนีจากถ้อยคำใดๆ ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ ไปทางขวามือหรือทางซ้ายมือ คือไปติดตามพระอื่นๆ เพื่อปรนนิบัติพระเหล่านั้น

15 แต่ถ้าพวกท่านไม่ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อถือรักษาพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์และกฎหมายของพระองค์ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ แล้วคำแช่งสาปเหล่านี้ทั้งหมดจะมาถึงพวกท่านและตามทันพวกท่าน 16 คำแช่งสาปจะตามทันเมื่อพวกท่านอยู่ในเมือง และคำแช่งสาปจะตามทันเมื่อพวกท่านอยู่ในทุ่งนา 17 กระจาดและรางนวดข้าวของพวกท่านจะถูกแช่งสาป 18 ผลจากร่างกายของพวกท่านจะถูกแช่งสาป ผลจากแผ่นดินของพวกท่าน คือฝูงสัตว์ที่เพิ่มพูนของพวกท่าน และลูกอ่อนของฝูงสัตว์ของพวกท่านนั้น 19 คำแช่งสาปจะตามทันเมื่อพวกท่านเข้ามา และคำแช่งสาปจะตามทันเมื่อพวกท่านออกไป 20 พระยาห์เวห์จะทรงส่งคำแช่งสาปมาเหนือพวกท่าน ความสับสน และการขนาบในทุกสิ่งที่มือของพวกท่านกระทำ จนกว่าพวกท่านจะถูกทำลาย และจนกว่าพวกท่านจะพินาศไปอย่างรวดเร็วเพราะการกระทำอันชั่วช้าของพวกท่านที่พวกท่านได้ทอดทิ้งข้าพเจ้าเสีย

21 พระยาห์เวห์จะทรงทำให้มีโรคร้ายติดอยู่กับพวกท่านจนกว่าพระองค์จะทรงทำลายพวกท่านไปจากดินแดนนั้นที่พวกท่านกำลังเข้าไปยึดครอง 22 พระยาห์เวห์จะทรงโจมตีพวกท่านด้วยโรคติดเชื้อ ด้วยการเป็นไข้ ด้วยการอักเสบเรื้อรัง และด้วยภัยแล้งกับแผลพุพอง และด้วยลมที่ร้อนแผดเผากับโรคเชื้อรา สิ่งเหล่านี้จะตามทันพวกท่านจนกว่าพวกท่านจะพินาศ 23 ท้องฟ้าของพวกท่านที่อยู่เหนือศีรษะของพวกท่านจะเป็นทองสัมฤทธิ์ และแผ่นดินที่อยู่ภายใต้พวกท่านจะเป็นเหล็ก 24 พระยาห์เวห์จะทำให้ฝนของแผ่นดินของพวกท่านเป็นผงและฝุ่นละออง มันจะตกลงมาจากท้องฟ้าเหนือพวกท่าน จนกว่าพวกท่านจะถูกทำลาย 25 พระยาห์เวห์จะทรงทำให้พวกท่านพ่ายแพ้ต่อหน้าต่อตาพวกศัตรูของพวกท่าน พวกท่านจะออกไปทางหนึ่งเพื่อต่อสู้กับพวกเขาแต่จะหนีไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขาเจ็ดทาง พวกท่านจะถูกเหวี่ยงไปและเหวี่ยงออกจากท่ามกลางราชอาณาจักรทั้งหมดบนแผ่นดินโลกนี้ 26 ศพของพวกท่านจะเป็นอาหารของพวกนกในท้องฟ้าและสัตว์ทั้งหลายบนดิน จะไม่มีใครไล่พวกมันไป

27 พระยาห์เวห์จะทรงโจมตีพวกท่านด้วยฝีของอียิปต์และด้วยแผลกดทับ ด้วยโรคเลือดออกตามไรฟัน และด้วยอาการคัน ที่พวกท่านไม่สามารถรับการรักษาให้หายได้ 28 พระยาห์เวห์จะทรงโจมตีพวกท่านด้วยอาการวิกลจริต ด้วยอาการตาบอด และด้วยอาการสับสนทางจิต 29 พวกท่านจะต้องคลำไปในเวลาเที่ยงเหมือนคนตาบอดคลำไปในความมืด และพวกท่านจะไม่เจริญรุ่งเรืองในวิถีต่างๆ ของพวกท่าน พวกท่านจะถูกกดขี่และถูกปล้นเสมอ และจะไม่มีใครช่วยพวกท่านให้รอดพ้นได้ 30 พวกท่านหมั้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผู้ชายอีกคนหนึ่งจะฉุดเธอไปและข่มขืนเธอ พวกท่านจะสร้างบ้านหลังหนึ่งแต่จะไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น พวกท่านจะปลูกสวนองุ่นแต่จะไม่ได้กินผลของมัน 31 วัวของพวกท่านจะถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาของพวกท่าน แต่พวกท่านจะไม่ได้กินเนื้อของมัน ลาของพวกท่านจะถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตาของพวกท่านและพวกท่านจะไม่ได้มันกลับคืน แกะของพวกท่านจะถูกยกให้กับพวกศัตรูของพวกท่าน และจะไม่มีใครช่วยเหลือพวกท่าน

32 บุตรชายทั้งหลายและบุตรหญิงทั้งหลายของพวกท่านจะถูกมอบให้กับประชาชนอื่นๆ ดวงตาของพวกท่านจะมองดูพวกเขาตลอดทุกวัน แต่จะรอคอยพวกเขาด้วยความผิดหวัง มือของพวกท่านจะไม่มีกำลังเลย 33 การเก็บเกี่ยวในแผ่นดินของพวกท่านและในการทำงานหนักของพวกท่านทั้งหมด จะมีชนชาติหนึ่งซึ่งพวกท่านไม่รู้จักมากินพวกมัน พวกท่านจะถูกกดขี่และถูกบดขยี้ 34 เพื่อว่าพวกท่านจะกลายเป็นคนเสียสติด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นที่พวกท่านมองเห็น 35 พระยาห์เวห์จะทรงโจมตีหัวเข่าและขาของพวกท่านด้วยฝีที่พวกท่านไม่สามารถรักษาให้หายได้ จากปลายเท้าจนถึงด้านบนศีรษะของพวกท่าน 36 พระยาห์เวห์จะทรงนำพาพวกท่านและกษัตริย์ที่พวกท่านจะตั้งไว้เหนือพวกท่านเองนั้นไปยังชนชาติหนึ่งที่พวกท่านไม่รู้จัก ไม่ว่าพวกท่านหรือบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน ที่นั่นพวกท่านจะนมัสการพระอื่นๆ ที่ทำจากไม้และหิน

37 พวกท่านจะกลายเป็นที่มาแห่งความน่าสะพรึงกลัว สุภาษิตบทหนึ่ง และเป็นคำครหาท่ามกลางประชาชนทั้งหมดที่พระยาห์เวห์จะนำพวกท่านไปนั้น 38 พวกท่านจะเอาเมล็ดพันธุ์มากมายออกไปในทุ่งนา แต่จะเก็บรวมรวมเมล็ดพันธุ์กลับมาได้น้อยนิด เพราะตั๊กแตนทั้งหลายจะมาทำลายมัน 39 พวกท่านจะปลูกสวนองุ่นและเพาะปลูกพวกมัน แต่พวกท่านจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นใดๆ หรือแม้แต่ไม่ได้เก็บผลองุ่น เพราะพวกหนอนจะมากัดกินพวกมัน 40 พวกท่านจะมีต้นมะกอกมากมายอยู่ภายในอาณาเขตของพวกท่าน แต่พวกท่านจะไม่ได้น้ำมันใดๆ มาชโลมบนตัวของพวกท่าน เพราะผลของต้นมะกอกของพวกท่านจะร่วงหล่นเสีย 41 พวกท่านจะมีบุตรชายและบุตรหญิงมากมาย แต่พวกเขาจะไม่อาศัยอยู่กับพวกท่าน เพราะพวกเขาจะไปเป็นเชลย 42 บรรดาต้นไม้ทั้งหมดของพวกท่านและผลจากแผ่นดินของพวกท่าน จะถูกพวกตั๊กแตนมาทำลายจนหมดสิ้น

43 คนต่างชาติที่อยู่ท่ามกลางพวกท่านจะลุกขึ้นสูงเหนือพวกท่านมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพวกท่านเองจะตกต่ำลงเรื่อยๆ 44 เขาจะเป็นผู้ให้พวกท่านขอยืม แต่พวกท่านจะไม่เป็นผู้ให้เขาขอยืม เขาจะเป็นหัว และพวกท่านจะเป็นหาง 45 คำแช่งสาปทั้งหมดเหล่านี้จะมาเหนือพวกท่านและจะตามทันพวกท่านจนกว่าพวกท่านจะถูกทำลาย สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะพวกท่านไม่ได้ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อถือรักษาพระบัญญัติต่างๆ ของพระองค์และกฎข้อบังคับต่างๆ ของพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงบัญชาพวกท่าน 46 คำแช่งสาปเหล่านี้จะอยู่เหนือพวกท่านเป็นดั่งหมายสำคัญและการอัศจรรย์ และเหนือเชื้อสายทั้งหลายของพวกท่านเป็นนิตย์ 47 เพราะพวกท่านไม่นมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยใจเปรมปรีิดิ์เมื่อพวกท่านอยู่ในความเจริญรุ่งเรืองนั้น

48 ด้วยเหตุนี้ พวกท่านจะรับใช้พวกศัตรูที่พระยาห์เวห์จะทรงส่งมาโจมตีพวกท่าน พวกท่านจะรับใช้พวกเขาด้วยความหิว ด้วยความกระหาย ด้วยการเปลือยกาย และด้วยความยากจน เขาจะวางแอกเหล็กไว้บนคอของพวกท่านจนกระทั่งเขาทำลายพวกท่าน 49 พระยาห์เวห์จะทรงนำชนชาติหนึ่งมาโจมตีพวกท่านจากแดนไกล จากที่สุดปลายแผ่นดินโลก เหมือนกับนกอินทรีตัวหนึ่งบินตรงมาหาเหยื่อของมัน ชนชาติหนึ่งที่พวกท่านไม่เข้าใจภาษา 50 ชนชาติหนึ่งที่มีใบหน้าโหดเหี้ยมที่ไม่เคารพคนมีอายุและไม่แสดงความพอใจต่อคนหนุ่ม 51 พวกเขาจะกินลูกอ่อนจากฝูงสัตว์ของพวกท่านและผลจากแผ่นดินของพวกท่านจนกว่าพวกท่านถูกทำลาย พวกเขาจะไม่ทิ้งรวงข้าวไว้ให้พวกท่านเลย ไม่ทิ้งเหล้าองุ่น หรือน้ำมันเอาไว้ ไม่เหลือลูกอ่อนจากฝูงสัตว์ของพวกท่านหรือฝูงปศุสัตว์ของพวกท่าน จนกระทั่งพวกเขาได้ทำให้พวกท่านพินาศ 52 พวกเขาจะล้อมรอบประตูเมืองทั้งหมดของพวกท่าน จนกว่ากำแพงสูงและป้อมปราการของพวกท่านพังทลายลงในทุกแห่งของดินแดนของพวกท่าน กำแพงต่างๆ ที่พวกท่านได้ไว้วางใจ พวกเขาจะล้อมรอบพวกท่านภายในประตูเมืองต่างๆ ของพวกท่านไปจนตลอดทั่วดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ประทานให้แก่พวกท่าน

53 พวกท่านจะกินผลของร่างกายของพวกท่านเอง คือเนื้อของบรรดาบุตรชายและบรรดาบุตรหญิงของพวกท่าน ผู้ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ประทานให้แก่พวกท่าน ในการถูกล้อมรอบและเป็นทุกข์ที่พวกศัตรูของพวกท่านวางไว้เหนือพวกท่าน 54 คนที่สุภาพและอ่อนโยนในท่ามกลางพวกท่าน เขาจะกลายเป็นคนที่อิจฉาพี่น้องของเขา อิจฉาภรรยาผู้เป็นที่รักของเขา และอิจฉาพวกลูกๆ ที่เขาได้ละทิ้ง 55 ดังนั้นเขาจะไม่ให้เนื้อของพวกลูกของเขาเองที่เขากำลังจะกินแก่พวกเขาคนใด เพราะเขาจะไม่มีอะไรเหลือสำหรับตัวเองในการถูกล้อมรอบและเป็นทุกข์ที่ศัตรูของพวกท่านจะวางไว้เหนือพวกท่านภายในประตูเมืองต่างๆ ของพวกท่าน 56 ผู้หญิงที่สุภาพและอ่อนโยนในท่ามกลางพวกท่าน คือคนที่จะไม่เสี่ยงวางปลายเท้าของเธอบนพื้นดินเพื่อความอ่อนโยนและสุภาพ เธอจะกลายเป็นคนที่อิจฉาสามีผู้เป็นที่รักของเธอ บุตรชายของเธอ และบุตรหญิงของเธอ 57 และทารกที่เกิดใหม่ที่ออกมาจากหว่างขาของเธอ และลูกๆ ที่เธอให้กำเนิด เธอจะกินพวกเขาในที่ลับเพราะไม่มีสิ่งใดเหลืออีกแล้ว ในช่วงการถูกล้อมรอบและเป็นทุกข์ที่ศัตรูของพวกท่านจะวางไว้เหนือพวกท่านภายในประตูเมืองต่างๆ ของพวกท่าน

58 ถ้าพวกท่านไม่ถือรักษาถ้อยคำทั้งหมดของกฎหมายนี้ที่ถูกบันทึกในหนังสือนี้ เพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระนามอันทรงพระสิริและน่ายำเกรงนี้ คือพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 59 แล้วพระยาห์เวห์จะทรงทำให้เกิดความทุกข์ใจอย่างร้ายแรงแก่พวกท่าน และบรรดาคนเหล่านั้นที่เป็นเชื้อสายของพวกท่าน โรคระบาดร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับพวกเขา เป็นเวลาอันยาวนาน และโรคภัยที่ร้ายแรงต่างๆ เป็นเวลาอันยาวนาน 60 พระองค์จะทรงนำโรคภัยของอียิปต์ที่พวกท่านหวาดกลัวมาให้พวกท่านอีกครั้งหนึ่ง พวกมันจะติดอยู่กับพวกท่าน 61 ความเจ็บป่วยทุกชนิดและโรคระบาดร้ายแรงทั้งหมดที่ไม่ได้บันทึกไว้ในกฎหมายนี้ สิ่งเหล่านั้น พระยาห์เวห์จะทรงนำมาเหนือพวกท่านด้วยจนกว่าพวกท่านถูกทำลาย 62 พวกท่านจะเหลือเพียงจำนวนน้อย ถึงแม้ว่าพวกท่านได้เป็นเหมือนดวงดาวในท้องฟ้าจำนวนมากมาย เพราะพวกท่านไม่ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน

63 เมื่อพระยาห์เวห์ทรงได้ชื่นชมยินดีเหนือพวกท่านในการทำสิ่งดีต่อพวกท่าน และในการทวีคูณพวกท่าน ดังนั้นพระองค์จะทรงชื่นชมยินดีเหนือพวกท่านในการทำให้พวกท่านพินาศและในการทำลายพวกท่าน พวกท่านจะถูกถอนออกจากดินแดนที่พวกท่านกำลังเข้าไปยึดครองนั้น 64 พระยาห์เวห์จะทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปท่ามกลางประชาชนทั้งหมดจากสุดปลายแผ่นดินโลกหนึ่งไปยังอีกสุดปลายแผ่นดินโลกหนึ่ง ที่นั่นพวกท่านจะนมัสการพระอื่นๆ ที่พวกท่านไม่รู้จัก ไม่ว่าพวกท่านหรือบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน พระต่างๆ ที่ทำจากไม้และหิน 65 ในท่ามกลางชนชาติต่างๆ เหล่านี้ พวกท่านจะไม่พบความสะดวก และจะไม่มีการหยุดพักสำหรับปลายเท้าของพวกท่าน แต่พระยาห์เวห์จะประทานหัวใจที่หวั่นไหว ดวงตาที่ผิดหวัง และจิตใจที่โศกเศร้าให้แก่พวกท่านที่นั่นแทน 66 ชีวิตของพวกท่านจะถูกแขวนในความสับสนต่อหน้าต่อตาพวกท่าน พวกท่านจะหวาดกลัวในทุกค่ำคืนและในเวลากลางวันและจะไม่มีความแน่นอนเลยในชีวิตของพวกท่าน 67 ในเวลาเช้าพวกท่านจะพูดว่า 'ข้าพเจ้าปรารถนาให้มันเป็นเวลาเย็น' และในเวลาเย็นพวกท่านจะพูดว่า 'ข้าพเจ้าปรารถนาให้มันเป็นเวลาเช้า' เพราะความหวาดกลัวในหัวใจของพวกท่านและสิ่งต่างๆ ที่ดวงตาของพวกท่านจะได้มองเห็น 68 พระยาห์เวห์จะทรงนำพวกท่านเข้าไปในอียิปต์อีกครั้งโดยทางเรือ โดยเส้นทางที่ข้าพเจ้าได้กล่าวแก่พวกท่าน 'พวกท่านจะไม่ได้เห็นอียิปต์อีก' ที่นั่นพวกท่านจะขายตัวเองให้กับพวกศัตรูของพวกท่านให้เป็นทาสชายและทาสหญิง แต่จะไม่มีใครซื้อพวกท่านเลย"

29

1 เหล่านี้คือถ้อยคำต่างๆ ที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาโมเสสให้บอกกับประชาชนอิสราเอลในดินแดนโมอับ ถ้อยคำต่างๆ ที่เพิ่มจากพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงกระทำกับพวกเขาที่โฮเรบ 2 โมเสสได้เรียกชาวอิสราเอลทั้งหมดและพูดกับพวกเขาว่า "พวกท่านได้มองเห็นทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงกระทำต่อหน้าต่อตาของพวกท่านในดินแดนอียิปต์ต่อฟาโรห์ ต่อทาสทั้งหมดของเขา และต่อดินแดนของเขาทั้งหมด 3 คือการทนทุกข์อย่างยิ่งใหญ่ที่ดวงตาของพวกท่านได้มองเห็น หมายสำคัญต่าง ๆ และการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ต่าง ๆ เหล่านั้น 4 แต่จนถึงวันนี้ พระยาห์เวห์ไม่ได้ประทานใจที่จะรู้ ดวงตาที่จะมองเห็น หูที่จะได้ยิน ให้แก่พวกท่าน

5 เราได้นำพวกเจ้ามาเป็นเวลาสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดาร เสื้อผ้าของพวกเจ้าก็ไม่ขาดวิ่น และรองเท้าของพวกเจ้าก็ไม่สึกไป 6 พวกเจ้าจะไม่รับประทานขนมปังใดๆ และพวกเจ้าจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นใดๆ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ เพื่อว่าพวกเจ้าจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า 7 เมื่อพวกเจ้ามาถึงสถานที่แห่งนี้ สิโหน กษัตริย์แห่งเฮชโบน และโอก กษัตริย์แห่งบาชาน ได้ออกมาโจมตีพวกเรา และเราทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ 8 พวกเราได้ยึดดินแดนของพวกเขาและมอบมันให้เป็นมรดกแก่คนเผ่ารูเบน แก่คนเผ่ากาด และแก่คนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า

9 ด้วยเหตุนี้จงถือรักษาถ้อยคำต่างๆ ของพันธสัญญานี้และกระทำตาม เพื่อพวกท่านจะเจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่งที่พวกท่านกระทำ 10 ในวันนี้พวกท่านจงยืนหยัดต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพวกหัวหน้าทั้งหมดของพวกท่าน เผ่าต่างๆ ของพวกท่าน บรรดาผู้ใหญ่ของพวกท่าน และบรรดานายทหารของพวกท่าน คือผู้ชายทั้งหมดของอิสราเอล 11 บรรดาลูกเล็กทั้งหลายของพวกท่าน พวกภรรยาของพวกท่าน และคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกท่านในค่ายของพวกท่าน ที่ตัดฟืนและหาบน้ำให้แก่พวกท่าน

12 พวกท่านอยู่ที่นี่เพื่อเข้าสู่พันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและเข้าสู่คำสัญญาที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านกำลังสัญญากับพวกท่านในวันนี้ 13 เพื่อว่าในวันนี้พระองค์จะทำให้พวกท่านเข้าสู่การเป็นประชาชนของพระองค์เอง ตามที่พระองค์ได้ตรัสแก่พวกท่าน และตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาแก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน คือแก่อับราฮัม แก่อิสอัค และแก่ยาโคบ 14 เพราะไม่ใช่เพียงต่อพวกท่านเท่านั้นที่เรากำลังทำพันธสัญญานี้และคำสัญญานี้ 15 คือทุกคนที่กำลังยืนอยู่ที่นี่กับพวกเราในวันนี้ต่อพระพักตร์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา แต่กระทำกับคนเหล่านั้นที่ไม่ได้อยู่ที่นี่กับเราในวันนี้ด้วย

16 พวกท่านได้รู้วิธีที่พวกเราได้อาศัยอยู่ในดินแดนอียิปต์ และการที่เราได้ผ่านท่ามกลางชนชาติต่างๆ ตามที่พวกท่านได้ผ่านมานั้น 17 พวกท่านได้มองเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของพวกเขา คือพวกรูปเคารพของพวกเขาที่ทำด้วยไม้และหิน เงินและทอง ที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา 18 จงแน่ใจว่าไม่มีสิ่งเหล่านี้ในท่ามกลางพวกท่าน คือผู้ชาย ผู้หญิง ครอบครัว หรือเผ่าใดๆ ที่วันนี้ใจของเขาได้หันไปจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา เพื่อไปนมัสการพระอื่นๆ ของชนชาติต่างๆ เหล่านั้น จงแน่ใจว่าในท่ามกลางพวกท่านจะไม่มีรากที่ทำให้เกิดความขมขื่นและเป็นทุกข์ 19 เมื่อคนนั้นได้ยินถ้อยคำแห่งคำแช่งสาปต่างๆ นี้ เขาจะอวยพรตัวเองในใจของเขาและพูดว่า 'ข้าพเจ้ามีสันติสุข ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าดำเนินด้วยความดื้อดึงที่อยู่ในใจของข้าพเจ้า' สิ่งนี้จะทำลายทั้งสิ่งที่เปียกและแห้งไปพร้อมๆ กัน

20 พระยาห์เวห์จะไม่ทรงยกโทษให้แก่เขา แต่พระพิโรธของพระยาห์เวห์และความหึงหวงของพระองค์จะพลุ่งขึ้นโจมตีเขาแทน และคำแช่งสาปทั้งหมดที่ถูกบันทึกในหนังสือนี้จะมาเหนือเขา และพระยาห์เวห์จะลบชื่อของเขาออกไปจากภายใต้ท้องฟ้านี้ 21 พระยาห์เวห์จะแยกเขาออกจากเผ่าทั้งหมดของอิสราเอลเพื่อความพินาศ เพื่อรักษาคำแช่งสาปทั้งสิ้นของพันธสัญญาที่ถูกบันทึกในหนังสือแห่งกฎบัญญัตินี้ 22 ชนรุ่นนั้นที่จะมาถึง คือพวกลูกหลานที่จะเติบโตขึ้นมาหลังจากพวกท่าน และคนต่างชาติที่มาจากดินแดนห่างไกล จะพูดเมื่อพวกเขามองเห็นภัยพิบัติต่างๆ บนแผ่นดินนี้และโรคภัยต่าง ๆ ที่พระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำให้ป่วยนั้น

23 และเมื่อพวกเขามองเห็นว่าดินแดนทั้งหมดได้กลายเป็นกำมะถันและเกลือที่ถูกเผาไฟ ที่ซึ่งไม่มีการหว่านหรือการออกผล ไม่มีการปลูกผัก เหมือนการถูกคว่ำของโสโดมและโกโมราห์ อัดมาห์ และเสโบอิม ที่พระยาห์เวห์ได้ทรงทำลายด้วยความโกรธและพระพิโรธของพระองค์ 24 พวกเขาจะพูดพร้อมกันกับชนชาติอื่นๆ ทั้งหมดว่า 'ทำไมพระยาห์เวห์จึงได้ทรงกระทำสิ่งนี้ต่อดินแดนนี้? พระพิโรธอันรุนแรงนี้หมายความว่าอย่างไร? 25 แล้วประชาชนจะพูดว่า 'เพราะพวกเขาได้ละทิ้งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเหล่าบรรพบุรุษของพวกเขา ที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อพวกเขาเมื่อพระองค์ได้ทรงนำพวกเขาออกมาจากดินแดนอียิปต์ 26 และเพราะพวกเขาได้ไปและได้รับใช้พระอื่นๆ และได้ก้มกราบต่อพระเหล่านั้น พระอื่นๆ ที่พวกเขาไม่รู้จักและที่พระองค์ไม่ได้ประทานให้แก่พวกเขา

27 ด้วยเหตุนี้พระพิโรธของพระยาห์เวห์ได้พลุ่งขึ้นโจมตีดินแดนนี้ เพื่อนำคำแช่งสาปทั้งหมดที่ได้บันทึกในหนังสือนี้มาเหนือดินแดนนี้ 28 พระยาห์เวห์ได้ถอนรากพวกเขาออกจากดินแดนของพวกเขาด้วยความโกรธ ด้วยพระพิโรธ และด้วยความเดือดดาล และได้ทรงเหวี่ยงพวกเขาไปอีกดินแดนหนึ่ง ดังเช่นในทุกวันนี้' 29 สิ่งลี้ลับเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราแต่เพียงผู้เดียว แต่สิ่งต่างๆ ที่ถูกสำแดงนั้นเป็นของพวกเราและเชื้อสายของพวกเราเป็นนิตย์ เพื่อพวกเราจะทำตามถ้อยคำทั้งหมดของกฎหมายนี้

30

1 เมื่อสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ได้มาเหนือพวกท่าน คือพระพรต่างๆ และคำแช่งสาปต่างๆ ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งเอาไว้ตรงหน้าพวกท่าน และเมื่อพวกท่านระลึกถึงสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ในท่ามกลางชนชาติอื่นๆ ทั้งหมดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงขับไล่พวกท่านไปนั้น 2 และเมื่อพวกท่านหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและเชื่อฟังเสียงของพระองค์ ทำตามทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ ทั้งพวกท่านและบุตรหลานของพวกท่าน ด้วยสิ้นสุดใจของพวกท่าน และด้วยสิ้นสุดจิตของพวกท่าน 3 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงนำพวกท่านกลับจากการเป็นเชลยและทรงมีพระทัยสงสารพวกท่าน พระองค์จะหันกลับและรวบรวมพวกท่านจากประชาชนทั้งหมดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปนั้น 4 ถ้าหากคนใดในพวกท่านที่อยู่ท่ามกลางประชาชนที่ถูกเนรเทศไปยังสถานที่อันไกลโพ้นภายใต้ท้องฟ้านี้ จากที่นั่นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะรวบรวมพวกท่านมา และจากที่นั่นพระองค์จะทรงนำพวกท่านมา

5 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงนำพวกท่านเข้าไปในดินแดนที่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านเคยครอบครอง และพวกท่านจะครอบครองดินแดนนั้นอีกครั้ง พระองค์จะทรงกระทำสิ่งดีให้แก่พวกท่านและจะทรงทวีคูณพวกท่านมากยิ่งกว่าที่พระองค์ได้ทรงกระทำแก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน 6 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะให้พวกท่านและเชื้อสายของพวกท่านเข้าสุหนัตที่ใจ เพื่อพวกท่านจะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยสิ้นสุดใจและด้วยสิ้นสุดจิตของพวกท่าน เพื่อว่าพวกท่านจะมีชีวิตอยู่ 7 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะเอาคำแช่งสาปทั้งหมดเหล่านี้ใส่เหนือพวกศัตรูของพวกท่าน และเหนือคนเหล่านั้นที่เกลียดชังพวกท่าน คือคนเหล่านั้นที่ได้ข่มเหงพวกท่าน 8 พวกท่านจะหันกลับและเชื่อฟังเสียงของพระยาห์เวห์ และพวกท่านจะทำตามพระบัญญัติทุกประการของพระองค์ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้

9 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงทำให้พวกท่านอุดมสมบูรณ์ในการงานทุกอย่างที่มือของพวกท่านกระทำ ในผลแห่งร่างกายของพวกท่าน ในผลแห่งฝูงสัตว์ของพวกท่าน ในผลแห่งผืนดินของพวกท่าน เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพราะพระยาห์เวห์จะทรงเปรมปรีดิ์เหนือพวกท่านอีกครั้งหนึ่งเพราะความเจริญรุ่งเรือง เหมือนกับที่พระองค์ได้ทรงเปรมปรีดิ์เหนือบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านนั้น 10 พระองค์จะทรงกระทำสิ่งนี้ถ้าหากพวกท่านจะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อถือรักษาพระบัญญัติต่างๆ และข้อบังคับต่างๆ ของพระองค์ที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือแห่งกฎบัญญัตินี้ ถ้าพวกท่านหันมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยสิ้นสุดใจและด้วยสิ้นสุดจิตของพวกท่าน 11 เพราะพระบัญญัตินี้ที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านในวันนี้ไม่ได้ยากสำหรับพวกท่าน หรือไม่ได้ไกลเกินกว่าที่พวกท่านจะเอื้อมถึงได้ 12 มันไม่ได้อยู่บนท้องฟ้า ที่พวกท่านจะต้องกล่าวว่า 'ใครจะขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อพวกเราและนำมันลงมาให้กับพวกเราและทำให้พวกเราสามารถได้ยินสิ่งนั้น เพื่อพวกเราจะกระทำตามได้หรือ?'

13 หรือมันไม่ได้อยู่อีกฟากของทะเล ที่พวกท่านจะต้องกล่าวว่า 'ใครจะข้ามทะเลไปเพื่อเราและนำมันมาให้แก่พวกเราและทำให้พวกเราได้ยินสิ่งนั้น เพื่อพวกเราจะกระทำตามได้หรือ?' 14 แต่ถ้อยคำนั้นอยู่ใกล้พวกท่านอย่างมาก อยู่ในปากของพวกท่านและอยู่ในหัวใจของพวกท่าน เพื่อพวกท่านจะกระทำตามถ้อยคำนั้นได้ 15 ดูเถิด วันนี้ ข้าพเจ้าได้วางไว้ต่อหน้าพวกท่าน คือชีวิตและสิ่งดี กับความตายและสิ่งชั่วร้าย 16 ถ้าหากพวกท่านเชื่อฟังกฎเกณฑ์ต่างๆ ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ดังที่ข้าพเจ้ากำลังบัญชาพวกท่านวันนี้ให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ให้เดินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และให้ถือรักษาพระบัญญัติต่างๆ ของพระองค์ ข้อบังคับต่างๆ ของพระองค์ และกฎหมายต่างๆ ของพระองค์ พวกท่านจะมีชีวิตและทวีคูณ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงอวยพรพวกท่านในดินแดนที่พวกท่านกำลังเข้าไปยึดครองนั้น

17 แต่ถ้าจิตใจของพวกท่านหันไปเสีย และพวกท่านไม่ได้ฟังแต่กลับออกห่างและก้มกราบต่อพระอื่นๆ และนมัสการพระเหล่านั้น 18 แล้วข้าพเจ้าขอประกาศต่อพวกท่านในวันนี้ว่าพวกท่านจะพินาศอย่างแน่นอน พวกท่านจะไม่มีชีวิตยืนยาวในดินแดนที่พวกท่านกำลังข้ามแม่น้ำจอร์แดนเพื่อเข้าไปและยึดครองนั้น 19 ข้าพเจ้าเรียกท้องฟ้าและแผ่นดินให้เป็นพยานต่อสู้พวกท่านในวันนี้ว่า ข้าพเจ้าได้ตั้งไว้ต่อหน้าพวกท่าน คือชีวิตและความตาย พระพรและคำแช่งสาป ด้วยเหตุนี้จงเลือกชีวิตเพื่อว่าพวกท่านจะมีชีวิตอยู่ พวกท่านและเชื้อสายของพวกท่าน 20 จงกระทำสิ่งนี้เพื่อเป็นการรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และเพื่อผูกพันกับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นชีวิตของพวกท่านและทรงเป็นวันเวลาที่ยืนยาวของพวกท่าน จงกระทำสิ่งนี้เพื่อว่าพวกท่านจะมีชีวิตอยู่ในดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาแก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน คือแก่อับราฮัม แก่อิสอัค และแก่ยาโคบ ว่าจะประทานให้พวกเขา"

31

1 โมเสสได้ไปและได้กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ต่อคนอิสราเอลทั้งหมด 2 เขาพูดกับคนอิสราเอลว่า "บัดนี้ข้าพเจ้าอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีแล้ว ข้าพเจ้าไม่สามารถออกไปและเข้ามาได้อีก พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า 'เจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน' 3 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระองค์จะทรงข้ามไปก่อนหน้าพวกท่าน พระองค์จะทรงทำลายชนชาติต่างๆ เหล่านี้ให้พ้นหน้าพวกท่าน และพระองค์จะทรงขับไล่พวกเขาออกไป โยชูวา เขาจะข้ามไปก่อนหน้าพวกท่าน ตามที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสนั้น 4 พระยาห์เวห์จะทรงกระทำต่อพวกเขาดังที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อสิโหนและต่อโอก พวกกษัตริย์ของคนอาโมไรต์ และต่อดินแดนของพวกเขา ที่พระองค์ได้ทรงทำลาย 5 พระยาห์เวห์จะทรงประทานชัยชนะเหนือพวกเขาให้แก่พวกท่านเมื่อพวกท่านเผชิญพวกเขาในสงคราม และพวกท่านจะกระทำต่อพวกเขาทุกอย่างตามที่ข้าพเจ้าได้บัญชาพวกท่าน

6 จงเข้มแข็งและมีความกล้าหาญ จงอย่ากลัว และอย่าหวั่นเกรงต่อพวกเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระองค์คือผู้ที่ไปกับพวกท่าน พระองค์จะไม่ทรงทำให้พวกท่านผิดหวังหรือทรงทอดทิ้งพวกท่าน 7 โมเสสได้เรียกโยชูวาและพูดกับเขาว่าต่อหน้าคนอิสราเอลทั้งหมดว่า "จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะท่านจะเข้าไปกับประชาชนนี้ในดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาต่อบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขาว่าจะประทานให้พวกเขา ท่านจะทำให้พวกเขาได้รับดินแดนนั้นเป็นมรดก 8 พระยาห์เวห์ พระองค์คือผู้ที่นำหน้าท่านไป พระองค์จะทรงอยู่กับท่าน พระองค์จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรือทรงทอดทิ้งท่าน อย่ากลัว อย่าท้อใจเลย" 9 โมเสสได้เขียนกฎหมายนี้และได้มอบให้กับบรรดาปุโรหิต บรรดาบุตรชายของคนเลวี ผู้ที่ได้หามหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ประทานสำเนาต่างๆ ของพันธสัญญานั้นให้แก่บรรดาผู้ปกครองของชาวอิสราเอลด้วย

10 โมเสสได้บัญชาพวกเขาและพูดว่า "เมื่อถึงสิ้นปีของทุกเจ็ดปี เวลานั้นเป็นเวลาแก้ไขเพื่อยกเลิกสัญญาหนี้ต่างๆ ในช่วงระหว่างเทศกาลอยู่เพิง 11 เมื่อชาวอิสราเอลทั้งหมดได้มาปรากฎตัวต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านในสถานที่ที่พระองค์จะทรงเลือกให้เป็นสถานนมัสการของพระองค์ พวกท่านจะอ่านกฎหมายนี้ต่อหน้าชาวอิสราเอลทั้งหมดเพื่อให้พวกเขาได้ยิน 12 ที่ชุมนุมของประชาชน พวกผู้ชาย พวกผู้หญิง และพวกเด็กเล็กๆ และพวกคนต่างชาติที่อยู่ภายในประตูเมืองของพวกท่าน เพื่อว่าพวกเขาจะได้ยินและเรียนรู้ และเพื่อพวกเขาจะถวายเกียรติพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและถือรักษาถ้อยคำทั้งหมดของกฎหมายนี้ 13 จงกระทำสิ่งนี้เพื่อว่าบุตรหลานทั้งหลายของพวกเขา คือผู้ที่ไม่ได้รู้ จะได้ยินและเรียนรู้ที่จะถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ตราบเท่าที่พวกท่านมีชีวิตอยู่ในดินแดนที่พวกท่านกำลังข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น"

14 พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่โมเสสว่า "จงมองดู วันนั้นกำลังมาถึงเมื่อพวกท่านต้องตาย จงเรียกโยชูวาและพวกเจ้าจงอยู่ในเต็นท์นัดพบ เพื่อว่าเราจะมอบพระบัญญัติอย่างหนึ่งให้แก่เขา" โมเสสและโยชูวาได้ไปและได้อยู่ในเต็นท์นัดพบ 15 พระยาห์เวห์ได้ทรงปรากฎในเต็นท์ด้วยเสาเมฆ เสาเมฆที่ตั้งอยู่เหนือประตูทางเข้าของเต็นท์ 16 พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่โมเสสว่า "ดูเถิด เจ้าจะล่วงหลับไปอยู่กับบรรดาบรรพบุรุษของเจ้า ประชาชนนี้จะลุกขึ้นและกระทำเหมือนโสเภณีที่ไล่ตามพระแปลกหน้าทั้งหลายที่อยู่ท่ามกลางพวกเขาในดินแดนที่พวกเขากำลังเข้าไป พวกเขาจะละทิ้งเราและทำลายพันธสัญญาที่เราได้กระทำไว้กับพวกเขา 17 แล้วในวันนั้น ความพิโรธของเราจะพลุ่งขึ้นทำลายพวกเขาและเราจะทอดทิ้งพวกเขา เราจะซ่อนหน้าของเราจากพวกเขาและพวกเขาจะถูกเผาผลาญ พวกเขาจะพบกับความพินาศและวิบัติต่างๆ มากมายเพื่อพวกเขาจะพูดในวันนั้นว่า 'ความพินาศเหล่านี้ที่ไม่มาเหนือพวกเราก็เพราะพระเจ้าของพวกเราไม่ได้ทรงอยู่ท่ามกลางพวกเราหรือ?'

18 เราจะซ่อนหน้าของเราจากพวกเขาในวันนั้นอย่างแน่นอนเพราะความชั่วร้ายทั้งหมดที่พวกเขาได้กระทำ เพราะพวกเขาได้หันไปหาบรรดาพระอื่น 19 ดังนั้นบัดนี้จงเขียนบทเพลงนี้เพื่อตัวของเจ้าเองและสอนเพลงนั้นให้กับประชาชนอิสราเอล จงใส่ไว้ในปากของพวกเขา เพื่อว่าบทเพลงนี้จะเป็นพยานให้กับเราในการต่อสู้กับประชาชนอิสราเอล 20 เพราะเมื่อเราจะได้นำพวกเขาเข้ามาในดินแดนที่เราได้สัญญาว่าจะมอบให้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา คือดินแดนที่เต็มล้นด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง และเมื่อพวกเขาได้กินและอิ่มหนำและอ้วนพี แล้วพวกเขาจะหันไปหาพระอื่นๆ และพวกเขาจะปรนนิบัติพระเหล่านั้นและพวกเขาจะดูหมิ่นเรา และพวกเขาจะทำลายพันธสัญญาของเรา

21 เมื่อความชั่วร้ายและปัญหามากมายมาเหนือประชาชนนี้ บทเพลงนี้จะเป็นพยานต่อพวกเขาดั่งคำพยาน (เพราะมันจะไม่ถูกลืมไปจากปากของบรรดาเชื้อสายของพวกเขา) เพราะเรารู้แผนการต่างๆ ที่พวกเขากำลังสร้างในวันนี้ แม้ก่อนที่เราจะได้นำพวกเขาเข้าไปในดินแดนที่เราได้สัญญาแก่พวกเขาก็ตาม" 22 ดังนั้นโมเสสจึงได้เขียนบทเพลงในวันเดียวกันนั้นและได้สอนบทเพลงนั้นให้กับประชาชนอิสราเอล 23 พระยาห์เวห์ได้ประทานพระบัญญัติอย่างหนึ่งแก่โยชูวาบุตรชายของนูน "จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เพราะเจ้าจะนำประชาชนอิสราเอลเข้าไปในดินแดนที่เราได้สัญญาแก่พวกเขา และเราจะอยู่กับเจ้า" 24 สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อโมเสสได้เขียนถ้อยคำต่างๆ ของกฎหมายนี้ลงในหนังสือได้สำเร็จ 25 ซึ่งเขาได้บัญชาพวกคนเลวีผู้ที่หามหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ และเขาได้พูดว่า

26 "จงเอาหนังสือแห่งกฎหมายนี้และใส่ลงไปในด้านข้างของหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ดังนั้นเพื่อจะเป็นคำพยานต่อสู้พวกท่าน 27 เพราะข้าพเจ้ารู้เรื่องการกบฎของพวกท่านและเรื่องความดื้อดึงของพวกท่าน จงดูเถิด ในขณะที่ข้าพเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ร่วมกับพวกท่านในทุกวันนี้ พวกท่านยังได้กบฎต่อพระยาห์เวห์ แล้วมันจะยิ่งกว่านี้สักเท่าใดเมื่อหลังจากข้าพเจ้าตายไปแล้ว? 28 จงเรียกชุมนุมพวกผู้อาวุโสทั้งหมดของเผ่าต่างๆ ของพวกท่าน และพวกนายพลทั้งหลายของพวกท่านให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อว่าข้าพเจ้าจะพูดถ้อยคำเหล่านี้ให้เข้าไปในหูของพวกเขา และเรียกท้องฟ้ากับแผ่นดินให้เป็นพยานต่อสู้พวกเขา 29 เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าหลังจากข้าพเจ้าตายไปแล้ว พวกท่านจะทำให้ตัวเองเลวทรามลงและหันออกไปจากวิถีที่ข้าพเจ้าได้บัญชาพวกท่าน ความพินาศจะมาเหนือพวกท่านในวันเหล่านั้นที่ตามมา สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะพวกท่านจะทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เพื่อเป็นการยั่วยุให้พระองค์ทรงพิโรธโดยผ่านการงานแห่งน้ำมือของพวกท่าน" 30 โมเสสอ่านออกเสียงถ้อยคำต่างๆ ของบทเพลงนี้ให้กับที่ชุมนุมทั้งหมดของอิสราเอลได้ยินจนกระทั่งจบบทเพลง

32

1 จงฟังเถิด พวกเจ้าท้องฟ้าทั้งหลาย และข้าพเจ้าจะพูด ขอให้แผ่นดินจงฟังถ้อยคำต่างๆ จากปากของข้าพเจ้า 2 ขอให้คำสอนของข้าพเจ้าหยาดลงมาเหมือนกับสายฝน ขอให้คำพูดของข้าพเจ้าหยดลงมาเหมือนน้ำค้าง เหมือนกับฝนชื่นใจหยาดลงมาบนต้นหญ้าที่อ่อนไหว และเป็นเหมือนกับการรดน้ำบนพืชพันธ์ุทั้งปวง 3 เพราะข้าพเจ้าจะประกาศพระนามของพระยาห์เวห์ และอ้างถึงความยิ่งใหญ่ถวายแด่พระเจ้าของเรา 4 พระศิลา พระราชกิจของพระองค์นั้นดีพร้อม เพราะวิถีทางทั้งสิ้นของพระองค์นั้นยุติธรรม พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้สัตย์ซื่อ ทรงปราศจากความชั่วช้า พระองค์ทรงยุติธรรมและเที่ยงตรง 5 พวกเขาได้กระทำอย่างเลวทรามเพื่อต่อสู้กับพระองค์ พวกเขาไม่ใช่บุตรทั้งหลายของพระองค์ นั่นเป็นความอัปยศของพวกเขา พวกเขาเป็นชนรุ่นที่หลงผิดและไม่ซื่อสัตย์

6 พวกท่านผู้โง่เขลาและไม่มีสติ พวกท่านตอบแทนพระยาห์เวห์ด้วยวิธีการนี้หรือ? พระองค์ผู้ที่ได้ทรงสร้างพวกท่าน ไม่ได้ทรงเป็นพระบิดาของพวกท่านหรือ? พระองค์ได้ทรงสร้างพวกท่านและสถาปนาพวกท่าน 7 จงระลึกถึงวันทั้งหลายในกาลก่อน จงคิดถึงปีทั้งหลายที่ผ่านมาหลายชั่วอายุ จงถามบิดาของพวกท่านและเขาจะแสดงให้พวกท่านได้เห็น พวกผู้ใหญ่ทั้งหลาย และพวกเขาจะบอกพวกท่าน 8 เมื่อองค์สูงสุดได้ประทานชนชาติทั้งหลายให้เป็นมรดกของพวกเขา เมื่อพระองค์กระจายมวลมนุษย์ทั้งหมด และพระองค์ได้ทรงตั้งขอบเขตให้กับประชาชนเหล่านั้น ดังที่พระองค์กำหนดจำนวนของบรรดาพระของพวกเขานั้น 9 เพราะส่วนของพระยาห์เวห์คือประชาชนของพระองค์ ยาโคบเป็นมรดกที่ได้รับการแต่งตั้งของพระองค์ 10 พระองค์ทรงได้พบเขาในดินแดนที่แห้งแล้ง และในถิ่นทุรกันดารที่ปราศจากพืชผลและกว้างใหญ่ พระองค์ได้ทรงปกป้องเขาและทรงดูแลเขา พระองค์ได้ทรงคุ้มกันเขาเหมือนดั่งแก้วพระเนตรของพระองค์

11 เหมือนนกอินทรีตัวหนึ่งที่ปกป้องรังของมันและกระพือปีกเหนือลูกอ่อนของมัน พระยาห์เวห์ก็ได้ทรงกางปีกของพระองค์และทรงนำพวกเขา และทรงแบกพวกเขาไว้บนปีกของพระองค์ 12 พระยาห์เวห์ผู้เดียวได้ทรงนำเขา ไม่ใช่พระของคนต่างชาติที่อยู่กับเขา 13 พระองค์ได้ทรงกระทำให้เขาขี่ขึ้นไปบนสถานที่สูงของดินแดนนั้น และพระองค์ได้ทรงเลี้ยงดูเขาด้วยผลต่างๆ จากทุ่งนา พระองค์ทรงบำรุงเลี้ยงเขาด้วยน้ำผึ้งจากศิลา และน้ำมันจากผาหินชัน 14 เขาได้รับประทานจากฝูงสัตว์และดื่มน้ำนมจากฝูงสัตว์ พร้อมกับไขมันของแกะทั้งหลาย บรรดาแกะตัวผู้แห่งบาชานและแพะทั้งหลาย พร้อมกับข้าวสาลีที่ดีที่สุด และพวกท่านได้ดื่มเหล้าองุุ่นชั้นดีที่ทำมาจากน้ำองุ่น 15 แต่เยชูรูนอ้วนพีและขัดขืน พวกท่านอ้วนพีขึ้น ท่านอ้วนมากเกินไป และท่านได้รับประทานจนอิ่มหนำ เขาทอดทิ้งพระเจ้าผู้ได้ทรงสร้างเขา และเขาได้ปฏิเสธพระศิลาแห่งความรอดของเขา

16 พวกเขาได้ทำให้พระยาห์เวห์ทรงหึงหวงโดยบรรดาพระแปลกหน้าของพวกเขา ด้วยสิ่งที่น่ารังเกียจของพวกเขา พวกเขาได้ทำให้พระองค์พิโรธ 17 พวกเขาถวายเครื่องบูชาต่อวิญญาณชั่วทั้งหลาย ซึ่งไม่ใช่พระเจ้า บรรดาพระต่างๆ ที่พวกเขาไม่รู้จัก บรรดาพระต่างๆ ที่พึ่งปรากฎเมื่อไม่นานมานี้ บรรดาพระต่างๆ ที่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านไม่ได้ยำเกรง 18 พวกท่านได้ทอดทิ้งพระศิลา ผู้ได้ทรงมาเป็นพระบิดาของพวกท่าน และพวกท่านได้หลงลืมพระเจ้าผู้ได้ทรงให้กำเนิดพวกท่าน 19 พระยาห์เวห์ได้ทอดพระเนตรสิ่งนี้และพระองค์ได้ทรงปฎิเสธพวกเขา เพราะบรรดาบุตรชายของพวกเขาและบรรดาบุตรหญิงของพวกเขาได้ยั่วยุเขาให้โกรธด้วย 20 "เราจะซ่อนหน้าของเราจากพวกเขา" พระองค์ได้ตรัส "และเราจะมองดูว่าจุดจบของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เพราะพวกเขาเป็นชนรุ่นที่เอาแต่ใจ พวกบุตรที่ไม่ซื่อสัตย์ 21 พวกเขาได้ทำให้เราอิจฉาโดยสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าและทำให้เราโกรธโดยสิ่งที่ไร้ค่าของพวกเขา เราจะทำให้พวกเขาอิจฉาคนเหล่านั้นที่ไม่ได้เป็นชนชาติ คือชนชาติที่โง่เขลา เราจะทำให้พวกเขาโกรธ

22 เพราะไฟได้พลุ่งขึ้นด้วยความพิโรธของเราและกำลังเผาผลาญไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของแดนคนตาย ไฟกำลังเผาผลาญแผ่นดินโลกและการเก็บเกี่ยวของมัน รากฐานของภูเขาต่างๆ กำลังลุกด้วยไฟ 23 เราจะสุมภัยพิบัติต่างๆ บนพวกเขา เราจะยิงลูกศรทั้งหมดของเราใส่พวกเขา 24 พวกเขาจะถูกทำให้สูญเปล่าโดยความหิวและการเผาผลาญอย่างร้อนแรงและการทำลายอย่างขมขื่น เราจะส่งสัตว์ป่าที่มีเขี้ยวเล็บมายังพวกเขา ด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่มีพิษที่คลานมาในธุลี 25 ที่หลงเหลือจากดาบจะถูกปลิดชีพ และในห้องนอนต่างๆ ก็จะมีความหวาดกลัว มันจะทำลายทั้งคนหนุ่มและหญิงสาวบริสุทธิ์ ทารก และชายที่มีผมหงอก 26 เราได้พูดว่าเราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป ที่เราจะทำให้อนุสรณ์ของพวกเขาหมดไปจากท่ามกลางมนุษย์ 27 แต่เราก็กลัวการยุยงของศัตรู และบรรดาศัตรูของพวกเขาจะตัดสินอย่างผิดพลาด และที่พวกเขาจะกล่าวว่า 'มือของพวกเราได้รับการยกย่อง' เราจะทำสิ่งนี้ทั้งหมด

28 เพราะอิสราเอลเป็นชนชาติหนึ่งที่ขาดสติปัญญา และไม่มีความเข้าใจในพวกเขา 29 โอ ที่พวกเขาได้มีปัญญา ที่พวกเขาได้เข้าใจสิ่งนี้ ที่พวกเขาจะได้พิจารณาถึงจุดจบของพวกเขาที่กำลังมาถึง 30 คนหนึ่งจะสามารถขับไล่พันคนได้อย่างไร และสองคนจะขับไล่หนึ่งหมื่นคนได้อย่างไร เว้นแต่พระศิลาของพวกเขาได้ขายพวกเขาเสีย และพระยาห์เวห์ได้ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้? 31 เพราะก้อนหินของพวกศัตรูทั้งหลายของพวกเรานั้นไม่เหมือนกับพระศิลาของพวกเรา ที่แม้แต่พวกศัตรูของพวกเราก็ยอมรับ 32 เพราะเถาองุ่นของพวกเขาที่มาจากเถาองุ่นของโสโดม และจากทุ่งนาของโกโมราห์ ผลองุ่นทั้งหลายของพวกเขาเป็นผลองุ่นที่มีพิษ พวงของพวกมันก็มีรสขม 33 เหล้าองุ่นของพวกเขาคือพิษของงู และพิษของงูที่ทำให้ทรมานอย่างมากมาย

34 แผนการนี้ เราไม่ได้เก็บไว้เป็นความลับ ปิดผนึกไว้ท่ามกลางทรัพย์สมบัติของเราหรือ? 35 การแก้แค้นเป็นของเราที่จะมอบคืน และตอบแทน ในเวลานั้นเมื่อเท้าของพวกเขาลื่น เพราะวันแห่งภัยพิบัติสำหรับพวกเขาเข้ามาใกล้แล้ว และสิ่งต่างๆ ที่ต้องมาถึงพวกเขาก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว" 36 เพราะพระยาห์เวห์จะประทานความยุติธรรมแก่ประชาชนของพระองค์ และพระองค์จะทรงสงสารบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์จะทรงมองเห็นอำนาจของพวกเขาสูญสิ้นไป และไม่มีใครสักคนหลงเหลืออยู่ ไม่ว่าทาสทั้งหลายหรือคนที่เป็นไท 37 แล้วพระองค์จะตรัสว่า "พระต่างๆ ของพวกเขาอยู่ที่ไหน ก้อนหินที่พวกเขาเข้าลี้ภัยอยู่ที่ไหน? 38 พระต่าง ๆ ที่กินไขมันที่เป็นเครื่องบูชาของพวกเขาและดื่มเหล้าองุ่นที่เป็นเครื่องดื่มบูชาของพวกเขาอยู่ที่ไหนหรือ? จงให้พระเหล่านั้นลุกขึ้นและช่วยพวกท่านเถิด จงให้พระเหล่านั้นปกป้องพวกท่านเถิด

39 บัดนี้ ดูเถิด เราคือผู้นั้น เราคือพระเจ้า และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา เราทำให้ตาย และเราให้ชีวิต เราทำให้บาดเจ็บ และเรารักษา และไม่มีผู้ใดที่สามารถช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากฤทธิ์อำนาจของเราได้ 40 เพราะเรายกมือของเราขึ้นต่อท้องฟ้าและกล่าวว่า 'ดังที่เรามีชีวิตอยู่นิรันดร์ เราจะกระทำ 41 เมื่อเราลับดาบอันแวววาวของเราให้คมกริบ และเมื่อมือของเราเริ่มต้นนำความยุติธรรมมา เราจะตอบแทนด้วยการแก้แค้นต่อพวกศัตรูของเรา และเราจะสนองคืนให้แก่คนเหล่านั้นที่เกลียดเรา 42 เราจะทำให้ลูกศรของเราเมาโลหิต และดาบของเราจะกินเนื้อ ด้วยโลหิตของผู้ถูกฆ่าและผู้เป็นเชลยทั้งหลาย และจากศีรษะของพวกผู้นำของพวกศัตรูนั้น'" 43 จงชื่นชมยินดี พวกเจ้าชนชาติทั้งหลาย พร้อมกับประชาชนของพระเจ้า เพราะพระองค์จะแก้แค้นให้กับโลหิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์จะแก้แค้นพวกศัตรูของพระองค์ และพระองค์จะลบล้างบาปเพื่อดินแดนของพระองค์ เพื่อประชาชนของพระองค์

44 โมเสสได้มาและกล่าวเนื้อเพลงทั้งหมดให้กับประชาชนได้ฟัง เขากับโยชูวาบุตรชายของนูน 45 เมื่อโมเสสท่องถ้อยคำทั้งหมดนี้ให้กับคนอิสราเอลทั้งปวงจนจบแล้ว 46 เขาพูดกับประชาชนว่า "จงให้ใจของพวกท่านจดจ่อกับถ้อยคำทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้เป็นพยานให้กับพวกท่านในวันนี้ เพื่อพวกท่านจะสั่งบรรดาบุตรหลานของพวกท่านให้ถือรักษา ถ้อยคำทั้งหมดของกฎหมายนี้ 47 เพราะในสิ่งนี้ไม่มีสิ่งใดไม่สำคัญสำหรับพวกท่าน เพราะมันคือชีวิตของพวกท่าน และโดยทางสิ่งเหล่านี้ พวกท่านจะทำให้วันของพวกท่านยืนยาวในดินแดนที่พวกท่านกำลังข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น" 48 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับโมเสสในวันเดียวกันนั้นและตรัสว่า

49 "จงขึ้นไปบนเทือกเขาอาบาริม ขึ้นไปจนถึงภูเขาเนโบ ซึ่งอยู่ในดินแดนโมอับ ฝั่งตรงกันข้ามกับเยรีโค เจ้าจะมองดูดินแดนคานาอัน ที่เรากำลังมอบให้กับประชาชนอิสราเอลเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา 50 เจ้าจะตายบนภูเขานั้นที่เจ้าขึ้นไป และเจ้าจะถูกรวบรวมไปอยู่กับประชาชนของเจ้า เหมือนกับอาโรน พี่น้องชาวอิสราเอลของเจ้าตายบนภูเขาเฮอร์และถูกรวบรวมไปอยู่กับประชาชนของเขา 51 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อเราในท่ามกลางประชาชนอิสราเอลที่น้ำแห่งเมรีบาห์ในคาเดช ในถิ่นทุรกันดารแห่งสิน เพราะเจ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อเราด้วยการให้เกียรติและการนับถือในท่ามกลางประชาชนอิสราเอล 52 เพราะเจ้าจะมองเห็นดินแดนที่อยู่ต่อหน้าเจ้า แต่เจ้าจะไม่ได้เข้าไปที่นั่น คือเข้าไปในดินแดนที่เรากำลังมอบให้กับประชาชนอิสราเอล"

33

1 นี่คือคำอวยพรที่โมเสส ผู้รับใช้ของพระเจ้าได้อวยพรประชาชนอิสราเอลก่อนการตายของเขา 2 เขาได้กล่าวว่า พระยาห์เวห์ได้เสด็จมาจากซีนายและได้ทรงลุกขึ้นจากเสอีร์เหนือพวกเขา พระองค์ได้ทรงฉายแสงจากภูเขาปาราน และพระองค์ได้เสด็จมาพร้อมกับวิสุทธิชนนับหมื่นๆ ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์คือสายฟ้าแลบ 3 แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงรักประชาชนทั้งหลาย บรรดาวิสุทธิชนทั้งสิ้นของพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพวกเขาได้ก้มกราบที่พระบาทของพระองค์ พวกเขาได้รับถ้อยคำทั้งหลายของพระองค์ 4 โมเสสได้บัญชากฎหมายอย่างหนึ่งแก่พวกเรา มรดกอย่างหนึ่งสำหรับที่ชุมนุมของยาโคบ

5 แล้วได้มีกษัตริย์องค์หนึ่งในเยชูรูน เมื่อบรรดาผู้นำของประชาชนได้มารวมกัน ชนทุกเผ่าของอิสราเอลได้มาอยู่รวมกัน 6 จงให้รูเบนมีชีวิตอยู่และไม่ตาย แต่ขอให้พวกผู้ชายของเขามีเล็กน้อย 7 นี่คือพระพรสำหรับยูดาห์ โมเสสได้กล่าวว่า ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟังเถิด ขอทรงฟังเสียงของยูดาห์ และนำเขามายังประชาชนของเขาอีกครั้ง ขอทรงต่อสู้เพื่อเขา ขอทรงเป็นความช่วยเหลือเพื่อต่อสู้กับพวกศัตรูของเขา 8 สำหรับคนเลวี โมเสสได้กล่าวว่า ทัมมิมและอูริมของพระองค์เป็นของผู้ที่จงรักภักดีของพระองค์ ผู้ที่พระองค์ได้ทรงทดสอบที่มัสสาห์ ผู้ที่พระองค์ได้ทรงต่อสู้ที่เมรีบาห์ 9 ผู้ที่พูดเกี่ยวกับบิดาและมารดาของเขาว่า "ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นพวกเขา" เขาไม่ได้รู้จักพวกพี่น้องของเขา หรือไม่ได้รับผิดชอบต่อบรรดาบุตรหลานของเขาเอง เพราะเขาได้ปกป้องถ้อยคำของพระองค์และได้ถือรักษาพันธสัญญาของพระองค์

10 เขาสอนกฎบัญญัติของพระองค์แก่ยาโคบและสอนกฎหมายของพระองค์แก่คนอิสราเอล เขาจะถวายเครื่องหอมต่อพระพักตร์ของพระองค์และถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาของพระองค์ 11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงอวยพรบรรดาทรัพย์สินของเขา และยอมรับการงานจากมือของเขา ขอทรงขับไล่เหล่าสิงโตที่ลุกขึ้นต่อสู้พวกเขา และคนเหล่านั้นที่เกลียดชังเขา เพื่อพวกเขาจะไม่ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้อีก 12 สำหรับเบนยามิน โมเสสได้กล่าวว่า ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงรักและทรงอยู่เคียงข้างเขาอย่างมั่นคง พระยาห์เวห์ทรงปกป้องเขาตลอดเวลาอันยาวนาน และเขามีชีวิตอยู่ระหว่างอ้อมพระกรของพระยาห์เวห์ 13 สำหรับโยเซฟ โมเสสได้กล่าวว่า ขอให้ดินแดนของเขาได้รับพระพรจากพระยาห์เวห์ด้วยสิ่งมีค่าต่างๆ จากท้องฟ้า ด้วยหยาดน้ำค้าง และด้วยสิ่งที่อยู่ลึกใต้น้ำ

14 ขอให้ดินแดนของเขาได้รับการอวยพรด้วยสิ่งมีค่าต่างๆ ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวจากดวงอาทิตย์ ด้วยสิ่งมีค่าต่างๆ อันเป็นผลจากเดือนทั้งหลาย 15 ด้วยสิ่งที่ดีที่สุดจากบรรดาภูเขาโบราณ และด้วยสิ่งมีค่าต่างๆ จากบรรดาเนินเขาชั่วนิรันดร์ 16 ขอให้ดินแดนของเขาได้รับการอวยพรด้วยสิ่งมีค่าต่าง ๆ แห่งแผ่นดินและความอุดมสมบูรณ์ของมัน และด้วยน้ำพระทัยประเสริฐของพระองค์ผู้ทรงอยู่ในพุ่มไม้นั้น ขอให้พระพรมายังศีรษะของโยเซฟ และบนศีรษะของเขาผู้ปกครองเหนือพวกพี่น้องของเขา 17 สัตว์หัวปีของวัว คือศักดิ์ศรีของเขา และเขาของเขาเป็นเขาของวัวป่า ด้วยสิ่งเหล่านี้เขาจะผลักพวกประชาชนทั้งหลาย พวกเขาทั้งหมด ไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก ทั้งหมดเหล่านี้คือคนเอฟราอิมนับหมื่นๆ คน ทั้งหมดเหล่านี้คือคนมนัสเสห์นับพันๆ คน

18 สำหรับเศบูลุน โมเสสได้กล่าวว่า เศบูลุน จงชื่นชมยินดีเถิด ในการออกไป และพวกท่าน อิสสาคาร์ จงอยู่ในเต็นท์ 19 พวกเขาจะเรียกประชาชนทั้งหลายไปที่ภูเขาต่างๆ ที่นั่นพวกเขาจะถวายเครื่องบูชาแห่งความชอบธรรม เพราะพวกเขาจะดูดดื่มความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องทะเลทั้งหลาย และจากเม็ดทรายบนชายหาด 20 สำหรับกาด โมเสสได้กล่าวว่า การอวยพรจงเป็นของเขาคือผู้ที่ทำให้กาดกว้างใหญ่มากขึ้น เขาจะมีชีวิตอยู่ที่นั่นเหมือนกับนางสิงห์ และเขาจะฉีกแขนหรือศีรษะ 21 เขาได้จัดเตรียมส่วนทีดีที่สุดสำหรับตัวเขาเอง เพราะมีส่วนดินแดนที่เป็นของผู้นำที่ถูกสงวนไว้ เขามาพร้อมกับบรรดาหัวหน้าของประชาชน เขาทำให้ความยุติธรรมของพระยาห์เวห์และบรรดาข้อบังคับของพระองค์แก่อิสราเอลสำเร็จ

22 สำหรับดาน โมเสสได้กล่าวว่า ดานเป็นสิงห์หนุ่มตัวหนึ่งที่กระโดดออกมาจากบาชาน 23 สำหรับนัฟทาลี โมเสสได้กล่าวว่า นัฟทาลี จงอิ่มใจอยู่กับความโปรดปราน และเต็มไปด้วยพระพรของพระยาห์เวห์ จงยึดครองดินแดนทางตะวันตกและทางใต้ 24 สำหรับอาเชอร์ โมเสสได้กล่าวว่า การอวยพรจงเป็นของอาเชอร์มากยิ่งกว่าบรรดาบุตรชายอื่นๆ จงให้เขาเป็นที่ยอมรับต่อบรรดาพี่น้องของเขา และจงยอมให้เขาจุ่มเท้าของเขาในน้ำมันมะกอก

25 ขอให้ดาลประตูเมืองของพวกท่านเป็นเหล็กและทองสัมฤทธิ์ พวกท่านจะอยู่ในความมั่นคงปลอดภัย นานตราบเท่าที่พวกท่านมีชีวิตอยู่ 26 ไม่มีผู้ใดเป็นเหมือนพระเจ้าแห่งเยชูรูน ผู้ทรงเที่ยงตรง คือผู้ที่ทรงพาหนะผ่านท้องฟ้าทั้งหลายเพื่อช่วยเหลือพวกท่าน และในพระสง่าราศีของพระองค์บนเมฆทั้งหลาย 27 พระเจ้าผู้ทรงเป็นนิรันดร์คือที่ลี้ภัย และภายใต้คือพระกรอันเป็นนิรันดร์ พระองค์ทรงขับไล่ศัตรูออกไปต่อหน้าต่อตาของพวกท่าน และพระองค์ได้ตรัสว่า "จงทำลายเสีย" 28 อิสราเอลได้พักอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัย น้ำพุของยาโคบนั้นมั่นคงอยู่ในดินแดนแห่งพืชผลและเหล้าองุ่นใหม่ จงให้ท้องฟ้าทั้งหลายของพระองค์หยาดน้ำค้างเหนือเขาเถิด 29 พระพรทั้งหลายของพระองค์นั้นมากมาย อิสราเอล ใครเป็นเหมือนพวกท่าน คือประชาชนที่ได้รับการช่วยให้รอดโดยพระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นโล่แห่งความช่วยเหลือของพวกท่าน และทรงเป็นดาบแห่งศักดิ์ศรีของพวกท่านหรือ? บรรดาศัตรูของพวกท่านจะมาเพื่อทำให้พวกท่านสั่นสะเทือน แต่พวกท่านจะทำให้บรรดาที่สูงของพวกเขาสั่นสะเทือนและล้มลง

34

1 โมเสสได้ขึ้นไปจากที่ราบโมอับจนถึงภูเขาเนโบ ถึงยอดเขาปิสกา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเมืองเยรีโค ที่นั่นพระยาห์เวห์ได้ทรงสำแดงให้เขาเห็นดินแดนทั้งหมดของกิเลอาดไปไกลจนถึงดาน 2 และนัฟทาลีทั้งหมด และดินแดนของเอฟราอิมกับมนัสเสห์ และดินแดนทั้งหมดของยูดาห์ ไปจนถึงทะเลฝั่งตะวันตก 3 และเนเกบ และที่ราบหุบเขาแห่งเยรีโค เมืองแห่งปาล์ม ไปไกลจนถึงโศอาร์ 4 พระยาห์เวห์ตรัสกับเขาว่า "นี่คือดินแดนที่เราได้สัญญาไว้แก่อับราฮัม แก่อิสอัค และแก่ยาโคบ โดยกล่าวว่า 'เราจะมอบดินแดนนั้นแก่เชื้อสายของพวกเจ้า' เราได้อนุญาตให้เจ้ามองเห็นดินแดนนั้นกับตาของเจ้า แต่เจ้าจะไม่ได้ข้ามไปที่นั่น"

5 ดังนั้นโมเสส ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ จึงได้เสียชีวิตที่นั่นในดินแดนโมอับ ดังที่ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาเอาไว้ 6 พระยาห์เวห์ได้ทรงฝังเขาไว้ในหุบเขาในดินแดนโมอับทางฝั่งตรงกันข้ามกับเบธเปโอร์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าที่ฝังศพของเขาอยู่ที่ไหนจวบจนวันนี้ 7 โมเสสมีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีเมื่อเขาเสียชีวิต ตาของเขาไม่ฝ้าฟาง และกำลังฝ่ายธรรมชาติของเขาก็ไม่ลดน้อยลง 8 ประชาชนอิสราเอลได้คร่ำครวญเพื่อโมเสสในที่ราบโมอับเป็นเวลาสามสิบวัน และแล้ววันต่างๆ แห่งการคร่ำครวญเพื่อโมเสสก็ได้จบสิ้น

9 โยชูวาบุตรชายของนูนก็ได้เต็มไปด้วยพระวิญญาณแห่งสติปัญญา เพราะโมเสสได้วางมือบนเขา ประชาชนอิสราเอลได้ฟังเขาและได้กระทำสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาแก่โมเสส 10 นับจากนั้นเป็นต้นมาไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดที่เหมือนโมเสส คือผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงรู้จักเขาแบบหน้าต่อหน้า 11 ไม่เคยมีผู้เผยพระวจนะคนไหนเป็นเหมือนกับเขาในเรื่องหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่พระยาห์เวห์ได้ทรงส่งเขาไปกระทำในดินแดนอียิปต์ คือต่อฟาโรห์ และต่อบรรดาทาสของเขา และต่อดินแดนทั้งหมดของเขา 12 ไม่เคยมีผู้เผยพระวจนะคนไหนที่เป็นเหมือนเขาในความยิ่งใหญ่ทั้งหมด คือการกระทำอันน่าเกรงขามที่โมเสสได้กระทำในสายตาของคนอิสราเอลทั้งหมด