ไทย (Thai): Unlocked Literal Bible Print

Updated ? hours ago # views See on WACS
JOSHUA
JOSHUA
1

1 บัดนี้ หลังจากการสิ้นชีวิตของโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ ที่พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาบุตรของนูน ผู้ช่วยของโมเสสว่า 2 "โมเสส ผู้รับใช้ของเราได้สิ้นชีวิตแล้ว ดังนั้น จงลุกขึ้นข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ เจ้าและประชาชนทั้งหมด ไปยังแผ่นดินที่เราจะยกให้พวกเขา คือประชาชนของอิสราเอล 3 เราได้ยกให้เจ้าทุกแห่งที่ฝ่าเท้าของพวกเจ้าจะเหยียบลงไป เราได้ยกให้แก่เจ้าแล้วดังที่เราได้สัญญาไว้กับโมเสส 4 ตั้งแต่ถิ่นทุรกันดารและภูเขาเลบานอนไปจนสุดแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส แผ่นดินทั้งหมดของชนฮิตไทต์ และถึงทะเลใหญ่ ทางที่ดวงอาทิตย์ตก จะเป็นแผ่นดินของพวกเจ้า 5 ไม่มีใครจะสามารถยืนหยัดต่อเจ้าได้ตลอดชีวิตของเจ้า เราจะอยู่กับเจ้าเช่นที่เราได้อยู่กับโมเสสมาแล้ว เราจะไม่ทอดทิ้งหรือจากเจ้าไป

6 จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เจ้าจะทำให้ประชาชนเหล่านี้ได้รับแผ่นดินเป็นมรดกซึ่งเราได้สัญญากับบรรพบุรุษของพวกเขาว่าเราจะยกให้พวกเขา 7 จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด จงระมัดระวังที่จะเชื่อฟังบัญญัติทั้งหมดที่โมเสสผู้รับใช้ของเราได้บัญชาเจ้า จงอย่าได้หันขวาหรือหันซ้าย เพื่อที่เจ้าจะพบกับความสำเร็จไม่ว่าเจ้าจะไปทางไหนก็ตาม 8 เจ้าจะพูดถึงหนังสือพระบัญญัตินี้อย่างสม่ำเสมอ เจ้าจะเข้าเฝ้าภาวนาทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อที่เจ้าจะสามารถเชื่อฟังทุกสิ่งที่ได้บันทึกในหนังสือนั้น แล้วเจ้าจะรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จ 9 เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ? จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัว อย่าท้อถอย พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป"

10 แล้วโยชูวาก็บัญชาผู้นำทั้งหลายของประชาชน 11 "จงไปในค่ายและสั่งประชาชนว่า "จงเตรียมเสบียงสำหรับตัวท่านทั้งหลาย ในสามวัน พวกท่านจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้และเข้าไป และยึดแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงประทานให้พวกท่านยึดครอง" 12 โยชูวาพูดต่อชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของชาวมนัสเสห์ว่า 13 " จงจำคำของโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ ได้บัญชาพวกท่านเมื่อท่านได้กล่าวว่า "พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานที่พักสำหรับท่าน และพระองค์จะทรงประทานแผ่นดินนี้ให้ท่าน"

14 ภรรยาของท่าน ลูกเล็กๆ ของท่าน และฝูงสัตว์ของพวกท่านจะอยู่ในแผ่นดินซึ่งโมเสสยกให้ท่านที่ฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดน แต่พวกนักรบของท่านจะข้ามไปกับพวกพี่น้องของท่านและช่วยพวกเขา 15 จนกว่าพระยาห์เวห์ได้ประทานที่พักแก่พี่น้องของท่านดังเช่นที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ท่าน แล้วพวกเขาจะได้ครอบครองแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงประทานให้พวกเขา แล้วท่านจะกลับมาที่แผ่นดินของท่านเองและครอบครอง แผ่นดินที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้มอบให้แก่ท่านที่ฟากแม่น้ำจอร์แดนที่ดวงอาทิตย์ขึ้น" 16 แล้วพวกเขาได้ตอบโยชูวาว่า "ทั้งหมดที่ท่านได้บัญชาพวกเรา พวกเราจะทำตาม และไม่ว่าที่ใดที่ท่านส่งพวกเราไป พวกเราจะไป 17 เราจะเชื่อฟังท่านเช่นเดียวกับที่เราเชื่อฟังโมเสส เพียงแต่ขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสถิตอยู่กับท่าน เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงสถิตอยู่กับโมเสส 18 ใครก็ตามที่ขัดขืนคำบัญชาของท่าน และไม่เชื่อฟังถ้อยคำของท่าน คนนั้นจะต้องถึงตาย ขอเพียงแต่จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด"

2

1 ต่อมาโยชูวาบุตรของนูนส่งชายสองคนจากเมืองชิทธีมเป็นการลับไปสอดแนม เขากล่าวว่า "จงไป ตรวจตราดูทั่วแผ่นดิน เฉพาะอย่างยิ่งเมืองเยรีโค" พวกเขาก็ไปและได้มาถึงในบ้านของหญิงโสเภณีคนหนึ่งชื่อราหับ และพวกเขาพักอยู่ที่นั่น 2 มีรายงานไปถึงกษัตริย์ของเมืองเยรีโค ว่า "จงดูเถิด ชายชาวอิสราเอลบางคนมาที่นี่เพื่อสอดแนมดูแผ่นดิน" 3 กษัตริย์ของเมืองเยรีโคทรงมีพระบัญชาไปยังราหับ และตรัสว่า "จงนำตัวชายเหล่านั้นผู้ที่มาหาเจ้าในบ้านของเจ้าออกมา พวกเขามาเพื่อสอดแนมทั่่วแผ่นดินนี้" 4 แต่ผู้หญิงได้พาชายสองคนนั้นไปและซ่อนพวกเขาไว้ นางตอบว่า "ใช่แล้ว พวกผู้ชายมาหาดิฉัน แต่ดิฉันไม่รู้ว่าพวกเขามาจากที่ไหน 5 พวกเขาจากไปเมื่อเวลาค่ำ เมื่อเป็นเวลาที่ประตูเมืองปิด ดิฉันไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน ท่านอาจจะจับพวกเขาได้ถ้าท่านรีบตามพวกเขาไป" 6 แต่หญิงนั้นได้พาทั้งสองคนขึ้นไปบนดาดฟ้า และซ่อนตัวพวกเขาไว้ที่ต้นป่านที่นางได้เรียงไว้บนดาดฟ้า 7 ดังนั้น พวกผู้ชายก็ไล่ตามพวกเขาไปจนถึงท่าข้ามแม่น้ำจอร์แดน ประตูก็ถูกปิดทันทีที่พวกคนตามล่านั้นออกไปแล้ว

8 พวกผู้ชายยังไม่นอนในคืนนั้น เมื่อผู้หญิงได้ขึ้นไปหาพวกเขาที่บนดาดฟ้า 9 นางกล่าวว่า "ดิฉันรู้ว่าพระยาห์เวห์ได้ทรงมอบแผ่นดินให้แก่ท่านและความกลัวพวกของท่านมาเหนือพวกเรา บรรดาคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินแทบจะหลอมละลายต่อหน้าท่าน 10 พวกเราได้ยินเรื่องที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้น้ำของทะเลแดงเหือดแห้งไปเพื่อพวกท่าน เมื่อพวกท่านออกมาจากอียิปต์ พวกเราได้ยินเรื่องพวกท่านได้ทำให้กษัตริย์สองพระองค์ของคนอาโมไรต์บนอีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดน คือสิโหนและโอก ผู้ซึ่งถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง 11 ทันทีที่พวกเราได้ยิน หัวใจของพวกเราก็หลอมละลายและไม่มีความกล้าหาญเหลือในคนไหนเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าในสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินโลกเบื้องล่าง 12 บัดนี้ ขอสาบานต่อดิฉันในนามของพระยาห์เวห์ว่า ในเมื่อดิฉันได้แสดงความเมตตาต่อท่านแล้ว ท่านจะแสดงความเมตตาต่อครอบครัวบิดาของดิฉันด้วย จงให้ดิฉันมีหมายสำคัญที่แน่นอน 13 ว่าท่านจะไว้ชีวิตบิดาของดิฉัน มารดา พี่น้องชาย พี่น้องหญิง และทุกคนในครอบครัวของพวกเขา และท่านจะไว้ชีวิตของพวกเรา"

14 พวกผู้ชายนั้นจึงตอบนางว่า "ชีวิตของเราเพื่อชีวิตของพวกเจ้า แม้แต่ถึงตาย ถ้าพวกเจ้าไม่เปิดเผยภารกิจนี้ของเรากับใคร เมื่อพระยาห์เวห์ประทานแผ่นดินนี้แก่เรา เราจะมีเมตตาและสัตย์ซื่อต่อพวกเจ้า" 15 ดังนั้น นางจึงหย่อนพวกเขาลงทางหน้าต่างโดยใช้เชือก บ้านที่นางอาศัยอยู่ได้สร้างในกำแพงของเมือง 16 นางกล่าวกับพวกเขาว่า" จงไปที่เนินเขาและซ่อนตัวเพื่อพวกผู้ตามล่าจะไม่พบพวกท่าน จงซ่อนตัวอยู่ที่นั่นสามวันจนกว่าพวกที่ตามล่าท่านจะกลับ แล้วท่านก็เดินทางต่อไป 17 พวกผู้ชายพูดกับนางว่า "เราจะไม่ผูกมัดตามคำสัญญาที่เราสาบาน ถ้าเจ้าไม่ทำสิ่งนี้ 18 เมื่อเราได้เข้ามาในแผ่นดิน เจ้าจงเอาเชือกสีแดงนี้ผูกไว้ที่หน้าต่างที่เจ้าได้หย่อนพวกเราลงไปนั้น และเจ้าจงรวบรวมบิดามารดา พี่น้อง และทุกคนในครอบครัวของบิดามาไว้ในบ้าน

19 ใครก็ตามที่ออกนอกประตูบ้านของเจ้าไปที่ถนน เลือดของพวกเขาจะอยู่บนศีรษะของพวกเขาและเราจะไม่มีความผิด แต่ถ้ามือใดมาแตะต้องใครก็ตามที่อยู่กับเจ้าในบ้าน เลือดของเขาจะอยู่บนศีรษะของเรา 20 แต่ถ้าเจ้าพูดเกี่ยวกับภารกิจของเรา เราก็จะพ้นจากคำสาบานที่พวกเจ้าให้เราสาบานไว้นั้น" 21 ราหับ ตอบว่า "ขอให้เป็นไปตามที่ท่านได้พูดนั้น" และนางก็ส่งพวกเขาไปและพวกเขาก็ได้จากไป แล้วนางจึงมัดเชือกสีแดงที่หน้าต่าง 22 พวกเขาได้จากไปและขึ้นไปยังเนินเขาและพวกเขาอยู่ที่นั่นสามวันจนกระทั่งพวกคนที่ตามล่าพวกเขากลับไป พวกคนที่ติดตามได้หาตลอดถนนและไม่พบอะไรเลย 23 ชายสองคนก็กลับไปและข้ามกลับไปหาโยชูวาบุตรของนูน และพวกเขาได้บอกเขาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา 24 และพวกเขากล่าวแก่โยชูวาว่า "แท้ที่จริงแล้ว พระยาห์เวห์ทรงมอบแผ่นดินทั้งหมดไว้ในมือเราแล้ว ชาวเมืองทุกคนในแผ่นดินก็หวาดกลัวเพราะพวกเรา"

3

1 โยชูวาตื่นเช้าในตอนเช้า และเขาทั้งหลายออกจากชิทธีม เขาและประชาชนอิสราเอลทั้งหมดมาถึงแม่น้ำจอร์แดน และพวกเขาตั้งค่ายพักที่นั่นก่อนจะข้ามไป 2 ต่อมาอีกสามวัน พวกเจ้าหน้าที่ก็ไปทั่วค่าย 3 พวกเขาสั่งประชาชนว่า "เมื่อพวกท่านเห็นหีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และเห็นพวกปุโรหิตซึ่งมาจากชนเผ่าเลวีหามไป พวกท่านจะต้องออกจากสถานที่แห่งนี้และตามไป 4 จะต้องมีระยะห่างระหว่างพวกท่านและหีบประมาณสองพันศอก จงอย่าเข้าไปใกล้หีบนั้น เพื่อพวกท่านจะได้รู้จักทางที่จะไป เพราะพวกท่านยังไม่เคยไปทางนี้มาก่อน 5 โยชูวากล่าวกับประชาชนว่า "จงชำระตัวของพวกท่านให้บริสุทธิ์ในวันพรุ่งนี้ เพราะพระยาห์เวห์จะทรงทำการอัศจรรย์ท่ามกลางพวกท่าน" 6 แล้วโยชูวาได้สั่งพวกปุโรหิตว่า "จงหามหีบพันธสัญญา และผ่านไปข้างหน้าประชาชน" ดังนั้น พวกเขาก็หามหีบพันธสัญญาและเดินไปข้างหน้าประชาชน

7 พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า "ในวันนี้ เราจะให้เจ้าเป็นชายที่ยิ่งใหญ่ในสายตาของของอิสราเอลทั้งมวล พวกเขาจะได้รู้ว่าเราอยู่กับโมเสสมาแล้วอย่างไร เราจะอยู่กับเจ้าอย่างนั้น 8 เจ้าจะสั่งปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญาว่า "เมื่อพวกท่านมาถึงริมแม่น้ำจอร์แดน พวกท่านจงหยุดยืนอยู่ในแม่น้ำจอร์แดน" 9 แล้วโยชูวากล่าวแก่ประชาชนอิสราเอลว่า "จงมาที่นี่ และฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 10 โดยเหตุนี้พวกท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่า พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ประทับอยู่ท่ามกลางท่านทั้งหลาย จะทรงขับไล่คนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนฮีไวต์ คนเปริสซี คนเกอร์กาชี คนอาโมไรต์ และคนเยบุสให้พ้นหน้าท่านทั้งหลาย

11 "จงดูนั่น หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งโลกทั้งมวลจะข้ามไปข้างหน้าท่านลงไปในแม่น้ำจอร์แดน 12 บัดนี้ จงเลือกคนสิบสองคนออกจากเผ่าของอิสราเอล เผ่าละหนึ่งคน 13 และเมื่อฝ่าเท้าของพวกปุโรหิตผู้หามหีบของพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งโลกทั้งมวล แตะน้ำของแม่น้ำจอร์แดน น้ำในแม่น้ำจอร์แดนจะแยกออก และแม้แต่น้ำที่ไหลมาจากข้างบนจะหยุดไหลและจะตั้งขึ้นเป็นกองเดียว"

14 ดังนั้้น เมื่อประชาชนได้ออกเดินทางเพื่อจะข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกปุโรหิตที่หามหีบพันธสัญญาไปข้างหน้าประชาชน 15 ทันทีที่คนเหล่านั้นที่แบกหีบพันธสัญญามาถึงแม่น้ำจอร์แดน และเท้าของคนเหล่านั้นที่หามหีบจุ่มลงที่แม่น้ำแล้ว (ขณะนั้น แม่น้ำจอร์แดนไหลท่วมฝั่งตลอดฤดูเก็บเกี่ยว) 16 น้ำที่ไหลมาจากข้างบนก็หยุดเป็นกองเดียว น้ำหยุดไหลจากระยะไกล น้ำหยุดไหลจากเมืองอาดัม ซึ่งเป็นเมืองอยู่ข้างๆ เมืองศาเรธานและน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลของเนเกบ ทะเลเกลือ ประชาชนก็ข้ามไปใกล้เมืองเยรีโค 17 พวกปุโรหิตที่หามหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ยืนบนพื้นดินแห้ง กลางแม่น้ำจอร์แดน จนกระทั่งประชาชนอิสราเอลทั้งหมดเดินข้ามไปบนพื้นดินแห้ง

4

1 เมื่อประชาชนอิสราเอลทั้งหมดได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนแล้ว พระยาห์เวห์ตรัสสั่งโยชูวาว่า 2 "จงเลือกคนสิบสองคนในหมู่ประชาชน เผ่าละคน 3 ให้สั่งพวกเขาว่า 'จงเอาก้อนหินสิบสองก้อนจากกลางแม่น้ำจอร์แดน ตรงที่พวกปุโรหิตได้ยืนบนพื้นที่แห้ง และให้ขนก้อนหินมากับท่านและให้วางลงบนในที่ที่พวกท่านจะนอนในคืนนี้'" 4 แล้วโยชูวาได้เรียกคนสิบสองคนที่ท่านได้คัดเลือกมาจากเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล เผ่าละคน 5 โยชูวากล่าวกับพวกเขาว่า "จงไปที่ข้างหน้าหีบของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านไปยังกลางแม่น้ำจอร์แดน ให้พวกท่านแต่ละคนยกก้อนหินคนละก้อนแบกขึ้นบ่า ตามจำนวนของเผ่าต่างๆ ของประชาชนอิสราเอล 6 นี่จะเป็นสัญลักษณ์ในท่ามกลางพวกท่านเมื่อบรรดาลูกหลานพวกท่านจะถามในวันข้างหน้าว่า "ก้อนหินเหล่านี้มีความหมายอะไรสำหรับท่าน ?" 7 แล้วท่านจงตอบพวกเขาว่า "น้ำของแม่น้ำจอร์แดนแยกจากกันต่อหน้าหีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์ เมื่อหีบได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน น้ำของแม่น้ำจอร์แดนก็แยกจากกัน ดังนั้น ก้อนหินเหล่านี้จะเป็นสิ่งเตือนความทรงจำของประชาชนของอิสราเอลเป็นนิตย์

8 ประชาชนอิสราเอลก็ทำตามที่โยชูวาได้บัญชา และพวกเขาขนก้อนหินสิบสองก้อนมาจากกลางแม่น้ำจอร์แดนตามที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับโยชูวา พวกเขาได้ก่อก้อนหินขึ้นตามจำนวนเผ่าของประชาชนอิสราเอล พวกเขาแบกก้อนหินมายังสถานที่ที่พวกเขาตั้งค่ายอยู่และได้ก่อพวกมันขึ้นที่นั่น 9 แล้วโยชูวาได้ก่อก้อนหินสิบสองก้อนที่กลางแม่น้ำจอร์แดน ในที่ที่เท้าของพวกปุโรหิตที่หามหีบพันธสัญญายืนอยู่ สิ่งเตือนความทรงจำยังอยู่ที่นั่นจนกระทั่งถึงวันนี้ 10 พวกปุโรหิตที่หามหีบพันธสัญญายืนอยู่กลางแม่น้ำจอร์แดนจนกระทั่งทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงสั่งโยชูวาให้บอกประชาชนสำเร็จ ตามที่โมเสสได้บัญชาโยชูวาทุกประการ ประชาชนรีบเร่งและพวกเขาได้ข้ามไป

11 เมื่อประชาชนข้ามไปหมดแล้ว หีบของพระยาห์เวห์และพวกปุโรหิตก็ข้ามไปต่อหน้าประชาชน 12 คนเผ่าคนรูเบน คนเผ่ากาดและครึ่งหนึ่งของคนเผ่ามนัสเสห์ ได้ข้ามไปต่อหน้าประชาชนอิสราเอล จัดตั้งเป็นกองทัพ ตามที่โมเสสได้กล่าวไว้กับพวกเขา 13 มีคนถืออาวุธครบมือพร้อมที่จะเข้าสู่สงครามประมาณ 40,000 คนได้ข้ามไปเฉพาะพระพักตร์ของพระยาห์เวห์เพื่อไปทำศึกบนที่ราบของเมืองเยรีโค

14 ในวันนั้นพระยาห์เวห์ทรงทำให้โยชูวายิ่งใหญ่ในสายตาของอิสราเอลทั้งหมด เขาทั้งหลายก็ยกย่องท่าน ดังที่พวกเขาเคยยกย่องโมเสสมาตลอดชีวิตของท่าน 15 จากนั้นพระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า 16 " จงสั่งพวกปุโรหิตผู้ที่หามหีบแห่งสักขีพยานให้ขึ้นมาจากแม่น้ำจอร์แดน" 17 ดังนั้น โยชูวาได้สั่งพวกปุโรหิต "จงขึ้นมาจากแม่น้ำจอร์แดน" 18 เมื่อพวกปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์ขึ้นมาจากกลางแม่น้ำจอร์แดน และฝ่าเท้าของพวกเขายกขึ้นเหยียบแผ่นดินแห้ง แล้วน้ำในแม่น้ำจอร์แดนก็ไหลกลับมายังที่เก่าและท่วมสองฝั่ง เหมือนเดิมอย่างเมื่อสี่วันก่อน

19 ประชาชนได้ขึ้นจากแม่น้ำจอร์แดนในวันที่สิบเดือนที่หนึ่ง พวกเขาพักที่กิลกาล ด้านทิศตะวันออกของเมืองเยรีโค 20 ก้อนหินสิบสองก้อนที่พวกเขานำมาจากแม่น้ำจอร์แดน โยชูวาก็ได้ตั้งไว้ในกิลกาล 21 เขากล่าวกับประชาชนอิสราเอลว่า "เมื่อลูกหลานของท่านถามบรรดาบิดาของพวกเขาว่าในเวลาข้างหน้าว่า "ก้อนหินเหล่านี้คืออะไร ? ' 22 จงบอกลูกหลานของท่านว่า 'นี่เป็นสถานที่ที่ชนชาติอิสราเอลข้ามแม่น้ำจอร์แดนบนแผ่นดินแห้ง' 23 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงทำให้น้ำในแม่น้ำจอร์แดนแห้งเพื่อพวกท่าน จนพวกท่านได้ข้ามไป ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำแก่ทะเลแดง ซึ่งพระองค์ทรงทำให้แห้งเพื่อพวกเราจนกระทั่งพวกเราข้ามไปได้หมด 24 ดังนั้น ประชาชนทั้งมวลบนแผ่นดินจะได้รู้ว่าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ทรงอานุภาพ และเพื่อพวกท่านจะสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนิจนิรันดร์

5

1 ทันทีที่กษัตริย์ทั้งหมดของคนอาโมไรต์ซึ่งอยู่ฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน และกษัตริย์ทั้งหมดของคนคานาอันซึ่งอยู่ริมฝั่งทะเลใหญ่ ได้ยินว่าพระยาห์เวห์ทรงให้น้ำในแม่น้ำจอร์แดนเหือดแห้งไปจนกระทั่งประชาชนอิสราเอลข้ามฟากไปได้ หัวใจของพวกเขาก็หดหู่ และไม่มีกำลังใจเพราะพวกประชาชนอิสราเอล 2 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า "จงทำมีดด้วยหินและจงให้ผู้ชายอิสราเอลทั้งหมดเข้าสุหนัตอีกครั้ง" 3 แล้วโยชูวาทำมีดหินและทำสุหนัตให้ผู้ชายทั้งหมดของอิสราเอลที่กิเบอัธ หะอาราโลท

4 นี่คือสาเหตุที่โยชูวาทำสุหนัตพวกเขา คือ ผู้ชายทุกคนที่ออกมาจากอียิปต์ รวมทั้งทหารทั้งหมดที่ได้เสียชีวิตตามทางในถิ่นทุรกันดาร หลังจากที่พวกเขาได้ออกมาจากอียิปต์ 5 ถึงแม้ว่าผู้ชายทุกคนที่ออกมาจากอียิปต์จะได้เข้าสุหนัตหมดแล้ว แต่ไม่มีเด็กชายคนใดที่เกิดในถิ่นทุรกันดารหลังจากที่ออกมาจากอียิปต์นั้นได้เข้าสุหนัตเลย 6 สำหรับประชาชนของอิสราเอลที่เดินทางสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดารจนกระทั่งประชาชนทุกคน กล่าวคือ ประชาชนทุกคนที่เป็นนักรบที่ออกมาจากอียิปต์เสียชีวิต เพราะว่าพวกเขาไม่ได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ทรงยืนยันกับพวกเขาไว้ว่าพระองค์จะไม่ทรงอนุญาตให้พวกเขาได้เห็นแผ่นดินที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาว่าพระองค์จะประทานแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งเอ่อล้นให้เรา 7 มีแต่ลูกหลานของพวกเขาที่พระยาห์เวห์ทรงให้มาแทนพวกเขานั้นที่โยชูวาได้ทำสุหนัต เพราะว่าพวกเขาไม่ได้เข้าสุหนัตในระหว่างทาง

8 เมื่อพวกเขาทั้งหมดเข้าสุหนัตแล้ว พวกเขาก็พักอยู่ในที่ที่พวกเขาตั้งค่ายจนพวกเขาหายเป็นปกติ 9 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า "วันนี้เราได้กลิ้งความอดสูของอียิปต์ไปจากพวกเจ้าแล้ว" ดังนั้น สถานที่นั้นได้ถูกเรียกว่ากิลกาลจนถึงทุกวันนี้ 10 ประชาชนของอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ที่กิลกาล ในตอนเย็นวันที่สิบสี่ของเดือนพวกเขาได้ถือเทศกาลปัสกา บนที่ราบของเยรีโค

11 พวกเขาได้กินผลบางอย่างของแผ่นดินในวันหลังจากเทศกาลปัสกา คือขนมปังไร้เชื้อและข้าวปิ้ง 12 มานาก็ขาดหายไปหลังจากที่พวกเขาได้กินผลจากแผ่นดิน ไม่มีมานาสำหรับประชาชนอิสราเอลอีกต่อไป แต่พวกเขากินผลของแผ่นดินคานาอันในปีนั้น

13 เมื่อโยชูวาเข้าใกล้เมืองเยรีโค เขาได้เงยหน้าขึ้นมองและ นี่แน่ะ ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาได้ชักดาบของเขาและถืออยู่ในมือของเขา โยชูวาได้เข้าไปหาเขาและกล่าวว่า "ท่านอยู่ฝ่ายเราหรือฝ่ายศัตรูของเรา ?" 14 ชายผู้นั้นตอบว่า "ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เราเป็นผู้บัญชาการทัพของพระยาห์เวห์ บัดนี้เราได้มาแล้ว " แล้วโยชูวาก็กราบลงถึงพื้นดินเพื่อนมัสการแล้วถามท่านว่า "เจ้านายของข้าพเจ้าจะกล่าวอะไรกับผู้รับใช้ของท่าน ?" 15 ผู้บัญชาการทัพของพระยาห์เวห์ พูดกับโยชูวาว่า "จงถอดรองเท้าของเจ้าออกจากเท้าของเจ้าเสีย เพราะว่าที่ซึ่งเจ้ากำลังยืนอยู่นี้เป็นที่บริสุทธิ์" โยชูวาก็ทำตาม

6

1 บัดนี้ ทางเข้าเมืองเยรีโคทั้งหมดก็ถูกปิดเพราะเหตุแห่งกองทัพของอิสราเอล ไม่มีผู้ใดออกและไม่มีผู้ใดเข้า 2 พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า "จงดูเถิด เราได้มอบเมืองเยรีโค ทั้งกษัตริย์ของเมือง และเหล่าทหารที่ฝึกฝนของเมืองไว้ในมือพวกเจ้าแล้ว 3 พวกเจ้าจะต้องเดินขบวนรอบเมือง พวกทหารเดินรอบเมืองหนึ่งครั้ง พวกเจ้าจะต้องทำเช่นนี้เป็นเวลาหกวัน 4 พวกปุโรหิตเจ็ดคนจะต้องถือแตรเขาแกะเจ็ดคันนำหน้าหีบ ในวันที่เจ็ด พวกเจ้าจงเดินขบวนรอบเมืองเจ็ดครั้ง และให้พวกปุโรหิตเป่าแตร 5 แล้วพวกเขาจะต้องเป่าเขาแกะเป็นเสียงยาว และเมื่อพวกเจ้าได้ยินเสียงแตรนั้น ประชาชนทุกคนจะต้องโห่ร้องด้วยเสียงดัง และกำแพงเมืองก็จะพังราบลง เหล่าทหารจะต้องจู่โจม แต่ละคนจะมุ่งตรงไปข้างหน้า"

6 โยชูวาบุตรของนูนจึงเรียกพวกปุโรหิตและกล่าวกับพวกเขาว่า "จงยกหีบแห่งพันธสัญญาขึ้นหาม และให้ปุโรหิตเจ็ดคนถือแตรเขาแกะเจ็ดคันเดินนำหน้าหีบแห่งพระยาห์เวห์" 7 เขากล่าวกับประชาชนว่า "จงไปและเดินขบวนรอบเมือง และให้ทหารอาวุธครบมือจะเดินข้างหน้าหีบแห่งพระยาห์เวห์" 8 เมื่อโยชูวาพูดกับประชาชนเสร็จแล้ว พวกปุโรหิตเจ็ดคนถือแตรเขาแกะเจ็ดคันต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ ขณะที่เดินไปข้างหน้า พวกเขาก็ได้เป่าแตร หีบแห่งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ก็ได้ตามหลังพวกเขา 9 เหล่าทหารพร้อมถืออาวุธเดินนำหน้าพวกปุโรหิต และพวกเขาเป่าแตรของพวกเขา แต่กองระวังหลังก็เดินตามหีบ และพวกปุโรหิตก็เป่าแตรของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง 10 แต่โยชูวาบัญชาประชาชนว่า "จงอย่าตะโกน จงอย่าให้มีเสียงออกจากปากพวกท่านจนกว่าจะถึงวันที่เราจะบอกให้พวกท่านตะโกน เอาไว้ถึงตอนนั้นแล้วพวกท่านถึงจะตะโกนได้" 11 ดังนั้นเขาจึงเป็นเหตุให้หีบแห่งพระยาห์เวห์ไปรอบเมืองหนึ่งครั้งในวันนั้น แล้วพวกเขาก็พักค้างคืนอยู่ในค่าย

12 แล้วโยชูวาก็ได้ตื่นขึ้นแต่เช้ามืด และพวกปุโรหิตก็ยกหีบแห่งพระยาห์เวห์ขึ้นหาม 13 พวกปุโรหิตเจ็ดคนผู้ที่ถือแตรเขาแกะเจ็ดคันอยู่หน้าหีบแห่งพระยาห์เวห์เดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นและเป่าแตร เหล่าทหารถืออาวุธก็เดินอยู่ข้างหน้าพวกเขา แต่เมื่อกองระวังหลังเดินอยู่ข้างหลังหีบแห่งพระยาห์เวห์ แล้วแตรทั้งหลายก็ถูกเป่าอย่างต่อเนื่อง 14 พวกเขาเดินขบวนรอบเมืองหนึ่งรอบในวันที่สองและกลับเข้าค่าย พวกเขาทำเช่นนี้อยู่หกวัน

15 ในวันที่เจ็ด พวกเขาตื่นแต่เช้าตรู่ในรุ่งอรุณ และพวกเขาเดินขบวนรอบเมืองตามแบบของพวกเขาเช่นเคยในครั้งนี้เป็นครั้งที่เจ็ด 16 ในวันนี้แหละที่พวกเขาเดินขบวนรอบเมืองเจ็ดครั้ง เมื่อพวกปุโรหิตเป่าแตร แล้วโยชูวาบัญชาพวกประชาชนว่า "จงโห่ร้อง เพราะพระยาห์เวห์ทรงมอบเมืองให้พวกท่านแล้ว" 17 เมืองและทุกสิ่งในเมืองจะต้องถูกทำลายลงเพื่อถวายแด่พระยาห์เวห์ มีเพียงราหับหญิงโสเภณีเท่านั้นที่จะรอดชีวิต คือ นางและทุกคนที่อยู่ในบ้านของนาง เพราะว่านางได้ซ่อนพวกผู้ชายที่พวกเราได้ใช้ไป 18 แต่สำหรับพวกท่าน จงเฝ้าระวังเกี่ยวกับการนำสิ่งของต่างๆที่จะถูกทำลายนั้น พวกท่านอย่าได้นำสิ่งใดออกมา ถ้าพวกท่านทำอย่างนี้ พวกท่านจะทำให้ค่ายของพวกอิสราเอลเป็นสิ่งที่ต้องถูกทำลายและพวกท่านจะนำปัญหามา 19 เครื่องใช้ทั้งหมดที่เป็นเงิน ทองคำ และสิ่งของที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์และเหล็กเป็นของถวายแด่พระยาห์เวห์ ของพวกนั้นจะต้องนำไปที่พระคลังของพระยาห์เวห์"

20 เมื่อพวกเขาเป่าแตร พวกประชาชนก็ตะโกนกึกก้องและกำแพงก็พังราบ ทุกคนก็บุกและยึดเมือง 21 พวกเขาได้ทำลายเมืองลงอย่างสิ้นเชิง คือทุกอย่างที่อยู่ในเมืองด้วยคมดาบของพวกเขา ผู้ชายและผู้หญิง คนหนุ่มและคนแก่ วัว แกะและลาทั้งหลาย 22 แล้วโยชูวากล่าวกับผู้ชายสองคนที่ได้เข้าไปสอดแนมในเมือง ว่า "จงไปยังบ้านหญิงโสเภณี นำพวกผู้หญิงและทุกคนที่อยู่กับนางมา ตามที่พวกท่านได้สาบานไว้กับนาง" 23 ดังนั้นชายหนุ่มสองคนที่ได้ไปสอดแนมก็เข้าไปและนำราหับออกมา พวกเขานำบิดาของนาง มารดา พี่ชายน้องชายและญาติทั้งหมดที่อยู่กับนาง ออกมา พวกเขานำคนเหล่านั้นไปยังสถานที่อยู่นอกค่ายพักของอิสราเอล

24 พวกเขาเผาเมืองและทุกสิ่งในนั้น เพียงแต่เงิน ทอง และเครื่องใช้ที่เป็นทองเหลืองและเป็นเหล็กเท่านั้นได้ถูกนำไปไว้ที่พระคลังในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 25 แต่โยชูวาปล่อยให้ราหับหญิงโสเภณี และครอบครัวบิดาของนางและทุกสิ่งที่เป็นของนางรอดชีวิต นางใช้ชีวิตอยู่ในอิสราเอลจนถึงทุกวันนี้เพราะว่านางได้ซ่อนพวกผู้ชายที่โยชูวาได้ส่งไปสอดแนมเมืองเยรีโค 26 แล้วโยชูวาบัญชาพวกเขาในเวลานั้นด้วยคำสาบาน และเขากล่าวว่า "ขอให้ชายใดก็ตามที่สร้างเมืองนี้คือเยรีโคขึ้นมาใหม่อีกถูกสาปแช่งในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ คนที่จะวางรากฐานก็ขอให้เสียบุตรหัวปี และคนที่จะสร้างประตู ก็ขอให้เสียบุตรคนสุดท้อง" 27 ดังนั้นพระยาห์เวห์ก็ได้สถิตกับโยชูวา และชื่อเสียงของเขาก็เลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน

7

1 แต่ประชาชนอิสราเอลได้กระทำการอย่างไม่สัตย์ซื่อเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องแยกออกมาเพื่อทำลายนั้น อาคานบุตรของคารมี ผู้เป็นบุตรของศับดี ผู้เป็นบุตรของเศ-ราห์จากเผ่ายูดาห์ได้นำสิ่งที่ต้องแยกออกมาเพื่อทำลายบางส่วนไปและพระพิโรธของพระยาห์เวห์จึงแผดเผาประชาชนของอิสราเอล 2 โยชูวาได้ส่งพวกผู้ชายจากเยรีโคไปเมืองอัยซึ่งอยู่ใกล้กับเบธาเวนทางตะวันออกของเบธเอล เขากล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า "จงขึ้นไป และจงสอดแนมแผ่นดิน" ดังนั้นพวกผู้ชายจึงขึ้นไปและสอดแนมเมืองอัย 3 เมื่อพวกเขากลับมาหาโยชูวา พวกเขากล่าวว่า "อย่าส่งประชาชนทั้งหมดขึ้นไปเมืองอัย ให้ส่งเพียงสองหรือสามพันคนขึ้นไปโจมตีเมืองอัย อย่าให้ประชาชนทั้งหมดตากตรำในสงครามนี้ เพราะว่าพวกนั้นมีจำนวนน้อย" 4 ดังนั้น จึงมีผู้ชายประมาณ 3,000 คนเท่านั้นที่ขึ้นไปจากกองทัพ แต่คนพวกนี้ก็ต้องแตกกระเจิงหนีจากพวกผู้ชายของเมืองอัย 5 พวกผู้ชายของเมืองอัยได้ฆ่าพวกเขาตายไปประมาณสามสิบหกคนในขณะที่คนพวกนั้นได้ติดตามพวกเขาจากประตูเมืองไปจนถึงเหมืองหิน และก็ได้ฆ่าพวกเขาขณะที่พวกเขากำลังลงเขา จิตใจของประชาชนก็หวาดหวั่นและความกล้าหาญของพวกเขาก็เหือดหายไป

6 แล้วโยชูวาก็ฉีกเสื้อผ้าของตน เขาและผู้อาวุโสของอิสราเอลก็เอาขี้ฝุ่นใส่ลงบนศีรษะของพวกเขาและซบหน้าลงถึงพื้นดิน ที่หน้าหีบแห่งพระยาห์เวห์ อยู่ที่นั่นจนถึงเวลาเย็น 7 จากนั้นโยชูวาทูลว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า เหตุไฉนพระองค์ทรงนำประชาชนเหล่านี้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาเล่า? เพื่อมอบพวกข้าพระองค์ไว้ในมือของพวกอาโมไรต์เพื่อทำลายพวกข้าพระองค์เสียอย่างนั้นหรือ? ถ้าเพียงเพราะพวกข้าพระองค์ตัดสินใจที่แตกต่างไปและพวกข้าพระองค์คงยังอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน 8 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะทูลอะไรได้เล่า หลังจากที่อิสราเอลได้หันหลังให้บรรดาศัตรูของพวกเขา ? 9 เพราะว่า พวกคานาอันและบรรดาคนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นจะได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาจะล้อมพวกข้าพระองค์และกระทำให้ประชาชนของแผ่นดินโลกลืมชื่อพวกข้าพระองค์ พระองค์จะทรงทำอะไรเพื่อพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ?

10 พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า "จงลุกขึ้นเถิด ทำไมเจ้าจึงซบหน้าลงกับพื้นอย่างนี้เล่า? 11 อิสราเอลได้ทำบาป พวกเขาหักพันธสัญญาของเราซึ่งเราได้บัญชาพวกเขาไว้ พวกเขาขโมยบางสิ่งที่แยกไว้ พวกเขาได้ขโมยและจากนั้นได้ซ่อนความบาปของพวกเขาด้วย โดยพวกเขาได้วางสิ่งที่ได้ลักเอามากับทรัพย์สินส่วนตัวของพวกเขา 12 ผลจากเรื่องนี้ ประชาชนอิสราเอลจึงไม่สามารถยืนหยัดต่อหน้าศัตรูของพวกเขาได้ พวกเขาหันหลังให้พวกศัตรูของพวกเขาเพราะว่าพวกเขาเองได้กลายเป็นสิ่งถูกแยกเพื่อการทำลายเสียเอง เราจะไม่อยู่กับพวกเจ้าอีกต่อไปนอกเสียจากพวกเจ้าจะทำลายสิ่งต่างๆที่ควรต้องทำลายแต่ยังอยู่กับพวกเจ้า 13 จงลุกขึ้น ชำระประชาชนให้บริสุทธิ์และกล่าวกับพวกเขาว่า 'จงชำระตัวพวกเจ้าเสียสำหรับวันพรุ่งนี้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสว่า "โอ อิสราเอลเอ๋ย มีสิ่งที่ต้องแยกออกเพื่อทำลายที่ยังอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า เจ้าจึงยืนหยัดสู้ศัตรูไม่ได้ จนกว่าพวกเจ้าจะนำสิ่งของที่แยกออกเพื่อทำลายนั้น ออกเสียจากหมู่พวกเจ้า"

14 ในตอนเช้า พวกท่านจะต้องเข้ามาแสดงตัวตามเผ่าของท่าน เผ่าใดที่พระยาห์เวห์ทรงคัดไว้ก็ต้องเข้ามาทีละตระกูล ตระกูลใดที่พระยาห์เวห์ทรงคัดไว้ก็ให้เข้ามาทีละครัวเรือน ครัวเรือนใดที่พระยาห์เวห์ทรงคัดไว้ก็ให้เข้ามาทีละคน 15 สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ คนที่ถูกจับคัดไว้และผู้ที่มีสิ่งที่ถูกแยกเพื่อการทำลายเหล่านั้น เขาจะถูกเผาไฟ เขาและทุกสิ่งที่เขามี เพราะว่าเขาได้หักพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ และเพราะว่าเขาได้ทำสิ่งที่น่าอับอายในอิสราเอล'" 16 ดังนั้น โยชูวาตื่นแต่เช้าตรู่ในตอนเช้าและนำอิสราเอลเข้ามาใกล้ ทีละเผ่า และเผ่ายูดาห์ได้ถูกคัดไว้ 17 โยชูวาได้นำเผ่ายูดาห์มาใกล้ และตระกูลเศ-ราห์ก็ได้ถูกคัด เขานำตระกูลเศ-ราห์มาทีละคน และศับดีถูกคัด 18 เขาได้นำครัวเรือนศับดีเข้ามาทีละคน และอาคานบุตรของคาร์มี ผู้เป็นบุตรของศับดี ผู้เป็นบุตรของเศ-ราห์ จากเผ่ายูดาห์ ถูกจับได้

19 โยชูวาจึงกล่าวแก่อาคานว่า "บุตรของเราเอ๋ย จงบอกความจริงต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล และทูลสารภาพต่อพระองค์ จงบอกเราว่าท่านได้ทำอะไรลงไป จงอย่าปิดบังเราเลย" 20 อาคานตอบโยชูวาว่า "เป็นความจริง ข้าพเจ้าได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำคือ 21 เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นเสื้อคลุมงามจากบาบิโลน เงินสองร้อยเชเขลและทองแท่งหนักห้าสิบเชเขล ข้าพเจ้าปรารถนาอยากได้สิ่งของเหล่านั้นและเอามันมา ของพวกนั้นได้ถูกซ่อนอยู่ในดินกลางเต็นท์ของข้าพเจ้าและเงินก็อยู่ภายใต้นั้น"

22 โยชูวาจึงส่งผู้สื่อสารไป ผู้ที่ได้วิ่งไปที่เต็นท์และมีของต่างๆ อยู่ที่นั่น เมื่อพวกเขามองเห็น พวกเขาก็พบว่าของซ่อนอยู่ในเต็นท์ของเขา และเงินได้ซ่อนอยู่ข้างใต้พวกนั้น 23 พวกเขานำของพวกนั้นออกมาจากกลางเต็นท์ และนำมามอบให้โยชูวาและประชาชนอิสราเอลทั้งหมด แล้วเขาก็วางของเหล่านั้นลงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 24 แล้วโยชูวา และคนอิสราเอลที่อยู่กับเขาทั้งหมด ได้นำอาคานบุตรเศ-ราห์ และเงิน เสื้อคลุม ทองคำแท่ง บรรดาบุตรชายของเขา และบุตรสาวทั้งหลายของเขา วัวทั้งหลายของเขา ลาทั้งหลายของเขา แกะของเขา เต็นท์ของเขา และทุกสิ่งที่เขามี และเขาทั้งหลายได้นำพวกเขาเหล่านั้นขึ้นไปยังหุบเขาอาโคร์

25 แล้วโยชูวากล่าวว่า "ทำไมท่านจึงนำความทุกข์ยากมาให้พวกเรา ? พระยาห์เวห์จะทรงนำความทุกข์ยากมาถึงท่านในวันนี้" พวกอิสราเอลทั้งหมดก็เอาก้อนหินขว้างเขา แล้วพวกเขาเอาหินขว้างพวกที่เหลือด้วยก้อนหินและ เผาพวกเขาด้วยไฟ 26 พวกเขาเอาก้อนหินถมทับเขาไว้เป็นกองใหญ่ที่ยังอยู่ที่นี่จนทุกวันนี้ พระยาเห์เวห์ก็ทรงหันกลับจากพระพิโรธร้อนแรงของพระองค์ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถูกเรียกว่าหุบเขาแห่งอาโคร์มาจนถึงทุกวันนี้

8

1 พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า "อย่ากลัว อย่าท้อถอยเลย จงนำทหารทั้งหมดไปกับเจ้า ลุกขึ้นไปยังเมืองอัย นี่แน่ะ เราได้มอบกษัตริย์ของเมืองอัยไว้ในมือของเจ้าแล้ว ทั้งประชาชนของเขา เมืองของเขาและแผ่นดินของเขา 2 เจ้าจงทำกับเมืองอัยและกษัตริย์ของเมืองนั้นเช่นเดียวกับที่เจ้าได้ทำกับเมืองเยรีโคและกษัตริย์ของเมืองนั้น ยกเว้นเจ้าจะเอาข้าวของและสัตว์เลี้ยงเป็นของเจ้าได้ จงตั้งพวกซุ่มโจมตีไว้ที่หลังเมือง"

3 ดังนั้นโยชูวาจึงลุกขึ้นพร้อมกับผู้ชายทั้งหมดขึ้นไปยังเมืองอัย แล้วโยชูวาได้คัดเลือกผู้ชายสามหมื่นคน เป็นคนที่แข็งแรง คนที่กล้าหาญ และส่งพวกเขาออกไปในเวลากลางคืน 4 เขาบัญชาพวกเขาว่า "นี่แน่ะ พวกท่านจงหมอบซุ่มอยู่ด้านหลังของเมืองนั้น อย่าไปไกลจากเมือง แต่ให้ทุกคนเตรียมพร้อมไว้ 5 ข้าพเจ้าและพวกผู้ชายทั้งหมดที่อยู่กับข้าพเจ้าจะบุกเข้าตัวเมือง และเมื่อพวกเขาออกมาต่อสู้กับพวกเรา เราก็จะวิ่งถอยหนีจากพวกเขาเหมือนก่อนหน้านั้น

6 พวกเขาจะตามพวกเราออกมาจนกระทั่งเราดึงพวกเขาออกมาห่างจากเมือง พวกเขาจะพูดว่า 'พวกเขากำลังวิ่งหนีพวกเราอย่างที่พวกเขาได้ทำครั้งก่อนนั้น' ดังนั้นพวกเราก็จะหนีจากพวกเขา 7 แล้วให้พวกท่านขึ้นมาจากที่ซ่อน และท่านจะเข้ายึดเมือง พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในมือของพวกท่าน 8 เมื่อพวกท่านเข้ายึดเมืองได้แล้ว ท่านจะจุดไฟเผาเมือง ท่านจะต้องทำอย่างนี้เมื่อท่านเชื่อฟังคำสั่งที่สั่งตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์ นี่แหละ ที่ข้าพเจ้าได้บัญชาท่านแล้ว" 9 โยชูวาก็ให้พวกเขาไป และพวกเขาก็ออกไปยังที่ซุ่มโจมตี และพวกเขาซุ่มซ่อนอยู่ระหว่างเบธเอลกับเมืองอัยทางทิศตะวันตกของเมืองอัย แต่โยชูวานอนค้างแรมอยู่ท่ามกลางประชาชน

10 โยชูวาตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ และให้ทหารของเขาเตรียมพร้อม คือโยชูวาและพวกผู้อาวุโสของอิสราเอล และพวกเขาก็เข้าโจมตีประชาชนของเมืองอัย 11 นักสู้ชายทั้งหมดที่อยู่กับเขาได้ขึ้นไปและมุ่งหน้าไปยังเมือง พวกเขาเข้าใกล้เมืองและตั้งค่ายอยู่ด้านทิศเหนือของเมืองอัย นี่แน่ะ มีหุบเขาอยู่ระหว่างพวกเขากับเมืองอัย 12 เขาได้นำผู้ชายประมาณห้าพันคน และให้พวกเขาแอบซุ่มทางทิศตะวันตกของเมืองระหว่างเบธเอลและเมืองอัย

13 พวกเขาจัดกองกำลังทหารทั้งหมด ให้กองทัพหลักอยู่ด้านเหนือของเมือง และพวกทัพหลังให้อยู่ด้านตะวันตกของเมือง โยชูวาได้ค้างแรมในหุบเขา 14 ต่อมาเมื่อกษัตริย์แห่งเมืองอัยเห็นดังนั้น พระองค์และกองทัพของพระองค์ก็ตื่นแต่เช้าและรีบออกไปโจมตีอิสราเอลที่สถานที่หันไปทางหุบเขาแห่งแม่น้ำจอร์แดน พระองค์ไม่รู้ว่ามีพวกซุ่มโจมตีที่กำลังรอโจมตีจากด้านหลังของเมือง 15 โยชูวาและพวกอิสราเอลทั้งหมดก็แสร้งปล่อยให้พวกเขาเองถูกตีพ่ายต่อหน้าพวกเขา และพวกเขาหนีไปยังถิ่นทุรกันดาร 16 ทุกคนที่อยู่ในเมืองก็ถูกล่อเพื่อให้ไล่ตามพวกเขาไป และเมื่อพวกเขาไล่ตามโยชูวาไปและพวกเขาก็ถูกดึงออกห่างไปจากเมือง

17 ไม่มีผู้ชายสักคนเหลืออยู่ในเมืองอัยและเบธเอลที่ไม่ได้ออกไปไล่ตามอิสราเอล พวกเขาทิ้งเมืองและปล่อยให้เมืองเปิดอยู่ขณะไล่ตามอิสราเอลไป 18 พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า "จงยื่นหอกซึ่งอยู่ในมือของเจ้าไปยังเมืองอัย เพราะเราจะมอบเมืองอัยไว้ในมือของเจ้า" โยชูวาก็ได้ยื่นหอกที่อยู่ในมือไปยังเมืองนั้น 19 พวกทหารที่ซุ่มโจมตีอยู่ก็ออกไปอย่างรวดเร็วจากที่ของพวกเขา เมื่อโยชูวาเหยียดมือออกไป พวกเขาวิ่งและเข้าไปในเมืองและได้ยึดเมืองไว้ พวกเขาได้จุดไฟเผาเมืองอย่างรวดเร็ว 20 พวกผู้ชายชาวเมืองอัยเหลียวหลังและมองกลับมา พวกเขาเห็นควันไฟจากเมืองพลุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า และพวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปทางนั้นหรือทางนี้ได้ เพราะพวกทหารอิสราเอลผู้ที่หลบหนีไปยังถิ่นทุรกันดาร บัดนี้ได้หันกลับมาเผชิญหน้าพวกเขาเหล่านั้นที่ไล่ติดตามพวกเขา

21 เมื่อโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งหมดเห็นว่ากองซุ่มโจมตียึดเมืองได้แล้ว และควันไฟที่ไหม้เมืองได้พลุ่งขึ้น พวกเขาก็หันกลับมาฆ่าชาวเมืองอัย 22 ทหารคนอื่นๆ ของอิสราเอล พวกคนที่เข้าไปในเมือง ก็ออกมาโจมตีพวกเขา ดังนั้น พวกผู้ชายของเมืองอัย จึงอยู่ระหว่างกลางกองทัพของอิสราเอล บ้างก็อยู่ข้างนี้ บ้างก็อยู่ข้างโน้น อิสราเอลก็ได้โจมตีชาวเมืองอัย จนไม่มีสักคนหนึ่งรอดชีวิตหรือหนีไปได้ 23 พวกเขาจับกษัตริย์แห่งเมืองอัย ผู้ซึ่งถูกจับเป็น และพวกเขาได้นำตัวเขามาหาโยชูวา

24 เมื่ออิสราเอลเสร็จสิ้นการฆ่าฟันชาวเมืองอัยทุกคนในท้องทุ่งใกล้กับถิ่นทุรกันดารที่พวกเขาไล่ตามไปนั้น และเมื่อคนเหล่านั้นทั้งหมดจนกระทั่งถึงคนสุดท้ายได้ล้มตายด้วยคมดาบ พวกอิสราเอลก็กลับมาที่เมืองอัย พวกเขาเข้าโจมตีด้วยคมดาบ 25 พวกคนเหล่านั้น ผู้ที่ล้มลงในวันนั้น ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันคน ทั้งหมดนั้น คือชาวเมืองอัย 26 โยชูวาไม่ได้หดมือที่ถือหอกยื่นอยู่นั้นกลับ จนกว่าเขาจะได้ทำลายประชาชนของเมืองอัยให้พินาศอย่างสิ้นเชิง 27 พวกอิสราเอลเพียงแต่เอาฝูงสัตว์เลี้ยงและข้าวของของเมืองนั้นไปเป็นของพวกเขา ตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโยชูวาไว้นั้น 28 โยชูวาจึงเผาเมืองอัยและทำให้เป็นกองซากปรักพังอยู่เป็นนิตย์ มันได้เป็นสถานที่ร้างเปล่ามาจนทุกวันนี้ 29 เขาแขวนกษัตริย์แห่งเมืองอัยไว้บนต้นไม้จนกระทั่งเวลาเย็น เมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะตก โยชูวาออกคำสั่งและให้นำร่างของกษัตริย์ลงมาจากต้นไม้และโยนเข้าไปที่หน้าประตูเมือง ที่นั่นพวกเขาได้เอาหินจำนวนมากมาทับถมไว้เป็นกองใหญ่ กองหินนั้นยังคงอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้

30 แล้วโยชูวาได้สร้างแท่นบูชาที่ภูเขาเอบาลถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล 31 ดังที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ทรงบัญชาประชาชนอิสราเอล ตามที่ได้จารึกไว้ในหนังสือแห่งพระบัญญัติของโมเสสว่า "แท่นบูชาจากหินที่ไม่ตัดแต่ง ที่ไม่มีผู้ใดได้ใช้เครื่องมือเหล็กตกแต่งเลย" เขาได้ถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแด่พระยาห์เวห์ และพวกเขาได้ถวายศานติบูชา 32 ที่แห่งนั้น ต่อหน้าประชาชนของอิสราเอล เขาได้จารึกสำเนาของธรรมบัญญัติของโมเสสไว้บนศิลา 33 อิสราเอลทั้งหมด พวกผู้อาวุโสของพวกเขา พวกเจ้าหน้าที่ และพวกผู้วินิจฉัยของพวกเขายืนอยู่สองข้างของหีบแห่งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ พวกคนต่างด้าวเช่นเดียวกับพวกท้องถิ่น ครึ่งหนึ่งของพวกเขายืนอยู่ข้างหน้าภูเขาเกริซิมและอีกครึ่งหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าภูเขาเอบาล พวกเขาได้อวยพรประชาชนอิสราเอล ตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้แต่แรก

34 หลังจากนั้น โยชูวาได้อ่านทุกถ้อยคำในพระบัญญัติเป็นคำอวยพรและคำแช่งสาป ตามที่ถ้อยคำเหล่านั้นได้จารึกไว้ในหนังสือพระบัญญัติ 35 ไม่มีสักคำเดียวจากที่โมเสสบัญชาไว้แล้วที่โยชูวาไม่ได้อ่านต่อหน้าการชุมนุมของอิสราเอล รวมทั้งผู้หญิง เด็กเล็กๆ และคนต่างด้าวที่อยู่ในหมู่พวกเขา

9

1 หลังจากนั้นบรรดากษัตริย์ที่อยู่ห่างออกไปจากแม่น้ำจอร์แดนในดินแดนแแถบเทือกเขาและในที่ลุ่มตามชายฝั่งทะเลใหญ่จนถึงเลบานอน คือ คนฮิตไทต์ คนอโมไรต์ คนคานาอัน คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส 2 พวกเขาเหล่านี้ได้ร่วมกันภายใต้คำสั่งเดียว ที่จะทำสงครามต่อสู้กับโยชูวาและอิสราเอล 3 เมื่อพวกที่อยู่ในเมืองกิเบโอนได้ยินสิ่งที่โยชูวาได้กระทำต่อเยรีโคและเมืองอัย 4 พวกเขาจึงได้กระทำกลอุบาย พวกเขาไปดังเช่นพวกผู้สื่อสาร พวกเขานำเอากระสอบที่ขาดและบรรทุกบนหลังลา พวกเขาได้เอาถุงหนังเหล้าองุ่นเก่าที่ขาดและมีการซ่อมแซม 5 พวกเขาสวมรองเท้าแตะที่เก่าและมีรอยปะ และแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่าและขาด ขนมปังที่เป็นเสบียงของเขาก็แห้งและขึ้นรา

6 พวกเขาเดินทางมาหาโยชูวาในค่ายที่กิลกาลและกล่าวกับเขาและผู้ชายทั้งหลายของอิสราเอล ว่า "พวกเราเดินทางมาจากดินแดนที่อยู่ไกลมาก ดังนั้น บัดนี้ขอทำพันธสัญญากับเราเถิด" 7 บรรดาผู้ชายของอิสราเอลกล่าวกับคนฮีไวต์เหล่านั้นว่า "บางทีพวกท่านอาจจะอาศัยอยู่ใกล้กับพวกเรานี่แหละ เราจะทำพันธสัญญากับพวกท่านได้อย่างไร?" 8 พวกเขากล่าวกับโยชูวาว่า "เราเป็นคนรับใช้ของท่าน" โยชูวาถามพวกเขาว่า "พวกท่านเป็นใคร?" พวกท่านมาจากไหน? 9 พวกเขาได้กล่าวกับเขาว่า "ผู้รับใช้ทั้งหลายของพวกท่านได้มาจากแผ่นดินที่ไกลมาก เพราะพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน พวกเราได้ยินถึงเรื่องราวของพระองค์และทุกเรื่องราวที่พระองค์ทรงกระทำในอียิปต์ 10 และทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำกับกษัตริย์สองพระองค์ของคนอโมไรต์ที่อีกฟากหนึ่งของจอร์แดน คือสิโหน กษัตริย์ของเฮสโบน และโอก กษัตริย์ของบาชานผู้อยู่ที่อัชทาโรท

11 พวกผู้อาวุโสของพวกเราและประชาชนทั้งสิ้นในแผ่นดินของพวกเรากล่าวแก่เราว่า 'จงเอาเสบียงสำหรับเดินทาง จงไปหาพวกเขาและกล่าวแก่พวกเขาว่า "พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน ขอทำสนธิสัญญากับพวกเราเถิด" 12 นี่คือขนมปังของพวกเรา มันยังอุ่น ๆ อยู่เมื่อพวกเรานำออกมาจากบ้านของพวกเราในวันที่เราออกเดินทางมาหาพวกท่าน แต่บัดนี้ ดูเถิด มันแห้งและขึ้นราแล้ว 13 ถุงเหล้าองุ่นนี้ยังใหม่เมื่อเราเติมเหล้าองุ่นและนำมาด้วย และดูเถิด บัดนี้มันกำลังรั่ว เสื้อผ้าและรองเท้าแตะของพวกเราก็ขาดเนื่องจากการเดินทางที่ไกลมาก"'

14 ดังนั้นพวกอิสราเอลก็รับเสบียงของพวกเขามา แต่พวกเขาไม่ได้ทูลปรึกษากับพระยาห์เวห์เพื่อขอการทรงนำ 15 โยชูวาก็ได้ทำสันติภาพกับพวกเขาและทำพันธสัญญากับพวกเขา ให้ไว้ชีวิตพวกเขา พวกผู้นำของประชาชนได้ทำคำสาบานกับพวกเขาด้วย 16 นับเป็นเวลาสามวันหลังจากที่พวกอิสราเอลได้ทำพันธสัญญากับพวกเขา พวกเขาทั้งหลายก็รู้ว่าพวกคนเหล่านี้เป็นเพื่อนบ้านของพวกเขาและพวกเขาอาศัยอยู่ใกล้ๆ นี่เอง

17 แล้วพวกอิสราเอลก็ออกเดินทางไปเมืองต่างๆ ของพวกเขาในวันที่สาม เมืองของพวกเขาเหล่านั้นคือ เมืองกิเบโอน เคฟีราห์ เบเอโรท และคีริยาท เยอาริม 18 พวกประชาชนของอิสราเอลไม่ได้โจมพวกเขา เพราะว่าพวกผู้นำของเขาได้มีคำปฏิญาณเกี่ยวกับพวกเขาต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลแล้ว พวกอิสราเอลทั้งหมดก็ต่อว่าพวกผู้นำของพวกเขา 19 แต่พวกผู้นำทั้งหลายกล่าวแก่ประชาชนทั้งปวงว่า "เราได้สาบานกับพวกเขาต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลแล้ว และบัดนี้ เราไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้

20 นี่คือสิ่งที่พวกเราจะกระทำกับพวกเขา เพื่อไม่ให้พระพิโรธใด ๆ ลงมาเหนือเราเพราะคำสาบานซึ่งเราได้สาบานต่อพวกเขานั้น เราจะไว้ชีวิตพวกเขา" 21 พวกผู้นำจึงกล่าวกับประชาชนของพวกเขาว่า "ให้พวกเขามีชีวิตต่อไปเถอะ" ดังนั้น พวกกิเบโอนจึงเป็นพวกคนตัดฟืนและคนตักน้ำสำหรับพวกอิสราเอลทั้งมวล ตามที่พวกผู้นำได้กล่าวไว้เกี่ยวกับพวกเขา 22 โยชูวาจึงเรียกพวกเขามาและกล่าวว่า "ทำไมพวกเจ้าจึงหลอกลวงพวกเราเมื่อพวกท่านกล่าวว่า 'เราอยู่ห่างไกลมากจากพวกท่าน ในเมื่อพวกท่านก็อยู่ที่นี่ท่ามกลางพวกเรา?

23 บัดนี้ เพราะเหตุนี้ พวกท่านจึงต้องถูกสาป และบางคนในพวกท่านจะตกเป็นทาสไปตลอด คนเหล่านั้นที่ตัดฟืนและตักน้ำสำหรับพระนิเวศของพระเจ้าของเรา" 24 พวกเขาตอบโยชูวา และกล่าวว่า "เพราะเหตุว่าพวกเราผู้รับใช้ของพวกท่านได้รับการบอกเล่าว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงสั่งให้ผู้รับใช้ของพระองค์คือโมเสสมอบแผ่นดินทั้งหมดนี้แก่ท่าน และให้ทำลายผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งหมดบนแผ่นดินต่อหน้าท่าน ดังนั้นพวกเราจึงกลัวมากเกี่ยวกับชีวิตของพวกเราเพราะพวกท่าน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องทำอย่างนี้

25 บัดนี้ จงดูสิ พวกท่านได้ควบคุมพวกเราให้อยู่ในอำนาจของท่านแล้ว อะไรก็ตามที่ท่านเห็นว่าดีและถูกต้องสำหรับท่านที่จะทำกับเรา จงกระทำเถิด" 26 ดังนั้น โยชูวาจึงทำเช่นนี้ต่อพวกเขา เขาได้ย้ายพวกเขาออกจากการควบคุมของประชาชนอิสราเอล และพวกอิสราเอลไม่ได้ฆ่าพวกเขา 27 ในวันนั้นโยชูวาได้ทำให้คนกิเบโอนให้เป็นคนตัดฟืนและคนตักน้ำสำหรับชุมชน และสำหรับแท่นบูชาของพระยาห์เวห์จนถึงทุกวันนี้ ในสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงเลือก

10

1 บัดนี้ เมื่ออาโดนีเซเดก กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็มทรงได้ยินว่าโยชูวาได้ยึดเมืองอัยและทำลายเสียอย่างสิ้นเชิงแล้ว (เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำกับเยรีโคและกษัตริย์ของเมืองนั้น) เขาได้ยินด้วยว่าประชาชนของกิเบโอนได้ทำสันติภาพกับอิสราเอลและอยู่ท่ามกลางพวกเขา 2 ประชาชนของเยรูซาเล็มก็รู้สึกกลัวอย่างมากเพราะว่ากิเบโอนเป็นเมืองใหญ่ เหมือนกับเมืองหลวงทั้งหลาย เป็นเมืองที่ใหญ่กว่าเมืองอัย และพวกผู้ชายของเมืองทุกคนก็เป็นนักรบที่เก่งกาจ 3 ดังนั้นอาโดนีเซเดก กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็มจึงได้ส่งสารไปหาโฮฮัม กษัตริย์แห่งเฮโบรน ถึงปิรามกษัตริย์แห่งยาร์มูท และยาเฟียกษัตริย์แห่งลาคีช และเดบีร์กษัตริย์แห่งเอกโลนว่า 4 "ขอเชิญพวกท่านมาหาข้าพเจ้า และช่วยข้าพเจ้าโจมตีกิเบโอนเถิด เพราะว่าพวกเขาได้ทำสันติภาพกับโยชูวาและกับประชาชนอิสราเอล"

5 กษัตริย์อาโมไรต์ทั้งห้าพระองค์คือ กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม กษัตริย์แห่งเฮโบรน กษัตริย์แห่งยารมูท กษัตริย์แห่งลาคีช และกษัตริย์แห่งเอกโลน ก็ได้มา คือพวกเขาและกองทัพทั้งหมดของพวกเขา พวกเขาก็ได้จัดวางกำลังของตนเพื่อต่อสู้กับกิเบโอน และพวกเขาก็ได้จู่โจมกิเบโอน 6 ประชาชนของกิเบโอนได้ส่งสารถึงโยชูวาและกองทัพที่กิลกาล พวกเขากล่าวว่า "เร็วเข้าเถิด ขออย่าละมือของพวกท่านจากพวกผู้รับใช้ของท่าน จงขึ้นมาหาพวกเราโดยเร็ว และช่วยพวกเราให้รอดด้วยเถิด จงช่วยพวกเรา เพราะว่าพวกกษัตริย์แห่งอาโมไรต์ที่อยู่ในดินแดนบนภูเขาได้ร่วมกันโจมตีพวกเรา" 7 โยชูวาขึ้นไปจากกิลกาล คือ เขาและทหารทั้งหมดและนักสู้ทุกคนได้ไปกับเขา 8 พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า "อย่ากลัวพวกเขาเลย เราได้มอบพวกเขาไว้ในมือเจ้าแล้ว จะไม่มีใครในพวกเขาสักคนเดียวที่จะยืนหยัดต่อสู้กับเจ้าได้"

9 โยชูวาเข้าโจมตีพวกนั้นทันที ได้ยกพลเดินทางตลอดทั้งคืนจากกิลกาล 10 พระยาห์เวห์ทรงทำให้พวกศัตรูสับสนต่อหน้าอิสราเอล และอิสราเอลได้ฆ่าพวกเขาตายอย่างมากมายที่กิลกาลและไล่ติดตามพวกเขาตามถนนที่จะขึ้นไปยังเบธ โฮโรน และพวกเขาฆ่าพวกนั้นบนถนนที่ไปอาเซคาห์และมักเคดาห์ 11 ขณะที่พวกเขาวิ่งถอยหนีจากพวกอิสราเอลไปตามทางเบธโฮโรนนั้น พระยาห์เวห์ทรงโยนก้อนหินก้อนใหญ่ๆ ลงมาจากฟ้าเหนือพวกเขาตลอดทางถึงเมืองอาเซคาห์ เขาทั้งหลายก็ตาย ผู้ที่ตายด้วยลูกเห็บหินนั้นก็มากกว่าผู้ที่ด้วยดาบของผู้ชายอิสราเอล

12 แล้วโยชูวาก็ทูลพระยาห์เวห์ในวันที่พระยาห์เวห์ทรงมอบชัยชนะให้อิสราเอลมีชัยชนะเหนือชาวอาโมไรต์ นี่คือสิ่งที่โยชูวาทูลต่อพระยาห์เวห์ต่อหน้าพวกอิสราเอลว่า " ดวงอาทิตย์ จงหยุดนิ่งอยู่ที่กิเบโอน และดวงจันทร์ ในหุบเขาอัยยาโลน" 13 ดวงอาทิตย์จึงได้หยุดนิ่ง และดวงจันทร์ก็ได้หยุดการเคลื่อนไหวจนกว่าชนชาติจะได้แก้แค้นพวกศัตรูของพวกเขา สิ่งนี้ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือของยาชาร์หรอกหรือ ? ดวงอาทิตย์ก็หยุดนิ่งอยู่ที่กลางท้องฟ้า มันไม่ได้ตกไปประมาณหนึ่งวัน 14 จะไม่มีวันอื่นเหมือนเช่นนี้ก่อนหรือหลังนี้อีกแล้ว ที่พระยาห์เวห์ทรงยอมฟังเสียงของมนุษย์ เพราะพระยาห์เวห์ทรงต่อสู้ในนามของอิสราเอล 15 โยชูวากับพวกอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็ได้กลับไปที่ค่ายที่กิลกาล

16 บัดนี้ กษัตริย์ทั้งห้าพระองค์นั้นทรงหนีไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำมักเคดาห์ 17 มีรายงานไปถึงโยชูวาว่า "พวกเขาพบว่า! กษัตริย์ทั้งห้าพระองค์ทรงซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่มักเคดาห์" 18 โยชูวากล่าวว่า "จงกลิ้งก้อนหินปิดปากถ้ำและให้ทหารเฝ้าพวกเขาไว้ 19 อย่ารออยู่เลย ให้ติดตามพวกศัตรูของพวกท่านและโจมตีพวกเขาจากด้านหลัง จงอย่าให้พวกเขาได้เข้ามาในเมืองของพวกเขา เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของท่านแล้ว" 20 โยชูวาและบุตรแห่งอิสราเอล ได้เสร็จสิ้นจากการฆ่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก จนพวกเขาเกือบถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงแล้ว มีแต่เพียงผู้รอดชีวิตสองสามคนเท่านั้นที่ได้หลบหนีไปอยู่ในเมืองที่มีกำแพงล้อม

21 แล้วกองทัพทั้งหมดก็กลับมาหาโยชูวาอย่างสวัสดิภาพที่ค่ายในมักเคดาห์ ไม่มีใครกล้ากล่าวต่อต้านประชาชนอิสราเอลอีกต่อไป 22 โยชูวาจึงกล่าวว่า "จงเปิดปากถ้ำและนำกษัตริย์ทั้งห้าพระองค์นั้นออกมาหาข้าพเจ้า" 23 พวกเขาก็ทำตามที่เขาบอก พวกเขานำกษัตริย์ทั้งห้าพระองค์ออกมาจากถ้ำแล้วพามาหาท่าน มีกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม กษัตริย์แห่งเฮโบรน กษัตริย์แห่งยารมูท กษัตริย์แห่งลาคีช และกษัตริย์แห่งเอกโลน

24 เมื่อพวกเขานำกษัตริย์เหล่านั้นมาหาโยชูวา เขาจึงเรียกให้คนอิสราเอลทั้งหมดมา เขากล่าวกับผู้บังคับการของทหารที่ออกไปร่วมรบพร้อมกับท่านว่า "จงเอาเท้าของพวกท่านเหยียบที่คอของพวกเขา" ดังนั้นพวกเขาก็เข้ามาและเอาเท้าของพวกเขาเหยียบคอของพวกเขา 25 แล้วเขาพูดกับพวกเขาว่า "อย่ากลัวหรือตกใจเลย จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์จะทำกับพวกศัตรูของพวกท่านทุกคนที่พวกท่านกำลังจะต่อสู้ด้วย" 26 แล้วโยชูวาได้ลงมือและฆ่าพวกกษัตริย์ เขาได้แขวนพวกเขาบนต้นไม้ห้าต้น พวกเขาถูกแขวนไว้บนต้นไม้จนกระทั่งตอนเย็น 27 เมื่อดวงอาทิตย์ตก โยชูวามีคำสั่ง และพวกเขาได้นำกษัตริย์เหล่านั้นลงมาจากต้นไม้และก็โยนเข้าไปในถ้ำที่พวกเขาได้ซ่อนตัวเองที่นั่น พวกเขาเอาหินก้อนใหญ่ปิดปากถ้ำไว้ ก้อนหินเหล่านั้นยังอยู่ที่นั่นจนกระทั่งทุกวันนี้

28 โดยวิธีนี้ โยชูวาก็ยึดเมืองมักเคดาห์ได้ในวันนั้น และฆ่าทุกคนที่นั่นด้วยดาบรวมทั้งกษัตริย์ของเมืองนั้น เขาได้ทำลายพวกเขาและสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่นั่นอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ให้เหลือผู้รอดชีวิต เขากระทำต่อกษัตริย์แห่งมักเคดาห์เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำกับกษัตริย์เยรีโค 29 โยชูวาและอิสราเอลทั้งหมดก็ออกจากมักเคดาห์มาถึงลิบนาห์ เขาไปสู้รบกับลิบนาห์ 30 พระยาห์เวห์ทรงมอบเมืองนี้ไว้ในมือของอิสราเอล เช่นเดียวกับกษัตริย์ของพวกเขา โยชูวาลงมือโจมตีทุกสิ่งที่มีชีวิตด้วยดาบ เขาไม่ได้ปล่อยให้ใครรอดชีวิตในนั้น เขาทำกับกษัตริย์เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำกับกษัตริย์ของเยรีโค

31 แล้วโยชูวาและพวกอิสราเอลทั้งหมดก็ออกจากเมืองลิบนาห์มาถึงเมืองลาคีช เขาตั้งค่ายใกล้เมืองและก็เข้าโจมตี 32 พระยาห์เวห์ได้ประทานลาคีชให้อยู่ในมือของอิสราเอล โยชูวาก็ยึดเมืองในวันที่สอง เขาลงมือกับทุกสิ่งในเมืองนั้นด้วยดาบ เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำกับลิบนาห์ 33 แล้วโฮรามกษัตริย์แห่งเกเซอร์ได้ขึ้นมาช่วยลาคีช โยชูวาก็จู่โจมเขาและกองทัพของเขาจนกระทั่งไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลย 34 แล้วโยชูวาพร้อมกับพวกอิสราเอลทั้งหมดก็ออกจากเมืองลาคีชมาถึงเมืองเอกโลน พวกเขาตั้งค่ายใกล้เมืองและเข้าโจมตีเมืองนั้น 35 และยึดเมืองได้ในวันเดียวกัน พวกเขาแทงด้วยดาบและพวกเขาทำลายทุกคนที่อยู่ในเมืองนั้น อย่างเช่นที่โยชูวาได้ทำต่อเมืองลาคีช 36 แล้วโยชูวาพร้อมกับพวกอิสราเอลทั้งหมดก็ขึ้นไปจากเมืองเอกโลนมาถึงเมืองเฮโบรน พวกเขาก็เข้าล้อมและเข้าโจมตีเมืองนั้น 37 พวกเขาก็ยึดและโจมตีเมืองนั้นแล้วก็ได้ประหารกษัตริย์และหมู่บ้านโดยรอบ พวกเขาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มีชีวิตในเมืองนั้นอย่างราบคาบ ไม่ให้เหลือผู้ใดรอดชีวิต เช่นเดียวกันกับที่โยชูวาได้ทำกับเมืองเอกโลน เขาทำลายเมืองนั้น และสิ่งที่มีชีวิตทุกอย่างในเมืองนั้นเสียสิ้น 38 แล้วโยชูวาก็กลับ และกองทัพอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็กลับมายังเมืองเดบีร์และเข้าโจมตีเมืองนั้น

39 พวกเขาก็ได้ยึดเมืองนั้นรวมทั้งกษัตริย์และหมู่บ้านโดยรอบทั้งหมด และพวกเขาก็ลงมือฆ่าพวกนั้นด้วยดาบ และทำลายทุกสิ่งที่อยู่ในเมืองนั้นอย่างราบคาบ พวกเขาไม่ได้ให้ผู้ใดรอดชีวิต พวกเขาได้ทำต่อเมืองเดบีร์และกษัตริย์ของเมืองนั้นอย่างไร พวกเขาก็ทำกับเมืองลิบนาห์และกษัตริย์ของเมืองนั้นและเมืองเฮโบรนอย่างนั้น 40 โยชูวาได้ชัยชนะทุกเมืองบนดินแดนเทือกเขา เนเกบ ที่ลุ่มและที่เชิงเขา กษัตริย์ทั้งหมดของเมืองเหล่านั้น เขาไม่ได้เหลือให้ผู้ใดรอดชีวิต เขาทำลายทุกสิ่งที่มีชีวิต ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงบัญชาไว้ 41 โยชูวาโจมตีพวกเขาตั้งแต่คาเดชบารเนียถึงกาซาและทั้งแผ่นดินโกเชนจนถึงเมืองกิเบโอน 42 โยชูวาจับพวกกษัตริย์เหล่านี้และเมืองของพวกเขาได้ในคราวเดียว เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงสู้รบเพื่ออิสราเอล 43 แล้วโยชูวาพร้อมกับอิสราเอลทั้งหมดก็ได้กลับไปยังค่ายที่กิลกาล

11

1 เมื่อยาบินกษัตริย์แห่งฮาโซร์ได้ยินข่าวนี้ เขาจึงได้ส่งสารไปยังโยบับกษัตริย์แห่งมาโดน ไปยังกษัตริย์แห่งชิมโรน และไปยังกษัตริย์แห่งอัคชาฟ 2 เขายังส่งสารให้บรรดากษัตริย์ซึ่งอยู่ในดินแดนเทือกเขาตอนเหนือ ในหุบเขาแม่น้ำจอร์แดนทางตอนใต้ของคินเนอเรท ในที่ลุ่ม และในดินแดนภูเขาของโดร์ทางทิศตะวันตก 3 เขาส่งสารไปหาพวกคานาอันทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกด้วย พวกอาโมไรต์ พวกฮิตไทต์ พวกเปริสซี และพวกเยบุสในดินแดนเทือกเขา และพวกฮีไวต์ทางเชิงเขาเฮอร์โมนในแผ่นดินมิสปาห์ 4 กองทัพทั้งหมดของพวกเขาก็ออกมาพร้อมกับพวกเขา ด้วยจำนวนทหารที่มากมายดุจเม็ดทรายที่ชายหาด พวกเขามีม้าและรถรบจำนวนมากมาย

5 กษัตริย์ทั้งหมดนี้ก็ได้พบกันในเวลาที่ได้นัดหมายไว้ และมาตั้งค่ายอยู่ด้วยกันที่ลำน้ำเมโรม เพื่อทำสงครามกับอิสราเอล 6 พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า "จงอย่ากลัวในการปรากฎตัวของพวกเขา เพราะว่าพรุ่งนี้ในเวลานี้ เราจะมอบพวกเขาทั้งหมดแก่อิสราเอลอย่างคนตายแล้ว เจ้าจะต้องตัดเอ็นร้อยหวายม้าของพวกเขาและพวกเจ้าจะเผารถม้าของพวกเขาเสีย" 7 โยชูวาและพลรบทั้งหมดก็มาถึงที่ลำแม่น้ำเมโรม และก็เข้าโจมตีพวกศัตรูโดยทันที

8 พระยาห์เวห์ทรงมอบศัตรูให้อยู่ในมือของอิสราเอล และพวกเขาเข้าจู่โจมพวกเขาและได้ไล่ติดตามพวกเขาไปถึงไซดอนและถึงมิสเรโฟธมาอิม และถึงหุบเขามิสปาห์ด้านตะวันออก พวกเขาได้ฆ่าเขาเหล่านั้นจนกระทั่งไม่เหลือแม้แต่คนเดียว 9 โยชูวาทำต่อพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์ตรัสสั่งเขา เขาได้ตัดเอ็นร้อยหวายของม้าและเผารถรบเสียสิ้น 10 โยชูวาย้อนได้กลับมาเวลานั้นและยึดเมืองฮาโซร์ พวกเขาประหารกษัตริย์ของเมืองนั้นด้วยดาบ (ฮาโซร์เคยเป็นหัวหน้าของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมด) 11 พวกเขาใช้ดาบฆ่าฟันสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่อยู่ที่นั้น และโยชูวาก็ได้แยกพวกเขาออกมาเพื่อทำลายเสีย ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตรอดเหลืออยู่ แล้วเขาก็เผาเมืองฮาโซร์

12 โยชูวายึดทุกเมืองของกษัตริย์เหล่านี้ เขาจับกษัตริย์ทั้งหมดของพวกเขาและฆ่าพวกเขาด้วยดาบ เขาทำลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิงดังที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้บัญชาไว้ 13 อิสราเอลไม่ได้เผาเมืองใดๆ ที่สร้างบนเนินซาก ยกเว้นฮาโซร์ เมืองนี้เท่านั้นที่โยชูวาได้เผา 14 กองทัพของอิสราเอลได้นำทรัพย์สินทั้งหมดจากเมืองเหล่านี้พร้อมทั้งฝูงสัตว์เลี้ยงมาเป็นของพวกเขาเอง พวกเขาฆ่ามนุษย์ทุกคนด้วยดาบกระทั่งทุกคนตายสิ้น พวกเขาไม่ให้เหลือสิ่งมีชีวิตไว้เลย

15 เช่นเดียวกันกับที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ไว้อย่างไร โมเสสก็ได้บัญชาโยชูวาไว้อย่างนั้น และโยชูวาก็ได้ทำตาม เขาทำทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้กับโมเสสไว้ 16 โยชูวาก็ได้ยึดแผ่นดินนั้นทั้งหมด คือดินแดนเทือกเขา เนเกบทั้งหมด แผ่นดินแห่งโกเชนทั้งหมด ที่บรรดาเชิงเขา หุบเขาแห่งแม่น้ำจอร์แดน ดินแดนเทือกเขาของอิสราเอล และที่ลุ่ม 17 จากภูเขาฮาลักใกล้กับเอโดม ไปทางเหนือถึงบาอัลกาดในหุบเขาใกล้กับเลบานอนเชิงภูเขาเฮอร์โมน เขาจับกษัตริย์ทั้งหมดของพวกเหล่านั้นและฆ่าพวกเขาเสีย 18 โยชูวาทำสงครามอยู่เป็นเวลานานกับกษัตริย์ทั้งหมดนี้

19 ไม่มีสักเมืองหนึ่งที่ได้ทำสัญญาสันติภาพกับกองทัพของอิสราเอล นอกจากคนฮีไวต์ซึ่งอาศัยที่กิเบโอน อิสราเอลยึดเมืองที่เหลือทั้งหมดในการทำสงคราม 20 เพราะว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงทำให้จิตใจของพวกเขามีใจแข็ง ดังนั้นพวกเขาต้องทำสงครามกับพวกอิสราเอล ดังนั้นเขาต้องทำลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิงโดยปราศจากความเมตตา ดังที่พระองค์ทรงบัญชาโมเสสไว้ 21 แล้วโยชูวาก็มาในเวลานั้นและเขาได้ทำลายคนอานาค เขาทำสิ่งนี้ในดินแดนเทือกเขา ที่เฮโบรน เดบีร์ อานาบ และในดินแดนเทือกเขาทุกแห่งของยูดาห์ และในดินแดนเทือกเขาของอิสราเอล โยชูวาได้ทำลายพวกเขาและเมืองของพวกเขาอย่างสิ้นซาก 22 ไม่มีคนอานาคเหลือในแผ่นดินของอิสราเอลยกเว้นที่กาซา กัทและอัชโดด

23 ดังนั้น โยชูวาได้ยึดแผ่นดินทั้งหมดตามที่พระยาห์เวห์ตรัสไว้กับโมเสสทุกประการ โยชูวาก็มอบไว้ให้เป็นมรดกแก่อิสราเอล ตามที่ได้แบ่งให้แต่ละเผ่า แล้วแผ่นดินก็สงบจากสงคราม

12

1 ต่อไปนี้ เหล่านี้คือบรรดากษัตริย์ของดินแดนซึ่งผู้ชายอิสราเอลได้ปราบเอาชนะ พวกอิสราเอลได้ยึดครองแผ่นดินฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนด้านที่ดวงอาทิตย์ขึ้น จากหุบเขาลุ่มแม่น้ำอารโนนถึงภูเขาเฮอร์โมน และทั้งหมดของอาราบาห์ถึงฟากตะวันออก 2 สิโหนกษัตริย์ของคนอาโมไรต์ อยู่ที่เฮชโบน เขาปกครองจากอาโรเออร์ซึ่งอยู่ที่ริมขอบของอารโนนกอร์กีจากกลางหุบเขา และครึ่งหนึ่งของกิเลอาดลงไปถึงแม่น้ำยับบอก ติดชายแดนของคนอัมโมน 3 สิโหนได้ปกครองอาราบาห์ไปจนถึงงทะเลคินเนเรท ถึงด้านตะวันออก ถึงทะเลของอาราบาห์ (ทะเลเกลือ) ถึงด้านตะวันออก มาจนถึงเบธเยชิโมทและไปถึงตอนใต้ ไปจนชิดเชิงลาดของภูเขาปิสกาห์

4 โอก กษัตริย์แห่งบาชานซึ่งเป็นคนเผ่าเรฟาอิมที่เหลืออยู่ ผู้อยู่ที่อัชทาโรทและเอเดรอี 5 เขาได้ปกครองเหนือภูเขาเฮอร์โมน เสเลคาห์ และบาชานทั้งหมด ถึงชายแดนของประชาชนเกชูร์ และคนมาอาคาห์ และครึ่งหนึ่งของกิเลอาดถึงเขตแดนของสิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบน 6 โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ และประชาชนอิสราเอลทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ และโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้มอบแผ่นดินให้เป็นกรรมสิทธิ์ของคนรูเบน คนกาด และครึ่งหนึ่งของคนเผ่ามนัสเสห์

7 เหล่านี้คือบรรดากษัตริย์ของดินแดนซึ่งโยชูวากับประชาชนอิสราเอลได้ปราบเอาชนะบนฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ตั้งแต่บาอัลกาดในหุบเขาใกล้กับเลบานอน ถึงภูเขาฮาลักใกล้กับเอโดม โยชูวาได้มอบแผ่นดินให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่คนเผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล 8 เขามอบแดนเทือกเขา ที่ลุ่ม อาราบาห์ ข้างๆ ภูเขาต่างๆ ในถิ่นทุรกันดารและที่เนเกบ แผ่นดินของคนฮิตไทต์ คนอโมไรต์ คนคานาอัน คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส 9 เหล่ากษัตริย์ทั้งหลายซี่งรวมทั้งกษัตริย์ของเยรีโค กษัตริย์ของอัยซึ่งอยู่ข้าง ๆ เบธเอล

10 กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม กษัตริย์แห่งเอนายิม 11 กษัตริย์แห่งยารมูท กษัตริย์แห่งลาคีช 12 กษัตริย์แห่งเอกโลน กษัตริย์แห่งเกเซอร์ 13 กษัตริย์แห่งเดบีร์ กษัตริย์แห่งเกเดอร์ 14 กษัตริย์แห่งโฮมาร์ กษัตริย์แห่งอาราด 15 กษัตริย์แห่งลิบนาห์ กษัตริย์แห่งอดุลลัม 16 กษัตริย์แห่งมักเคดาห์ กษัตริย์แห่งเบธเอล 17 กษัตริย์แห่งทัปปูวาห์ กษัตริย์แห่งเฮเฟอร์ 18 กษัตริย์แห่งอาเฟก กษัตริย์แห่งลาชาโรน 19 กษัตริย์แห่งมาโดน กษัตริย์แห่งฮาโซร์ 20 กษัตริย์แห่งชิโรนเมโรน กษัตริย์แห่งอัคชาฟ 21 กษัตริย์แห่งทาอานาค กษัตริย์แห่งเมกิดโด 22 กษัตริย์แห่งเคเดช กษัตริย์แห่งโยกเนอัมในคารเมล 23 กษัตริย์แห่งโดร์ ในนาฟาธโดร์ กษัตริย์แห่งโกยิมในกิลกาล 24 และกษัตริย์แห่งทีรซาห์ รวมจำนวนกษัตริย์ทั้งหมดคือสามสิบเอ็ดพระองค์

13

1 บัดนี้ โยชูวาได้ชราอย่างมากแล้วเมื่อพระยาห์เวห์ตรัสกับเขาว่า "เจ้าชรามากแล้ว แต่ยังมีแผ่นดินอีกมากที่ต้องยึดครอง 2 นี่เป็นแผ่นดินที่ยังคงเหลืออยู่ คือ ท้องถิ่นทั้งหมดของฟีลิสเตีย และท้องถิ่นทั้งหมดของคนเกชูร์ 3 นับจากชิโหร์ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของอียิปต์ และเหนือขึ้นไปถึงชายแดนของเอโครน ซึ่งนับเป็นทรัพย์สินของคนคานาอัน ผู้ปกครองของฟีลิสเตียมีห้าคน คือ ชาวกาซา ชาวอัชโดด ชาวอัชเคโลน ชาวกัท และชาวเอโครน เขตแดนของอัฟวิม 4 ทางตอนใต้ (เขตแดนของอัฟวิม) ยังมีแผ่นดินทั้งหมดของคนคานาอัน จากอาราห์ของชาวไซดอนจนถึงอาเฟค ซึ่งเป็นเขตแดนของคนอาโมไรต์ 5 แผ่นดินของชาวเกบาลและเลบานอนทั้งหมดไปทางตะวันออก จากบาอัลกาดที่อยู่เชิงภูเขาเฮอร์โมน ถึงเลโบฮามัท

6 เช่นเดียวกัน ผู้ที่อาศัยบนเทือกเขาจากเลบานอนทั้งหมดจนถึงมิสเรโฟทมาอิม รวมทั้งประชาชนทั้งหมดของไซดอน เราจะขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้ากองทัพของอิสราเอล จงแน่ใจว่าได้มอบดินแดนให้อิสราเอลเป็นมรดก ตามที่เราได้สั่งเจ้าแล้ว 7 จงแบ่งดินแดนนี้เป็นมรดกให้แก่เผ่าต่างๆ เก้าเผ่าและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์" 8 ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ เผ่ารูเบนและเผ่ากาดได้รับมรดกของพวกเขาที่โมเสสได้ให้พวกเขาทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 9 จากอาโรเออร์ ซึ่งอยู่ริมลุ่มน้ำอารโนน (รวมทั้งเมืองที่อยู่ท่ามกลางลุ่มน้ำ) ถึงที่ราบสูงทั้งหมดของเมเดบาไปจนถึงดีโบน

10 เมืองทั้งหมดนี้ของสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์ ผู้ซึ่งครอบครองอยู่ในเฮชโบน ไกลออกไปจนถึงเขตแดนคนอัมโมน 11 กิเลอาด และท้องถิ่นของคนเกชูร์และคนมาอาคาห์ ทั้งหมดของภูเขาเฮอร์โมน บาชานทั้งหมดถึงสาเลคาห์ 12 อาณาจักรทั้งหมดของโอกในบาชาน ผู้ซึ่งครอบครองในอัชทาโรทและเอเดรอี เหล่านี้คือสิ่งที่ถูกทิ้งไว้ให้เป็นสิ่งที่เหลืออยู่จากพวกเรฟาอิม โมเสสรบชนะพวกเขาและได้ขับไล่พวกเขาออกไป

13 แต่ประชาชนอิสราเอลไม่ได้ขับไล่คนเกชูร์หรือคนมาอาคาห์ออกไป ด้วยเหตุนี้ ชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์จึงยังอาศัยอยู่ท่ามกลางอิสราเอลจนถึงทุกวันนี้ 14 สำหรับเผ่าเลวีเพียงเผ่าเดียวเท่านั้นที่โมเสสไม่ได้มอบส่วนมรดกให้ เครื่องถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลที่ทำด้วยไฟนั้นเป็นมรดกของพวกเขา ตามที่พระเจ้าได้ตรัสกับโมเสส 15 โมเสสได้มอบมรดกให้เผ่ารูเบน ตระกูลต่อตระกูล 16 เขตแดนของพวกเขานับจากอาโรเออร์ บนฝั่งของลุ่มแม่น้ำอารโนน และเมืองที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาและเขตที่ราบสูงทั้งหมดข้างเมเดบา

17 เผ่ารูเบนเช่นกันก็ได้รับเฮชโบนและเมืองทุกเมืองที่อยู่ในเขตที่ราบสูง คือ ดีโบน และบาโมทบาอัล และ เบธบาอัลเมโอน 18 และยาฮาส และเคเดโมท และเมฟาอาท 19 และคีรียาธาอิม และสิบมาห์ และเซเรทชาหาร์บนเนินเขาของหุบเขา 20 รูเบนก็เช่นกันได้รับเบธเปโอร์ ที่ลาดของปิสกาห์ เบธเยชิโมท

21 เมืองทั้งสิ้นซึ่งอยู่บนที่ราบสูงและอาณาจักรทั้งหมดของสิโหนกษัตริย์ของคนอาโมไรต์ ผู้ทรงครองราชอยู่ในเฮชโบน ผู้ซึ่งโมเสสได้ทำให้พ่ายแพ้พร้อมกับพวกผู้นำของชาวมีเดียนคือ เอวี เรเคม ศูร์ เฮอร์ และเรบา เป็นพวกเจ้าชายของสิโหนผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น 22 ประชาชนอิสราเอลได้ฆ่าบาลาอัมบุตรของเบโอร์ ผู้เป็นคนดูโชคชะตาเสียด้วยดาบ ท่ามกลางพวกที่เหลือเหล่านั้นที่พวกเขาก็ได้ฆ่าเสีย 23 อาณาเขตของเผ่ารูเบนที่อยู่มีแม่น้ำเป็นพรมแดน นี่เป็นมรดกของคนรูเบนตามตระกูลของพวกเขา รวมทั้งเมืองต่างๆ กับหมู่บ้านต่างๆ

24 นี่คือสิ่งที่โมเสสได้กล่าวไว้กับพวกกาดตามตระกูลต่อตระกูล 25 อาณาเขตของเขาคือยาเซอร์และเมืองทั้งหมดของกิเลอาดและครึ่งหนึ่งของแผ่นดินคนอัมโมนถึงอาโรเออร์ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมืองรับบาห์ 26 ตั้งแต่เฮชโบนถึงรามัทมิสเปห์และเบโทนิม และตั้งแต่มาหะนาอิมจนถึงเขนแดนของเดบีร์

27 ในหุบเขา โมเสสได้มอบเบธฮารัม เบธนิมราห์ สุคคท และศาโฟน อาณาจักรส่วนที่เหลือของสิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบนมีแม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดน จดลงมาถึงทะเลคินเนอเรททางทิศตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 28 นี่เป็นมรดกของคนเผ่ากาดตามตระกูลของเขา รวมทั้งเมืองต่างๆ กับหมู่บ้านโดยรอบของเมืองนั้นๆ ด้วย 29 โมเสสได้มอบมรดกให้กับเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า เป็นส่วนที่ได้มอบให้แก่ครึ่งหนึ่งของคนเผ่ามนัสเสห์ ตามตระกูลของพวกเขา 30 อาณาเขตของเขาทั้งหลายเริ่มจากมาหะนาอิม บาชานทั้งหมด อาณาจักของโอกกษัตริย์ของบาชาน และเมืองทุกเมืองของยาอีร์ ซึ่งอยู่ในบาชานหกสิบเมือง 31 กิเลอาดครึ่งหนึ่ง และอัชทาโรทกับเอเดรอี ( เมืองต่างๆ ของโอกในบาชาน) เมืองเหล่านี้ได้ถูกมอบให้ตระกูลมาคีร์บุตรของมนัสเสห์คือครึ่งหนึ่งของชาวมาคีร์ ได้มอบให้แต่ละครอบครัวของพวกเขา

32 นี่คือมรดกซึ่งโมเสสได้จัดสรรให้แก่พวกเขาบนที่ราบโมอับฟากแม่น้ำจอร์แดนทางทิศตะวันออกของเมืองเยรีโค 33 โมเสสไม่ได้มอบมรดกให้แก่คนเผ่าเลวี พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงเป็นมรดกของพวกเขา ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้กับพวกเขา

14

1 ต่อไปนี้เป็นพื้นที่ของแผ่นดินที่ประชาชนอิสราเอลได้รับมอบเป็นมรดกของพวกเขาในแผ่นดินคานาอัน ซึ่งเอเลอาซาร์ปุโรหิต และโยชูวาบุตรของนูน และผู้นำตระกูลของเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลได้จัดสรรให้แก่พวกเขา 2 มรดกของพวกเขาได้จับสลากแบ่งกันในระหว่างคนเก้าเผ่าครึ่งตามที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาโดยมือของโมเสส 3 เพราะโมเสสได้ให้มรดกแก่สองเผ่าครึ่งทางฟากโน้นของจอร์แดนแล้ว แต่เขาไม่ได้ให้มรดกแก่พวกเลวี 4 พงศ์พันธุ์ของโยเซฟแท้จริงแล้วมีอยู่สองเผ่า คือมนัสเสห์และเอฟราอิม พวกเลวีไม่ได้รับส่วนของมรดกในแผ่นดิน ได้แต่เพียงบางเมืองเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น กับแผ่นดินทุ่งหญ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงและสำหรับเป็นแหล่งทรัพยากรของพวกเขา 5 ประชาชนอิสราเอลได้ทำตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสส ดังนั้นพวกเขาจึงได้แผ่นดิน

6 แล้วคนเผ่ายูดาห์ได้มาหาโยชูวาที่กิลกาล และคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ชาวตระกูลเคนัส ได้กล่าวแก่เขาว่า "ท่านทราบเรื่อง ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับโมเสสคนของพระเจ้าเกี่ยวกับท่านและข้าพเจ้าแล้วที่คาเดชบารเนีย 7 ข้าพเจ้ามีอายุสี่สิบปีเมื่อโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าได้ให้ข้าพเจ้าจากคาเดชบารเนียเพื่อสอดแนมดูแผ่นดิน ข้าพเจ้าได้นำมารายงานให้แก่เขาตามความคิดเห็นของข้าพเจ้า 8 แต่ส่วนพี่น้องซึ่งขึ้นไปพร้อมกับข้าพเจ้าได้ทำให้ใจของประชาชนละลายไปด้วยความหวาดกลัวแต่ข้าพเจ้าได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างสุดใจ

9 โมเสสได้ปฏิญาณในวันนั้น กล่าวว่า 'แน่นอน แผ่นดินซึ่งเท้าของท่านได้เดินเหยียบไปนั้น จะตกเป็นมรดกของท่าน และของบุตรหลานของท่านสืบไปเป็นนิตย์ เพราะว่าท่านได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างสุดใจ' 10 บัดนี้ ดูเถิด พระยาห์เวห์ทรงทำให้ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ตลอดสี่สิบห้าปี ดังที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสเช่นนี้แก่โมเสส ขณะที่คนอิสราเอลเดินทางในถิ่นทุรกันดาร บัดนี้ ดูเถิด วันนี้ข้าพเจ้ามีอายุแปดสิบห้าปีแล้ว 11 ข้าพเจ้ายังแข็งแรงในวันนี้ดังที่ข้าพเจ้าได้เคยเป็นในวันที่โมเสสได้ส่งข้าพเจ้าออกไป กำลังของข้าพเจ้าในเวลานี้เป็นเหมือนกำลังของข้าพเจ้าที่เคยเป็น ไม่ว่าเพื่อสงคราม เพื่อออกไป หรือเพื่อเข้ามา 12 ดังนั้น ขอมอบดินแดนเทือกเขานี้ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงสัญญากับข้าพเจ้าในวันนั้น เพราะว่าท่านได้ยินในวันนั้นที่เหล่าคนอานาคอยู่ที่นั่นพร้อมด้วยเมืองใหญ่มีกำแพงล้อมอย่างมั่นคง บางทีพระยาห์เวห์จะสถิตกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ขับไล่พวกเขาออกไปได้ ดังที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสไว้แล้ว"

13 แล้วโยชูวาก็อวยพรเขาและยกเมืองเฮโบรนให้คาเลบบุตรเยฟุนเนห์เป็นมรดก 14 ดังนั้นเฮโบรนได้กลายเป็นมรดกแก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ตระกูลเคนัสจนถึงทุกวันนี้ เขาได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลอย่างสุดใจ 15 บัดนี้ ชื่อของเฮโบรนแต่เดิมมีชื่อว่าคีริยาทอารบา (อารบาเป็นคนรูปร่างใหญ่โตที่สุดท่ามกลางคนอานาค) แล้วแผ่นดินจึงได้สงบจากการศึกสงคราม

15

1 การจัดสรรที่ดินสำหรับประชาชนเผ่ายูดาห์ได้จัดให้ตามตระกูลพวกเขา ทางด้านใต้ขยายไปถึงเอโดม ถึงถิ่นทุรกันดารศินเป็นที่สุดปลายด้านใต้ 2 พรมแดนของพวกเขาทางทิศใต้นั้นตั้งต้นจากปลายทะเลเกลือ คือตั้งแต่อ่าวซึ่งหันไปทางทิศใต้ 3 อาณาเขตของพวกเขาได้ยื่นไปทางทิศใต้ของเนินเขาอัครับบิมและผ่านต่อไปถึงศิน และขึ้นไปทางทิศใต้ของคาเดชบารเนีย ตามทางเฮชโรนและขึ้นไปถึงอัดดาร์ ที่เลี้ยวไปถึงคารคา 4 ผ่านต่อไปถึงอัสโมน ไปตามลำธารของอียิปต์ และมาสิ้นสุดที่ทะเล นี่เป็นพรมแดนทางทิศใต้ของพวกเขา

5 พรมแดนด้านทิศตะวันออกคือทะเลเกลือไปถึงปากแม่น้ำจอร์แดน พรมแดนด้านทิศเหนือ ตั้งแต่อ่าวที่ทะเลที่ปากแม่น้ำจอร์แดน 6 ขึ้นไปถึงเบธฮกลาห์และผ่านต่อไปถึงเบธอราบาห์ แล้วขึ้นไปถึงก้อนหินของโบฮันบุตรชายของรูเบน 7 แล้วพรมแดนก็ขึ้นไปถึงเดบีร์จากหุบเขาอาโคร์ และขึ้นไปทางเหนือเลี้ยวไปทางกิลกาลซึ่งอยู่ตรงข้ามเนินเขาอดุมมิม ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ของหุบเขา แล้วพรมแดนก็ได้ผ่านไปยังลำธารเอนเชเมชและไปถึงเอนโรเกล 8 แล้วพรมแดนได้ขึ้นทางหุบเขาเบนฮินโนมถึงด้านทิศใต้เมืองของคนเยบุส (นั่นคือ เยรูซาเล็ม) แล้วขึ้นไปถึงยอดของเนินเขาที่ทอดยอดอยู่หน้าหุบเขาฮินโนมทางทิศตะวันตก ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของหุบเขาเรฟาอิม

9 แล้วพรมแดนก็ยื่นไปจากยอดเนินเขาถึงน้ำพุแห่งลำน้ำเนฟโทอาห์ จากที่นั่นก็มาถึงเมืองต่างๆ ของภูเขาเอโฟรน แล้วพรมแดนก็โค้งไปยังบาอาลาห์ (เหมือนกันกับคีริยาทเยอาริม) 10 แล้วพรมแดนก็เลี้ยวไปบาอาลาห์ไปทางทิศตะวันตกถึงภูเขาเสอีร์ ผ่านไปตามไหล่เขาเยอาริมด้านเหนือ (เมืองเดียวกับเคสะโลน) ลงไปถึงเมืองเบธเชเมชผ่านเมืองทิมนาห์ 11 พรมแดนได้ยื่นออกไปข้างเนินเขาด้านเหนือของเมืองเอโครน แล้วก็โค้งไปหาเมืองชิกเคโรนและผ่านไปถึงภูเขาบาอาลาห์จากที่นั่นก็ไปถึงยับเนเอล พรมแดนก็มาสิ้นสุดที่ทะเล 12 พรมแดนด้านทิศตะวันตกคือทะเลใหญ่และฝั่งทะเล นี่คือพรมแดนล้อมรอบเผ่าคนยูดาห์ตามตระกูลต่อตระกูล

13 ในการปฎิบัติตามพระดำรัสสั่งของพระยาห์เวห์ที่ตรัสกับโยชูวา โยชูวาได้มอบที่ดินส่วนหนึ่งในเขตของคนยูดาห์ให้แก่คาเลบบุตรชายของเยฟุนเนห์ การมอบแผ่นดินท่ามกลางเผ่ายูดาห์ คือคีริยาทอารบา นั่นคือ เมืองเฮโบรน (อารบาเป็นบิดาของอานาค) 14 คาเลบได้ขับไล่บุตรสามคนของอานาคออกจากที่นั่น คือ เชชัย อาหิมานและทัลมัย วงศ์วานของอานาค 15 เขาได้ขึ้นไปจากที่นั่นเผชิญหน้ากับผู้ที่อยู่อาศัยของเดบีร์ (เดบีร์เคยได้ชื่อว่าคีริยาทเสเฟอร์)

16 คาเลบได้กล่าวว่า "ชายใดที่โจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์บุตรีของเราให้เป็นภรรยา" 17 และโอทนีเอลบุตรเคนัสน้องคาเลบยึดเมืองนั้นได้ เขาจึงยกอัคสาห์บุตรีของเขาให้เป็นภรรยา 18 อยู่มาหลังจากนั้นอัคสาห์ได้มาหาโอทนีเอลและเธอได้รบเร้าเขาให้ขอที่นาจากบิดาของเธอ เมื่อเธอลงจากหลังลาของเธอ คาเลบได้กล่าวกับเธอว่า "เจ้าต้องการอะไร ?" 19 อัคสาห์ได้ตอบว่า "ขอความกรุณาเป็นพิเศษอย่างหนึ่งเถิด เพราะท่านได้ให้แผ่นดินของเนเกบแก่ข้าพเจ้า จึงขอท่านได้ให้น้ำพุแก่ข้าพเจ้าด้วย " แล้วคาเลบก็ได้มอบน้ำพุบนและน้ำพุล่างให้แก่นาง

20 ต่อไปนี้เป็นมรดกของเผ่าคนยูดาห์ที่มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา 21 เมืองต่าง ๆ ที่เป็นของเผ่าคนยูดาห์ซึ่งอยู่ทางทิศใต้สุด ทางพรมแดนเอโดมคือเมืองขับเซเอล เอเดอร์ และยากูร 22 คีนาห์ ดีโมนาห์ อาดาดาห์ 23 เคเดช ฮาโซร์ อิทนาน 24 ศีฟ เทเลม เบอาโลท 25 ฮาโซรฮาดัทห์ เคริโอท เฮสโรส (เมืองนี้ก็ยังเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองฮาโซร์ด้วย) 26 อามัม เชมา โมลาดาห์ 27 ฮาซารกัดดาห์ เฮชโมน เบธเปเลท 28 ฮาซารชูอาล เบเอร์เชบา บิซิโอธิยาห์ 29 บาอาลาห์ อิยิม เอเซม 30 เอลโทลัด เคสีล โฮรมาห์ 31 ศิกลาก มัดมันนาห์ สันสันนาห์ 32 เลบาโอท ชิลฮิม อายินและเมืองริมโมน รวมทั้งหมดเป็นยี่สิบเก้าเมืองรวมทั้งหมู่บ้านต่าง ๆ

33 ในที่เนินเขาต่ำลงไปทางทิศตะวันตก ที่มีเมืองเอชทาโอล โศราห์ อัชนาห์ 34 ศาโนอาห์ เอนกันนิม ทัปปูวาห์ เอนาม 35 ยารมูท อดุลลัม โสโคห์ อาเซคาห์ 36 ชาอาราอิม อดีธาอิม และเกเดราห์ (นั่นคือเกเดโรทาอิม) นี่คือเมืองสิบสี่เมืองรวมทั้งหมู่บ้านของพวกเขา 37 เศนัน ฮาดาชาห์ มิกดัลกาด 38 ดิเลอัน มิสปาห์ โยกเธเอล 39 ลาคีช โบสคาท เอกโลน 40 คับโบน ลามัม คิทลิช 41 เกเดโรท เบธดาโกน นาอามาห์และเมืองมักเคดาห์ รวมเป็นสิบหกเมืองรวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ 42 ลิบนาห์ เอเธอร์ อาชัน 43 อิฟทาห์ อัชนาห์ เนซีบ 44 เคอีลาห์ อัคซีบ มาเรชาห์ รวมเป็นเก้าเมืองรวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ 45 จาก เอโครนกับเมืองต่างๆ และหมู่บ้านโดยรอบเมืองนั้น 46 จากเอโครนถึงทะเลใหญ่ ทุกเมืองที่อยู่ใกล้เมืองอัชโดด กับหมู่บ้านโดยรอบเมืองนั้น 47 อัชโดดกับเมืองต่างๆ และหมู่บ้านโดยรอบเมืองนั้น กาซา กับเมืองต่างๆ และหมู่บ้านโดยรอบเมืองนั้น จนถึงลำธารของอียิปต์ และทะเลใหญ่พร้อมกับชายฝั่งทะเล

48 ในดินแดนแถบเนินเขา คือ ชามีร์ ยาททีร์ โสโคห์ 49 ดานนาห์ คีริยาทสันนาห์ (คือเมืองเดบีร์) 50 อานาบ เอชเทโมห์ อานิม 51 โกเชน โฮโลน กิโลห์ รวมเป็นสิบเอ็ดเมือง กับหมู่บ้านโดยรอบ 52 อาหรับ ดูมาห์ เอชาน 53 ยานิม เบธทัปปูวาห์ อาเฟคาห์ 54 ฮุมทาห์ คีริยาทอารบา (นั่นคือเมืองเฮโบรน) และเมืองศิโยร์ รวมเป็นเก้าเมืองกับหมู่บ้านโดยรอบ 55 มาโอน คารเมล ศีฟ ยุทธาห์ 56 ยิสเรเอล โยกเดอัม ศาโนอาห์ 57 คาอิน กิเบอาห์ และทิมนาห์ รวมเป็นสิบเมืองกับหมู่บ้านโดยรอบ 58 ฮัลฮูล เบธซูร์ เกโดร์ 59 มาอาราท เบธาโนท และเมืองเอลเทโคน รวมเป็นหกเมืองกับหมู่บ้านโดยรอบ 60 คีรียาทบาอัล (คือเมืองคีริยาทเยอาริม) และรับบาห์ รวมเป็นสองเมืองกับหมู่บ้านโดยรอบ

61 ในถิ่นทุรกันดาร คือ เบธาราบาห์ มิดดีน เสคะคาห์ 62 นิบชาน เมืองเกลือและเอนเกดี รวมเป็นหกเมืองกับหมู่บ้านโดยรอบ 63 แต่คนเยบุสซึ่งเป็นชาวเมืองเยรูซาเล็มนั้น คนยูดาห์ไม่สามารถขับไล่พวกเขาออกไปได้ ดังนั้นคนเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนยูดาห์จนถึงทุกวันนี้

16

1 การจัดสรรที่ดินของเผ่าของโยเซฟนั้นได้ขยายจากแม่น้ำจอร์แดนที่เมืองเยรีโค คือทางทิศตะวันออกของน้ำพุของเยรีโคเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ขึ้นไปจากเยรีโคเข้าไปในแดนเทือกเขาเบธเอล 2 แล้วจากนั้นก็จากเมืองเบธเอลไปยังเมืองลูส ผ่านเรื่อยไปถึงเมืองอาทาโรทในเขตของคนอารคี 3 แล้วลงไปทางทิศตะวันตกถึงเขตของคนยาเฟลที ไกลออกไปจนถึงเขตเมืองเบธโฮโรนล่าง และไปถึงเมืองเกเซอร์ไปสิ้นสุดที่ทะเล

4 โดยวิธีนี้เผ่าของโยเซฟ คือ มนัสเสห์และเอฟราอิม ได้รับมรดกของพวกเขา 5 เขตของเผ่าเอฟราอิมที่ได้จัดสรรตามตระกูลของพวกเขาเป็นดังนี้ คือพรมแดนตามมรดกของพวกเขาด้านตะวันออกเริ่มตั้งแต่เมืองอาทาโรท อัดดาร์ ไกลไปจนถึงเบธโฮโรน 6 และจากที่นั่นก็ต่อไปจนถึงทะเล จากเมืองมิคเมธัทในทิศเหนือและโค้งมาทางทิศตะวันออกถึงเมืองทาอานัท ชีโลห์แล้วผ่านไปพ้นเมืองนี้ไปทางตะวันออกถึงเมืองยาโนอาห์

7 แล้วลงไปจากเมืองยาโนอาห์ถึงเมืองอาทาโรท และเมืองนาอาราห์ และไปจนถึงเมืองเยรีโค สิ้นสุดลงที่แม่น้ำจอร์แดน 8 จากทัปปูวาห์พรมแดนด้านตะวันตกถึงลำธารคานาห์และไปสิ้นสุดที่ทะเล นี่คือที่มรดกของเผ่าเอฟราอิม ที่ได้มอบให้คนตามตระกูลของพวกเขา 9 พร้อมด้วยเมืองต่างๆ ที่ได้รับการเลือกสำหรับเผ่าเอฟราอิมตามมรดกของเผ่ามนัสเสห์ เมืองต่างๆ ทั้งหมด กับหมู่บ้านต่างๆ ทั้งหมด 10 พวกเขาไม่ได้ขับไล่พวกคนคานาอันซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ออกไป ดังนั้นคนคานาอันจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางคนเอฟราอิมจนถึงทุกวันนี้ แต่ประชาชนเหล่านี้ก็ถูกบังคับให้ทำงานโยธา

17

1 การจัดสรรที่ดินให้แก่เผ่ามนัสเสห์ (ผู้ซึ่งเป็นบุตรชายหัวปีของโยเซฟ) นั่นคือ สำหรับมาคีร์บุตรชายหัวปีของมนัสเสห์ และเขาเองเป็นบิดาของกิเลอาด ลูกหลานของมาคีร์ได้รับจัดสรรที่ดินของกิเลอาดและบาชานเป็นส่วนแบ่ง เพราะมาคีร์เคยเป็นทหาร

2 ที่ดินได้ถูกจัดสรรให้แก่คนที่เหลืออยู่ของคนเผ่ามนัสเสห์ ให้แก่ตระกูลของพวกเขา คือให้แก่อาบีเยเซอร์ เฮเลค อัสรีเอล เชเคม เฮเฟอร์และเชมีดา คนเหล่านี้เป็นลูกหลานผู้ชายของคนมนัสเสห์ บุตรชายของโยเซฟ ให้ตามตระกูลของเขา 3 บัดนี้เศโลเฟหัดบุตรชายของเฮเฟอร์ ผู้เป็นบุตรชายของกิเลอาด ผู้เป็นบุตรชายของมาคีร์ ผู้เป็นบุตรชายของมนัสเสห์ ไม่มีบุตรชาย มีแต่บุตรี ชื่อบุตรีของเขา คือมาลาห์ โนอาห์ ฮกลาห์ มิลคาห์ และทีรซาห์

4 พวกเขาได้เข้ามาหาเอเลอาซาร์ปุโรหิต โยชูวาบุตรของนูน และพวกผู้นำ และพวกเขากล่าวว่า "พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาโมเสส ให้ยกมรดกให้กับเราเช่นเดียวกับพี่น้องของเรา" ดังนั้น เพื่อปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ เขาได้ให้มรดกแก่พวกผู้หญิงเหล่านั้นท่ามกลางพวกพี่น้องของบิดาของพวกเขา 5 ที่ดินสิบส่วนจึงถูกมอบให้แก่คนมนัสเสห์ในกิเลอาดและบาชาน ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน 6 เพราะว่าบุตรีของมนัสเสห์ก็ได้รับมรดกท่ามกลางบุตรชายของท่าน แผ่นดินกิเลอาดนั้น ได้จัดสรรให้กับเผ่ามนัสเสห์ที่เหลืออยู่

7 เขตแดนของมนัสเสห์ตั้งต้นจากอาเชอร์ไปจนถึงมิคเมธัท ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเชเคม แล้วเขตแดนได้ออกไปด้านทิศใต้ถึงคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ใกล้กับน้ำพุทับปูวาห์ 8 (แผ่นดินทัปปูวาห์เป็นของพวกมนัสเสห์ แต่เมืองทัปปูวาห์บนพรมแดนของพวกมนัสเสห์เป็นของเผ่าเอฟราอิม) 9 พรมแดนก็ลงไปถึงลำธารคานาห์ เมืองเหล่านี้ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของลำธารท่ามกลางเมืองต่างๆ ของมนัสเสห์ที่เป็นของเอฟราอิม เขตแดนของมนัสเสห์ก็ขึ้นไปด้านเหนือของลำธาร และไปสิ้นสุดที่ทะเล 10 แผ่นดินทางด้านทิศใต้เป็นของเอฟราอิม และแผ่นดินทางด้านเหนือเป็นของมนัสเสห์ มีทะเลเป็นพรมแดน ทางเหนือจดดินแดนอาเชอร์ และทางทิศตะวันออกจดอิสสาคาร์

11 ในเขตอิสสาคาร์และในอาเชอร์นั้น มนัสเสห์ยังได้ยึดครองเมืองเบธชาน และหมู่บ้านรอบๆ นั้น อิบเลอัมกับหมู่บ้านรอบๆ เมืองนั้น และชาวเมืองโดร์กับหมู่บ้าน ชาวเมืองเอนโดร์กับหมู่บ้านรอบๆ นั้น และชาวเมืองทาอานาคกับหมู่บ้านรอบๆ นั้น และชาวเมืองเมกิดโดกับหมู่บ้านรอบๆ นั้น (และเป็นเมืองที่สามคือ นาเฟท) 12 แต่เผ่ามนัสเสห์ก็ยังไม่สามารถยึดครองเมืองเหล่านั้นได้ และคนคานาอันยังคงอยู่อาศัยในแผ่นดินนั้นอย่างต่อเนื่อง

13 เมื่อประชาชนอิสราเอลเข้มแข็งขึ้นแล้ว พวกเขาก็ได้บังคับคนคานาอันให้ทำงานหนัก แต่ไม่ได้ขับไล่พวกเขาออกไปอย่างสิ้นเชิง 14 ดังนั้นลูกหลานของคนเผ่าโยเซฟได้พูดกับโยชูวา กล่าวว่า "ทำไมท่านจึงจัดสรรที่ดินให้เราได้เพียงส่วนเดียวเป็นมรดก ในเมื่อเรามีคนมากมาย และพระยาห์เวห์ก็ทรงอวยพรพวกเรามาตลอด?"

15 โยชูวาตอบพวกเขาว่า "ถ้าท่านมีคนมากมาย จงเข้าไปในป่าแผ้วถางที่ดินสำหรับพวกท่านเองในแผ่นดินของคนเปริสซีและคนเรฟาอิม จงทำอย่างนี้ได้เลย เนื่องจากดินแดนเนินเขาของเอฟราอิมนั้นเล็กเกินไปสำหรับพวกเจ้า" 16 พวกเชื้อสายของโยเซฟกล่าวว่า "แดนเทือกเขาเหล่านี้ก็ไม่เพียงพอสำหรับพวกเรา แต่คนคานาอันผู้ที่อยู่ในหุบเขามีรถรบเหล็ก และทั้งพวกที่อยู่ในเบธบาชานและหมู่บ้านรอบๆ และพวกที่อยู่ในหุบเขายิสเรเอล"

17 แล้วโยชูวาจึงได้กล่าวแก่วงศ์วานของโยเซฟ คือเอฟราอิมและมนัสเสห์ว่า "พวกท่านเป็นประชาชนที่มีจำนวนมาก และพวกท่านมีพลังมหาศาล พวกท่านจะต้องไม่ได้มีส่วนแบ่งเพียงส่วนเดียวคือดินแดนที่ได้จัดสรรให้พวกท่านแล้ว 18 ดินแดนเทือกเขาก็จะเป็นของท่าน ถึงแม้ว่าเป็นป่า ให้ท่านจงแผ้วถางและยึดครองไปสุดเขตแดน ท่านจะขับไล่พวกคานาอันให้ออกไป แม้ว่าพวกเขาจะมีรถม้าเหล็ก และถึงแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแรงก็ตาม"

18

1 แล้วชุมชนของประชาชนอิสราเอลทั้งหมดก็ได้มาประชุมกันที่ชิโลห์ พวกเขาได้ตั้งเต็นท์นัดพบขึ้นที่นั่น 2 และพวกเขาได้ยึดครองแผ่นดินที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา ยังมีอีกเจ็ดเผ่าในท่ามกลางประชาชนอิสราเอลที่ยังไม่ได้รับมอบมรดกของเขา

3 โยชูวาจึงได้กล่าวแก่ประชาชนอิสราเอลว่า "พวกท่านจะรอช้าอีกนานเท่าใดที่จะเข้าไปในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านประทานให้แก่พวกท่าน ? 4 จงแต่งตั้งผู้ชายสามคนจากแต่ละเผ่าและข้าพเจ้าจะส่งพวกเขาออกไป พวกเขาจะออกไปและสำรวจแผ่นดินโดยละเอียด พวกเขาจะเขียนคำอธิบายถึงแนวเขตที่ดินมรดกของพวกเขา และพวกเขาจะกลับมาหาข้าพเจ้า 5 พวกเขาจะแบ่งที่ดินออกเป็นเจ็ดส่วน คนยูดาห์จะยังคงอยู่ในดินแดนของเขาทางใต้ และตระกูลของโยเซฟจะยังคงให้อยู่ในดินแดนของพวกเขาทางเหนือ 6 พวกท่านเขียนแนวเขตที่ดินเป็นเจ็ดส่วนและนำมาให้ข้าพเจ้าที่นี่ข้าพเจ้าจะจับฉลากสำหรับท่านที่นี่ เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

7 คนเลวีไม่มีส่วนแบ่งในท่ามกลางพวกท่าน เพราะตำแหน่งปุโรหิตของพระยาห์เวห์เป็นมรดกของพวกเขา กาด รูเบน และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ก็ได้รับมรดกของเขาทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน นี่เป็นมรดกซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้มอบให้พวกเขาแล้ว" 8 ดังนั้น ผู้ชายเหล่านั้นจึงได้ลุกขึ้นออกเดินทางไป โยชูวาได้สั่งคนเหล่านั้นที่ได้เดินทางไปให้เขียนแนวเขตเมืองและกล่าวว่า "จงเดินทางไปให้ทั่วแผ่นดินและให้เขียนแนวเขตที่ดินแล้วนำกลับมาให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะจับฉลากให้พวกท่านต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ที่ชิโลห์" 9 ผู้ชายเหล่านั้นได้จากไปและได้เดินสำรวจอย่างละเอียดและได้เขียนคำอธิบายลงในม้วนหนังสือชื่อเมืองต่างๆ ในเจ็ดส่วน ใส่รายชื่อเมืองต่างๆ ในแต่ละส่วน แล้วพวกเขาก็กลับมาหาโยชูวาในค่ายที่ชิโลห์

10 แล้วโยชูวาก็จับฉลากให้พวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ที่ชิโลห์ ตรงที่นั้นเองที่โยชูวาได้จัดแบ่งที่ดินให้แก่ประชาชนอิสราเอล และแต่ละเผ่าก็ได้รับตามส่วนแบ่งของแผ่นดิน 11 การจัดสรรที่ดินสำหรับคนเผ่าเบนยามินก็ได้จัดแบ่งให้ตามตระกูลของพวกเขา ขอบเขตดินแดนที่เป็นส่วนของพวกเขาตั้งอยู่ระหว่างลูกหลานของยูดาห์กับลูกหลานของโยเซฟ 12 ทางด้านหนือ พรมแดนของพวกเขาเริ่มจากแม่น้ำจอร์แดน และพรมแดนก็ขึ้นไปถึงไหล่เขาตอนเหนือของเยรีโค แล้วขึ้นไปดินแดนเทือกเขาทางตะวันตก แล้วไปจนถึงถิ่นทุรกันดารเบธาเวน 13 จากที่นั่นพรมแดนได้ผ่านไปทางใต้ในทิศทางไปยังลูส (สถานที่เดียวกันกับเบธเอล) แล้วเขตแดนก็ลงไปทางใต้ถึงอาทาโรทอัดดาร์ ทางภูเขาที่ทอดยาวไปทางใต้ของเบธโฮโรน

14 แล้วพรมแดนก็ยื่นไปอีกทิศทางหนึ่งไปทางด้านตะวันตกโค้งไปทางใต้มุ่งไปทางภูเขาตรงข้ามกับเบธโฮโรน เขตแดนนี้ไปสิ้นสุดลงที่คีริยาทบาอัล (นั่นคือ คีริยาทเยอาริม) เมืองที่เป็นของเผ่ายูดาห์ นี่เป็นการแบ่งเขตแดนด้านตะวันตก 15 ส่วนด้านใต้นั้นเริ่มต้นข้างนอกเมืองคีริยาทเยอาริม พรมแดนก็เริ่มจากเอโฟรน ไปทางตะวันตกถึงน้ำพุของลำน้ำแห่งเนฟโทอาห์

16 แล้วพรมแดนก็ลงไปถึงเขตภูเขาซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหุบเขาเบนฮินโนม ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของหุบเขาเรฟาอิม แล้วก็ลงไปที่หุบเขาฮินโนมทางใต้ไหล่เขาของคนเยบุส และต่อไปถึงเอนโรเกล 17 แล้วโค้งไปทางเหนือตรงไปถึงเอนเชเมช จากที่นั่นก็ตรงไปยังเกลิโลท ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางขึ้นเขาชื่ออดุมมิม แล้วลงไปยังหินของโบฮันบุตรชายของรูเบน 18 แล้วผ่านไปทางเหนือไปถึงไหล่เขาของเบธอาราบาห์ และลงไปถึงอาราบาห์

19 แล้วพรมแดนก็ผ่านไปทางเหนือไหล่เขาเบธฮกลาห์ พรมแดนไปสิ้นสุดลงที่อ่าวด้านเหนือของทะเลเกลือที่ปลายด้านใต้ของแม่น้ำจอร์แดน นี่เป็นพรมแดนด้านใต้ 20 แม่น้ำจอร์แดนกั้นเป็นพรมแดนทางตะวันออก นี่เป็นมรดกของลูกหลานของเผ่าเบนยามิน ที่ได้มอบให้ตามตระกูลต่อตระกูล มีพรมแดนต่อพรมแดน ล้อมรอบกันทั้งหมด 21 บัดนี้ เมืองต่างๆ ของเผ่าเบนยามินตามตระกูลต่อตระกูล คือ เยรีโค เบธฮกลาห์ เอเมคเคซีส 22 เบธอราบาห์ เศมาราอิม เบธเอล 23 อัฟวิม ปาราห์ โอฟราห์ 24 เคฟารัมโมนี่ โอฟนี และเกบา มีสิบสองเมือง รวมทั้งหมู่บ้านรอบๆ

25 ยังมีอีกหลายเมืองของกิเบโอน รามาห์ เบเอโรท 26 มิสปาห์ เคฟีราห์ โมซาห์ 27 เรเคม อิรเปเอล ทาระลาห์ 28 เศลาห์ หะเอเลฟ เยบุส (เมืองเดียวกับเยรูซาเล็ม) กิเบอาห์และคีริยาท มี 14 เมือง รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของพวกเขา นี่เป็นมรดกของเบนยามินตามตระกูลของพวกเขา

19

1 ฉลากที่สองได้ตกเป็นของสิเมโอนและได้ถูกจัดสรรให้ตามตระกูลของพวกเขา มรดกของพวกเขาอยู่ตรงกลางมรดกที่เป็นของเผ่ายูดาห์ 2 พวกเขามีเมืองเหล่านี้เป็นมรดก คือ เบเออร์เชบา เชบา โมลาดาห์ 3 ฮาซาร์ ชูอาล บาลาห์ เอเซม 4 เอลโทลัด เบธูล และ โฮรมาห์ 5 สิเมโอน และมี ศิกลากด้วย เบธมารคาโบท ฮาซารสูสาห์ 6 เบธเลบาโอท และชารุเฮน เหล่านี้เป็นสิบสามเมือง รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้นด้วย 7 สิเมโอนมีเมือง เอน ริมโมน เอเธอร์ อาชาน รวมเป็นสี่เมืองรวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้นด้วย 8 เหล่านี้คือหมู่บ้านต่างๆ รอบเมืองที่ไกลออกไปถึงบาอาลัทเบเออร์ (ที่เดียวกับรามาห์ในเนเกบ) นี่เป็นมรดกของเผ่าสิเมโอนที่ได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา 9 มรดกของเผ่าสิเมโอนมีส่วนหนึ่งอยู่ในเผ่าของยูดาห์ เพราะว่าแผ่นดินที่ได้จัดสรรให้เผ่ายูดาห์นั้นใหญ่มากเกินไปสำหรับพวกเขา เผ่าของสิเมโอนจึงได้รับมรดกอยู่กลางส่วนของพวกเขา

10 ฉลากที่สามได้ตกเป็นของเผ่าของเศบูลุน และได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา ดินแดนที่เป็นมรดกของเขาเริ่มที่ สาริด 11 เขตแดนของพวกเขาก็ขึ้นไปทางด้านตะวันตกถึงมาราลาห์ และมาชิดดับเบเชท แล้วก็ขยายไปถึงลำธารที่อยู่ตรงข้ามกับโยกเนอัม 12 จากสาริด พรมแดนก็เลี้ยวไปทางตะวันออกและไปถึงเขตแดนของคิสโลททาโบร์ จากที่นั่นก็ผ่านไปด้านตะวันออกถึงดาเบรัทและก็ขึ้นไปถึงยาเฟีย 13 จากที่นั่นก็ไปทางตะวันออกถึงถึงกัธเฮเฟอร์และก็ถึงเอทคาซิน ต่อไปถึงริมโมนและเลี้ยวกลับมาหาเนอาห์ 14 เขตแดนก็ได้โค้งไปทางเหนือถึงฮันนาโธนและสิ้นสุดที่หุบเขาอิฟทาห์เอล 15 พื้นที่นี้รวมทั้งเมืองต่างๆ ของขัทตาท นาหะลาล ชิมโรน อิดาลาห์ และเบธเลเฮม มีเมืองต่างๆ รวมสิบสองเมืองรวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้น 16 นี่เป็นมรดกของเผ่าเศบูลุน ที่ได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา เมืองต่างๆ รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้น

17 ฉลากที่สี่ได้ตกเป็นของอิสสาคาร์ และก็ได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา 18 ดินแดนของพวกเขารวม ยิสเรเอล เคสุลโลท ชูเนม 19 ฮาฟาราอิม ชิโยนและ อานาหะราท 20 รวมทั้ง รับบีท คีชิโอน เอเบส 21 เรเมท เอนกันนิม เอนหัดดาห์ และเบธปัสเซสอีกด้วย 22 ดินแดนของพวกเขายังจดเขตแดนทาโบร์ ชาหะซุมาห์ และ เบธเชเมช และสิ้นสุดที่แม่น้ำจอร์แดน รวมเป็นสิบหกเมือง รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเหล่าเมืองนั้น 23 นี่เป็นมรดกของเผ่าคนอิสสาคาร์ ที่ได้มอบให้ลูกหลานของพวกเขา คือเมืองต่างๆ และหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้นด้วย

24 ฉลากที่ห้าได้ตกเป็นของเผ่าคนอาเชอร์ที่ได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา 25 ดินแดนของพวกเขารวมเมืองเฮลขัท ฮาลี เบเทน อัคชาฟ 26 อาลัมเมเลค อามาด และมิชอาล ทางตะวันตกของเขตแดนขยายออกไปถึงคารเมลและชิโหร์ลิบนาท 27 แล้วเลี้ยวไปทางตะวันออกถึงเบธดาโกนและไปจนถึงเศบูลุน และไปถึงหุบเขาอิฟทาห์เอล ไปทางเหนือถึงเบธเอเมคและเนอีเอล แล้วไปถึงคาบูลทางด้านเหนือ 28 แล้วไปถึงอับโดน เรโหบ ฮัมโมน และคานาห์ ไปถึงไซดอนเมืองใหญ่กว่า 29 เขตแดนเลี้ยวกลับมาถึงรามาห์ และไปถึงเมืองที่มีกำแพงแห่งไทระ และเขตแดนก็อ้อมถึงโฮสะห์และสิ้นสุดลงที่ทะเล ในบริเวณอัคซีบ 30 อุมมาห์ อาเฟก และเรโหบ นี่คือยี่สิบสองเมือง รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้น 31 นี่เป็นมรดกของเผ่าอาเชอร์ที่ได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา เมืองต่างๆ รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้นด้วย

32 ฉลากที่หกได้ตกเป็นของเผ่านัฟทาลี และได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา 33 เขตแดนของพวกเขาเริ่มจากเฮเลฟ จากต้นโอ๊คที่ศานันนิมที่ อาดามีเนเขบ และยับเนเอล ไกลออกไปถึงลัคคูม และสิ้นสุดที่แม่น้ำจอร์แดน 34 เขตแดน ก็อ้อมไปทางตะวันตกถึงอัสโนททาโบร์ และไปถึงหุกกอก ไปจดเศบุลูนทางตอนใต้และไปถึงอาเชอร์ทางตะวันตกและยูดาห์ทางตะวันออกที่แม่น้ำจอร์แดน 35 เมืองต่างๆ ที่มีกำแพงล้อมรอบ คือ ศิดดิม เศอร์ ฮัมมัท รัคคัท คินเนอเรท 36 อาดามาห์ รามาห์ ฮาโซร์ 37 เคเดช เอเดรอี เอนฮาโชร์ 38 ยังมีเมืองยิโรน มิกดัลเอล โฮเรม เบธานาท และเบธเชเมช มีเมืองต่างๆ รวมสิบเก้าเมือง รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้นโดยรอบ 39 นี่เป็นมรดกของเผ่านัฟทาลีที่ได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา เมืองต่างๆ รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเหล่าเมืองนั้นด้วย

40 ฉลากที่เจ็ดได้ตกเป็นของเผ่าดาน และได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา 41 ดินแดนที่เป็นมรดกของพวกเขา เขา คือ โศราห์ เอชทาโอล อิรเชเมช 42 ชาอาลับบิน อัยยาโลน และยิทลาห์ 43 รวมทั้งเอโลน ทิมนาห์ เอโครน 44 เอลเทเคห์ กิบเบโธน บาอาลัท 45 เยฮุด เบเนเบราค กัทริมโมน 46 เมยารโคน และรัคโคนยาวไปกับดินแดนที่ข้ามไปจากยัฟฟา 47 เมื่อดินแดนของเผ่าดานได้หลุดมือพวกเขาไป ดานได้โจมตีเมืองเลเชม สู้กับพวกเขาและได้ยึดเมือง พวกเขาได้ฆ่าทุกคนด้วยดาบ ยึดทรัพย์สินและได้ตั้งรกราก ที่นั่น พวกเขาได้ตั้งชื่อเลเชมใหม่ว่า ดานตามบรรพบุรุษของพวกเขา 48 นี่เป็นมรดกของเผ่าดาน ที่ได้มอบให้ตามตระกูลของพวกเขา เมืองต่างๆ รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ของเมืองเหล่านั้นด้วย

49 เมื่อพวกเขาได้แบ่งดินแดนส่วนต่างๆ ของแผ่นดินนั้นเป็นมรดกเสร็จสิ้นแล้ว ประชาชนอิสราเอลก็ได้มอบส่วนมรดกในหมู่ของพวกเขาให้แก่โยชูวาบุตรชายของนูน 50 ตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ พวกเขาก็ได้มอบเมืองที่เขาขอไว้ให้แก่เขา คือ เมืองทิมนาทเสราห์ในดินแดนเทือกเขาของเอฟราอิม เขาได้สร้างเมืองขึ้นอีกครั้งและอาศัยอยู่ที่นั่น 51 นี่เป็นมรดกที่เอเลอาซาร์ปุโรหิต โยชูวาบุตรชายของนูน และผู้นำเผ่าต่างๆ ของประชาชนอิสราเอล ได้จัดสรรกันโดยการจับฉลากที่ชิโลห์เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ที่ทางเข้าของเต็นท์นัดพบ ดังนั้นพวกเขาจึงเสร็จสิ้นการจัดสรรที่ดิน

20

1 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า 2 "จงกล่าวแก่ประชาชนอิสราเอลว่า 'จงกำหนดเมืองลี้ภัยไว้ ซึ่งเราได้พูดกับพวกเจ้าทางโมเสสแล้วนั้น

3 จงทำอย่างนี้เพื่อให้คนใดที่ได้ฆ่าคนโดยไม่เจตนาสามารถไปที่นั่นได้ เมืองเหล่านี้จะได้เป็นที่ลี้ภัยจากใครก็ตามที่หาทางแก้แค้นแทนโลหิตของบุคคลนั้นที่ได้ถูกฆ่า 4 เขาจะหนีไปยังเมืองเหล่านั้นเมืองใดเมืองหนึ่ง และจะยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมืองและอธิบายเรื่องของตนให้พวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้น แล้วพวกเขาจะนำเขาเข้าไปในเมืองและให้สถานที่สำหรับเขาได้อาศัยท่ามกลางพวกเขา 5 ถ้าหนึ่งในพวกเขามาถึงและพยายามจะแก้แค้นแทนโลหิตของบุคคลผู้ได้ถูกฆ่า แล้วประชาชนของเมืองจะต้องไม่มอบคนนั้นที่ได้ฆ่าเขาแก่เจ้าหน้าที่เหล่านั้น พวกเขาจะต้องไม่ทำอย่างนี้เพราะว่าเขาได้ฆ่าเพื่อนบ้านของเขาโดยไม่เจตนา และเขาจะไม่อาฆาตแค้นเรื่องในอดีตของเขา

6 เขาจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองนั้นจนกว่าเขาจะได้ยืนต่อหน้าการประชุมเพื่อการพิพากษา จนกว่าผู้ที่ทำหน้าที่มหาปุโรหิตในเวลานั้นจะถึงแก่ความตาย แล้วคนนั้นที่ได้ฆ่าบุคคลโดยอุบัติเหตุอาจจะกลับไปยังเมืองของตน และไปบ้านของตน ไปยังเมืองที่เขาได้จากมานั้นได้ '" 7 ดังนั้น พวกอิสราเอลจึงได้เลือกเคเดชในกาลิลีในดินแดนเทือกเขาของนัฟทาลี และเชเคม ในดินแดนเทือกเขาเอฟราอิม และคีริยาทอารบา (เมืองเดียวกับเฮโบรน) ในดินแดนเทือกเขาของยูดาห์

8 ทางฟากแม่น้ำจอร์แดนด้านตะวันออกของเยรีโค พวกเขาได้เลือกเมืองเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดารบนที่ราบสูงจากเผ่ารูเบน คือ ราโมทกิเลอาด จากเผ่ากาด และโกลานในบาชาน จากเผ่ามนัสเสห์ 9 เมืองเหล่านี้เป็นเมืองที่ได้คัดเลือกไว้สำหรับประชาชนอิสราเอลทั้งหมด และสำหรับคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา ดังนั้น ถ้าใครที่ได้ฆ่าคนโดยไม่เจตนา สามารถหนีไปที่นั่นเพื่อความปลอดภัยได้ บุคคลนี้จะไม่ต้องตายด้วยมือของคนนั้นที่ต้องการแก้แค้นแทนโลหิตตก จนกว่าคนที่ถูกกล่าวหาจะได้ยืนต่อหน้าที่ประชุมเสียก่อน

21

1 ขณะนั้นพวกหัวหน้าตระกูลต่างๆ ของคนเลวีได้มาหาเอเลอาซาร์ปุโรหิต โยชูวาบุตรชายของนูน และบรรดาหัวหน้าของครอบครัวของบรรพบุรุษของประชาชนอิสราเอล 2 พวกเขาได้กล่าวแก่คนเหล่านั้นที่เมืองชิโลห์ในแผ่นดินของคานาอันว่า "พระยาห์เวห์ทรงบัญชาท่านทั้งหลายโดยทางโมเสสว่า ให้มอบเมืองต่างๆ แก่พวกเราเพื่อจะได้อาศัยอยู่ พร้อมทั้งทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์เลี้ยงของพวกเราด้วย" 3 ดังนั้นตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ ประชาชนอิสราเอลจึงได้มอบเมืองและทุ่งหญ้าจากมรดกของพวกเขาให้แก่คนเลวี ดังต่อไปนี้

4 การจับฉลากสำหรับตระกูลโคฮาท ได้ผลออกมาเป็นดังนี้ บรรดาปุโรหิต ซึ่งเป็นลูกหลานของอาโรนผู้ที่มาจากคนเลวี ได้รับเมืองต่างๆ สิบสามเมืองที่ได้มาจากเผ่ายูดาห์ ได้มาจากเผ่าสิเมโอน และได้มาจากเผ่าเบนยามิน 5 ลูกหลานที่เหลืออยู่ของคนโคฮาทได้รับเมืองสิบเมืองโดยการจับฉลากจากตระกูลต่าง ๆ ของเผ่าเอฟราอิม จากเผ่าดาน และจากครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ 6 แล้วประชาชนที่สืบเชื้อสายมาจากเกอร์โชนโดยการจับฉลากก็ได้รับสิบสามเมืองจากตระกูลต่างๆ ของเผ่าอิสสาคาร์ เผ่าอาเชอร์ เผ่านัฟทาลี และจากครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ในบาชาน 7 ประชาชนผู้ที่เป็นลูกหลานของเมรารีตามตระกูลของเขา ได้รับสิบสองเมือง จากเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่าเศบูลุน

8 ดังนั้น ประชาชนอิสราเอลได้มอบเมืองต่างๆ เหล่านี้โดยการจับฉลาก (รวมทั้งทุ่งหญ้าเหล่านี้ของพวกเขา) ให้แก่คนเลวี ตามที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาโดยทางโมเสส 9 จากเผ่ายูดาห์ และเผ่าสิเมโอน พวกเขาได้จัดสรรแผ่นดินตามชื่อเมืองต่างๆ นี่คือรายชื่อเมือง 10 เมืองเหล่านี้ได้มอบให้แก่ลูกหลานอาโรน ผู้อยู่ท่ามกลางตระกูลของโคฮาท ตระกูลหนึ่งซึ่งเป็นคนเลวี เพราะฉลากแรกได้ตกเป็นของพวกเขาก่อน

11 พวกอิสราเอลให้เมืองคีริยาทอารบาแก่พวกเขา (อารบาเป็นบิดาของอานาค) คือที่เดียวกับเมืองเฮโบรน อยู่ในแดนเทือกเขาของยูดาห์ รวมทั้งทุ่งหญ้ารอบเมืองนั้นด้วย 12 แต่ทุ่งนาของเมืองและหมู่บ้านต่างๆ โดยรอบเมืองนี้ได้ยกให้แก่คาเลบบุตรของเยฟุนเนห์เป็นกรรมสิทธิ์แล้ว 13 พวกเขาได้ให้เมืองเฮโบรนพร้อมด้วยทุ่งหญ้าแก่ลูกหลานของอาโรนปุโรหิต ซึ่งเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ใดก็ตามที่ได้ฆ่าผู่อื่นโดยไม่เจตนา และเมืองลิบนาห์พร้อมทุ่งหญ้า 14 เมืองยาททีร์พร้อมทุ่งหญ้า และเมืองเอชเทโมอาพร้อมทุ่งหญ้า

15 พวกเขาได้ให้เมืองโฮโลนพร้อมทุ่งหญ้า เมืองเดบีร์พร้อมทุ่งหญ้า 16 เมืองอายินพร้อมทุ่งหญ้า เมืองยุทธาห์พร้อมทุ่งหญ้า เมืองเบธเชเมชพร้อมทุ่งหญ้า รวมเป็นเก้าเมืองที่ได้มอบให้จากสองเผ่านี้ 17 จากเผ่าเบนยามินได้มอบเมืองกิเบโอนพร้อมทุ่งหญ้า เมืองเกบาพร้อมทุ่งหญ้า 18 เทืองอานาโธทพร้อมทุ่งหญ้า เมืองอัลโมนพร้อมชานเมือง รวมสี่เมือง

19 เมืองต่างๆ ที่ได้มอบให้แก่บรรดาปุโรหิตที่เป็นลูกหลานของอาโรนรวมทั้งหมดสิบสามเมืองพร้อมกับทุ่งหญ้า 20 ส่วนที่เหลือของครอบครัวของคนโคฮาท คนเลวีเหล่านั้นที่เป็นของตระกูลของโคฮาท พวกเขามีเมืองต่างๆ ที่พวกเขาได้รับมาจากเผ่าเอฟราอิมโดยการจับฉลาก 21 เมืองที่พวกเขาได้รับ คือ เมืองเชเคมพร้อมกับทุ่งหญ้าในแดนเทือกเขาของเอฟราอิม เมืองของผู้ลี้ภัยสำหรับคนที่ฆ่าบุคคลโดยไม่เจตนา เมืองเกเซอร์พร้อมทุ่งหญ้า 22 เมืองขิบซาอิมพร้อมทุ่งหญ้า เมืองเบธโฮโรนพร้อมทุ่งหญ้า รวมทั้งหมดเป็นสี่เมือง

23 จากเผ่าดาน ตระกูลของโคฮาทได้รับเมืองเอลเทเคพร้อมทุ่งหญ้า เมืองกิบเบโธนพร้อมทุ่งหญ้า 24 อัยยาโลนพร้อมทุ่งหญ้าและ กัทริมโมนพร้อมทุ่งหญ้า รวมสี่เมืองด้วยกัน 25 จากครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ ตระกูลของโคฮาทได้รับเมืองทาอานาคพร้อมทุ่งหญ้า และกัทริมโมนพร้อมทุ่งหญ้า รวมเป็นสองเมือง 26 มีเมืองสิบเมืองในทั้งหมดสำหรับคนในตระกูลโคฮาทที่เหลืออยู่ พร้อมทุ่งหญ้าของเมืองเหล่านั้น

27 จากครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ ให้แก่คนเกอร์โชน คนเหล่านี้เป็นตระกูลหนึ่งของคนเลวี และพวกเขาได้ให้โกลานในบาชานพร้อมทุ่งหญ้า เมืองผู้ลี้ภัยสำหรับผู้ที่ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา และมีเมืองเบเอชเทราห์พร้อมทุ่งหญ้า รวมทั้งหมดสองเมือง 28 ตระกูลเกอร์โชน พวกเขาได้มอบคีชิโอนจากเผ่าอิสสาคาร์พร้อมทุ่งหญ้า ดาเบรัทพร้อมทั้งทุ่งหญ้า 29 ยารมูทพร้อมทุ่งหญ้า และเอนกันนิมพร้อมทุ่งหญ้า รวมสี่เมือง

30 จากเผ่าอาเชอร์ พวกเขาได้ให้เมืองมิชอาลพร้อมทุ่งหญ้า อับโดนพร้อมทุ่งหญ้า 31 เมืองเฮลขัดพร้อมทุ่งหญ้า เมืองเรโหบพร้อมทุ่งหญ้ารวมสี่เมือง 32 จากเผ่านัฟทาลีพวกเขาได้ให้ตระกูลเกอร์โชน เมืองเคเดชในกาลิลีพร้อมทุ่งหญ้า เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ได้ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา เมืองฮัมโมทโดร์พร้อมทุ่งหญ้า และเมืองคารทานพร้อมทุ่งหญ้า รวมทั้งหมดสามเมือง

33 มีเมืองต่างๆ สิบสามเมืองที่เป็นคนเกอร์โชน รวมทั้งทุ่งหญ้าของพวกเขา 34 พวกเผ่าเลวีที่เหลือ ตระกูลเมรารี ได้รับมอบของเผ่าเศบูลุน มีเมืองโยกเนอัมพร้อมทุ่งหญ้า เมืองคารทาห์พร้อมทุ่งหญ้า 35 เมืองดิมนาห์พร้อมทุ่งหญ้า และเมืองนาหะลาลพร้อมทุ่งหญ้า รวมทั้งหมดสี่เมือง

36 ตระกูลเมรารีได้รับจากเผ่ารูเบน คือ เมืองเบเซอร์พร้อมทุ่งหญ้า เมืองยาหาสพร้อมทุ่งหญ้า 37 เมืองเคเดโมทพร้อมทุ่งหญ้า และเมืองเมฟาอาทพร้อมทุ่งหญ้า รวมสี่เมือง 38 จากเผ่ากาดมีเมืองราโมทในกิเลอาดพร้อมทุ่งหญ้า เมืองลี้ภัยสำหรับใครก็ตามที่ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา และเมืองมาหะนาอิมพร้อมทุ่งหญ้า 39 ตระกูลของคนเมรารีได้รับเมืองเฮชโบนพร้อมทุ่งหญ้า และเมืองยาเซอร์พร้อมทุ่งหญ้า รวมทั้งหมดสี่เมือง

40 ทั้งหมดนี้ เมืองต่างๆ ที่เป็นของตระกูลหลายตระกูลของคนเมรารี ซึ่งมาจากตระกูลของเผ่าคนเลวี มีสิบสองเมืองที่ได้มอบให้พวกเขาโดยการจับฉลาก 41 เมืองต่างๆ ของคนเลวี ซึ่งอยู่ท่ามกลางกรรมสิทธิ์ของประชาชนอิสราเอลนั้น รวมทั้งหมดมีสี่สิบแปดเมือง พร้อมทุ่งหญ้าทุกเมือง 42 เมืองเหล่านี้แต่ละเมืองมีทุ่งหญ้าล้อมรอบทุกเมือง โดยวิธีนี้กับเมืองเหล่านี้ทุกเมือง

43 ดังนั้น พระยาห์เวห์ได้ประทานแผ่นดินให้อิสราเอลตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาว่าจะให้แก่บรรพบุรุษของพวกเขา พวกอิสราเอลได้ยึดแล้วก็เข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น 44 แล้วพระยาห์เวห์ได้ประทานให้พวกเขามีความสงบอยู่ทุกด้าน ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ไม่มีศัตรูของพวกเขาสักคนเดียวที่ต่อสู้พวกเขาได้ พระยาห์เวห์ได้ทรงมอบศัตรูของพวกเขาให้อยู่ในกำมือของเขาทั้งหมด 45 ไม่มีสักสิ่งท่ามกลางพระสัญญาอันประเสริฐทุกอย่างซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงตรัสต่ออิสราเอลจะล้มเหลวจากความจริง ทุกสิ่งเป็นจริงทั้งสิ้น

22

1 ในเวลานั้นโยชูวาได้เรียกคนรูเบน คนกาด คนมนัสเสห์ครึ่งเผ่ามา 2 เขาได้กล่าวกับพวกเขาว่า "ท่านทั้งหลายได้ทำทุกอย่างซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้บัญชาท่านไว้ ท่านได้เชื่อฟังเสียงของข้าพเจ้าที่ได้ออกคำสั่งท่าน 3 พวกท่านไม่ได้ทอดทิ้งพี่น้องของท่านเป็นเวลานานมาแล้วจนถึงเวลานี้ และท่านทำหน้าที่สำเร็จตามที่กำหนดไว้โดยพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

4 บัดนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้โปรดให้พี่น้องของท่านหยุดพักแล้ว ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับพวกเขา ดังนั้น พวกท่านจงกลับบ้านของท่านเถิด ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้มอบให้พวกท่านที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนนั้น 5 เพียงแต่จงระวังให้ดีที่จะปฏิบัติพระบัญญัติและกฎหมายที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้บัญชาท่านไว้แล้ว ให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้เดินในพระมรรคาของพระองค์ทุกทาง และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ และยึดมั่นอยู่กับพระองค์ และนมัสการพระองค์ด้วยสุดใจและด้วยวิญญาณจิตทั้งสิ้นของท่าน" 6 ดังนั้น โยชูวาได้อวยพรพวกเขาและส่งพวกเขากลับไป และพวกเขาก็ได้กลับไปที่เต็นท์ของพวกเขา

7 บัดนี้ คนมนัสเสห์ครึ่งเผ่านั้น โมเสสได้มอบกรรมสิทธิ์ให้เขาในบาชาน แต่อีกครึ่งเผ่านั้นโยชูวามอบกรรมสิทธิ์ให้พวกเขามีที่ข้างเคียงกับพี่น้องของพวกเขาในแผ่นดินฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน โยชูวาส่งพวกเขากลับไปที่เต็นท์ของพวกเขา ท่านได้อวยพรพวกเขา 8 และกล่าวกับพวกเขาว่า "จงกลับไปเต็นท์ของพวกท่านพร้อมกับเงินมากมาย และฝูงปศุสัตว์มากมาย และพร้อมด้วยเงิน และทองคำ และพร้อมด้วยทองสัมฤทธิ์และเหล็ก และเสื้อผ้าอีกมากมาย จงแบ่งของที่ได้ริบมาจากศัตรูของท่านให้พี่น้องของท่าน" 9 ดังนั้น ลูกหลานของคนรูเบน ลูกหลานของคนกาด และครึ่งเผ่าของคนมนัสเสห์จึงได้กลับบ้าน ได้จากประชาชนอิสราเอลที่ชิโลห์ซึ่งอยู่ในแผ่นดินคานาอัน พวกเขาได้จากไปยังแผ่นดินกิเลอาด ไปยังแผ่นดินของพวกเขาเอง ซึ่งพวกเขาได้เป็นกรรมสิทธิ์ในการเชื่อฟังตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ผ่านทางโมเสส

10 เมื่อพวกเขามาถึงแม่น้ำจอร์แดนในแผ่นดินคานาอัน คนรูเบน และคนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาข้างแม่น้ำจอร์แดน เป็นแท่นขนาดใหญ่และดูเด่น 11 ประชาชนอิสราเอลได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ และกล่าวว่า "จงดูเถิด พวกประชาชนคนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาที่หน้าแผ่นดินของคานาอัน ที่เกลิโลท ในดินแดนใกล้แม่น้ำจอร์แดน บนฝั่งที่เป็นของประชาชนอิสราเอล" 12 เมื่อประชาชนอิสราเอลได้ยินเช่นนั้น ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดก็ไปรวมกันที่เมืองชิโลห์ เพื่อจะขึ้นไปทำสงครามกับพวกเขา

13 แล้วประชาชนอิสราเอลได้ส่งพวกผู้สื่อสารไปหาคนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าในแผ่นดินกิเลอาด พวกเขาได้ส่งฟีเนหัสบุตรชายของเอเลอาซาร์ปุโรหิต 14 และพร้อมด้วยผู้นำสิบคน หนึ่งคนจากแต่ละครอบครัวดั้งเดิมของอิสราเอล และทุกคนในพวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลในประชาชนอิสราเอล 15 พวกเขาได้มาหาประชาชนคนรูเบน คนกาดและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ ในแผ่นดินของกิเลอาด และพูดกับพวกเขาว่า

16 "ชุมนุมชนทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์กล่าวดังนี้ว่า 'พวกท่านได้ทำการทรยศต่อพระเจ้าของอิสราเอลเช่นนี้ได้อย่างไร ในการที่ท่านได้หันกลับจากการติดตามพระยาห์เวห์ โดยสร้างแท่นบูชาสำหรับพวกท่านในวันนี้ในการกบฎต่อพระยาห์เวห์ ? 17 บาปซึ่งเราได้ทำที่เมืองเปโอร์นั้นยังไม่พอหรือ ? จนถึงทุกวันนี้ เรายังไม่อาจชำระตัวของเราให้สะอาดได้ เพราะบาปนั้นได้ทำให้เกิดภัยพิบัติแก่ชุมนุมชนของพระยาห์เวห์ 18 พวกท่านจะหันไปเสียจากการติดตามพระยาห์เวห์ในวันนี้อีกหรือ ? ถ้าพวกท่านกบฎต่อพระยาห์เวห์วันนี้ พระองค์จะกริ้วต่อชุมนุมชนของอิสราเอลในวันพรุ่งนี้

19 ถ้าแผ่นดินในกรรมสิทธิ์ของท่านเป็นมลทิน แล้วท่านควรข้ามไปยังแผ่นดินที่พลับพลาของพระยาห์เวห์ได้ตั้งอยู่ และถือกรรมสิทธิ์สำหรับพวกท่านท่ามกลางพวกเราเถิด ขอแต่เพียงอย่ากบฎต่อพระยาห์เวห์หรือกบฎต่อเรา โดยการสร้างแท่นบูชาสำหรับตัวท่านนอกจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา 20 อาคานบุตรชายของเศลาห์ได้ทำลายความเชื่อในเรื่องของสิ่งเหล่านั้นที่ต้องสงวนไว้สำหรับพระเจ้ามิใช่หรือ ? พระพิโรธไม่ได้ตกอยู่กับประชาชนอิสราเอลทั้งหมดหรือ ? ชายคนนั้นไม่ได้ตายคนเดียวในการทำผิดของเขา"'

21 ขณะนั้นคนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าตอบผู้นำของตระกูลอิสราเอลว่า 22 "พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระองค์ทรงทราบ และทรงให้อิสราเอลทราบด้วยเถิด ถ้านี่เป็นการกบฎหรือทรยศต่อพระยาห์เวห์ 23 ก็อย่าไว้ชีวิตพวกเราในวันนี้เลยสำหรับการที่ได้สร้างแท่นบูชาเพื่อที่พวกเราจะได้หันไปจากการติดตามพระยาห์เวห์ ถ้าพวกเราสร้างแท่นบูชานั้นเพื่อจะถวายเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา หรือถวายสันติบูชา ดังนั้นขอให้พระยาห์เวห์ให้พวกเรารับผิดเถิด 24 แต่เปล่าเลย พวกเราได้สร้างไว้เพราะเกรงว่าในเวลาต่อไปภายหน้า ลูกหลานของท่านอาจจะกล่าวต่อลูกหลานของพวกเราว่า 'พวกเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ?

25 เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้แม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดนระหว่างพวกเรากับพวกท่าน พวกท่านประชาชนรูเบน และประชาชนกาด พวกท่านไม่มีส่วนในพระยาห์เวห์ ' ดังนั้น ลูกหลานของพวกท่านก็อาจจะทำให้ลูกหลานของพวกเราหยุดนมัสการพระยาห์เวห์ 26 ดังนั้น เราจึงกล่าวว่า 'ให้เราสร้างแท่นบูชาตอนนี้เถิด ไม่ใช่เพื่อเครื่องเผาบูชา ไม่ใช่สำหรับการถวายเครื่องบูชาใดๆ 27 แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างพวกเรากับพวกท่าน และระหว่างคนชั่วอายุต่อจากพวกเรา ว่าเราจะทำการปรนนิบัติพระยาห์เวห์เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยเครื่องเผาบูชาและด้วยการถวายบูชาและด้วยการถวายสันติบูชา เพื่อลูกหลานของพวกท่านจะไม่กล่าวแก่ลูกหลานของพวกเราในเวลาข้างหน้าว่า "พวกท่านไม่มีส่วนในพระยาห์เวห์"'

28 ดังนั้น เราได้กล่าวว่า 'ถ้ามีการพูดเช่นนี้กับเรา หรือกับลูกหลานของเราในวันข้างหน้า เราก็จะกล่าวว่า "จงดูสิ นั่นเป็นแท่นจำลองของแท่นแห่งพระยาห์เวห์ ซึ่งบรรพชนของเราทำไว้ มิใช่เพื่อถวายเครื่องเผาบูชา หรือมิใช่เพื่อถวายเครื่องสัตวบูชา แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างเรากับพวกท่าน" 29 ขอให้เรื่องนี้ห่างจากเราเถิดที่เราจะกบฎต่อพระยาห์เวห์ และวันนี้ ที่จะหันจากการติดตามพระยาห์เวห์โดยการสร้างแท่นบูชาอื่นสำหรับเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา หรือสัตวบูชา นอกจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าพลับพลาของพระองค์ "' 30 เมื่อฟีเนหัสปุโรหิตและพวกผู้นำของประชาชนอิสราเอล คือบรรดาหัวหน้าตระกูลต่างๆ ของอิสราเอลที่อยู่ด้วยกันกับเขานั้นได้ยินถ้อยคำที่ประชาชนเผ่ารูเบน ประชาชนเผ่ากาด และประชาชนเผ่ามนัสเสห์กล่าว ก็เห็นว่าดีในสายตาของพวกเขา 31 ฟีเนหัสบุตรของเอเลอาซาร์ปุโรหิตจึงได้กล่าวต่อประชาชนเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่ามนัสเสห์ว่า "ในวันนี้เราทราบแล้วว่าพระยาห์เวห์สถิตท่ามกลางพวกเรา เพราะว่าพวกท่านไม่ได้ทำการทรยศนี้ต่อพระองค์ บัดนี้พวกท่านได้ช่วยกู้ประชาชนอิสราเอลพ้นจากพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์"

32 แล้วฟีเนหัสบุตรชายของเอเลอาซาร์ปุโรหิต และพวกผู้นำก็กลับจากคนรูเบนและคนกาด จากแผ่นดินกิเลอาดไปยังแผ่นดินคานาอัน ไปหาประชาชนอิสราเอลและนำคำกล่าวกลับไปยัพวกเขา 33 รายงานของพวกเขาดีในสายตาของประชาชนอิสราเอล ประชาชนอิสราเอลก็สรรเสริญพระเจ้าและไม่พูดถึงเรื่องที่จะทำสงครามกับคนรูเบนและคนกาด เพื่อทำลายแผ่นดินซึ่งพวกเขาได้อาศัยอยู่นั้น 34 คนรูเบนและคนกาดเรียกแท่นนั้นว่า "พยาน" เพราะพวกเขาได้กล่าวว่า "แท่นนั้นเป็นพยานระหว่างเราว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า"

23

1 ภายหลังอีกหลายปี เมื่อพระยาห์เวห์ได้ประทานความสงบแก่อิสราเอลจากพวกศัตรูทั้งหมดของพวกเขาที่ล้อมรอบพวกเขา และโยชูวาก็แก่และมีอายุมาก 2 โยชูวาก็ได้เรียกประชาชนอิสราเอลทั้งหมด ทั้งพวกผู้ใหญ่ พวกผู้นำ พวกผู้พิพากษาและบรรดาเจ้าหน้าที่ และเขาได้กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า "ข้าพเจ้าแก่มากแล้ว 3 พวกท่านได้เห็นทุกสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงกระทำต่อประชาชาติเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อเห็นแก่พวกท่าน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทรงสู้รบเพื่อพวกท่าน

4 จงดูเถิด ข้าพเจ้าได้มอบประชาชาติต่างๆ ที่เหลืออยู่เพื่อได้ยึดครองให้เป็นมรดกแก่เผ่าต่างๆ ของพวกท่าน รวมทั้งประชาชาติทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำลายเสีย ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลใหญ่ทางทิศตะวันตก 5 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะทรงขับไล่พวกเขาออกไป พระองค์จะทรงผลักดันพวกเขาออกไปให้พ้นสายตาของพวกท่าน พระองค์จะทรงยึดแผ่นดินของพวกเขา และพวกท่านจะได้ยึดครองแผ่นดินของพวกเขา ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงสัญญาไว้ต่อพวกท่าน 6 ดังนั้นจงเข้มแข็งไว้ให้มาก เพื่อที่พวกท่านจะรักษาและทำตามทุกสิ่งซึ่งเขียนไว้ในหนังสือพระบัญญัติของโมเสส อย่าหันเหไปไม่ว่าไปทางขวาหรือทางซ้ายก็ตาม

7 ดังนั้นพวกท่านจะต้องไม่สมาคมกับประชาชาติเหล่านี้ที่ยังคงเหลืออยู่ท่ามกลางพวกท่านหรือออกชื่อพระต่างๆ ของพวกเขา สาบานในนามพระเหล่านั้น หรือนมัสการหรือกราบพระเหล่านั้น 8 แต่พวกท่านจงยึดมั่นอยู่กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ดังที่ได้ทำอยู่จนถึงวันนี้ 9 เพราะว่าพระยาห์เวห์ได้ทรงขับไล่ประชาชาติที่ใหญ่โตและเข้มแข็งออกไปต่อหน้าพวกท่าน ส่วนพวกท่านเอง ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถต่อสู้พวกท่านได้จนถึงวันนี้ 10 เพียงคนเดียวในพวกท่านก็จะขับไล่พันคนให้หนีไปได้ เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านคือผู้นั้นที่ทรงสู้รบเพื่อพวกท่าน ดังที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แล้ว

11 จงให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพื่อที่พวกท่านจะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 12 แต่ถ้าพวกท่านหันกลับและผูกพันกับคนที่มีชีวิตรอดของประชาชาติเหล่านี้ที่เหลืออยู่ท่ามกลางพวกท่าน หรือถ้าพวกท่านผูกสัมพันธ์โดยการแต่งงานกับพวกเขาหรือถ้าพวกท่านมากับพวกเขาและพวกเขามากับท่าน 13 แล้วจงทราบแน่เถิดว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะไม่ทรงขับไล่ประชาชาติเหล่านี้ออกไปให้พ้นจากพวกท่านอีก แต่พวกเขาจะเป็นบ่วงและเป็นกับดักสำหรับพวกท่าน เป็นแส้หวดหลังพวกท่าน เป็นหนามทิ่มตาของพวกท่าน จนกว่าพวกท่านจะพินาศไปจากแผ่นดินที่ดีนี้ ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ประทานให้แก่พวกท่าน

14 บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังจะเป็นไปตามทางของโลกแล้วและพวกท่านได้ทราบด้วยสุดจิตและสุดใจของพวกท่านแล้วว่าไม่มีคำพูดแม้แต่คำเดียวที่ได้ล้มเหลวจากความเป็นจริงในสิ่งดีทุกสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงสัญญาเกี่ยวกับพวกท่าน สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้สำเร็จเพื่อพวกท่าน ไม่มีสักสิ่งเดียวที่ล้มเหลว 15 แต่สิ่งดีซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่ได้สัญญากับพวกท่านได้สำเร็จทุกอย่าง ดังนั้นพระยาห์เวห์ก็จะทรงนำสิ่งที่ร้ายทุกอย่างมาถึงท่านจนกว่าพระองค์จะได้ทรงทำลายพวกท่านจากแผ่นดินอันดีนี้ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ประทานแก่พวกท่าน 16 ถ้าท่านทั้งหลายทำผิดพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ซึ่งพระองค์ทรงทรงบัญชาท่านไว้ ถ้าพวกท่านไปนมัสการพระอื่น ๆ และกราบลงนมัสการพระเหล่านั้น แล้วพระพิโรธของพระยาห์เวห์จะพลุ่งขึ้นต่อพวกท่าน และพวกท่านจะพินาศไปอย่างรวดเร็วจากแผ่นดินที่ดีซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่พวกท่าน"

24

1 แล้วโยชูวาก็ได้รวบรวมบรรดาเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลมาที่เมืองเชเคม และได้เรียกพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล พวกผู้นำของพวกเขา พวกผู้พิพากษาของพวกเขาและเจ้าหน้าที่ของพวกเขา และพวกเขาก็มาแสดงตัวเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า 2 โยชูวาได้กล่าวกับประชาชนทั้งสิ้นว่า "นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลได้ตรัส ' บรรพบุรุษของพวกเจ้านานมาแล้วได้ใช้ชีวิตอยู่ฟากโน้นของแม่น้ำยูเฟรติส คือ เท- ราห์ บิดาของอับราฮัมและบิดาของนาโฮร์ และพวกเขานมัสการพระอื่นๆ 3 แต่เราได้นำบิดาของพวกเจ้ามาจากฟากโน้นของยูเฟรติสและได้นำเขามายังแผ่นดินคานาอันและได้ให้เขามีลูกหลานมากมายโดยทางบุตรชายของเขาคืออิสอัค

4 แล้วเราได้ให้ยาโคบและเอซาวแก่อิสอัค เราได้ให้แดนเทือกเขาเสอีร์แก่เอซาวเป็นกรรมสิทธิ์ แต่ยาโคบและลูกหลานของเขาได้ลงไปอียิปต์ 5 เราได้ส่งโมเสสและอาโรน และเราได้ทรมานชาวอียิปต์ด้วยภัยพิบัติ หลังจากนั้น เราได้นำพวกเจ้าออกมา 6 เราได้นำบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์ และพวกเจ้าก็ได้มาถึงทะเล พวกอียิปต์ได้ติดตามพวกเขาด้วยเหล่ารถศึกและพลม้าจนมาถึงทะเลต้นกก

7 เมื่อบรรพบุรุษของพวกเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์ พระองค์ก็ทรงบันดาลให้ความมืดเกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้ากับชาวอียิปต์ พระองค์ทรงทำให้ทะเลมาเหนือพวกเขาและท่วมพวกเขา พวกเจ้าได้เห็นสิ่งที่เราได้ทำในอียิปต์ แล้วพวกเจ้าก็ได้อยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลานาน 8 เราได้นำพวกเจ้ามาถึงแผ่นดินของคนอาโมไรต์ ผู้ที่ได้อาศัยอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาสู้รบกับพวกเจ้า และเราได้มอบพวกเขาไว้ในมือของพวกเจ้า พวกเจ้าก็ยึดครองแผ่นดินของพวกเขา และเราก็ได้ทำลายพวกเขาต่อหน้าพวกเจ้า 9 แล้วบาลาคบุตรชายของศิปโปร์ กษัตริย์ของโมอับได้ลุกขึ้นและได้โจมตีอิสราเอล เขาใช้ให้ไปเรียกบาลาอัมบุตรชายของเบโอร์ให้มาแช่งพวกเจ้า

10 แต่เราไม่ได้ฟังบาลาอัม ที่จริงแล้วเขาได้อวยพรพวกเจ้า ดังนั้นเราได้ช่วยพวกเจ้าให้พ้นมือของเขา 11 พวกเจ้าได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาที่เมืองเยรีโค พวกผู้นำของเยรีโคได้ต่อสู้กับพวกเจ้า รวมทั้งคนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนเกอร์กาชี คนฮีไวต์ และคนเยบุส เราได้มอบชัยชนะเหนือพวกเขาให้พวกเจ้าและให้พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเจ้า 12 เราได้ส่งฝูงต่อไปข้างหน้าพวกเจ้า ซึ่งได้ไล่พวกเขาและกษัตริย์สองพระองค์ของคนอาโมไรต์ออกไปต่อหน้าพวกเจ้า มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโดยดาบหรือโดยลูกธนูของพวกเจ้าเลย 13 เราได้มอบแผ่นดินซึ่งพวกเจ้าไม่ได้เหนื่อยกายและเมืองต่างๆ ที่พวกเจ้าไม่ได้สร้าง และบัดนี้พวกเจ้าได้เข้าอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้น พวกเจ้าได้กินผลไม้จากสวนองุ่นและสวนมะกอกที่พวกเจ้าไม่ได้ปลูก'

14 บัดนี้ จงยำเกรงพระยาห์เวห์และนมัสการพระองค์ด้วยความจริงใจและด้วยความซื่อสัตย์ จงละทิ้งพระเหล่านั้นซึ่งบรรพบุรุษของพวกท่านได้นมัสการที่อีกฟากหนึ่งของของแม่น้ำยูเฟรติสและอียิปต์เสีย และจงนมัสการพระยาห์เวห์ 15 และถ้าพวกท่านเห็นว่าผิดในสายตาของพวกท่านในการที่พวกท่านจะนมัสการพระยาห์เวห์ ท่านก็จงเลือกเอาในวันนี้ว่าพวกท่านจะปรนนิบัติใคร จะปรนนิบัติบรรดาพระต่างๆ ซึ่งบรรพบุรุษของท่านได้ปรนนิบัติอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส หรือบรรดาพระของคนอาโมไรต์ในแผ่นดินซึ่งท่านอาศัยอยู่ แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะนมัสการพระยาห์เวห์" 16 พวกประชาชนได้ตอบและได้กล่าวว่า "พวกเราจะไม่ละทิ้งพระยาห์เวห์ไปปรนนิบัติพระอื่นๆ 17 เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราผู้ที่ได้นำเราและบรรพบุรุษของพวกเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากเรือนทาส และผู้ได้ทรงกระทำหมายสำคัญยิ่งใหญ่ในสายตาของพวกเรา และผู้ทรงคุ้มครองเราตลอดทางที่เราได้เดินไป และท่ามกลางชนชาติทั้งหลายซึ่งเราได้ผ่านไป

18 แล้วพระยาห์เวห์ได้ทรงขับไล่ประชาชนทั้งหมดนั้นออกไปต่อหน้าพวกเรา รวมทั้งคนอาโมไรต์ ซึ่งได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น ดังนั้นพวกเราจะนมัสการพระยาห์เวห์ด้วย เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเรา" 19 แต่โยชูวาได้กล่าวแก่ประชาชนว่า "พวกท่านไม่สามารถปรนนิบัติพระยาห์เวห์ เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน พระองค์จะไม่ทรงอภัยการทรยศหรือบาปของพวกท่าน 20 ถ้าท่านทั้งหลายละทิ้งพระยาห์เวห์และไปนมัสการเหล่าพระของคนต่างชาติ แล้วพระองค์จะทรงหันกลับและทำร้ายพวกท่าน พระองค์จะเผาผลาญท่าน หลังจากที่พระองค์ได้ทรงทำดีต่อท่านมาแล้ว"

21 แต่ประชาชนได้กล่าวกับโยชูวาว่า "ไม่ พวกเราจะนมัสการพระยาห์เวห์" 22 แล้วโยชูวาได้กล่าวกับประชาชนว่า "พวกท่านเป็นพยานปรักปรำตนเองว่า ท่านได้เลือกพระยาห์เวห์สำหรับตัวพวกท่านเอง เพื่อนมัสการพระองค์" พวกเขาได้กล่าวว่า "พวกเราเป็นพยาน" 23 "บัดนี้จงทิ้งพระทั้งหลายของคนต่างชาติที่อยู่กับพวกท่าน และหันใจของพวกท่านมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล"

24 ประชาชนได้กล่าวกับโยชูวาว่า "พวกเราจะนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา" พวกเราจะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์" 25 โยชูวาจึงได้ทำพันธสัญญากับประชาชนในวันนั้น และวางกฏเกณฑ์และกฏหมายต่างๆ ที่เมืองเชเคม 26 โยชูวาได้จารึกถ้อยคำเหล่านี้ในหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้า เขาได้เอาก้อนหินใหญ่และตั้งไว้ที่ใต้ต้นโอ๊กที่อยู่ข้างสถานนมัสการของพระยาห์เวห์ 27 โยชูวาได้กล่าวกับประชาชนทั้งปวงว่า " นี่แน่ะ ก้อนหินนี้จะเป็นพยานปรักปรำพวกเรา เพราะมันได้ยินทุกถ้อยคำที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับพวกเรา ดังนั้นมันจะเป็นพยานปรักปรำพวกท่าน หากว่าท่านปฎิเสธพระเจ้าของพวกท่าน" 28 ดังนั้น โยชูวาได้ส่งพวกประชาชนไป ทุกคนก็กลับไปที่มรดกของเขาแต่ละคน

29 ภายหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ โยชูวาบุตรชายของนูนผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ก็สิ้นชีวิต เมื่ออายุได้ 110 ปี 30 พวกเขาก็ฝังเขาไว้ในเขตที่ดินมรดกของเขาที่เมืองทิมนาทเส-ราห์ ซึ่งอยู่ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิมทางเหนือของภูเขากาอัช

31 อิสราเอลก็ได้นมัสการพระยาห์เวห์ตลอดสมัยของโยชูวา และตลอดสมัยของพวกผู้ใหญ่ผู้มีอายุยืนยาวกว่าโยชูวา คนเหล่านั้นที่ได้มีประสบการณ์ทุกสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำเพื่ออิสราเอล 32 กระดูกของโยเซฟซึ่งประชาชนอิสราเอลได้นำออกมาจากอียิปต์ พวกเขาได้ฝังไว้ที่เมืองเชเคม ในส่วนที่ดินซึ่งยาโคบได้ซื้อไว้จากบุตรชายทั้งหลายของฮาโมร์บิดาของเชเคม เขาได้ซื้อมันมาด้วยเงินหนึ่งร้อยแผ่น และมันได้กลายเป็นมรดกสำหรับลูกหลานของโยเซฟ 33 แล้วเอเลอาซาร์บุตรชายของอาโรนก็สิ้นชีวิตด้วย พวกเขาได้ฝังเขาไว้ที่กิเบอาห์ เมืองของฟีเนหัสบุตรชายของเขาซึ่งได้มอบให้กับเขา มันอยู่ในดินแดนเทือกเขาของเอฟราอิม