ไทย (Thai): Unlocked Literal Bible Print

Updated ? hours ago # views See on WACS
2 CHRONICLES
2 CHRONICLES
1

1 ซาโลมอนพระราชโอรสของดาวิดทรงทำให้การปกครองของพระองค์เข้มแข็ง และพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์สถิตกับพระองค์ และทรงทำให้พระองค์มีอำนาจมาก

2 ซาโลมอนตรัสกับอิสราเอลทั้งหมด กับบรรดานายพัน และนายร้อย และผู้วินิจฉัยทั้งกับเจ้านายทุกคนในของอิสราเอลทั้งหมด ผู้เป็นพวกหัวหน้าตระกูลต่างๆ 3 แล้วซาโลมอนกับชุมนุมชนทั้งหมดที่อยู่กับพระองค์ได้ขึ้นไปที่สถานที่สูง ซึ่งอยู่ที่กิเบโอน เพราะที่นั่นมีเต็นท์นัดพบของพระเจ้า ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้สร้างขึ้นในถิ่นทุรกันดาร 4 แต่ดาวิดทรงนำหีบของพระเจ้ามาจากคีริยาทเยอาริมถึงสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้แล้ว เพราะพระองค์ทรงตั้งเต็นท์ไว้ให้ในเยรูซาเล็ม 5 ยิ่งกว่านั้นแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่ทำโดยเบซาเลลบุตรอุรีผู้เป็นบุตรเฮอร์ได้อยู่ที่นั่นต่อหน้าพลับพลาของพระยาห์เวห์ ซาโลมอนกับชุมนุมชนก็ได้ไปยังที่นั่น 6 ซาโลมอนได้ไปยังที่นั่น ที่แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ซึ่งอยู่ที่เต็นท์นัดพบ และถวายเครื่องบูชาเผาหนึ่งพันตัวบนแท่นนั้น

7 ในคืนนั้นพระเจ้าได้ทรงปรากฏแก่ซาโลมอน และตรัสกับพระองค์ว่า "จงขอเถอะว่าเจ้าต้องการให้เราประทานอะไรแก่เจ้า?" 8 ซาโลมอนทูลต่อพระเจ้าว่า "พระองค์ได้สำแดงพันธสัญญาที่สัตย์ซื่อยิ่งใหญ่ต่อดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์ และทรงตั้งให้ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์สืบต่อจากพระองค์ 9 บัดนี้ ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ ขอโปรดให้คำสัญญาของพระองค์ที่มีต่อดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์ดำเนินต่อไป เพราะพระองค์แต่งตั้งข้าพระองค์เป็นกษัตริย์เหนือประชาชนจำนวนมากมายเหมือนผงคลีของแผ่นดินโลก 10 บัดนี้ขอโปรดประทานสติปัญญาและความรู้ เพื่อข้าพระองค์จะสามารถนำชนชาตินี้ เพราะใครจะสามารถตัดสินประชาชนของพระองค์ที่มีจำนวนมากมายนี้ได้?"

11 พระเจ้าตรัสแก่ซาโลมอนว่า "เพราะนี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของเจ้า และเจ้าไม่ได้ขอเพื่อความร่ำรวย ความมั่งคั่ง หรือเกียรติยศชื่อเสียง หรือเพื่อชีวิตของผู้ที่เกลียดเจ้า หรือชีวิตที่ยืนยาวสำหรับตนเอง แต่กลับได้ขอสติปัญญาและความรู้เพื่อตัวของเจ้าเอง เพื่อที่เจ้าจะสามารถปกครองประชาชนของเรา เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา และนี่คือสิ่งที่เราจะกระทำ 12 บัดนี้เราจะประทานสติปัญญา และความรู้แก่เจ้า เราจะประทานความร่ำรวย ความมั่งคั่ง และเกียรติยศชื่อเสียงอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดก่อนเจ้ามี และไม่มีกษัตริย์องค์ใดที่มาภายหลังเจ้าจะมี" 13 ดังนั้นซาโลมอนจึงเข้ามายังเยรูซาเล็ม จากสถานที่สูงที่กิเบโอน จากหน้าเต็นท์นัดพบ พระองค์ทรงปกครองเหนืออิสราเอล

14 ซาโลมอนทรงสะสมรถม้าศึก และทหารม้า และพระองค์ทรงมีรถม้าศึก 1,400 คัน และทหารม้าหนึ่งหมื่นสองพันคน ซึ่งพระองค์ทรงให้ประจำอยู่ที่บรรดาเมืองรถม้าศึก และอยู่กับพระองค์ กษัตริย์ในเยรูซาเล็ม 15 กษัตริย์ทรงทำให้เงินและทองคำเป็นสิ่งของทั่วๆ ไปในเยรูซาเล็มเป็นเหมือนพวกก้อนหิน และพระองค์ทรงทำให้ไม้สนสีดาร์เป็นต้นไม้ทั่วๆไปเหมือนกับชิคโคมอร์ที่ขึ้นในที่ลุ่ม 16 มีการนำม้าทั้งหลายเข้ามาจากอียิปต์และเมืองคูเอเพื่อซาโลมอน พวกพ่อค้าของพระองค์ได้นำมาจากเมืองคูเอตามราคา 17 พวกเขานำรถม้าศึกเข้ามาจากอียิปต์ราคาเป็นเงินคันละหกร้อยเชเขล และม้าตัวละ 150 เชเขล พวกเขาก็ส่งออกพวกมันไปยังบรรดากษัตริย์ของคนฮิตไทต์ และบรรดากษัตริย์ของคนอารัม

2

1 บัดนี้ซาโลมอนมีพระบัญชาที่จะสร้างพระนิเวศเพื่อพระนามของพระยาห์เวห์ และสร้างพระราชวังเพื่ออาณาจักรของพระองค์ 2 ซาโลมอนทรงกำหนดให้ พวกผู้ชายเจ็ดหมื่นคนเป็นแรงงานขนของ และให้พวกผู้ชายแปดหมื่นคนเป็นคนตัดไม้ที่บริเวณเทือกเขา และให้พวกผู้ชาย 3,600 คนเป็นผู้ควบคุมเขาทั้งหลาย 3 ซาโลมอนทรงส่งราชสารไปยังฮีรามกษัตริย์เมืองไทระว่า “ท่านได้ทำกิจการกับดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าคือการส่งไม้สนสีดาร์ให้พระองค์เพื่อสร้างพระราชวังที่ประทับอย่างไร ขอท่านทำกับข้าพเจ้าอย่างนั้นด้วย

4 ดูเถิด ข้าพเจ้ากำลังจะสร้างพระนิเวศ เพื่อพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า เพื่อมอบถวายแด่พระองค์ต่างหากเพื่อเผาเครื่องหอมเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เพื่อตั้งขนมปังที่ถวายเป็นประจำ และเพื่อถวายเครื่องเผาบูชาในตอนเช้าและตอนเย็นในวันสะบาโต และวันข้างขึ้น และในวันเทศกาลเลี้ยงที่กำหนดไว้เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ซึ่งเป็นกฎสำหรับอิสราเอลตลอดไป 5 พระนิเวศซึ่งข้าพเจ้าจะสร้างนั้นใหญ่โตมาก เพราะว่าพระเจ้าของเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าพระอื่นๆ ทั้งหมด 6 แต่ใครเล่าที่จะสามารถสร้างพระนิเวศสำหรับพระเจ้าได้ ในเมื่อจักรวาลทั้งหมดหรือแม้แต่ฟ้าสวรรค์เองก็ยังรับรองพระองค์ไว้ไม่ได้? ข้าพเจ้าเป็นใครที่จะสร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ นอกจากจะเผาเครื่องบูชาถวายเฉพาะพระพักตร์พระองค์เท่านั้น?

7 ดังนั้นขอส่งชายคนหนึ่งผู้ที่ชำนาญงานในเรื่องทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก และชำนาญในเรื่องผ้าสีม่วง ผ้าสีแดงเข้ม และขนสัตว์สีฟ้า ผู้ชายคนหนึ่งผู้ที่รู้เรื่องในการแกะสลักไม้ทั้งสิ้น เขาจะอยู่กับบรรดาช่างฝีมือที่อยู่กับข้าพเจ้าในยูดาห์และในเยรูซาเล็ม ผู้ซึ่งดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าได้จัดหาไว้ 8 ขอให้ท่านส่งไม้สนสีดาร์ ไม้สนสามใบ และไม้ประดู่จากเลบานอนให้ข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้าเข้าใจว่าข้าราชการของท่านเชี่ยวชาญการตัดไม้ในเลบานอน ดูเถิด ข้าราชการทั้งหลายของข้าพเจ้าจะทำงานกับข้าราชการทั้งหลายของท่าน 9 เพื่อจัดเตรียมไม้ให้ข้าพเจ้ามากๆ เพราะว่าพระนิเวศที่ข้าพเจ้าจะสร้างนี้จะใหญ่โตและวิจิตรตระการตามาก 10 ดูเถิด ข้าพเจ้าจะให้ข้าวสาลีนวดแล้วสองหมื่นโคระ ข้าวบาร์เลย์สองหมื่นโคระ เหล้าองุ่นสองหมื่นบัท และน้ำมันสองหมื่นบัทแก่พวกข้าราชการของท่านที่จะตัดไม้นั้น”

11 แล้วฮีรามกษัตริย์เมืองไทระทรงตอบเป็นลายพระหัตถ์ ซึ่งพระองค์ทรงส่งไปถึงซาโลมอนว่า “เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงรักประชากรของพระองค์ พระองค์จึงประทานตัวท่านเป็นกษัตริย์เหนือเขาทั้งหลาย” 12 ฮีรามตรัสเพิ่มเติมอีกว่า “สาธุการแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ผู้ประทานโอรสที่ฉลาดคนหนึ่งแก่กษัตริย์ดาวิด ที่กอปรด้วยความเฉลียวฉลาดและความเข้าใจ ผู้ซึ่งจะสร้างพระนิเวศเพื่อพระยาห์เวห์ และจะสร้างพระราชวังเพื่ออาณาจักรของท่านเอง

13 บัดนี้ข้าพเจ้าได้ส่งช่างฝีมือคนหนึ่ง คือฮูรามอับบี ผู้ที่กอปรด้วยความเข้าใจ 14 เขาเป็นบุตรชายของผู้หญิงคนหนึ่งในบรรดาบุตรหญิงของคนเผ่าดาน บิดาของเขาเป็นผู้ชายจากเมืองไทระ เขาเชี่ยวชาญในงานทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก หินและไม้ และงานผ้าสีม่วง ผ้าสีฟ้า และขนสัตว์สีแดงเข้ม และผ้าลินินอย่างดี เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญทำงานแกะสลักทุกชนิด และสร้างตามแบบลวดลายใดๆ ที่กำหนด ขอให้เขาทำงานกับพวกช่างฝีมือของท่าน และกับช่างฝีมือของดาวิดพระราชบิดาของท่านผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า 15 เพราะฉะนั้น เรื่องข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมัน และเหล้าองุ่น ซึ่งเจ้านายของข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ขอท่านได้ส่งสิ่งเหล่านี้ไปให้คนรับใช้ทั้งหลายของเขา 16 เราจะตัดไม้ตามที่ท่านต้องการจากเลบานอน เราจะนำมาให้ท่านด้วยแพในทางทะเลถึงเมืองยัฟฟาและท่านจะได้นำขึ้นไปยังเยรูซาเล็ม”

17 ซาโลมอนทรงนับคนต่างด้าวทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอล ตามวิธีการที่ดาวิด พระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงนับพวกเขา พวกเขานับได้ว่ามีจำนวน 153,600 คน 18 พระองค์ทรงกำหนดให้เจ็ดหมื่นคนของพวกเขาเป็นแรงงานขนของ แปดหมื่นคนเป็นคนตัดไม้ในบริเวณเทือกเขาทั้งหลาย และ 3,600 คนเป็นผู้ควบคุมให้ประชาชนทำงาน

3

1 แล้วซาโลมอนทรงเริ่มสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ที่เยรูซาเล็มบนภูเขาโมริยาห์ ที่ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่ดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ พระองค์จัดเตรียมสถานที่ซึ่งดาวิดทรงวางแผนไว้คือที่ลานนวดข้าวของโอรนันคนเยบุส 2 พระองค์ทรงเริ่มสร้างในวันที่สองเดือนที่สองของปีที่สี่แห่งรัชกาลของพระองค์ 3 และนี่เป็นขนาดฐานรากซึ่งซาโลมอนทรงวางเพื่อพระนิเวศของพระเจ้า ด้วยการใช้มาตรวัดแบบศอกโบราณคือยาวหกสิบศอก และกว้างยี่สิบศอก

4 มุขด้านหน้าของพระนิเวศนั้นมีความยาวยี่สิบศอกคู่กับความกว้างของพระนิเวศ และมีความสูงยี่สิบศอกด้วย และซาโลมอนได้ทรงบุด้านในด้วยทองคำบริสุทธิ์ 5 พระองค์ทรงบุเพดานห้องโถงใหญ่ด้วยไม้สนสามใบ ซึ่งพระองค์ได้บุทับด้วยทองคำเนื้อดี และซึ่งพระองค์ทรงแกะสลักต้นอินทผลัมและลูกโซ่ประดับทั้งหลาย 6 พระองค์ทรงแต่งพระนิเวศด้วยเพชรพลอย ทองคำนั้นเป็นทองคำจากเมืองพารวายิม 7 พระองค์ทรงบุพวกคาน ธรณีประตู ผนัง และประตูด้วยทองคำด้วย พระองค์ทรงสลักรูปเครูบทั้งหลายไว้บนผนังทั้งหลาย

8 พระองค์ทรงสร้างอภิสุทธิสถาน มีความยาวเท่าความกว้างของพระนิเวศ คือยี่สิบศอก และความกว้างเท่ากันคือยี่สิบศอกด้วย พระองค์ทรงบุด้วยทองคำเนื้อดีหนักหกร้อยตะลันต์ 9 ตะปูทองคำหนักห้าสิบเชเขล พระองค์ทรงบุผิวชั้นบนด้วยทองคำ

10 พระองค์ทรงสร้างเครูบไว้สองตนสำหรับอภิสุทธิสถาน ช่างบุเครูบทั้งสองตนด้วยทองคำ 11 พวกปีกของพวกเครูบนั้นกางออกยาวรวมกันยี่สิบศอก ปีกของเครูบตนหนึ่งยาวห้าศอก จดผนังห้อง และปีกอีกข้างหนึ่งยาวเท่ากันคือห้าศอก จดปีกของเครูบอีกตนหนึ่ง 12 ปีกของเครูบอีกตนหนึ่งก็ยาวห้าศอก จดผนังห้อง ปีกอีกข้างหนึ่งก็ยาวห้าศอกด้วย จดปีกของเครูบตนแรก 13 ปีกของเหล่าเครูบนี้กางออกยาวรวมกันยี่สิบศอก พวกเครูบยืนบนเท้าของพวกตนเอง และหันหน้าไปทางห้องโถงใหญ่ 14 พระองค์ทรงทำม่านด้วยผ้าสีฟ้า สีม่วง และขนสัตว์สีแดงเข้ม และผ้าป่านอย่างดี และพระองค์ปักรูปพวกเครูบไว้บนนั้น

15 โซโลมอนทรงสร้างเสาสองต้น แต่ละต้นสูงสามสิบห้าศอก สำหรับข้างหน้าพระนิเวศด้วย หัวเสาแต่ละต้นสูงห้าศอก 16 พระองค์ทรงทำโซ่สำหรับพวกเสาและติดไว้ที่ยอดเสา พระองค์ได้ทรงทำทับทิมหนึ่งร้อยลูกและแขวนไว้ที่โซ่ 17 พระองค์ทรงตั้งพวกเสาไว้หน้าพระวิหารข้างขวาต้นหนึ่ง และข้างซ้ายอีกต้นหนึ่ง พระองค์ทรงตั้งชื่อต้นข้างขวานั้นว่ายาคีน และต้นข้างซ้ายว่า โบอาส

4

1 ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาด้วยทองสัมฤทธิ์ ยาวยี่สิบศอกและกว้างยี่สิบศอก สูงสิบศอก 2 พระองค์ทรงหล่ออ่างทะเลทรงกลมด้วยโลหะหล่อ วัดจากขอบหนึ่งไปถึงอีกขอบหนึ่งได้สิบศอกสูงห้าศอก และวัดโดยรอบอ่างได้สามสิบศอก 3 ใต้อ่างทะเลมีรูปพวกวัวอยู่รอบ โดยมีจำนวนสิบตัวทุกระยะหนึ่งศอกรอบอ่าง วัวเหล่านี้หล่อเป็นชิ้นเดียวกับอ่าง 4 อ่างใหญ่นี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "อ่างทะเล" ตั้งอยู่บนวัวสิบสองตัว สามตัวหันหน้าไปทางทิศเหนือ สามตัวหันหน้าไปทางทิศตะวันตก สามตัวหันหน้าไปทางทิศใต้ และสามตัวหันหน้าไปทางทิศตะวันออก อ่างนี้ตั้งอยู่บนวัวเหล่านี้ และส่วนหลังของวัวทุกตัวอยู่ด้านใน 5 "อ่างทะเลหนาหนึ่งฝ่ามือ ขอบของมันทำเหมือนขอบถ้วย และเหมือนดอกลิลลี่ที่กำลังบาน อ่างนี้บรรจุน้ำได้สามพันบัท 6 พระองค์ยังทรงทำอ่างอีกสิบใบ เพื่อใช้ล้างสิ่งของต่างๆ วางอยู่ด้านขวาห้าใบ และด้านซ้ายห้าใบ คือจะล้างของที่ใช้เป็นเครื่องเผาบูชาในอ่างเหล่านี้ ส่วนอ่างทะเลนั้นให้พวกปุโรหิตใช้ล้างตัวในนั้น

7 พระองค์ทรงสร้างคันประทีปทองคำสิบคันตามที่กำหนดแบบไว้ พระองค์ทรงตั้งไว้ในพระวิหาร ด้านขวาห้าคันและด้านซ้ายห้าคัน 8 พระองค์ทรงสร้างโต๊ะสิบตัว และตั้งไว้ในพระวิหาร ด้านขวาห้าตัว และด้านซ้ายห้าตัว พระองค์ทรงทำชามทองคำหนึ่งร้อยใบ 9 ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงสร้างลานของปุโรหิต และลานใหญ่และประตูทั้งหลายสำหรับลานนั้น และทรงบุประตูเหล่านั้นด้วยทองสัมฤทธิ์ 10 พระองค์ทรงตั้งอ่างทะเลไว้ด้านขวาของพระนิเวศ ในทางทิศตะวันออกหันหน้าไปทางทิศใต้

11 ฮูรามสร้างพวกหม้อ ทัพพี และชามที่ใช้ในการประพรม ดังนั้นฮูรามเสร็จงานที่เขาทำให้กษัตริย์ซาโลมอนในพระนิเวศของพระเจ้าคือ 12 เสาสองต้น มีบัวหัวเสาซึ่งอยู่บนยอดเสาทั้งสอง และตาข่ายสองผืนที่คลุมคิ้วทั้งสองของบัวหัวเสา ซึ่งอยู่บนยอดเสา 13 เขาได้ทำลูกทับทิมสี่ร้อยลูกสำหรับตาข่ายทั้งสองผืน แต่ละผืนมีลูกทับทิมสองแถว เพื่อคลุมทั้งสองของบัวหัวเสา ซึ่งอยู่บนยอดเสา

14 เขาทำแท่นต่างๆ และทำพวกอ่างไว้บนแท่นเหล่านั้น 15 ทั้งยังทำอ่างทะเลใบหนึ่ง ซึ่งมีรูปวัวสิบสองตัวรองรับอยู่ใต้อ่าง 16 มีพวกหม้อ ทัพพี และสามง่ามที่ใช้แทงเนื้อ และเครื่องมือใช้สอยอื่นๆ ด้วย ฮูรามอาบีผู้ชำนาญได้ทำเครื่องใช้ทั้งหมดนี้ด้วยทองสัมฤทธิ์ขัดเงาสำหรับกษัตริย์ซาโลมอน สำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 17 กษัตริย์ทรงหล่อสิ่งเหล่านี้ในที่ราบแม่น้ำจอร์แดน ณ ที่ดินเหนียวระหว่างสุคคทกับเศเรธาน 18 ดังนั้นซาโลมอนได้ทรงสร้างภาชนะเหล่านี้เป็นจำนวนมาก จนไม่สามารถรู้ได้ว่าได้ใช้ทองสัมฤทธิ์ไปน้ำหนักเท่าไร

19 ซาโลมอนทรงทำเครื่องใช้ทั้งหมดที่อยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าคือ แท่นบูชาทองคำด้วย และโต๊ะขนมปังเฉพาะพระพักตร์ที่จะตั้งอยู่ 20 พวกคันประทีปและตะเกียงทั้งหลายที่ถูกออกแบบเพื่อที่จะใช้จุดเบื้องหน้าห้องชั้นใน สิ่งเหล่านี้ได้ถูกทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ 21 และพวกดอกไม้ พวกตะเกียง และพวกคีมทำด้วยทองคำคือทองคำบริสุทธิ์ 22 พวกกรรไกรตัดไส้ตะเกียง ชามอ่าง ช้อน และกระถางไฟทั้งหมดนี้ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ส่วนทางเข้าไปสู่พระนิเวศนั้น ประตูชั้นในทั้งหลายเข้าไปยังอภิสุทธิสถานและประตูทั้งหลายของพระนิเวศ นั่นคือพระวิหารที่ทำด้วยทองคำ

5

1 เมื่อบรรดากิจการทั้งหมดซึ่งซาโลมอนทรงกระทำสำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์สำเร็จ ซาโลมอนทรงนำบรรดาสิ่งของที่ดาวิดพระราชบิดาทรงแยกไว้ต่างหากเพื่อวัตถุประสงค์นี้้เข้ามา รวมทั้งเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องใช้ทั้งหมด พระองค์ทรงเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระเจ้า

2 แล้วซาโลมอนทรงประชุมพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล และบรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆ และพวกผู้นำของครอบครัวทั้งหลายของคนอิสราเอลในเยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์จากนครดาวิดคือเมืองศิโยนมา 3 ผู้ชายทั้งหมดของคนอิสราเอลได้ประชุมกันต่อหน้ากษัตริย์ ณ การเลี้ยงในเดือนที่เจ็ด 4 พวกผู้ใหญ่ทั้งสิ้นของอิสราเอลได้มา และคนเลวีได้ยกหีบ 5 เขาทั้งหลายนำหีบ เต็นท์นัดพบ และเครื่องใช้บริสุทธิ์ทั้งหมดซึ่งอยู่ในเต็นท์นั้นมา บรรดาปุโรหิตผู้ซึ่งเป็นคนเผ่าเลวีได้นำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา

6 กษัตริย์ซาโลมอนและชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดมาอยู่รวมกันต่อหน้าหีบ มีการถวายแกะและวัวมากมายจนไม่สามารถนับจำนวนได้ 7 พวกปุโรหิตนำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์มายังที่ตั้งของหีบ ซึ่งอยู่ในห้องชั้นในของพระนิเวศ มายังอภิสุทธิสถานใต้ปีกทั้งหลายของพวกเครูบ 8 เพราะว่าพวกเครูบนั้นกางปีกทั้งคู่ออกเหนือที่ตั้งของหีบ และพวกเขาคลุมอยู่เหนือหีบและพวกไม้คานที่ใช้ในการยกหีบ 9 พวกคานหามนั้นยาวมาก จนมองเห็นปลายคานหามที่ยาวเลยจากหีบได้จากด้านหน้าของห้องชั้นในสุด แต่ไม่อาจมองเห็นได้จากภายนอก คานหามก็ยังอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้ 10 ภายในหีบไม่มีอะไรนอกจากศิลาสองแผ่นซึ่งโมเสสเก็บไว้ที่นั่น ณ ภูเขาโฮเรบ เมื่อพระยาห์เวห์ได้ทรงทำพันธสัญญากับคนอิสราเอล เมื่อเขาทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

11 เมื่อบรรดาปุโรหิตออกมาจากวิสุทธิสถาน ปุโรหิตทั้งหมดผู้อยู่ที่นั่นได้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ต่อพระยาห์เวห์ ไม่เรียงลำดับตามส่วนของพวกเขา 12 พวกเลวีผู้ที่เป็นพวกนักร้องด้วย พวกเขาทั้งหมด รวมทั้งอาสาฟ เฮมาน เยดูธูน และพวกบุตรชายและพวกพี่น้องของพวกเขา ต่างได้แต่งกายด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด และเล่นฉาบ พิณใหญ่ และพิณเขาคู่ ยืนอยู่ทางตะวันออกของแท่นบูชา พร้อมกับพวกเขาทั้งหลายมีปุโรหิต 120 คนที่เป่าแตร

13 และเมื่อพวกคนเป่าแตรและคณะนักร้องบรรเลงร่วมกัน เพื่อที่จะได้ยินเป็นเสียงเดียวกัน สำหรับสรรเสริญและขอบพระคุณพระยาห์เวห์ พวกเขาร้องขึ้น พร้อมกับเสียงแตรและฉาบและเครื่องดนตรีอื่นๆ และพวกเขาสรรเสริญพระยาห์เวห์ พวกเขาร้องว่า "เพราะพระองค์ดีประเสริฐ เพราะพันธสัญญาที่ซื่อสัตย์ดำรงเป็นนิตย์” แล้วพระนิเวศนั้น คือพระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็เต็มไปด้วยเมฆ 14 พวกปุโรหิตไม่สามารถยืนปรนนิบัติได้เพราะเหตุแห่งเมฆนั้น เพราะพระสิริของพระยาห์เวห์เต็มพระนิเวศของพระองค์

6

1 แล้วซาโลมอนตรัสว่า “พระยาห์เวห์ได้ตรัสว่าพระองค์จะประทับในความมืดทึบ 2 แต่ข้าพระองค์เองได้สร้างพระนิเวศที่โอ่อ่าตระการตา สถานที่เพื่อพระองค์จะประทับอยู่ชั่วนิรันดร์”

3 แล้วกษัตริย์ทรงหันไปรอบๆ และทรงอวยพรชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด ขณะที่ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดกำลังยืนอยู่ 4 พระองค์ตรัสว่า “สาธุการแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ตรัสแก่ดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์และทรงทำให้สำเร็จด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ตรัสว่า 5 ‘ตั้งแต่วันที่เรานำประชาชนของเราออกจากแผ่นดินอียิปต์ เราไม่ได้เลือกเมืองไหนจากเผ่าใดในอิสราเอลที่จะสร้างนิเวศ เพื่อนามของเราจะอยู่ที่นั่น และเราไม่ได้เลือกชายคนไหนให้เป็นเจ้านายเหนืออิสราเอลประชาชนของเรา 6 อย่างไรก็ดี เราเลือกเยรูซาเล็มเพื่อนามของเราจะอยู่ที่นั่น และเราเลือกดาวิดให้อยู่เหนืออิสราเอลประชาชนของเรา’

7 นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในพระทัยของดาวิดพระราชบิดาของเรา ที่จะสร้างพระนิเวศสำหรับพระนามแห่งพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล 8 แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับดาวิดพระราชบิดาของเราว่า ‘เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของเจ้าที่จะสร้างนิเวศสำหรับนามของเรา เจ้าทำดีอยู่แล้วสำหรับเรื่องที่อยู่ในใจของเจ้า 9 อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่ได้สร้างนิเวศนั้น แต่บุตรชายของเจ้าผู้ซึ่งจะเกิดจากเจ้าจะสร้างนิเวศนั้นสำหรับนามของเรา’ 10 พระยาห์เวห์ทรงให้ถ้อยคำที่พระองค์ตรัสนั้นสำเร็จ เพราะเราได้ขึ้นมาแทนดาวิดพระราชบิดาของเรา และเรานั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอล ดังที่พระยาห์เวห์ทรงสัญญาไว้ เราสร้างพระนิเวศสำหรับพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 11 เราได้วางหีบไว้ที่นั่น ซึ่งในนั้นคือพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ ซึ่งพระองค์ทรงทำกับประชาชนอิสราเอล”

12 ซาโลมอนทรงยืนอยู่หน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด และกางพระหัตถ์ของพระองค์ออก 13 เพราะพระองค์ทรงสร้างแท่นทองสัมฤทธิ์ยาวห้าศอก กว้างห้าศอก และสูงสามศอก พระองค์ทรงตั้งไว้กลางลาน พระองค์ทรงยืนอยู่บนแท่นนั้น และทรงคุกเข่าลงต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด และกางพระหัตถ์ของพระองค์ชูไปสู่ท้องฟ้า 14 พระองค์ทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ ทั้งในฟ้าสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยใจทั้งหมดของพวกเขา 15 พระองค์ผู้ทรงรักษาสิ่งที่ทรงสัญญาไว้กับผู้รับใช้ของพระองค์ ดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์ ใช่แล้ว พระองค์ตรัสด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์ และทรงทำให้สำเร็จด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ในวันนี้

16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล บัดนี้ขอทรงรักษาสิ่งที่ทรงสัญญาไว้กับผู้รับใช้ของพระองค์คือดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์ เมื่อพระองค์ตรัสว่า ‘พวกเจ้าจะไม่ขาดผู้ชายในสายตาของเราที่จะนั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอล ถ้าหากพวกเชื้อสายของพวกเจ้าจะดำเนินชีวิตในกฏหมายของเราอย่างระมัดระวัง เหมือนพวกเจ้าได้ดำเนินชีวิตต่อหน้าเรา' 17 พระเจ้าของอิสราเอล บัดนี้ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้พระสัญญาที่พระองค์ได้กระทำกับดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะเป็นความจริง

18 แต่แท้จริงแล้วพระเจ้าจะประทับกับมนุษย์บนแผ่นดินโลกหรือ? ดูสิ จักรวาลทั้งหมด และท้องฟ้าเองยังรองรับพระองค์ไว้ไม่ได้ แล้วพระวิหารนี้ซึ่งข้าพระองค์สร้างขึ้น จะรองรับพระองค์ได้อย่างไร 19 แต่ขอพระองค์พิจารณาคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และคำวิงวอนของเขา ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์ 20 ขอให้พระเนตรของพระองค์ทรงเฝ้าดูพระวิหารนี้ทั้งวันและคืน คือสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาว่าจะตั้งพระนามของพระองค์ไว้ที่นั่น ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ที่อธิษฐานต่อสถานที่นี้ 21 และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และของประชาชนอิสราเอลของพระองค์ เมื่อเขาทั้งหลายอธิษฐานต่อสถานที่นี้ ใช่แล้ว ขอพระองค์เองทรงสดับจากที่ประทับของพระองค์ จากฟ้าสวรรค์ และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว ก็ขอทรงให้อภัย

22 ถ้ามีผู้ชายคนใดทำบาปต่อเพื่อนบ้านของเขา และถูกบังคับให้สัตย์สาบาน และถ้าเขามาและให้สัตย์สาบานต่อหน้าแท่นบูชาในพระนิเวศนี้ 23 ขอพระองค์ทรงสดับจากฟ้าสวรรค์และขอทรงดำเนินการ และขอทรงพิพากษาผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์ โดยลงโทษผู้ทำผิด และให้การกระทำของเขาตกบนศีรษะของเขาเอง และประกาศว่าผู้ชอบธรรมนั้นบริสุทธิ์ เพื่อให้รางวัลกับเขาสำหรับความชอบธรรมของเขา

24 เมื่อประชาชนอิสราเอลของพระองค์พ่ายแพ้ต่อศัตรู เพราะพวกเขาทำบาปต่อพระองค์ ถ้าพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์ และยอมรับพระนามของพระองค์ อธิษฐานและวิงวอนขอการอภัยต่อพระองค์ในพระวิหารนี้ 25 ก็ขอพระองค์ทรงสดับจากฟ้าสวรรค์ และทรงอภัยบาปของอิสราเอลประชาชนของพระองค์คือ ขอทรงนำเขากลับมายังแผ่นดินซึ่งพระองค์ประทานแก่พวกเขาและแก่พวกบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย

26 เมื่อท้องฟ้าถูกปิด และไม่มีฝน เพราะประชาชนได้ทำบาปต่อพระองค์ ถ้าเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อสถานที่นี้ ยอมรับพระนามของพระองค์ และหันกลับจากบาปของพวกเขา เมื่อพระองค์ทรงลงโทษพวกเขา 27 ขอทรงสดับในฟ้าสวรรค์และทรงอภัยบาปของพวกผู้รับใช้ของพระองค์และของอิสราเอลประชาชนของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงนำพวกเขาไปในทางที่ดีซึ่งพวกเขาควรจะเดินไป ขอทรงประทานฝนบนแผ่นดินของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงประทานให้เป็นมรดกแก่ประชาชนของพระองค์

28 ถ้ามีการกันดารอาหารในแผ่นดิน หรือถ้ามีโรคระบาด ถ้ามีข้าวลีบหรือข้าวขึ้นรา มีตั๊กแตนปาทังก้า หรือตั๊กแตนตัวอ่อน หรือถ้าศัตรูโจมตีประตูเมืองทั้งหลายในแผ่นดินของพวกเขา หรือมีภัยพิบัติใดๆ หรือความเจ็บไข้ใดๆ 29 และถ้ามีการอธิษฐานและวิงวอนโดยคนหนึ่งคนใด หรืออิสราเอลประชาชนของพระองค์ทั้งหมดที่ตระหนักในภัยพิบัติและความทุกข์ในจิตใจของเขาเอง เมื่อเขากางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้ 30 ขอพระองค์ทรงสดับจากฟ้าสวรรค์ สถานที่ที่พระองค์ประทับอยู่ ขอทรงอภัย และประทานรางวัลแก่แต่ละคน ตามการประพฤติทั้งสิ้นของเขา พระองค์ทรงทราบจิตใจของเขา เพราะพระองค์และพระองค์เท่านั้นทรงทราบจิตใจของมนุษย์ 31 จงกระทำอย่างนี้เพื่อเขาทั้งหลายจะได้ยำเกรงพระองค์ และพวกเขาจะดำเนินในพระมรรคาของพระองค์ตลอดวันเวลาที่มีชีวิตบนแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่พวกบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย

32 สำหรับพวกคนต่างด้าว ผู้ซึ่งไม่ใช่อิสราเอลประชาชนของพระองค์ แต่เนื่องจากพระนามยิ่งใหญ่ พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และพระกรที่เหยียดออกของพระองค์ เข้ามาและอธิษฐานต่อพระนิเวศนี้ 33 ขอพระองค์ทรงสดับจากฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงทำตามทุกสิ่งซึ่งคนต่างด้าวทูลขอต่อพระองค์ เพื่อชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะรู้จักพระนามของพระองค์ และยำเกรงพระองค์ เหมือนอย่างอิสราเอลประชาชนของพระองค์ และเพื่อเขาทั้งหลายจะทราบว่าพระนิเวศนี้ ข้าพระองค์ได้สร้างไว้ ถูกเรียกด้วยพระนามของพระองค์

34 ถ้าประชาชนของพระองค์ออกไปต่อสู้กับพวกศัตรูของพวกเขา โดยทางใดๆ ที่พระองค์ทรงใช้เขาออกไป และถ้าเขาทั้งหลายอธิษฐานต่อพระองค์ตรงต่อเมืองนี้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และตรงต่อพระนิเวศที่ข้าพระองค์ได้สร้างเพื่อพระนามของพระองค์ 35 แล้วขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐาน และคำวิงวอนของพวกเขาจากฟ้าสวรรค์ และขอทรงช่วยเหลือกิจการของพวกเขา

36 ถ้าเขาทั้งหลายทำบาปต่อพระองค์ เพราะไม่มีคนใดผู้ซึ่งไม่ได้ทำบาป และถ้าพระองค์กริ้วพวกเขา และทรงมอบเขาไว้กับศัตรู ดังนั้นศัตรูจะจับพวกเขาไป และนำไปเป็นเชลยยังแผ่นดินของพวกเขา ไม่ว่าไกลหรือใกล้ 37 แต่ถ้าเขาตระหนัก พวกเขาอยู่ในแผ่นดินที่พวกเขาถูกจับไปเป็นเชลยและถ้าพวกเขาได้กลับใจ และแสวงหาความชอบจากพระองค์ในแผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลย ถ้าพวกเขาทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายประพฤติชั่วร้ายและทำบาป พวกเราได้ทำการอธรรม’ 38 ถ้าเขาทั้งหลายกลับมาหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของพวกเขาในแผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลย ที่ซึ่งพวกเขาถูกจับไปเป็นเชลย และถ้าพวกเขาอธิษฐานตรงต่อแผ่นดินของพวกเขา ซึ่งพระองค์ทรงประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย และตรงต่อเมืองที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้ และตรงต่อพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้เพื่อพระนามของพระองค์ 39 ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของพวกเขาจากฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์และขอทรงช่วยเหลือกิจการของพวกเขา และขอทรงอภัยให้ประชาชนของพระองค์ผู้ทำบาปต่อพระองค์ 40 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ บัดนี้ขอพระเนตรของพระองค์ทรงเฝ้าดูและขอพระกรรณของพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานที่ได้กระทำในสถานที่แห่งนี้

41 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้า ขอทรงลุกขึ้น เสด็จไปยังที่พำนักของพระองค์ พระองค์และหีบแห่งฤทธานุภาพของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้า ขอให้พวกปุโรหิตของพระองค์ สวมใส่ความรอด และให้พวกธรรมิกชนของพระองค์เปรมปรีดิ์ในความดีเลิศของพระองค์ 42 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้า ขออย่าเมินพระพักตร์จากผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้นั้น ขอทรงระลึกถึงการกระทำของพระองค์ของพันธสัญญาที่สัตย์ซื่อสำหรับดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด”

7

1 เมื่อซาโลมอนทรงจบคำอธิษฐานของพระองค์ ไฟได้ลงมาจากท้องฟ้าและไหม้เครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชา และสง่าราศีของพระยาห์เวห์เต็มพระนิเวศ 2 พวกปุโรหิตไม่สามารถเข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ได้ เพราะว่าสง่าราศีของพระองค์เต็มพระนิเวศของพระองค์ 3 เมื่อบรรดาชนอิสราเอลเห็นไฟที่ลงมาและสง่าราศีของพระยาห์เวห์อยู่บนพระนิเวศ เขาทั้งหลายก้มกราบซบหน้าลงถึงพื้น บนแผ่นหินทางเดิน นมัสการและสรรเสริญขอบพระคุณพระยาห์เวห์ พวกเขาพูดว่า "เพราะพระองค์ดีประเสริฐ เพราะพันธสัญญาที่สัตย์ซื่อของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์"

4 แล้วกษัตริย์และบรรดาประชาชนทั้งหลายได้ถวายพวกเครื่องสัตวบูชาต่อพระยาห์เวห์ 5 กษัตริย์ซาโลมอนได้ทรงถวายเครื่องสัตวบูชาเป็นวัวสองหมื่นสองพันตัวและแกะ 120,000 ตัวและแพะทั้งหลาย ดังนี้กษัตริย์และประชาชนทั้งปวงได้อุทิศถวายพระนิเวศของพระเจ้า

6 บรรดาปุโรหิตได้ยืน แต่ละคนยืนในที่ที่พวกเขาปรนนิบัติ พร้อมด้วยพวกคนเลวีกับพวกเครื่องดนตรีของพระยาห์เวห์ ซึ่งกษัตริย์ดาวิดทรงสร้างขึ้นเพื่อสรรเสริญขอบพระคุณพระยาห์เวห์ในเพลงนั้น "เพราะพันธสัญญาที่สัตย์ซื่อของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์" พวกปุโรหิตทั้งหมดเป่าแตรต่อหน้าพวกเขา และอิสราเอลทั้งปวงยืนขึ้น 7 ซาโลมอนทรงแยกจุดกลางลาน ซึ่งอยู่ข้างหน้าพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ที่นั่นพระองค์ทรงถวายเครื่องเผาบูชาและไขมันของเครื่องสันติบูชา เพราะว่าแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่พระองค์ทรงสร้างไว้นั้น ไม่สามารถวางเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญญบูชาและไขมันนั้น

8 ดังนั้นซาโลมอนทรงถือเทศกาลในเวลานั้นอยู่เจ็ดวัน และอิสราเอลทั้งปวงอยู่กับพระองค์ด้วย เป็นชุมนุมชนใหญ่ยิ่งนัก จากทางเข้าเมืองเลโบฮามัทจนถึงแม่น้ำอียิปต์ 9 และในวันที่แปดเขาทั้งหลายมีการประชุมอันศักดิ์สิทธิ์ เพราะเขาทั้งหลายได้มีงานมอบถวายแท่นบูชามาเจ็ดวัน และถือเทศกาลเลี้ยงเจ็ดวัน 10 ในวันที่ยี่สิบสามของเดือนที่เจ็ด พระองค์ทรงส่งให้ประชาชนกลับไปยังบ้านทั้งหลายของพวกเขาด้วยความยินดีและจิตใจชื่นบานเพราะความดีที่พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ดาวิด ซาโลมอน และอิสราเอลประชาชนของพระองค์

11 ดังนี้แหละซาโลมอนทรงสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์และพระราชวังของพระองค์เองเสร็จ ทุกอย่างซึ่งเข้ามาในพระทัยของซาโลมอน ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในพระราชวังของพระองค์เอง พระองค์ทรงกระทำให้สำเร็จทั้งสิ้น

12 พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่ซาโลมอนในเวลากลางคืนและตรัสกับพระองค์ว่า "เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า และเราได้เลือกสถานที่นี้สำหรับเราเองให้เป็นนิเวศแห่งเครื่องสัตวบูชา 13 ถ้าเราปิดท้องฟ้า ดังนั้นจึงไม่มีฝนตก หรือถ้าเราบัญชาให้ตั๊กแตนมาผลาญแผ่นดิน หรือส่งโรคระบาดมาท่ามกลางประชาชนของเรา 14 ถ้าประชาชนของเราผู้ซึ่งได้เรียกร้องโดยนามของเรา จะถ่อมตัวพวกเขาลง อธิษฐาน แสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของพวกเขา เราก็จะฟังจากฟ้าสวรรค์ให้อภัยความบาปของพวกเขา และจะรักษาแผ่นดินของพวกเขา

15 บัดนี้ตาของเราจะลืมอยู่และหูของเราจะฟังคำอธิษฐานซึ่งเขาทั้งหลายอธิษฐาน ณ สถานที่นี้ 16 เพราะบัดนี้เราได้เลือกสรรและแยกนิเวศนี้ต่างหาก เพื่อนามของเราจะอยู่ที่นั่นเป็นนิตย์ ตาของเราและจิตใจของเราจะอยู่ที่นั่นทุกวัน 17 ส่วนเจ้า ถ้าเจ้าดำเนินต่อหน้าเราอย่างดาวิดบิดาของเจ้าได้ดำเนิน เชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้ากระทำตามทุกสิ่งซึ่งเราบัญชาแก่เจ้า และรักษาบทบัญญัติทั้งหลายของเราและคำบัญชาทั้งหลายของเรา 18 แล้วเราจะสถาปนาราชบัลลังก์แห่งอาณาจักรของเจ้า ดังที่เราได้กล่าวในพันธสัญญาที่ทำไว้กับดาวิดบิดาของเจ้า เมื่อเราได้กล่าวว่า 'เชื้อสายคนหนึ่งของพวกเจ้าจะไม่ขาดที่จะเป็นผู้ครอบครองในอิสราเอล'

19 แต่ถ้าเจ้าหันจากไปและทอดทิ้งบทบัญญัติทั้งหลายของเราและคำบัญชาทั้งหลายของเราซึ่งเราวางไว้ต่อหน้าเจ้า และถ้าเจ้าไปปรนนิบัติพระอื่นและก้มลงนมัสการพระเหล่านั้น 20 แล้วเราจะถอนรากเขาทั้งหลายออกจากแผ่นดินของเรา ซึ่งเราให้แก่เขา นิเวศนี้ซึ่งเราได้แยกไว้ต่างหากเพื่อนามของเรา เราจะเหวี่ยงออกไปจากหน้าของเรา และเราจะทำให้เป็นคำภาษิตและคำตลกท่ามกลางประชาชนทั้งปวง 21 ถึงแม้ว่าวิหารนี้โอ่อ่าตระการตา ทุกคนที่ผ่านไปจะตกใจ และส่งเสียงไม่พอใจว่า 'ไฉนพระยาห์เวห์จึงทรงกระทำเช่นนี้ แก่แผ่นดินนี้และแก่พระนิเวศนี้?' 22 คนอื่นๆ จะตอบว่า 'เพราะเขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ได้ทรงนำพวกบรรพบุรุษของพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และพวกเขาได้ยึดถือพวกพระอื่นๆ และได้ก้มลงต่อพระเหล่านั้น และได้นมัสการพระเหล่านั้นนั่นคือทำไมพระยาห์เวห์จึงได้ทรงนำเหตุร้ายทั้งหมดนี้มาถึงเขาทั้งหลาย'"

8

1 เมื่อสิ้นปีที่ยี่สิบ ระหว่างที่ซาโลมอนทรงสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และพระราชวังของพระองค์เอง 2 ซาโลมอนทรงเสริมสร้างพวกหัวเมืองที่ฮีรามถวายแด่พระองค์ และให้คนอิสราเอลอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านั้น 3 ซาโลมอนทรงโจมตีเมืองฮามัทโศบาห์ และยึดเมืองนั้นได้

4 พระองค์ทรงสร้างเมืองทัดโมร์ไว้ในถิ่นทุรกันดาร และพวกหัวเมืองคลังหลวงทั้งสิ้นซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ในฮามัท 5 พระองค์ทรงสร้างเมืองเบธโฮโรนบนและเบธโฮโรนล่างด้วย เป็นบรรดาเมืองที่มั่นคง มีกำแพง ประตูเมือง และดาน 6 พระองค์ทรงสร้างเมืองบาอาลัทและหัวเมืองคลังหลวงทั้งปวงที่ซาโลมอนทรงมีอยู่ และเมืองทั้งปวงสำหรับรถม้าศึกทั้งหลายของพระองค์ และเมืองทั้งปวงสำหรับทหารม้าของพระองค์ และสิ่งใดๆซึ่งพระองค์ประสงค์จะสร้างเพื่อความพึงพอใจของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม ในเลบานอน และในแผ่นดินทั้งหมดซึ่งอยู่ในครอบครองของพระองค์

7 ประชาชนทั้งปวงที่เหลืออยู่คือ คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส ผู้ซึ่งไม่ใช่คนอิสราเอล 8 บรรดาเชื้อสายของชนเหล่านี้ ซึ่งยังเหลือต่อมาในแผ่นดิน ผู้ซึ่งประชาชนอิสราเอลมิได้ทำลาย ซาโลมอนทรงกระทำให้พวกเขาเป็นทาสแรงงานและเขาทั้งหลายก็เป็นอยู่จนทุกวันนี้ 9 แต่ส่วนคนอิสราเอลนั้นซาโลมอนหาได้ทรงกระทำให้เป็นทาสแรงงานไม่ เขาทั้งหลายเป็นพวกทหารของพระองค์ เป็นนายทหารของพระองค์ เป็นข้าราชการของพระองค์ และเป็นผู้บังคับบัญชารถม้าศึกของพระองค์ และทหารม้าของพระองค์ 10 คนเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ชั้นบริหารจัดการซึ่งเป็นของกษัตริย์ซาโลมอน มี 250 คน ผู้ซึ่งเป็นผู้ควบคุมปกครองประชาชนผู้ที่ทำงาน

11 ซาโลมอนทรงนำธิดาของฟาโรห์ขึ้นมาจากนครดาวิดยังพระราชวังซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ให้พระนาง เพราะพระองค์ตรัสว่า "มเหสีของเราไม่ควรอยู่ในวังของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล เพราะสถานที่ทั้งหลายซึ่งหีบของพระยาห์เวห์ตั้งอยู่เป็นที่บริสุทธิ์"

12 แล้วซาโลมอนทรงถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์บนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ที่หน้ามุข 13 พระองค์ถวายเครื่องสัตวบูชาทุกวันตามเวลาที่กำหนด พระองค์ถวายตามบัญญัติของโมเสส ในวันสะบาโต ในวันขึ้นหนึ่งค่ำ และในวันเทศกาลตามกำหนดประจำปีสามเทศกาล คือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง

14 รักษาตามพระบัญชาของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ ซาโลมอนทรงแต่งตั้งแผนกต่างๆ ของปุโรหิตสำหรับการปรนนิบัติ และแบ่งคนเลวีในตำแหน่งต่างๆ เพื่อที่จะสรรเสริญพระเจ้า และที่จะปรนนิบัติต่อหน้าพวกปุโรหิต ตามหน้าที่ประจำวันที่ต้องทำ พระองค์แต่งตั้งพวกคนเฝ้าประตูโดยเป็นแผนกต่างๆ เฝ้าทุกประตู เพราะว่าดาวิดบุรุษของพระเจ้าทรงบัญชาไว้เช่นนั้น 15 ประชาชนทั้งหลายมิได้หันเหไปเสียจากสิ่งซึ่งกษัตริย์ทรงบัญชาพวกปุโรหิตและพวกคนเลวีซึ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆ และเกี่ยวกับเรื่องคลังต่างๆ 16 บรรดาพระราชกิจของซาโลมอนก็ลุล่วงไปตั้งแต่วันที่วางฐานรากพระนิเวศของพระยาห์เวห์จนถึงวันสำเร็จงาน ดังนั้นพระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็ได้สำเร็จครบถ้วน

17 แล้วซาโลมอนเสด็จไปยังเมืองเอซีโอนเกเบอร์และเมืองเอลัท บนชายทะเลในแผ่นดินเอโดม 18 ฮีรามส่งเรือมาถวายพระองค์ ซึ่งบัญชาการโดยข้าราชการที่คุ้นเคยกับการเดินเรือ เขาทั้งหลายเดินเรือไปกับข้าราชการของซาโลมอนไปถึงเมืองโอฟีร์ พวกเขาได้นำเอาทองคำจากที่นั่นหนัก 450 ตะลันต์ ซึ่งพวกเขานำมาถวายให้กษัตริย์ซาโลมอน

9

1 เมื่อพระราชินีแห่งเชบาทรงได้ยินถึงชื่อเสียงของซาโลมอน พระนางมาที่เยรูซาเล็มเพื่อทดสอบพระองค์ด้วยปัญหายุ่งยากต่างๆ พระนางเสด็จมาพร้อมกับขบวนมากมาย มีพวกอูฐที่บรรทุกพวกเครื่องเทศ ทองคำจำนวนมาก และอัญมณีจำนวนมาก เมื่อพระนางเสด็จมาเข้าเฝ้าซาโลมอน พระนางกราบทูลพระองค์ทุกสิ่งที่อยู่ในพระทัยของพระนาง 2 ซาโลมอนทรงตอบปัญหาทุกข้อของพระนาง ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินไปสำหรับซาโลมอน ไม่มีคำถามใดที่พระองค์ไม่ได้ทรงตอบ 3 เมื่อพระราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระสติปัญญาของซาโลมอน และพระราชวังที่พระองค์ทรงสร้าง 4 อาหารที่โต๊ะเสวยของพระองค์ ที่นั่งของบรรดาข้าราชการของพระองค์ การทำงานและเครื่องแต่งกายของบรรดาข้าราชการของพระองค์ ทั้งพนักงานเชิญถ้วยเสวยของพระองค์ ตลอดจนเครื่องแต่งกายของพวกเขา และลักษณะท่าทางการที่พระองค์ได้ถวายเครื่องเผาบูชาที่พระนิเวศของพระยาห์เวห์ พระนางทรงประหลาดพระทัย

5 พระนางทรงกราบทูลต่อกษัตริย์ว่า “เรื่องราวที่หม่อมฉันได้ยินในแผ่นดินของหม่อมฉัน เกี่ยวกับพระดำรัสทั้งหลายและพระสติปัญญาของฝ่าพระบาทนั้นเป็นความจริง 6 แต่หม่อมฉันไม่เชื่อในสิ่งที่หม่อนฉันได้ยิน จนกระทั่งหม่อมฉันได้มาที่นี่ และบัดนี้ตาของหม่อมฉันเห็นแล้ว ดูสิ ที่เขาบอกกับหม่อมฉันก็ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของพระสติปัญญาและความมั่งคั่งของฝ่าพระบาท ฝ่าพระบาทมีชื่อเสียงเลิศล้ำยิ่งกว่าที่หม่อมฉันได้ยินเสียอีก 7 บรรดาประชาชนของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข บรรดาข้าราชการของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข คือผู้ที่คอยปรนนิบัติเฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาทเป็นประจำเพราะพวกเขาฟังพระสติปัญญาของฝ่าพระบาท 8 สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท ผู้ได้พอพระทัยในฝ่าพระบาท ผู้ทรงแต่งตั้งฝ่าพระบาทไว้บนบัลลังก์ เป็นกษัตริย์เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท เพราะพระเจ้าของฝ่าพระบาททรงรักอิสราเอล เพื่อที่จะสถาปนาพวกเขาไว้เป็นนิตย์ พระองค์ทรงแต่งตั้งให้ฝ่าพระบาทเป็นกษัตริย์เหนือเขาทั้งหลาย เพื่อฝ่าพระบาทจะทรงอำนวยความยุติธรรมและความชอบธรรม” 9 พระนางทรงถวายทองคำ 120 ตะลันต์ และเครื่องเทศอีกเป็นจำนวนมาก และอัญมณีล้ำค่าแด่กษัตริย์ ไม่เคยมีเครื่องเทศจำนวนมากมายที่ถวายให้กษัตริย์ซาโลมอนอย่างนี้อีกเหมือนอย่างที่พระราชินีแห่งเชบาได้ถวายแด่พระองค์

10 พวกข้าราชการของฮีรามและพวกข้าราชการของซาโลมอน ผู้ซึ่งนำทองคำมาจากโอฟีร์ ได้นำไม้ประดู่และอัญมณีล้ำค่ามาด้วย 11 ด้วยไม้ประดู่นั้นกษัตริย์ทรงใช้ทำขั้นบันไดพระนิเวศของพระยาห์เวห์และพระราชวังของพระองค์ ทั้งทำพิณใหญ่และพิณตั้งสำหรับพวกนักดนตรี ไม่เคยเห็นมีไม้อย่างนี้มาก่อนในแผ่นดินยูดาห์

12 กษัตริย์ซาโลมอนทรงประทานทุกอย่างแก่พระราชินีแห่งเชบาตามความประสงค์ของพระนางที่ทรงทูลขอ ยิ่งกว่าสิ่งที่พระนางทรงนำมาถวายกษัตริย์ ดังนั้นพระนางเสด็จจากไป และกลับไปยังแผ่นดินของพระนางพร้อมกับพวกข้าราชการของพระนาง

13 บัดนี้ น้ำหนักของทองคำที่นำมาถวายซาโลมอนในหนึ่งปีคือ 666 ตะลันต์ 14 นอกเหนือจากทองคำที่พวกนักธุรกิจและพวกพ่อค้านำมา กษัตริย์ทั้งหมดแห่งอาระเบียและบรรดาผู้ปกครองทั้งหลายในแผ่นดินก็นำทองคำและเงินมาถวายซาโลมอน 15 กษัตริย์ซาโลมอนทรงทำโล่ขนาดใหญ่สองร้อยอันจากทองคำทุบ โล่อันหนึ่งใช้ทองคำหกร้อยเชเขล 16 พระองค์ทรงทำโล่สามร้อยอันจากทองคำทุบ โล่อันหนึ่งใช้ทองคำสามมินัส กษัตริย์ทรงเก็บโล่ไว้ในพระราชวังแห่งป่าเลบานอน

17 แล้วกษัตริย์ทรงทำพระที่นั่งงาช้างขนาดใหญ่ และทรงบุด้วยทองคำเนื้อดีที่สุด 18 พระที่นั่งนั้นมีบันไดหกขั้น และยอดของพระที่นั่งอยู่ข้างหลังรอบๆ สองข้างของพระที่นั่งมีที่วางพระหัตถ์ และมีรูปสิงโตสองตัวยืนอยู่ข้างๆ ที่วางพระหัตถ์ 19 และมีสิงโตอีกสิบสองตัวยืนอยู่บนขั้นบันได บันไดหกขั้นขั้นละสองตัว ไม่มีพระที่นั่งอย่างนี้ในราชอาณาจักรใดๆ ถ้วยทั้งหมดของกษัตริย์ซาโลมอนทำด้วยทองคำ 20 และจอกดื่มทั้งหมดของพระราชาซาโลมอนทำด้วยทองคำและเครื่องใช้ไม้สอยทั้งหมดในตำหนักแห่งป่าเลบานอนทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ของพระราชาซาโลมอนทำด้วยทองคำไม่มีชิ้นใดที่ทำด้วยเงินเพราะว่าเงินถือว่าเป็นของไม่มีค่าในสมัยของซาโลมอน 21 กษัตริย์มีกองเรือทางทะเล พร้อมกับกองเรือของฮีราม กองเรือนั้นได้นำทองคำ เงิน และงาช้าง ลิง และนกยูงมาสามปีต่อครั้ง

22 ดังนั้นกษัตริย์ซาโลมอนทรงยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อื่นๆ ในโลกในเรื่องความร่ำรวยและสติปัญญา 23 และกษัตริย์ทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกก็ได้แสวงหาโอกาสที่จะเข้าเฝ้าซาโลมอน เพื่อจะฟังพระสติปัญญาของพระองค์ซึ่งพระเจ้าทรงประทานไว้ในใจของพระองค์ 24 คนเหล่านั้นผู้ซึ่งได้มาเข้าเฝ้า นำเครื่องบรรณาการภาชนะเงินและทอง เสื้อผ้า อาวุธ และเครื่องเทศ รวมทั้งพวกม้า และพวกล่อ มาทุกๆ ปี 25 ซาโลมอนทรงมีคอกสำหรับม้าและรถม้าศึกสี่พันช่อง และมีทหารม้าหนึ่งหมื่นสองพันคน ซึ่งพระองค์ทรงให้ประจำในเมืองรถม้าศึกทั้งหลายและอยู่กับพระองค์เองในเยรูซาเล็ม

26 พระองค์ทรงครอบครองเหนือกษัตริย์ทั้งหลายตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสถึงแผ่นดินของคนฟีลิสเตีย และถึงพรมแดนของอียิปต์ 27 กษัตริย์มีเงินในเยรูซาเล็มมากมายเหมือนพวกก้อนหินบนพื้นดิน พระองค์ทรงทำให้ไม้สนสีดาร์มีมากมายเหมือนต้นมะเดื่อที่มีในที่ลุ่ม 28 พวกเขานำพวกม้าเข้ามาถวายซาโลมอนจากอียิปต์ และจากดินแดนทุกแห่ง

29 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ เกี่ยวกับซาโลมอน ตั้งแต่ต้นจนจบได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ของนาธันผู้เผยพระวจนะ ในคำเผยพระวจนะของอาหิยาห์ชาวชีโลห์ และในนิมิตของอิดโดผู้ทำนาย(เกี่ยวกับเยโรโบอัมบุตรชายเนบัทแล้วไม่ใช่หรือ)? 30 ซาโลมอนทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มเหนืออิสราเอลทั้งสิ้นสี่สิบปี 31 พระองค์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับเหล่าบรรพบุรุษของพระองค์ และพวกประชาชนฝังพระองค์ในนครของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ เรโหโบอัมพระราชโอรสของพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนพระองค์

10

1 เรโหโบอัมไปยังเมืองเชเคม เพราะคนอิสราเอลทั้งปวงมายังเมืองเชเคมเพื่อจะตั้งพระองค์ให้เป็นกษัตริย์ 2 และอยู่มาเมื่อเยโรโบอัมบุตรชายเนบัทได้ยินเรื่องนี้ (เพราะท่านยังอยู่ในอียิปต์ที่ซึ่งท่านได้หนีไปจากพระพักตร์กษัตริย์ซาโลมอน แล้วเยโรโบอัมก็ได้กลับมาจากอียิปต์) 3 เขาทั้งหลายใช้คนไปเรียกท่านมา และเยโรโบอัมกับอิสราเอลทั้งหมดได้มา พวกเขากราบทูลเรโหโบอัม และกล่าวว่า 4 "พระราชบิดาของพระองค์ทรงกระทำให้แอกของพวกข้าพระองค์หนัก เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอทรงผ่อนงานหนักของพระราชบิดาของพระองค์ให้เบาลง และทำให้แอกอันหนักที่พระองค์วางบนพวกข้าพระองค์ทั้งหลายให้เบาขึ้น และข้าพระองค์ทั้งหลายจะปรนนิบัติพระองค์" 5 เรโหโบอัมตรัสกับพวกเขาว่า "อีกสามวันจงกลับมาหาเรา" ดังนั้นพวกประชาชนจึงจากไป

6 กษัตริย์เรโหโบอัมทรงปรึกษากับบรรดาผู้เฒ่าผู้ที่เคยยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ซาโลมอนพระราชบิดาของพระองค์ขณะเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ตรัสว่า "ท่านทั้งหลายจะแนะนำให้เราตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไร" 7 เขาทั้งหลายกราบทูลพระองค์ และกล่าวว่า "ถ้าพระองค์ทรงดีต่อประชาชนนี้และให้พวกเขาพอใจ และตรัสคำที่ดีแก่เขาทั้งหลาย แล้วพวกเขาจะเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ตลอดไป"

8 แต่เรโหโบอัมไม่ได้ทรงสนพระทัยคำแนะนำของพวกผู้เฒ่าที่พวกเขาได้กราบทูลถวายนั้นเลย และไปปรึกษากับพวกคนหนุ่มซึ่งได้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับพระองค์ผู้ซึ่งยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ 9 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "พวกท่านจะแนะนำเราอย่างไร เพื่อเราจะตอบประชาชนผู้ที่กราบทูลต่อเรา และกล่าวว่า 'ขอทรงทำให้แอกซึ่งพระราชบิดาของพระองค์ที่วางอยู่บนข้าพระองค์ทั้งหลายให้เบาขึ้นได้ไหม'?" 10 คนหนุ่มเหล่านั้นผู้เติบโตมาพร้อมกับเรโหโบอัมกราบทูลพระองค์ กล่าวว่า "เป็นอย่างนี้ที่พระองค์ควรตรัสกับพวกประชาชนผู้ทูลพระองค์ว่าซาโลมอนพระราชบิดาของพระองค์ทรงกระทำให้แอกของข้าพระองค์ทั้งหลายหนัก แต่พระองค์ต้องทรงทำให้มันเบาขึ้น นี่คือสิ่งที่พระองค์ควรตรัสกับพวกเขา 'นิ้วก้อยของเราก็หนากว่าเอวแห่งพระราชบิดาของเรา 11 ดังนั้น บัดนี้ถึงแม้พระราชบิดาของเราวางแอกหนักบนเจ้าทั้งหลาย เราจะเพิ่มให้กับแอกของเจ้าทั้งหลายอีก พระราชบิดาของเราลงโทษเจ้าทั้งหลายด้วยแส้ แต่เราจะลงโทษเจ้าทั้งหลายด้วยพวกแมงป่อง'"

12 ดังนั้นเยโรโบอัมกับประชาชนทั้งปวงได้เข้ามาเฝ้าเรโหโบอัมในวันที่สาม ดังที่กษัตริย์ได้ตรัสว่า "อีกสามวันจงกลับมาหาเรา" 13 เรโหโบอัมตรัสกับเขาทั้งหลายอย่างหยาบคาย ไม่ทรงสนพระทัยคำแนะนำของพวกผู้เฒ่า 14 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายตามคำแนะนำของพวกคนหนุ่ม ตรัสว่า "พระราชบิดาของเราทำแอกของเจ้าทั้งหลายให้หนัก แต่เราจะเพิ่มให้แก่มันอีก พระราชบิดาของเราลงโทษเจ้าทั้งหลายด้วยแส้ แต่เราจะลงโทษเจ้าทั้งหลายด้วยพวกแมงป่อง" 15 ดังนั้นกษัตริย์มิได้ทรงฟังเสียงประชาชน เพราะเหตุการณ์นี้เป็นมาแต่พระเจ้า ที่พระเยโฮวาห์จะทรงทำให้พระวจนะของพระองค์สำเร็จ ตามที่อาหิยาห์คนชีโลห์ได้พูดกับเยโรโบอัมบุตรชายเนบัท

16 เมื่อคนอิสราเอลทั้งปวงเห็นว่ากษัตริย์มิได้ทรงฟังเขาทั้งหลาย ประชาชนทูลตอบพระองค์ และกล่าวว่า "ข้าพระองค์ทั้งหลายมีส่วนอะไรกับดาวิด ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่มีส่วนในมรดกในบุตรชายเจสซี อิสราเอลเอ๋ย เจ้าแต่ละคนจงกลับไปยังเต็นท์ของตนเถิด ข้าแต่ดาวิด บัดนี้จงดูแลราชวงศ์ของพระองค์เองเถิด" ดังนั้นคนอิสราเอลทั้งปวงจึงได้กลับไปยังเต็นท์ของเขาทั้งหลาย 17 แต่ประชาชนอิสราเอลผู้ที่อาศัยอยู่ในหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์นั้น เรโหโบอัมยังทรงปกครองเหนือเขาทั้งหลาย 18 กษัตริย์เรโหโบอัมทรงใช้อาโดนีรัม เป็นผู้ที่ควบคุมแรงงานเกณฑ์ทั้งหลายไป แต่ประชาชนอิสราเอลได้เอาหินขว้างเขาตาย กษัตริย์เรโหโบอัมทรงรีบหนีขึ้นรถม้าศึกของพระองค์ไปเยรูซาเล็ม 19 ดังนั้นคนอิสราเอลจึงได้กบฏต่อราชวงศ์ของดาวิดมาจนถึงทุกวันนี้

11

1 เมื่อเรโหโบอัมเสด็จมาถึงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงรวบรวมวงศ์วานยูดาห์และเบนยามิน ที่เป็นนักรบ 180,000 คน เพื่อจะสู้รบกับอิสราเอล เพื่อจะเอาราชอาณาจักรคืนมาสู่เรโหโบอัม 2 แต่พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเชไมอาห์คนของพระเจ้า ตรัสว่า 3 "จงไปทูลเรโหโบอัมโอรสของซาโลมอน กษัตริย์แห่งยูดาห์ และบอกแก่อิสราเอลทั้งปวงในยูดาห์และเบนยามินว่า 4 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า "เจ้าอย่าขึ้นไปโจมตี หรือทำสงครามกับพวกพี่น้องของพวกเจ้า ทุกคนต้องกลับไปบ้านของตนเอง เพราะเราเป็นสาเหตุให้สิ่งนี้เกิดขึ้น'""ดังนั้นเขาทั้งหลายได้เชื่อฟังพระวจนะทั้งหลายของพระยาห์เวห์ และกลับไปจากการโจมตีเยโรโบอัม

5 เรโหโบอัมประทับในเยรูซาเล็ม และทรงสร้างหัวเมืองต่างๆ ในยูดาห์เพื่อป้องกัน 6 พระองค์ทรงสร้างเมืองเบธเลเฮม เอตาม เทโคอา 7 เบธซูร์ โสโค อดุลลัม 8 กัท มาเรชาห์ ศิฟ 9 อาโดราอิม ลาคีช และอาเซคาห์ 10 โศราห์ อัยยาโลน และเฮโบรน หัวเมืองเหล่านี้เป็นเมืองป้อมปราการในยูดาห์และเบนยามิน

11 พระองค์ทรงเสริมป้อมปราการให้แข็งแกร่ง และส่งผู้บังคับบัญชาไปประจำการในป้อมเหล่านั้น และทรงสะสมเสบียงอาหาร น้ำมัน และเหล้าองุ่น 12 พระองค์ทรงเก็บโล่และหอกไว้ในหัวเมืองทั้งปวง และกระทำให้หัวเมืองเหล่านั้นแข็งแรงมาก ดังนั้นยูดาห์และเบนยามินจึงได้เป็นของพระองค์

13 พวกปุโรหิตและคนเลวีซึ่งได้อยู่ในอิสราเอลทั้งสิ้นเข้ามาหาพระองค์จากเขตแดนของพวกเขา

14 เพราะพวกคนเลวีละทิ้งทุ่งหญ้าและทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อที่จะมายังยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพราะเยโรโบอัมและโอรสทั้งหลายของพระองค์ได้ขับไล่เขาทั้งหลาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตสำหรับพระยาห์เวห์ต่อไปได้ 15 เยโรโบอัมทรงแต่งตั้งปุโรหิตของพระองค์เองสำหรับสถานสูงทั้งหลาย และรูปเคารพแพะและลูกวัวซึ่งพระองค์ทรงสร้างขึ้น 16 บรรดาประชาชนจากทุกเผ่าของอิสราเอลผู้ที่ปักใจแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล พวกเขามายังเยรูซาเล็มเพื่อถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษทั้งหลายของพวกเขา 17 ดังนั้นเขาทั้งหลายได้เสริมกำลังให้ราชอาณาจักรยูดาห์ และกระทำให้เรโหโบอัมโอรสของซาโลมอนเข้มแข็งในระหว่างสามปี และเขาทั้งหลายดำเนินอยู่ในทางของดาวิดและซาโลมอนสามปี

18 เรโหโบอัมทรงรับมาหะลัทธิดาของเยรีโมท โอรสของดาวิดและอาบีฮาอิลบุตรหญิงของเอลีอับบุตรชายเจสซีเป็นมเหสี 19 พระนางได้ประสูติโอรสทั้งหลายให้พระองค์คือ เยอูช เชมาริยาห์ และศาฮัม 20 นอกจากมาหะลัทแล้วเรโหโบอัมทรงรับมาอาคาห์ธิดาของอับซาโลม ผู้ซึ่งประสูติ อาบียาห์ อัททัย ศีศา และเชโลมิทให้พระองค์ 21 เรโหโบอัมทรงรักมาอาคาห์ธิดาของอับซาโลมมากกว่ามเหสีและนางสนมของพระองค์ทั้งสิ้น (พระองค์ทรงมีมเหสีสิบแปดองค์และนางสนมหกสิบคนและให้กำเนิดโอรสยี่สิบแปดองค์และธิดาหกสิบองค์) 22 เรโหโบอัมทรงแต่งตั้งให้อาบียาห์โอรสของมาอาคาห์เป็นประมุข เป็นหัวหน้าคนหนึ่งท่ามกลางพี่น้องของเขา พระองค์ทรงตั้งพระทัยที่จะให้เขาเป็นกษัตริย์ 23 เรโหโบอัมทรงปกครองอย่างชาญฉลาด พระองค์ทรงกระจายบรรดาโอรสของพระองค์ไปทั่วแผ่นดินทั้งสิ้นของยูดาห์และเบนยามิน ไปยังหัวเมืองที่มีป้อมทั้งสิ้น พระองค์ทรงประทานเสบียงอาหารให้อย่างอุดมแก่พวกเขา และแสวงหามเหสีมากมายสำหรับพวกเขา

12

1 เมื่อราชอาณาจักรของเรโหโบอัมตั้งมั่นคงและแข็งแรงแล้ว พระองค์ทรงทอดทิ้งธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์เสีย และอิสราเอลทั้งปวงก็ละทิ้งธรรมบัญญัติพร้อมกับพระองค์ด้วย 2 อยู่มาในปีที่ห้าแห่งกษัตริย์เรโหโบอัม ชิชักกษัตริย์แห่งอียิปต์ได้เสด็จขึ้นมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม เพราะประชาชนไม่ซื่อตรงต่อพระยาห์เวห์ 3 พระองค์เสด็จมาพร้อมรถม้าศึกหนึ่งพันสองร้อยคันและทหารม้าหกหมื่นคน และพวกทหารอีกนับไม่ถ้วนที่มากับพระองค์จากอียิปต์ คนลิเบีย คนสุคีอิม และคนคูช 4 พระองค์ทรงยึดหัวเมืองที่มีป้อมทั้งหลายที่เป็นของยูดาห์และมายังเยรูซาเล็ม

5 บัดนี้เชไมอาห์ผู้เผยพระวจนะมาเฝ้าเรโหโบอัมและบรรดาผู้นำแห่งยูดาห์ ผู้มาประชุมกันอยู่ที่เยรูซาเล็มด้วยเรื่องชิชัก เชไมอาห์กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า "พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า พวกเจ้าได้ละทิ้งเรา เราจึงให้พวกเจ้าอยู่ในมือของชิชัก" 6 แล้วเจ้านายทั้งหลายแห่งอิสราเอลและกษัตริย์ได้ถ่อมตนลงและกล่าวว่า "พระยาห์เวห์ทรงชอบธรรม" 7 เมื่อพระยาห์เวห์ทรงเห็นว่า เขาทั้งหลายถ่อมตัวลง พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงเชไมอาห์ ตรัสว่า "เขาทั้งหลายได้ถ่อมตัวเองลงแล้ว เราจะไม่ทำลายเขา แต่เราจะช่วยกู้พวกเขาในระดับหนึ่ง และพระพิโรธของเราจะไม่เทลงมาเหนือเยรูซาเล็มโดยมือของชิชัก 8 อย่างไรก็ดีเขาทั้งหลายต้องเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างการรับใช้เรา และรับใช้พวกผู้ปกครองของบรรดาประเทศอื่นๆ"

9 ดังนั้นชิชักกษัตริย์แห่งอียิปต์จึงเสด็จขึ้นมาต่อสู้เยรูซาเล็ม พระองค์ทรงนำเอาทรัพย์สินในพระนิเวศของพระยาห์เวห์และทรัพย์สมบัติในพระราชวังไป พระองค์ทรงยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่างไป พระองค์ทรงยึดเอาบรรดาโล่ทองคำซึ่งซาโลมอนทรงสร้างไว้นั้นไปด้วย 10 กษัตริย์เรโหโบอัมทรงทำโล่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นมาทดแทน และทรงมอบไว้ในมือของพวกผู้บัญชาการทหารรักษาความปลอดภัย ผู้เฝ้าประตูพระราชวังทั้งหลาย 11 สิ่งที่เกิดขึ้นคือว่าเมื่อกษัตริย์เสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์เมื่อไร พวกทหารรักษาพระองค์ก็จะถือโล่พวกนั้น แล้วนำกลับไปเก็บไว้ในห้องทหารรักษาความปลอดภัยตามเดิม 12 เมื่อเรโหโบอัมทรงถ่อมพระองค์เองลง พระพิโรธของพระยาห์เวห์ก็ได้หันไปเสียจากพระองค์ มิได้ทำลายพระองค์อย่างสิ้นเชิง ยิ่งกว่านั้นยังมีบางสิ่งที่ดีที่ถูกพบในยูดาห์

13 ดังนั้นกษัตริย์เรโหโบอัมจึงทรงทำให้ความเป็นกษัตริย์พระองค์เข้มแข็งขึ้นในเยรูซาเล็ม และจึงได้ปกครอง เรโหโบอัมทรงมีพระชนมายุสี่สิบเอ็ดพรรษาเมื่อพระองค์ทรงเริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์สิบเจ็ดปีในเยรูซาเล็ม อันเป็นเมืองซึ่งพระยาห์เวห์ทรงเลือกสรรไว้จากเผ่าต่างๆ ทั้งสิ้นของอิสราเอล เพื่อจะตั้งพระนามของพระองค์ไว้ที่นั่น พระนามของพระมารดาของพระองค์คือนาอามาห์ผู้หญิงชาวอัมโมน 14 และพระองค์ทรงกระทำการชั่วร้าย เพราะพระองค์ไม่ตั้งพระทัยของพระองค์ที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์

15 ส่วนพระราชกิจของเรโหโบอัมตั้งแต่ต้นจนถึงสุดท้าย มิได้บันทึกไว้ในหนังสือของเชไมอาห์ผู้เผยพระวจนะและของอิดโดผู้ทำนายซึ่งได้บันทึกตามแบบพงศาวดารทั้งมวลและสงครามต่อเนื่องทั้งหลายระหว่างเรโหโบอัมและเยโรโบอัมหรือ? 16 เรโหโบอัมได้ล่วงหลับไปอยู่กับบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ และถูกฝังไว้ในนครดาวิด อาบียาห์ราชโอรสของพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองราชย์แทนพระองค์

13

1 ในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลเยโรโบอัม อาบียาห์เริ่มครองราชย์เหนือยูดาห์ 2 พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มสามปี พระราชชนนีของพระองค์มีพระนามว่ามาคายาห์ บุตรหญิงของอุรีเอลแห่งกิเบอาห์ ได้มีสงครามระหว่างอาบียาห์และเยโรโบอัม 3 อาบียาห์เสด็จออกทำสงคราม กับกองทัพทหารที่กล้าหาญ ชำนาญศึก ที่ถูกคัดเลือกแล้ว 400,000 คน เยโรโบอัมทรงวางแนวรบสู้กับพระองค์ด้วยทหารที่กล้าหาญ ชำนาญศึก ที่ถูกคัดเลือกแล้ว 800,000 คน

4 อาบียาห์ทรงยืนบนภูเขาเศมาราอิมซึ่งอยู่ในถิ่นเทือกเขาเอฟราอิม และตรัสว่า “จงฟังเรา เยโรโบอัม และคนอิสราเอลทั้งปวง 5 พวกเจ้าทั้งหลายไม่รู้หรือว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ประทานตำแหน่งกษัตริย์เหนืออิสราเอลเป็นนิตย์แก่ดาวิด แก่พระองค์และโอรสทั้งหลายของพระองค์โดยพันธสัญญาอย่างเป็นทางการ? 6 แต่เยโรโบอัมบุตรชายเนบัท ข้าราชการของซาโลมอนโอรสของดาวิดได้ลุกขึ้นกบฏต่อเจ้านายของตน 7 มีพวกผู้ชายที่เป็นอันธพาล คนเลวทรามบางคนได้มั่วสุมกันกับเขา พวกเขาได้มาต่อสู้กับเรโหโบอัมโอรสของซาโลมอน เมื่อเรโหโบอัมยังเด็กและขาดประสบการณ์ และไม่สามารถต้านทานพวกเขาได้

8 บัดนี้พวกเจ้ากล่าวว่าที่พวกเจ้าสามารถต่อต้านฤทธานุภาพของพระยาห์เวห์ในมือของเชื้อสายทั้งหลายของดาวิด เจ้าทั้งหลายเป็นกองทัพใหญ่ และมีลูกโคทองคำซึ่งเยโรโบอัมได้ทรงสร้างเป็นพระไว้สำหรับพวกเจ้า 9 เจ้าทั้งหลายมิได้ขับไล่ปุโรหิตทั้งหลายของพระยาห์เวห์ เชื้อสายทั้งหลายของอาโรน และพวกคนเลวีออกไปหรือ? พวกเจ้ามิได้ตั้งปุโรหิตทั้งหลายสำหรับตนเองอย่างประชาชนของอาณาจักรอื่นๆ หรือ? ใครก็ตามที่นำวัวหนุ่มและแกะผู้เจ็ดตัวมาชำระตัวให้บริสุทธิ์ไว้ก็จะได้เป็นปุโรหิตของสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า 10 แต่สำหรับเราทั้งหลาย พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าของเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายมิได้ทอดทิ้งพระองค์ พวกเรามีพวกปุโรหิตซึ่งเป็นเชื้อสายของอาโรนเป็นผู้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์ และพวกคนเลวีผู้ซึ่งทำงานตามหน้าที่ของเขาทั้งหลาย 11 พวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์ทุกเช้าทุกเย็น และเครื่องหอม พวกเขาเตรียมขนมปังหน้าพระพักตร์บนโต๊ะบริสุทธิ์ และดูแลคันประทีปทองคำพร้อมทั้งตะเกียงทั้งหลาย เพื่อให้ประทีปลุกอยู่ทุกเย็น พวกเราได้รักษาพระบัญชาทั้งหลายของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา แต่พวกเจ้าได้ทอดทิ้งพระองค์เสีย 12 และดูเถิด พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเรา อยู่ข้างหน้าพวกเรา และพวกปุโรหิตของพระองค์อยู่ที่นี่พร้อมกับแตรศึกพร้อมที่จะเป่าเรียกทำสงครามต่อสู้พวกเจ้า ประชาชนของอิสราเอลเอ๋ย อย่าต่อสู้พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าจะไม่ชนะ”

13 แต่เยโรโบอัมจัดผู้คนไว้เพื่อจะอ้อมมาหาพวกเขาจากเบื้องหลัง กองทหารของพระองค์จึงอยู่ข้างหน้ายูดาห์ และกองซุ่มก็อยู่ข้างหลังพวกเขา 14 และเมื่อยูดาห์มองกลับไป ดูเถิด การศึกก็อยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลังพวกเขา เขาทั้งหลายร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ และบรรดาปุโรหิตได้เป่าแตรทั้งหลาย แล้วคนยูดาห์ทั้งหลายตะเบ็งเสียงร้อง 15 เมื่อพวกเขาตะโกน และต่อมาพระเจ้าทรงจู่โจมเยโรโบอัมและคนอิสราเอลทั้งปวงต่อหน้าอาบียาห์และคนยูดาห์

16 ประชาชนอิสราเอลหนีไปต่อหน้าคนยูดาห์ และพระเจ้าทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของคนยูดาห์ 17 อาบียาห์และกองทัพของพระองค์ฆ่าพวกเขาเสียมากมายคือ คนอิสราเอลที่คัดเลือกแล้วได้ล้มตาย 500,000 คน 18 นี่แหละประชาชนอิสราเอลถูกปราบปรามในครั้งนั้น และประชาชนยูดาห์ชนะ เพราะเขาทั้งหลายพึ่งในพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษทั้งหลายของพวกเขา 19 อาบียาห์ไล่ติดตามเยโรโบอัม พระองค์ทรงยึดเอาหัวเมืองทั้งหลายจากพระองค์ คือเมืองเบธเอลกับหมู่บ้านทั้งหลายของเมืองนั้น เมืองเยชานาห์กับหมู่บ้านทั้งหลายของเมืองนั้น และเมืองเอโฟรนกับหมู่บ้านทั้งหลายของเมืองนั้น

20 เยโรโบอัมมิได้ทรงฟื้นฟูอำนาจอีกในรัชสมัยของอาบียาห์ พระยาห์เวห์ทรงจู่โจมพระองค์ และพระองค์ทรงสวรรคต 21 แต่อาบียาห์ก็มีอำนาจยิ่งขึ้น พระองค์ทรงมีมเหสีสิบสี่องค์สำหรับพระองค์เอง และมีโอรสยี่สิบสององค์ และธิดาสิบหกองค์ 22 พระราชกิจนอกนั้นของอาบียาห์ พระอุปนิสัยของพระองค์ และพระดำรัสต่างๆ ของพระองค์ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ของผู้เผยพระวจนะอิดโด

14

1 อาบียาห์ได้ล่วงหลับไปอยู่กับพวกบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาทั้งหลายได้ฝังพระศพพระองค์ไว้ในนครดาวิด อาสาพระราชโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน ในรัชกาลของพระองค์แผ่นดินสงบอยู่สิบปี 2 อาสาทรงทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในสายพระเนตรพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ 3 เพราะพระองค์ทรงรื้อพวกแท่นบูชาต่างด้าวและสถานสูงทั้งหลาย พังเสาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และโค่นบรรดาเสาอาเชราห์ 4 พระองค์ทรงบัญชาให้คนยูดาห์แสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกบรรพบุรุษของเขาทั้งหลายและให้รักษาธรรมบัญญัติและพระบัญชาทั้งหลาย

5 พระองค์ทรงรื้อสถานสูงและแท่นบูชาเครื่องหอมจากเมืองทั้งหมดของยูดาห์ อาณาจักรได้มีความสงบสุขภายใต้พระองค์ 6 พระองค์ทรงสร้างเมืองป้อมทั้งหลายในยูดาห์ เพราะแผ่นดินมีความสงบสุข และพระองค์ไม่ต้องทำสงครามในปีเหล่านั้น เพราะพระยาห์เวห์ประทานการหยุดพักแก่พระองค์ 7 เพราะอาสาตรัสกับยูดาห์ว่า “ให้พวกเราสร้างเมืองเหล่านี้ และล้อมด้วยกำแพง หอคอยประตูและดาลประตู แผ่นดินนั้นยังเป็นของพวกเรา เพราะพวกเราแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา พวกเราแสวงหาพระองค์ และพระองค์ทรงประทานสันติสุขแก่เราทุกด้าน” ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงสร้างและประสบความสำเร็จ 8 อาสาทรงมีกองทหารที่ถือพวกโล่ใหญ่และหอกจากยูดาห์ 300,000 คน และจากเบนยามินที่มีโล่และธนู 280,000 คน ทุกคนเหล่านี้ล้วนเป็นนักรบผู้กล้าหาญที่แข็งแรง

9 เศราห์คนคูชออกมาต่อสู้กับพวกเขาด้วยกองทัพทหารหนึ่งล้านคน และรถม้าศึกสามร้อยคันและพระองค์ได้มาถึงเมืองมาเรชาห์ 10 และอาสาทรงออกไปปะทะกับเขา และเขาทั้งหลายก็ตั้งแนวรบในหุบเขาเศฟาธาห์ที่มาเรชาห์ 11 อาสาร้องทูลต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ และตรัสว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ไม่มีใครนอกจากพระองค์ที่ช่วยผู้ซึ่งไม่มีกำลังเมื่อเขากำลังผจญหน้ากับคนเป็นอันมาก ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงโปรดช่วยพวกข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายพึ่งพระองค์ พวกข้าพระองค์ได้มาต่อสู้กับชนหมู่ใหญ่นี้ในพระนามของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขออย่าทรงให้มนุษย์ชนะพระองค์”

12 ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงโจมตีคนคูชต่อหน้าอาสาและคนยูดาห์ แล้วคนคูชได้แตกหนีไป 13 อาสาและพวกทหารที่อยู่กับพระองค์ได้ไล่ตามพวกเขาไปถึงเมืองเกราร์ และคนคูชล้มตายเป็นจำนวนมากพวกเขาไม่สามารถจะฟื้นฟูได้ เพราะพวกเขาแตกพ่ายยับเยินเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์และกองทัพของพระองค์ กองทัพเก็บของริบได้มากมาย 14 และกองทัพได้ทำลายหมู่บ้านทั้งหมดรอบๆ เมืองเกราร์ เพราะว่าความหวาดกลัวพระยาห์เวห์นั้นมีขึ้นกับชาวเมืองทั้งหลาย กองทัพได้ยึดหมู่บ้านทั้งหมด เพราะมีของที่จะริบได้มากมายในเมืองเหล่านั้น 15 กองทัพยังได้ทำลายเต็นท์ของพวกที่เลี้ยงสัตว์เร่ร่อน พวกเขายึดแกะและอูฐไปเป็นจำนวนมาก และจากนั้นพวกเขาก็กลับไปยังเยรูซาเล็ม

15

1 พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมาบนอาซาริยาห์บุตรชายของโอเดด 2 ท่านออกไปเฝ้าอาสาและกราบทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่อาสาและคนยูดาห์กับคนเบนยามินทั้งหมด จงฟังข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ทรงสถิตกับท่านทั้งหลาย ขณะเมื่อท่านทั้งหลายอยู่กับพระองค์ ถ้าพวกท่านแสวงหาพระองค์ พวกท่านก็จะพบพระองค์ แต่ถ้าท่านทั้งหลายละทิ้งพระองค์ พระองค์ก็จะทรงละทิ้งพวกท่าน 3 บัดนี้เป็นเวลานานแล้วที่อิสราเอลปราศจากพระเจ้าเที่ยงแท้ ปราศจากปุโรหิตผู้สั่งสอน และปราศจากธรรมบัญญัติ

4 แต่เมื่อพวกเขาทุกข์ยาก พวกเขาทั้งหลายได้หันมาหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล และแสวงหาพระองค์ เขาทั้งหลายก็ได้พบพระองค์ 5 ในสมัยนั้นไม่มีสันติสุขสำหรับเขาผู้ที่เดินทางออกไปหรือผู้ที่เดินทางเข้ามาที่นี่ เพราะเกิดความวุ่นวายมากมายกับคนที่อาศัยบนแผ่นดินนั้น 6 เขาทั้งหลายแตกแยกกันเป็นเสี่ยงๆ ประชาชาติต่อประชาชาติและเมืองต่อเมือง เพราะพระเจ้าทรงทำให้เกิดปัญหากับพวกเขาด้วยความทุกข์ยากทุกอย่าง 7 แต่ท่านทั้งหลายจงเข้มแข็ง และอย่าให้มือของท่านอ่อนลง เพราะว่ากิจการของพวกท่านจะได้รับบำเหน็จ”

8 เมื่ออาสาทรงสดับถ้อยคำเหล่านี้ คือคำเผยพระวจนะของผู้เผยพระวจนะโอเดด พระองค์ทรงมีพระทัยกล้าหาญขึ้น พระองค์ทรงขจัดสิ่งน่าสะอิดสะเอียนทั้งหลายจากแผ่นดินยูดาห์และเบนยามินทั้งหมด และจากเมืองต่างๆ ที่พระองค์ทรงยึดมาในบริเวณเทือกเขาเอฟราอิม และพระองค์ทรงซ่อมแซมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ที่อยู่หน้ามุขพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 9 พระองค์ทรงรวบรวมคนยูดาห์และคนเบนยามินทั้งหมด รวมทั้งคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่กับพวกเขา ประชาชนจากเอฟราอิม และมนัสเสห์ และจากสิเมโอน เพราะพวกเขาหนีมาจากอิสราเอลมาหาพระองค์จำนวนมาก เมื่อพวกเขาเห็นว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์สถิตกับพระองค์ 10 ดังนั้นเขาทั้งหลายได้มารวมกันที่เยรูซาเล็มในเดือนที่สามของปีที่สิบห้าในรัชกาลของอาสา

11 ในวันนั้น เขาทั้งหลายได้ถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์จากข้าวของที่พวกเขาริบมาได้ คือวัวผู้เจ็ดร้อยตัว และแกะและแพะเจ็ดพันตัว 12 เขาทั้งหลายทำพันธสัญญาที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งพวกบรรพบุรุษของพวกเขา ด้วยสุดจิตสุดใจของพวกเขา 13 พวกเขาตกลงว่าหากใครปฏิเสธที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลจะมีโทษถึงตาย ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้น้อยหรือผู้ใหญ่ ผู้ชายหรือผู้หญิง 14 เขาทั้งหลายได้สาบานตนต่อพระยาห์เวห์ด้วยเสียงดัง ด้วยการโห่ร้อง และด้วยบรรดาเสียงแตรและเขาสัตว์ 15 คนยูดาห์ทั้งหมดเปรมปรีดิ์เพราะคำสาบานนั้น เพราะเขาทั้งหลายสาบานด้วยสุดใจของพวกเขา และเขาทั้งหลายแสวงหาพระองค์ด้วยความปรารถนาทั้งหมดของเขา และเขาทั้งหลายได้พบพระองค์ พระยาห์เวห์ทรงประทานสันติสุขให้พวกเขาในทุกด้าน

16 กษัตริย์อาสาทรงถอดมาอาคาห์ พระอัยกีของพระองค์เสียจากตำแหน่งราชินี เพราะพระนางทรงทำรูปเคารพน่าเกลียดน่าชังเพื่อพระอาเชราห์ อาสาทรงฟันรูปเคารพของพระนางลง ทรงบดเป็นผง และเผาเสียที่ลำธารขิดโรน 17 แต่สถานสูงต่างๆ ยังไม่ได้ถูกรื้อออกหมดจากอิสราเอล ถึงอย่างนั้นพระทัยของอาสาก็ซื่อตรงตลอดรัชสมัยของพระองค์ 18 พระองค์ทรงนำบรรดาสิ่งของที่เป็นของพระราชบิดาของพระองค์ และของต่างๆ ของพระองค์ที่เป็นของพระยาห์เวห์ ได้แก่วัตถุเงิน และทองคำทั้งหลายเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า 19 ไม่มีสงครามอีกจนถึงปีที่สามสิบห้าในรัชกาลของอาสา

16

1 ในปีที่สามสิบหกแห่งรัชกาลอาสา บาอาชากษัตริย์ของอิสราเอลทรงปฏิบัติอย่างก้าวร้าวโดยขึ้นมาต่อสู้กับยูดาห์ และทรงสร้างเมืองรามาห์ เพื่อไม่ให้ใครผ่านเข้าออกยังแผ่นดินของอาสากษัตริย์ยูดาห์ 2 และอาสาทรงนำเงินและทองคำจากคลังในพระนิเวศของพระยาห์เวห์และจากพระราชวังของกษัตริย์ และทรงส่งไปให้เบนฮาดัดกษัตริย์อารัม ผู้ได้ประทับในดามัสกัส พระองค์ตรัสว่า 3 “ขอให้มีสนธิสัญญาระหว่างข้าพเจ้ากับท่าน เหมือนดังที่มีอยู่ระหว่างพระราชบิดาของข้าพเจ้าและพระราชบิดาของท่าน นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้ส่งเงินและทองคำมายังท่าน ขอให้ท่านจงยกเลิกสนธิสัญญาของท่านที่มีกับบาอาชากษัตริย์อิสราเอล เพื่อเขาจะถอยทัพไปจากข้าพเจ้า”

4 เบนฮาดัดทรงฟังกษัตริย์อาสา และทรงส่งบรรดาผู้บัญชาการกองทัพของพระองค์ไปสู้กับเมืองต่างๆ ของอิสราเอล เขาทั้งหลายโจมตีเมืองอีโยน เมืองดาน เมืองอาเบลมาอิม และเมืองคลังหลวงทั้งหมดของนัฟทาลี 5 และเมื่อบาอาชาทรงทราบเรื่อง พระองค์ก็ทรงหยุดสร้างเมืองรามาห์ และทรงยุติงานของพระองค์ 6 แล้วกษัตริย์อาสาทรงนำคนยูดาห์ทั้งหมดไปกับพระองค์ เขาทั้งหลายขนหินและไม้ของเมืองรามาห์ซึ่งบาอาชาทรงใช้สร้างเมืองนั้น แล้วกษัตริย์อาสาทรงใช้สิ่งก่อสร้างนั้นมาสร้างเมืองเกบาและเมืองมิสปาห์

7 เวลานั้นฮานานีผู้ทำนายมาเฝ้าอาสากษัตริย์ของยูดาห์ และทูลพระองค์ว่า “เพราะฝ่าพระบาททรงพึ่งกษัตริย์อารัม และไม่ทรงพึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท กองทัพของกษัตริย์อารัมจึงหลุดจากพระหัตถ์ของฝ่าพระบาทไป 8 คนคูชและชาวลิเบียเป็นกองทัพมหึมาทั้งมีรถม้าศึกและทหารม้ามากมายไม่ใช่หรือ? แต่เพราะฝ่าพระบาททรงพึ่งพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทรงมอบชัยชนะเหนือเขาทั้งหลายให้ฝ่าพระบาท 9 เพราะว่าพระเนตรของพระยาห์เวห์สอดส่องอยู่เหนือแผ่นดินโลกทั้งหมด เพื่อพระองค์จะสำแดงถึงความแข็งแรงของพระองค์ในฐานะของคนเหล่านั้นที่จริงใจต่อพระองค์ แต่ฝ่าพระบาททรงกระทำอย่างโง่เขลาในเรื่องนี้ เพราะตั้งแต่นี้ไปฝ่าพระบาทจะทรงมีศึกสงคราม” 10 และอาสาก็กริ้วผู้ทำนายนั้น และพระองค์ทรงจับเขาขังคุก เพราะพระองค์ทรงเกรี้ยวกราดกับเขาในเรื่องนี้ และในเวลาเดียวกัน อาสายังทรงข่มเหงพวกประชาชนด้วย

11 และนี่แน่ะ พระราชกิจของอาสา ตั้งแต่ต้นจนจบได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือของกษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 12 ในปีที่สามสิบเก้าแห่งรัชกาลของพระองค์ อาสาทรงเป็นโรคที่พระบาท โรคของพระองค์ก็ร้ายแรง แม้ทรงประชวรเป็นโรคอยู่พระองค์ก็ไม่ทรงแสวงหาความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ แต่แสวงหาการช่วยเหลือจากแพทย์ 13 อาสาทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ พระองค์สิ้นพระชนม์ในปีที่สี่สิบเอ็ดแห่งรัชกาลของพระองค์ 14 เขาทั้งหลายฝังพระศพไว้ในอุโมงค์ ที่พระองค์ทรงสกัดไว้ให้พระองค์เองในนครดาวิด พวกเขาได้วางพระศพของพระองค์ไว้บนแท่นที่เต็มไปด้วยเครื่องหอมชนิดต่างๆ ซึ่งช่างปรุงเครื่องหอมได้ปรุงไว้ และเขาทั้งหลายได้ถวายเพลิงพระศพใหญ่โตแด่พระองค์

17

1 เยโฮชาฟัทพระราชโอรสของอาสาขึ้นเป็นกษัตริย์แทนพระองค์ เยโฮชาฟัททรงเสริมกำลังพระองค์เองต่อสู้กับคนอิสราเอล 2 พระองค์ทรงวางกำลังพลไว้ในเมืองป้อมทั้งหมดของยูดาห์ และทรงตั้งทหารรักษาการในแผ่นดินยูดาห์และในเมืองต่างๆ ของเอฟราอิม ที่อาสาพระราชบิดาของพระองค์ทรงยึดไว้ 3 พระยาห์เวห์ทรงสถิตกับเยโฮชาฟัท เพราะพระองค์ทรงดำเนินในวิถีทางช่วงต้นๆ ของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ และไม่ทรงแสวงหาพระบาอัล 4 แต่พระองค์ทรงไว้วางใจในพระเจ้าของพระราชบิดาของพระองค์ และทรงดำเนินตามพระบัญชาทั้งหลายของพระเจ้า ไม่ทรงดำเนินตามการกระทำของคนอิสราเอล 5 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงทรงสถาปนาราชอาณาจักรไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทุกคนในยูดาห์ต่างนำบรรณาการมาถวายเยโฮชาฟัท พระองค์ทรงมีทรัพย์สมบัติและเกียรติยศมากมาย 6 พระทัยของพระองค์ทรงเข้มแข็งขึ้นในพระมรรคาของพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงรื้อบรรดาสถานสูงและบรรดาเสาอาเชราห์เสียจากยูดาห์

7 ในปีที่สามแห่งรัชกาลของพระองค์ พระองค์ทรงใช้พวกข้าราชการของพระองค์ คือ เบนฮาอิล โอบาดีห์ เศคาริยาห์ เนธันเอล และมีคายาห์ไปสั่งสอนในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ 8 และมีคนเลวีไปกับพวกเขาด้วย คือ เชไมอาห์ เนธานิยาห์ เศบาดิยาห์ อาสาเฮล เชมิราโมท เยโฮนาธัน อาโดนียาห์ โทบียาห์ และโทอาโดนิยาห์ ทั้งยังมีพวกปุโรหิตที่ไปพร้อมกับพวกเขาด้วยคือ เอลีชามาและเยโฮรัม 9 เขาทั้งหลายสั่งสอนในยูดาห์ โดยมีหนังสือธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ไปกับพวกเขาด้วย พวกเขาเดินทางไปทั่วเมืองทั้งหมดของยูดาห์และสั่งสอนท่ามกลางประชาชน

10 ความเกรงกลัวพระยาห์เวห์ได้เกิดขึ้นกับบรรดาราชอาณาจักรที่อยู่รอบๆ ยูดาห์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ทำสงครามกับเยโฮชาฟัท 11 คนฟีลิสเตียบางส่วนได้นำของกำนัลมาถวายเยโฮชาฟัท และเงินมาเป็นบรรณาการ และพวกอาหรับได้นำแกะผู้ 7,700 ตัว และแพะผู้ 7,700 ตัวมาถวายพระองค์ด้วย 12 เยโฮชาฟัททรงมีอำนาจมากยิ่งขึ้น พระองค์ทรงสร้างเมืองป้อมและเมืองคลังหลวงต่างๆ ไว้ในยูดาห์ 13 พระองค์ทรงสะสมเสบียงไว้มากมายในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และทรงมีทหารที่แข็งแรง เป็นนักรบกล้าหาญอยู่ในเยรูซาเล็ม

14 ต่อไปนี้เป็นบัญชีรายชื่อของพวกเขา ตามชื่อตระกูลของบิดาของพวกเขา จากเผ่ายูดาห์ บรรดาผู้บังคับกองพันนั้นได้แก่ ผู้บัญชาการอัดนาห์ พร้อมกับนักรบ 300,000 คน 15 ถัดจากเขา คือ ผู้บัญชาการเยโฮฮานัน พร้อมกับผู้ชาย 280,000 คน 16 ถัดจากเขา คือ อามัสยาห์บุตรชายศิครีผู้ซึ่งอาสาสมัครเพื่อปรนนิบัติพระยาห์เวห์ พร้อมกับนักรบ 200,000 คน 17 จากเผ่าเบนยามิน คือ เอลียาดา ผู้ชายที่มีอำนาจที่กล้าหาญ พร้อมกับทหาร 200,000 คนที่มีธนูและโล่ 18 และถัดจากเขา คือ เยโฮซาบาด พร้อมกับทหารที่พร้อมรบ 180,000 คน

19 คนเหล่านี้เป็นข้าราชการของกษัตริย์ นอกเหนือจากพวกที่กษัตริย์ทรงจัดวางไว้ในเมืองป้อมต่างๆ ทั่วยูดาห์

18

1 บัดนี้เยโฮชาฟัททรงมีทรัพย์มั่งคั่งและเกียรติใหญ่ยิ่ง พระองค์ทรงกระทำให้พระองค์เองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับอาหับ ด้วยการให้ราชโอรสองค์หนึ่งของพระองค์อภิเษกสมรสกับราชธิดาของอาหับ 2 ครั้นล่วงมาหลายปี พระองค์เสด็จไปเฝ้าอาหับในสะมาเรีย และอาหับทรงฆ่าแกะและวัวมากมายสำหรับพระองค์ และไพร่พลที่มากับพระองค์ อาหับทรงชักชวนพระองค์ให้ขึ้นไปโจมตีราโมทกิเลอาดกับพระองค์ 3 อาหับกษัตริย์อิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทกษัตริย์ยูดาห์ว่า "ท่านจะไปราโมทกิเลอาดกับข้าพเจ้าไหม?" เยโฮชาฟัททูลตอบพระองค์ว่า "ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่ท่านเป็น และไพร่พลของข้าพเจ้าก็เป็นอย่างไพร่พลของท่าน เราจะอยู่กับท่านในการสงคราม"

4 เยโฮชาฟัทตรัสกับกษัตริย์อิสราเอลว่า "ขอทูลถามคำตอบของพระองค์จากพระดำรัสของพระยาห์เวห์เสียก่อน" 5 แล้วกษัตริย์อิสราเอลก็ได้ทรงเรียกประชุมพวกผู้เผยพระวจนะสี่ร้อยคน และตรัสกับพวกเขาว่า "ควรที่เราจะไปทำสงครามกับราโมทกิเลอาดหรือไม่ควรไป?" เขาทั้งหลายทูลตอบว่า "โจมตีเถิด เพราะพระเจ้าจะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์" 6 แต่เยโฮชาฟัททูลว่า "ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอีกสักคนหนึ่งหรือซึ่งเราจะสอบถามได้?" 7 กษัตริย์อิสราเอลทูลเยโฮชาฟัทว่า "ยังมีชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเราจะให้ทูลถามพระยาห์เวห์ได้ คือมีคายาห์บุตรอิมลาห์ แต่ข้าพเจ้าชังเขา เพราะเขาไม่เคยเผยสิ่งที่ดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย ส่วนใหญ่มักจะเป็นสิ่งที่เลวร้าย" แต่เยโฮชาฟัททูลว่า "ขอกษัตริย์อย่าตรัสดังนั้นเลย"

8 แล้วกษัตริย์อิสราเอลจึงเรียกข้าราชการคนหนึ่งเข้ามาและตรัสสั่งว่า "จงไปพามีคายาห์บุตรชายอิมลาห์มาโดยเร็ว" 9 บัดนี้อาหับกษัตริย์อิสราเอลและเยโฮชาฟัทกษัตริย์ยูดาห์ ต่างกำลังประทับบนพระที่นั่ง ทรงฉลองพระองค์ด้วยเสื้อคลุมเต็มยศของทั้งสองพระองค์ ในที่โล่งแจ้ง ที่ทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย และผู้เผยพระวจนะทั้งปวงกำลังเผยพระวจนะถวายอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ 10 เศเดคียาห์บุตรชายเคนาอะนาห์ทำพวกเขาสัตว์เหล็กด้วยตนเอง และได้พูดว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ด้วยสิ่งเหล่านี้ เจ้าจะผลักคนอารัมไปจนเขาทั้งหลายถูกทำลาย" 11 บรรดาผู้เผยพระวจนะก็เผยพระวจนะอย่างเดียวกัน ทูลว่า "โจมตีราโมทกิเลอาดเถิด และมีชัยชนะ เพราะพระยาห์เวห์ทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์"

12 ผู้สื่อสารผู้ได้ไปเรียกมีคายาห์บอกท่านว่า "บัดนี้จงดู ถ้อยคำทั้งหลายของบรรดาผู้เผยพระวจนะก็พูดสิ่งต่างๆ ที่ดีเป็นเสียงเดียวกันแก่กษัตริย์ ขอให้ถ้อยคำของท่านเป็นเหมือนอย่างถ้อยคำของคนหนึ่งในพวกนั้น และพูดสิ่งต่างๆ ที่ดี" 13 มีคายาห์ตอบว่า "พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระเจ้าตรัสอะไรข้าพเจ้าจะพูดสิ่งนั้น" 14 เมื่อท่านมาเฝ้ากษัตริย์ กษัตริย์ตรัสถามท่านว่า "มีคายาห์ ควรที่เราจะไปยังราโมทกิเลอาดเพื่อทำสงครามหรือไม่?" มีคายาห์ทูลตอบพระองค์ว่า "จงโจมตีเถิด และมีชัยชนะ เพราะมันจะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่" 15 แต่กษัตริย์ตรัสกับท่านว่า "กี่ครั้งแล้วที่เราต้องบอกให้เจ้าที่จะไม่บอกเรานอกจากความจริงในพระนามพระยาห์เวห์?" 16 ดังนั้นมีคายาห์จึงทูลว่า "ข้าพระบาทเห็นคนอิสราเอลทั้งปวงกระจัดกระจายอยู่บนภูเขา อย่างแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง และพระยาห์เวห์ตรัสว่า 'คนเหล่านี้ไม่มีผู้เลี้ยง ให้ทุกคนกลับยังเรือนของตนโดยสวัสดิภาพเถิด'"

17 ดังนั้นกษัตริย์อิสราเอลจึงทูลเยโฮชาฟัทว่า "ข้าพเจ้ามิได้บอกท่านแล้วหรือว่า เขาจะไม่เผยสิ่งดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย มีแต่สิ่งชั่วร้ายเท่านั้น" 18 และมีคายาห์ทูลว่า "ฉะนั้นขอให้ท่านทั้งหลายสดับพระวจนะของพระยาห์เวห์ ข้าพระบาทเห็นพระยาห์เวห์กำลังประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ และบรรดาบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ได้ยืนข้างขวาพระหัตถ์และข้างซ้ายของพระองค์ 19 และพระยาห์เวห์ตรัสว่า 'ผู้ใดจะเกลี้ยกล่อมอาหับกษัตริย์อิสราเอล เพื่อเขาจะขึ้นไปและล้มลงที่ราโมทกิเลอาด?' คนหนึ่งได้ทูลอย่างนี้ อีกคนทูลอย่างนั้น 20 แล้วมีวิญญาณดวงหนึ่งมาข้างหน้าและยืนต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์และทูลว่า 'ข้าพระองค์จะเกลี้ยกล่อมเขา' พระยาห์เวห์ตรัสกับเขาว่า 'อย่างไร?' 21 วิญญาณนั้นทูลว่า 'ข้าพระบาทจะออกไปและข้าพระบาทจะกลายเป็นวิญญาณมุสาในปากของผู้เผยพระวจนะทุกคน' พระยาห์เวห์ตรัสตอบว่า 'เจ้าจงไปเกลี้ยกล่อมเขา และเจ้าจะทำได้สำเร็จด้วย จงไปเดี๋ยวนี้และทำตามนั้น' 22 บัดนี้ ดูเถิด พระยาห์เวห์ทรงใส่วิญญาณมุสาในปากของเหล่าผู้เผยพระวจนะของฝ่าพระบาท และพระยาห์เวห์ทรงลั่นพระวาจาเป็นความร้ายเกี่ยวกับฝ่าพระบาท"

23 แล้วเศเดคียาห์บุตรชายเคนาอะนาห์เข้ามาตบแก้มมีคายาห์ และพูดว่า "พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ออกจากข้าไปพูดกับเจ้าได้อย่างไร?" 24 มีคายาห์พูดว่า "ดูเถิด เจ้าจะรู้ในวันนั้น เมื่อเจ้าวิ่งเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อจะซ่อนตัวเจ้า” 25 กษัตริย์อิสราเอลตรัสกับข้าราชการบางคนของพระองค์ว่า "พวกเจ้าจงจับมีคายาห์ พาเขาไปมอบให้อาโมนผู้ว่าราชการเมืองนั้น และแก่โยอาชราชโอรส 26 พวกเจ้าจงกล่าวแก่เขาว่า 'กษัตริย์ตรัสดังนี้ว่า จงเอาคนนี้จำคุกเสีย เลี้ยงเขาด้วยอาหารเล็กน้อยกับน้ำนิดหน่อยเท่านั้น จนกว่าเราจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ'" 27 และมีคายาห์ทูลว่า "ถ้าฝ่าพระบาทเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ พระเจ้าก็มิได้ตรัสโดยข้าพระบาท" และท่านกล่าวว่า "บรรดาชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงฟังเถิด"

28 ดังนั้นอาหับกษัตริย์อิสราเอลกับเยโฮชาฟัทกษัตริย์ยูดาห์ ได้เสด็จไปโจมตีราโมทกิเลอาด 29 และกษัตริย์อิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า "ข้าพเจ้าจะปลอมตัวเข้าทำศึก แต่ท่านจงสวมเครื่องทรงของท่าน" ดังนั้นกษัตริย์อิสราเอลก็ได้ทรงปลอมพระองค์ และพวกเขาได้เข้าทำสงคราม 30 ฝ่ายกษัตริย์อารัมทรงบัญชาพวกแม่ทัพรถม้าศึกของพระองค์ ตรัสว่า "อย่าโจมตีพวกทหารที่ไม่สำคัญ หรือพวกทหารที่สำคัญ แต่จงมุ่งโจมตีเฉพาะกษัตริย์อิสราเอลเท่านั้น"

31 เมื่อพวกผู้บัญชาการรถม้าศึกได้เห็นเยโฮชาฟัท เขาทั้งหลายพูดว่า "นั่นคือกษัตริย์อิสราเอล" พวกเขาจึงหันเข้าไปล้อมเพื่อที่จะโจมตีพระองค์ แต่เยโฮชาฟัทร้องขึ้น และพระยาห์เวห์ทรงช่วยพระองค์ พระเจ้าทรงทำให้เขาทั้งหลายออกไปเสียจากพระองค์ 32 เมื่อพวกผู้บัญชาการรถม้าศึกเห็นว่าไม่ใช่กษัตริย์อิสราเอล พวกเขาหันกลับจากการไล่ตามพระองค์ 33 แต่มีทหารนายหนึ่งโก่งธนูยิงสุ่มไป ถูกกษัตริย์อิสราเอลเข้าระหว่างเกล็ดเกราะ แล้วอาหับตรัสรับสั่งกับคนขับรถม้าศึกของพระองค์ว่า "หันกลับเถอะ และพาเราออกจากการรบ เพราะเราบาดเจ็บสาหัส" 34 วันนั้นการรบดุเดือดมากขึ้น และกษัตริย์อิสราเอลพยุงพระองค์เองขึ้นไปในรถม้าศึกของพระองค์ หันพระพักตร์เข้าสู้คนอารัมจนถึงเวลาเย็น แล้วประมาณเวลาดวงอาทิตย์ตกพระองค์ก็สิ้นพระชนม์

19

1 เยโฮชาฟัทกษัตริย์ยูดาห์เสด็จกลับไปถึงพระราชวังของพระองค์ในเยรูซาเล็มโดยสวัสดิภาพ 2 แล้วเยฮูบุตรฮานานีผู้ทำนายได้ออกไปเฝ้าพระองค์ และทูลกษัตริย์เยโฮชาฟัทว่า "ควรที่ฝ่าพระบาทจะทรงช่วยคนชั่วร้ายหรือ? ควรหรือที่ฝ่าพระบาทจะทรงรักคนเหล่านั้นผู้ที่เกลียดชังพระยาห์เวห์หรือ? เพราะเรื่องนี้พระพิโรธจากพระยาห์เวห์จะมาถึงฝ่าพระบาท 3 อย่างไรก็ตามก็ยังมีความดีบางส่วนที่พบได้ในพระองค์ คือที่ฝ่าพระบาททรงทำลายบรรดาเสาอาเชราห์เสียจากแผ่นดิน และทรงมีพระทัยมุ่งแสวงหาพระเจ้า"

4 เยโฮชาฟัทประทับในเยรูซาเล็มและพระองค์ทรงออกไปเยี่ยมเยียนประชาชนอีก ตั้งแต่เบเออร์เชบาถึงถิ่นเทือกเขาเอฟราอิม และทรงนำเขาทั้งหลายกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษทั้งหลายของพวกเขา 5 พระองค์ทรงตั้งผู้วินิจฉัยทั้งหลายในแผ่นดินนั้น ในหัวเมืองทั้งหลายที่มีป้อมทั้งสิ้นของยูดาห์ทีละหัวเมือง 6 พระองค์ตรัสกับผู้วินิจฉัยเหล่านั้นว่า "จงพิจารณาสิ่งที่ท่านทั้งหลายจะกระทำ เพราะพวกท่านมิได้พิพากษาเพื่อมนุษย์แต่เพื่อพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงสถิตกับพวกท่านในการพิพากษา 7 บัดนี้จงให้ความยำเกรงพระยาห์เวห์อยู่เหนือพวกท่าน จงระมัดระวังเมื่อท่านตัดสินพิพากษา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราไม่มีความอยุติธรรม หรือไม่มีความลำเอียง และไม่มีการรับสินบน"

8 ยิ่งกว่านั้นอีก ในเยรูซาเล็ม เยโฮชาฟัททรงตั้งพวกคนเลวีและปุโรหิตบ้าง กับหัวหน้าตระกูลอิสราเอลบ้าง เพื่อจะให้การพิพากษาแห่งพระยาห์เวห์และวินิจฉัยคดีที่โต้แย้งกัน เขาทั้งหลายอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม 9 พระองค์ทรงกำชับเขาทั้งหลาย ตรัสว่า "ท่านทั้งหลายจงกระทำการนี้ด้วยความยำเกรงพระยาห์เวห์ ด้วยความสัตย์ซื่อและด้วยสิ้นสุดใจของท่าน 10 เมื่อมีข้อพิพาทจากพี่น้องของพวกท่านผู้อาศัยอยู่ในหัวเมืองของเขาทั้งหลายมาถึงพวกท่าน เกี่ยวกับเรื่องฆ่าฟันกัน เกี่ยวกับกฏหมายทั้งหลาย และพระบัญชาทั้งหลาย บทบัญญัติทั้งหลาย หรือ กฎเกณฑ์ทั้งหลาย ท่านทั้งหลายต้องตักเตือนพวกเขา เพื่อพวกเขาจะไม่กระทำผิดต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ หรือพระพิโรธจะมาถึงพวกท่านและพวกพี่น้องของพวกท่าน พวกท่านจงกระทำเช่นนี้ และพวกท่านจะไม่มีความผิด 11 ดูเถิด อามาริยาห์มหาปุโรหิตก็อยู่เหนือท่านในทุกเรื่องของพระยาห์เวห์ เศบาดิยาห์บุตรชายอิชมาเอล ผู้นำของเชื้อวงศ์ยูดาห์ก็อยู่เหนือท่านในทุกเรื่องของกษัตริย์ คนเลวีจะเป็นเจ้าหน้าที่ปรนนิบัติพวกท่านด้วย จงเข้มแข็ง และเชื่อฟังคำสั่งสอนทั้งหลายของท่าน และขอพระยาห์เวห์ทรงสถิตอยู่กับคนเหล่านั้นผู้ซึ่งเป็นคนดี"

20

1 ภายหลัง คนโมอับและคนอัมโมน และมีคนเมอูนีบางส่วนร่วมกับเขาทั้งหลาย เข้ามาทำสงครามกับเยโฮชาฟัท 2 มีบางคนมาทูลเยโฮชาฟัท กล่าวว่า "มีคนหมู่ใหญ่จากทะเลตายฟากข้างโน้น จากเอโดมกำลังมาต่อสู้กับพระองค์ และดูเถิด เขาทั้งหลายอยู่ในฮาซาโซนทามาร์" คือเอนกาดี 3 เยโฮชาฟัทเกิดความกลัว และตั้งพระทัยด้วยพระองค์เองมุ่งแสวงหาพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงประกาศให้อดอาหารทั่วยูดาห์ 4 คนยูดาห์ได้ชุมนุมกันแสวงหาพระยาห์เวห์ พวกเขาพากันมาจากหัวเมืองทั้งสิ้นของยูดาห์เพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์

5 เยโฮชาฟัททรงยืนอยู่ในที่ชุมนุมของคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ข้างหน้าลานใหม่ 6 พระองค์ทูลว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์หรือ? พระองค์มิได้ปกครองเหนือบรรดาราชอาณาจักรของบรรดาประชาชาติหรือ? ฤทธิ์และอำนาจมีในพระหัตถ์ของพระองค์ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านพระองค์ได้ 7 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์มิได้ทรงขับไล่ชาวแผ่นดินนี้ออกไปเสียให้พ้นหน้าอิสราเอลประชาชนของพระองค์ และทรงมอบให้แก่บรรดาเชื้อสายของอับราฮัมเป็นนิตย์หรือ? 8 เขาทั้งหลายได้อาศัยอยู่ในนั้น และสร้างสถานที่บริสุทธิ์ในที่นั้นเพื่อพระนามของพระองค์ พวกเขาทูลว่า 9 'ถ้าเหตุร้ายเกิดขึ้นเหนือข้าพระองค์ทั้งหลายจะเป็นดาบ การพิพากษา หรือโรคร้ายแรง หรือการกันดารอาหาร ข้าพระองค์ทั้งหลายจะยืนอยู่ต่อหน้าพระนิเวศนี้และต่อพระพักตร์พระองค์ เพราะพระนามของพระองค์อยู่ในพระนิเวศนี้ และข้าพระองค์ทั้งหลายจะร้องทูลต่อพระองค์ในความทุกข์ยากลำบากของข้าพระองค์ทั้งหลาย และพระองค์จะทรงได้ยินข้าพระองค์และทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด'

10 ดูเถิด บัดนี้คนอัมโมน คนโมอับ และคนภูเขาเสอีร์ ผู้ซึ่งพระองค์ไม่ทรงยอมให้คนอิสราเอลกวาดล้าง เมื่อพวกเขาได้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ พวกเขาได้เลี่ยงไปจากคนเหล่านั้นและมิได้ทำลายเสีย 11 ดูเถิด เขาทั้งหลายได้ให้รางวัลแก่เราอย่างไร ด้วยการมาขับไล่พวกเราออกเสียจากแผ่นดินของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงประทานให้แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นมรดก 12 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงกระทำการพิพากษาพวกเขาหรือ? เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายไม่มีอำนาจที่จะต่อสู้กองทัพที่ยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งกำลังมาต่อสู้กับข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ทราบว่าจะกระทำประการใด แต่ดวงตาของข้าพระองค์ทั้งหลายจับจ้องอยู่ที่พระองค์"

13 คนยูดาห์ทั้งปวงได้ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ พร้อมกับพวกผู้คนเล็กน้อยของพวกเขาคือ บรรดาภรรยาและบรรดาบุตรของพวกเขา 14 ในกลางที่ชุมนุนนั้นพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้เสด็จลงมาสถิตบนยาฮาซีเอลบุตรชายของเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของเบไนยาห์ ผู้เป็นบุตรชายของเยอีเอล ผู้เป็นบุตรชายของมัทธานิยาห์ เป็นคนเลวีหนึ่งในบรรดาบุตรชายของอาสาฟ 15 ยาฮาซีเอลพูดว่า "คนยูดาห์ทั้งปวงและบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มทั้งหลาย และกษัตริย์เยโฮชาฟัท ขอจงฟัง พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แก่ท่านทั้งหลายว่า 'อย่ากลัวเลย อย่าท้อถอยด้วยกองทัพที่ยิ่งใหญ่นี้เลย เพราะว่าการสงครามนั้นไม่ใช่ของพวกท่าน แต่เป็นของพระเจ้า 16 พรุ่งนี้เช้าพวกเจ้าจงลงไปต่อสู้กับพวกเขา ดูเถิด พวกเขากำลังขึ้นมาทางผ่านของตำบลศิส ท่านทั้งหลายจะพบพวกเขาที่ปลายหุบเขา ก่อนถึงถิ่นทุรกันดารเยรูเอล 17 ไม่จำเป็นที่พวกท่านจะต้องสู้รบในสงครามครั้งนี้ โอ คนยูดาห์ และชาวเยรูซาเล็ม จงเข้าประจำที่ ยืนนิ่งไว้และดูการช่วยกู้ของพระยาห์เวห์เพื่อท่าน อย่ากลัว หรืออย่าท้อถอยเลย พรุ่งนี้จงออกไปสู้กับพวกเขาเพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับท่าน'"

18 เยโฮชาฟัทโน้มพระเศียรก้มพระพักตร์ของพระองค์ลงถึงพื้น คนยูดาห์ทั้งปวงกับบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มทั้งหลายได้กราบลงต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพื่อนมัสการพระองค์ 19 บรรดาคนเลวี คนเหล่านั้นซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์ทั้งหลายของคนโคฮาทและคนโคราห์ ได้ยืนขึ้นถวายสรรเสริญแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยเสียงอันดัง

20 เขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้าและออกไปยังถิ่นทุรกันดารเทโคอา เมื่อพวกเขาได้ออกไป เยโฮชาฟัทได้ทรงยืนและตรัสว่า "คนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า จงวางใจในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่าน และท่านจะได้รับการช่วยเหลือ จงเชื่อในบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ และท่านจะประสบความสำเร็จ" 21 เมื่อพระองค์ปรึกษากับประชาชนแล้ว พระองค์ทรงแต่งตั้งคนเหล่านั้นผู้ที่จะร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ และถวายสรรเสริญพระองค์เพราะความรุ่งโรจน์อันบริสุทธิ์ของพระองค์ เมื่อพวกเขาออกไปหน้าศัตรู และพูดว่า "จงถวายโมทนาแด่พระยาห์เวห์ เพราะพันธสัญญาที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์" 22 เมื่อเขาทั้งหลายเริ่มร้องเพลงและสรรเสริญ พระยาห์เวห์ทรงจัดกองซุ่มคอยต่อสู้กับคนอัมโมน คนโมอับ และคนภูเขาเสอีร์ ผู้กำลังเข้ามาต่อสู้กับยูดาห์ เขาทั้งหลายจึงแตกพ่ายไป 23 เพราะว่าคนอัมโมนและคนโมอับได้ลุกขึ้นต่อสู้กับผู้ที่อาศัยอยู่บนภูเขาเสอีร์ เพื่อที่จะฆ่าพวกเขาและทำลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาทั้งหลายกวาดล้างผู้ที่อาศัยอยู่บนภูเขาเสอีร์แล้ว พวกเขาทั้งสิ้นก็ช่วยกันทำลายซึ่งกันและกัน

24 เมื่อคนยูดาห์เข้ามาถึงสถานที่สำหรับมองดูในถิ่นทุรกันดาร พวกเขามองตรงไปที่กองทัพนั้น ดูเถิด พวกเขาตายแล้ว นอนอยู่บนพื้นดิน ไม่มีสักคนเดียวที่รอดไปได้ 25 เมื่อเยโฮชาฟัทและประชาชนของพระองค์เข้ามาเก็บของจากเขาทั้งหลาย พวกเขาพบสิ่งของจำนวนมาก เสื้อผ้า และของมีค่าต่างๆ ซึ่งพวกเขาเก็บมาเพื่อพวกเขาเอง มีมากเกินกว่าพวกเขาจะสามารถขนไปได้ พวกเขาต้องใช้เวลาสามวันในการเก็บของที่ริบได้เหล่านั้น เพราะมีจำนวนมากเหลือเกิน

26 ในวันที่สี่เขาทั้งหลายชุมนุมกันในหุบเขาเบราคาห์ ที่นั่นพวกเขาได้สรรเสริญพระยาห์เวห์ ดังนั้นเขาจึงเรียกที่นั้นว่า "หุบเขาเบราคาห์" จนถึงทุกวันนี้ 27 แล้วเขาทั้งหลายได้กลับไปคือ คนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มทุกคน และเยโฮชาฟัทเป็นผู้นำของพวกเขา กลับไปยังเยรูซาเล็มด้วยความชื่นบาน เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำให้พวกเขาเปรมปรีดิ์เหนือพวกศัตรูของพวกเขา 28 เขาทั้งหลายมายังเยรูซาเล็ม และพระนิเวศของพระยาห์เวห์ด้วยพิณใหญ่ และพิณเขาคู่ และแตร 29 ความเกรงกลัวพระเจ้ามีอยู่เหนือบรรดาราชอาณาจักรของชนชาติทั้งปวง เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระยาห์เวห์ทรงต่อสู้บรรดาศัตรูของอิสราเอล 30 ดังนั้นอาณาจักรของเยโฮชาฟัทจึงสงบเงียบ เพราะว่าพระเจ้าของพระองค์ทรงประทานให้พระองค์มีความสงบสุข

31 เยโฮชาฟัททรงครอบครองอยู่เหนือยูดาห์ พระองค์มีพระชนมายุสามสิบห้าพรรษาเมื่อพระองค์ทรงเริ่มครอบครองนั้น และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มยี่สิบห้าปี พระราชมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่าอาซูบาห์ บุตรหญิงของชิลหิ 32 พระองค์ทรงดำเนินตามวิธีการของอาสาราชบิดาของพระองค์ พระองค์มิได้ทรงหันเหไปจากทางนั้น พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ 33 อย่างไรก็ดี สถานสูงยังไม่ได้ถูกกำจัดออกไป ประชาชนนั้นยังมิได้ปักใจในพระเจ้าแห่งบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา

34 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของเยโฮชาฟัท ตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด ดูเถิดได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเยฮู บุตรชายของฮานานี ซึ่งถูกบันทึกไว้ในหนังสือของกษัตริย์แห่งอิสราเอล

35 หลังจากนี้เยโฮชาฟัทกษัตริย์ยูดาห์ พระองค์เองทรงร่วมงานกับอาหัสยาห์กษัตริย์อิสราเอลผู้ทรงกระทำการชั่วร้ายมาก 36 พระองค์เองทรงร่วมงานในเรื่องการสร้างเรือไปยังเมืองทารชิช เขาทั้งหลายได้สร้างเรือในเอซิโอนเกเบอร์ 37 แล้วเอลีเอเซอร์บุตรชายโดดาวาหุแห่งเมืองมาเรชาห์ ได้เผยพระวจนะต่อต้านเยโฮชาฟัทเขากล่าวว่า "เพราะว่าพระองค์เองทรงร่วมงานกับอาหัสยาห์ พระยาหเวห์จะทรงทำลายบรรดาโครงการพระองค์" เรือทั้งหลายถูกทำให้อับปางไม่สามารถแล่นได้

21

1 เยโฮชาฟัททรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ และพระองค์ทรงถูกฝังไว้กับพวกเขาในนครดาวิด เยโฮรัมพระราชโอรสของพระองค์ครองราชย์แทน 2 เยโฮรัมทรงมีพระอนุชา ผู้เป็นพระราชโอรสของเยโฮชาฟัท คือ อาซาริยาห์ เยฮีเอล เศคาริยาห์ อาซาริยาห์ มีคาเอล และเชฟาทิยาห์ ทั้งหมดเป็นพระราชโอรสของเยโฮชาฟัทผู้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล 3 พระราชบิดาได้ประทาน เงิน ทองคำ และของมีค่ามากมาย พร้อมกับเมืองป้อมปราการในยูดาห์แก่พวกเขา แต่พระองค์ได้ประทานราชอาณาจักรแก่เยโฮรัม

4 บัดนี้เมื่อเยโฮรัมทรงขึ้นครองราชอาณาจักรของพระราชบิดาของพระองค์และทำให้ตนเองเป็นกษัตริย์อย่างมั่นคงแล้ว พระองค์ทรงฆ่าพระอนุชาทั้งหมดของพระองค์ด้วยดาบ รวมทั้งผู้นำบางคนของชาวอิสราเอลด้วย 5 เยโฮรัมมีพระชนมายุสามสิบสองพรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มแปดปี 6 พระองค์ทรงดำเนินตามทางทั้งหลายของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล ตามอย่างของราชวงศ์อาหับ เพราะว่าพระราชธิดาของอาหับเป็นมเหสีของพระองค์ และพระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ 7 อย่างไรก็ดีพระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงปรารถนาที่จะทำลายราชวงศ์ของดาวิด เพราะทรงเห็นแก่พันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงทำไว้กับดาวิด พระองค์ทรงสัญญาว่าพระองค์จะทรงประทานชีวิตแก่ดาวิดและแก่บรรดาเชื้อสายของท่านตลอดไป

8 ในรัชกาลของเยโฮรัม เอโดมกบฏไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของยูดาห์ และพวกเขาตั้งกษัตริย์ขึ้นเหนือตนเอง 9 แล้วเยโฮรัมเสด็จข้ามไปพร้อมกับบรรดาแม่ทัพ และรถม้าศึกทั้งหมด ในเวลากลางคืนเมื่อพระองค์ลุกขึ้นและต่อสู้กับคนเอโดมผู้ซึ่งได้ล้อมพระองค์และบรรดาแม่ทัพรถม้าศึกของพระองค์ 10 ดังนั้นเอโดมจึงกบฏ และไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของยูดาห์จนทุกวันนี้ ในเวลาเดียวกันลิบนาห์ก็ได้กบฏ และไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์

11 นอกจากนั้น เยโฮรัมทรงสร้างสถานสูงในบริเวณเทือกเขาของยูดาห์ ทั้งทรงนำคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มมีชีวิตเหมือนโสเภณี และพระองค์ทรงทำให้ยูดาห์หลงไป 12 มีจดหมายฉบับหนึ่งจากเอลียาห์ผู้เผยพระวจนะมาถึงเยโฮรัม กล่าวว่า "พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ ตรัสดังนี้ว่า เพราะเจ้าไม่ได้ดำเนินในบรรดาทางของเยโฮชาฟัทบิดาของเจ้า หรือในบรรดาทางของอาสากษัตริย์ยูดาห์ 13 แต่ได้ดำเนินในบรรดาทางของกษัตริย์อิสราเอล และนำคนยูดาห์กับผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มไปกระทำเช่นโสเภณี เหมือนอย่างราชวงศ์อาหับที่ทรงกระทำ เพราะเจ้ายังได้ฆ่าบรรดาน้องชายของเจ้าในครอบครัวของบิดาเจ้าซึ่งดีกว่าเจ้า 14 นี่แน่ะ พระยาห์เวห์จะทรงนำภัยพิบัติยิ่งใหญ่มาเหนือชนชาติของเจ้า บุตรทั้งหลาย ภรรยาทั้งหลายและความมั่งคั่งทั้งหมดของเจ้า 15 ตัวเจ้าเองจะเจ็บป่วยหนักด้วยโรคลำไส้ร้ายแรง จนกว่าลำไส้ของเจ้าจะหลุดออกมาเพราะโรคนั้นวันแล้ววันเล่า”

16 พระยาห์เวห์ทรงกระตุ้นคนฟีลิสเตียและคนอาหรับ ผู้อยู่ใกล้กับคนเอธิโอเปียให้โกรธเยโฮรัม 17 พวกเขาได้โจมตียูดาห์ และกวาดล้างมัน และยึดเอาข้าวของทั้งหมดที่พบในพระราชวังไป พวกเขายังได้จับตัวบรรดาพระราชโอรสและมเหสีทั้งหลายของพระองค์ไป จึงไม่มีพระราชโอรสเหลือไว้ให้พระองค์ นอกจากเยโฮอาหาสพระราชโอรสองค์สุดท้อง

18 ภายหลังเหตุการณ์นี้ พระยาห์เวห์ทรงทำให้พระองค์เป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ที่รักษาไม่ได้ 19 แล้วเวลาผ่านไปจนสิ้นสองปี ลำไส้ของพระองค์ได้หลุดออกมาเพราะอาการประชวรของพระองค์ และพระองค์ก็เสด็จสวรรคตด้วยโรคร้ายแรง ประชาชนของพระองค์ไม่ได้ถวายเพลิงพระศพเป็นเกียรติแด่พระองค์ เหมือนอย่างที่พวกเขาได้กระทำแก่บรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ 20 พระองค์ทรงเริ่มปกครองเมื่อพระองค์มีพระชนมายุได้สามสิบสองพรรษา พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มแปดปี และพระองค์ทรงสวรรคตโดยไม่มีการไว้อาลัย พวกเขาฝังพระศพไว้ในนครดาวิด แต่ไม่ใช่ในบรรดาอุโมงค์ฝังศพของกษัตริย์

22

1 พวกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มตั้งอาหัสยาห์พระราชโอรสองค์สุดท้องของเยโฮรัม เป็นกษัตริย์แทนพระองค์ เพราะกลุ่มผู้ชายที่มากับพวกคนอาหรับได้เข้ามาที่ค่ายฆ่าบรรดาพระราชโอรสผู้พี่ของพระองค์ทั้งหมด ดังนั้นอาหัสยาห์ พระราชโอรสของเยโฮรัมกษัตริย์ยูดาห์จึงได้ทรงเป็นกษัตริย์ 2 อาหัสยาห์มีพระชนมายุสี่สิบสองพรรษา เมื่อพระองค์ทรงเริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มหนึ่งปี พระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่าอาธาลิยาห์ พระนางเป็นพระราชธิดาของอมรี 3 พระองค์ทรงดำเนินในทางของราชวงศ์อาหับด้วย เพราะว่าพระราชมารดาของพระองค์ทรงเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ในการทำสิ่งชั่วร้ายต่างๆ 4 อาหัสยาห์ทรงทำความชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์เหมือนที่ราชวงศ์อาหับกำลังกระทำ เพราะว่าพวกเขาเป็นที่ปรึกษาของพระองค์หลังจากการสวรรคตของพระราชบิดาของพระองค์ ที่นำไปสู่ความหายนะของพระองค์ 5 พระองค์ยังทรงทำตามคำแนะนำของเขาทั้งหลาย พระองค์เสด็จไปกับโยรัมพระราชโอรสของอาหับ กษัตริย์อิสราเอลเพื่อทำสงครามกับฮาซาเอลกษัตริย์ซีเรีย ที่ราโมทกิเลอาด คนซีเรียทำให้โยรัมบาดเจ็บ 6 โยรัมทรงกลับมาที่เมืองยิสเรเอล เพื่อรักษาบาดแผลซึ่งได้รับที่เมืองรามาห์ เมื่อพระองค์ทรงสู้กับฮาซาเอลกษัตริย์ซีเรีย ดังนั้นอาหัสยาห์พระราชโอรสของเยโฮรัมกษัตริย์ยูดาห์ได้เสด็จลงไปเมืองยิสเรเอลเพื่อพบโยรัม พระราชโอรสของอาหับเพราะเยโฮรัมได้รับบาดเจ็บ

7 บัดนี้การกวาดล้างอาหัสยาห์ถูกนำมาโดยพระเจ้าผ่านการที่อาหัสยาห์เสด็จไปเยี่ยมโยรัม เมื่อพระองค์เสด็จไปถึง พระองค์เสด็จออกไปกับเยโฮรัมเพื่อโจมตีเยฮูบุตรชายของนิมชี ผู้ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงเลือกไว้ให้ทำลายราชวงศ์ของอาหับ 8 และเมื่อเยฮูกำลังนำการพิพากษาโทษมาเหนือราชวงศ์ของอาหับ ท่านได้พบพวกผู้นำยูดาห์ และบรรดาพระราชโอรสของพระเชษฐาของอาหัสยาห์ซึ่งมาปรนนิบัติอาหัสยาห์ เยฮูได้ประหารพวกเขา 9 เยฮูมองหาอาหัสยาห์ พวกเขาจับพระองค์ขณะที่ซ่อนพระองค์อยู่ในสะมาเรีย แล้วนำพระองค์มาหาเยฮู และประหารชีวิตพระองค์ เขาทั้งหลายฝังพระศพไว้ เพราะพวกเขากล่าวว่า "พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสของเยโฮชาฟัท ผู้แสวงหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดพระทัยของพระองค์" ดังนั้นราชวงศ์ของอาหัสยาห์ก็ไม่ได้มีอำนาจในการปกครองอาณาจักรอีก

10 บัดนี้เมื่ออาธาลิยาห์พระราชมารดาของอาหัสยาห์ทรงเห็นว่าพระราชโอรสของพระนางสิ้นพระชนม์แล้ว พระนางทรงลุกขึ้นและประหารเชื้อสายของราชวงศ์แห่งยูดาห์ทั้งหมด 11 แต่เยโฮชาเบอาท พระราชธิดาของกษัตริย์ทรงนำเอาโยอาชพระราชโอรสของอาหัสยาห์ไปอย่างกล้าหาญจากท่ามกลางบรรดาพระราชโอรสของกษัตริย์ ผู้ซึ่งถูกสังหาร พระนางทรงเก็บพระราชโอรสและพระพี่เลี้ยงไว้ในห้องบรรทม ดังนั้นเยโฮชาเบอาทพระราชธิดากษัตริย์เยโฮรัม ภรรยาของเยโฮยาดาปุโรหิต (เพราะว่าพระนางเป็นพระขนิษฐาของอาหัสยาห์) ได้ซ่อนพระองค์เสียจากอาธาลิยาห์ ดังนั้นอาธาลิยาห์จึงไม่ได้สังหารพระองค์ 12 พระองค์ทรงอยู่กับพวกเขา ซ่อนพระองค์ในพระนิเวศของพระเจ้าเป็นเวลาหกปี ขณะที่อาธาลิยาห์ได้ครองแผ่นดิน

23

1 ในปีที่เจ็ดเยโฮยาดาแสดงความกล้าหาญของท่าน และได้ทำพันธสัญญากับพวกผู้บังคับบัญชาการกองร้อยคือ อาซาริยาห์บุตรชายเยโรฮัม อิชมาเอลบุตรชายเยโฮฮานัน อาซาริยาห์บุตรชายโอเบด มาอาเสอาห์บุตรชายอาดายาห์ และเอลีชาฟัทบุตรชายศิครี 2 เขาทั้งหลายออกไปทั่วยูดาห์ และรวบรวมคนเลวีจากทุกเมืองของยูดาห์ พร้อมทั้งพวกหัวหน้าตระกูลของอิสราเอล และพวกเขาได้มายังเยรูซาเล็ม

3 ชุมนุมชนทั้งหมดได้ทำพันธสัญญากับกษัตริย์ในพระนิเวศของพระเจ้า เยโฮยาดากล่าวกับเขาทั้งหลายว่า "ดูสิ พระราชโอรสของกษัตริย์จะทรงครองราชย์ตามที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสไว้เกี่ยวกับเชื้อสายทั้งหลายของดาวิด 4 นี่คือสิ่งที่ท่านทั้งหลายต้องทำ คือหนึ่งในสามของพวกท่านคือ พวกปุโรหิตและคนเลวีผู้ซึ่งมาเข้าเวรในวันสะบาโต จะเป็นคนเฝ้าประตูทั้งหลาย 5 อีกหนึ่งในสามจะอยู่ที่พระราชวัง และอีกหนึ่งในสามจะอยู่ที่ประตูฐานราก ประชาชนทั้งหมดจะอยู่ในลานพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 6 อย่าให้ใครเข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ นอกจากพวกปุโรหิตและคนเลวีที่กำลังเข้าเวรอยู่ พวกเขาเข้าไปได้เพราะพวกเขาบริสุทธิ์ แต่ประชาชนทุกคนต้องเชื่อฟังคำบัญชาทั้งหลายของพระยาห์เวห์ 7 พวกเลวีต้องล้อมกษัตริย์ไว้โดยรอบ แต่ละคนมีบรรดาอาวุธของเขาในมือของเขา ใครที่เข้าไปในพระนิเวศจะต้องถูกประหาร จงอยู่กับกษัตริย์เมื่อพระองค์เสด็จเข้ามาและเมื่อพระองค์เสด็จออกไป”

8 ดังนั้นคนเลวีและคนยูดาห์ทั้งหมดได้ทำทุกสิ่งตามที่เยโฮยาดาปุโรหิตได้สั่งไว้ พวกเขาต่างนำคนของตนที่มาเข้าเวรวันสะบาโต และคนที่จะออกเวรวันสะบาโตมา เพราะเยโฮยาดาปุโรหิตไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาออกเวร 9 และเยโฮยาดาปุโรหิตได้นำพวกหอกและพวกโล่เล็กและโล่ใหญ่ที่เป็นของกษัตริย์ดาวิด ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้านั้นออกมาให้แก่ผู้บังคับบัญชาทั้งหลาย 10 เยโฮยาดาได้วางกำลังทหารทั้งหมด แต่ละคนพร้อมกับอาวุธของเขาในมือของเขา จากทางด้านขวาของพระวิหารไปทางด้านซ้ายของพระวิหาร ไปยังแท่นบูชาและพระวิหาร ล้อมรอบกษัตริย์ 11 จากนั้นพวกเขาได้นำพระราชโอรสของกษัตริย์ออกมา และสวมมงกุฎให้พระองค์ และมอบพระบัญชาแห่งพันธสัญญาให้พระองค์ และเขาทั้งหลายตั้งพระองค์เป็นกษัตริย์ และเยโฮยาดากับบรรดาบุตรชายของท่านได้เจิมพระองค์ แล้วเขาทั้งหลายร้องว่า “ขอกษัตริย์ทรงพระเจริญ”

12 เมื่ออาธาลิยาห์ได้ยินเสียงประชาชนกำลังวิ่งและกำลังสรรเสริญกษัตริย์ พระนางได้เสด็จเข้ามาหาประชาชนในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 13 และพระนางได้ทอดพระเนตร และดูสิ กษัตริย์ทรงกำลังยืนอยู่ข้างเสาของพระองค์ตรงทางเข้า และบรรดาผู้บังคับบัญชาและพลแตรอยู่ข้างกษัตริย์ ประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินเปรมปรีดิ์และเป่าแตร และบรรดานักร้องกำลังเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ และนำการร้องเพลงสรรเสริญ พระนางอาธาลิยาห์ฉีกฉลองพระองค์และทรงร้องว่า "กบฏ กบฏ" 14 แล้วเยโฮยาดาปุโรหิต นำพวกผู้บังคับบัญชาการกองร้อยที่ได้รับการแต่งตั้งให้ควบคุมกองทัพออกมา และสั่งพวกเขาว่า "จงคุมนางออกมาระหว่างแถวทหาร ใครติดตามพระนางไปก็จงประหารเสียด้วยดาบ" เพราะปุโรหิตกล่าวว่า "อย่าประหารพระนางในพระนิเวศของพระยาห์เวห์" 15 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงหลีกทางให้พระนาง แล้วพระนางเสด็จไปทางประตูม้า ไปยังพระราชวังและเขาทั้งหลายได้ประหารพระนางที่นั่น

16 เยโฮยาดาได้ทำพันธสัญญาระหว่างต้วท่านเอง ประชาชนทั้งหมด และกษัตริย์ว่า พวกเขาจะเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์ 17 ดังนั้นประชาชนทั้งหมดก็เข้าไปในนิเวศของพระบาอัล และพังลงเสีย พวกเขาทำลายแท่นบูชาพระบาอัลและรูปเคารพทั้งหลายของเขาเป็นชิ้นๆ และพวกเขาฆ่ามัทธานปุโรหิตของพระบาอัลที่หน้าแท่นบูชาเหล่านั้น 18 เยโฮยาดาได้แต่งตั้งพวกเจ้าหน้าที่สำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ภายใต้การควบคุมของพวกปุโรหิตที่เป็นคนเลวี ซึ่งดาวิดทรงกำหนดไว้สำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เพื่อให้ถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์ ตามที่เขียนไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสส ด้วยความเปรมปรีดิ์และการร้องเพลง เหมือนที่ดาวิดได้ชี้นำไว้ 19 เยโฮยาดาได้ตั้งคนเฝ้าประตูไว้ที่ประตูพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เพื่อไม่ให้ผู้มีมลทินใดๆ เข้าไป 20 เยโฮยาดาได้นำผู้บังคับบัญชาการกองร้อย พวกขุนนาง พวกผู้ปกครองประชาชน และประชาชนทั้งหมดในแผ่นดิน ท่านอัญเชิญกษัตริย์ลงมาจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ประชาชนเข้ามาผ่านทางประตูบน ไปยังพระราชวังและอัญเชิญกษัตริย์ประทับบนบัลลังก์แห่งราชอาณาจักร 21 ดังนั้นประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินก็เปรมปรีดิ์ และเมืองนั้นก็มีความสงบ และสำหรับพระนางอาธาลิยาห์ เขาทั้งหลายได้ประหารพระนางด้วยดาบ

24

1 โยอาชมีพระชนมายุเจ็ดพรรษา เมื่อพระองค์ทรงเริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มสี่สิบปี พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่าศิบียาห์แห่งเมืองเบเออร์เชบา 2 โยอาชทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ตลอดชั่วอายุของเยโฮยาดาปุโรหิต 3 เยโฮยาดาได้จัดหามเหสีสองพระองค์ให้กับพระองค์ และพระองค์ได้ทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดาหลายองค์

4 ต่อมาภายหลัง โยอาชทรงตัดสินพระทัยที่จะซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 5 พระองค์ทรงประชุมบรรดาปุโรหิตและพวกคนเลวี แล้วพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "จงออกไปยังเมืองต่างๆ ของยูดาห์และเก็บเงินจากอิสราเอลทั้งหมด เพื่อซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้าทุกปี จงแน่ใจว่าพวกเจ้าเริ่มงานนี้ทันที" คนเลวีไม่ได้ทำอะไรในตอนแรก 6 ดังนั้นกษัตริย์ทรงเรียกหาเยโฮยาดา มหาปุโรหิต และตรัสกับท่านว่า "ทำไมท่านไม่ได้เรียกร้องพวกคนเลวีให้จัดเก็บเงินบำรุงที่กำหนดโดยโมเสส ผู้รับใช้พระยาห์เวห์ และโดยชุมนุมชนอิสราเอลสำหรับเต็นท์แห่งสักขีพยานจากยูดาห์และเยรูซาเล็ม?" 7 เพราะพระราชโอรสทั้งหลายของพระนางอาธาลิยาห์ หญิงชั่วร้ายคนนั้นได้ปล้นพระนิเวศของพระเจ้า และมอบสิ่งของที่บริสุทธิ์ทั้งหลายของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ให้พระบาอัล

8 ดังนั้นกษัตริย์ทรงบัญชา และเขาทั้งหลายได้ทำหีบใบหนึ่งวางไว้ข้างนอก ที่ประตูทางเข้าพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 9 แล้วพวกเขาจัดทำประกาศไปทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็ม สำหรับประชาชนให้นำค่าบำรุงซึ่งโมเสสผู้รับใช้พระเจ้ากำหนดแก่อิสราเอลที่ในถิ่นทุรกันดารนั้นมาถวายพระยาห์เวห์ 10 ผู้นำทั้งหมดและประชาชนทั้งสิ้นก็เปรมปรีดิ์ และนำเงินมาหย่อนลงในหีบจนเต็ม 11 เมื่อไรก็ตามที่หีบถูกนำไปมอบให้ข้าราชการของกษัตริย์โดยมือของพวกคนเลวี และเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาเห็นว่ามีเงินมากในหีบ ราชเลขาและเจ้าหน้าที่ของมหาปุโรหิตจะเข้ามาเทเงินในหีบออก แล้วนำหีบกลับไปไว้ที่เดิม เขาทั้งหลายทำอย่างนี้วันแล้ววันเล่า จนเก็บเงินได้เป็นจำนวนมาก

12 กษัตริย์และเยโฮยาดาได้มอบเงินให้กับบรรดาผู้ทำงานปรนนิบัติในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ คนเหล่านี้ได้จ้างช่างก่อสร้างและช่างไม้ให้ซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และคนเหล่านั้นผู้ซึ่งทำงานเหล็กและทองสัมฤทธิ์ 13 ดังนั้นพวกคนงานที่รับจ้างก็ได้ทำงาน และงานบูรณะฟื้นฟูก็ก้าวหน้าในมือของพวกเขา เขาทั้งหลายซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้าตามแบบดั้งเดิม และเสริมให้แข็งแรงขึ้น 14 เมื่อพวกเขาทำเสร็จแล้ว พวกเขาก็นำเงินส่วนที่เหลืออยู่มาให้กษัตริย์และเยโฮยาดา เงินนี้ถูกใช้ทำเครื่องตกแต่งสำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เครื่องใช้สำหรับการปรนนิบัติและทำพวกช้อนสำหรับเครื่องเผาบูชารวม และเครื่องใช้ภาชนะทองคำและเงินต่างๆ เขาทั้งหลายได้ถวายเครื่องเผาบูชาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์อยู่เสมอ ตลอดชั่วอายุของเยโฮยาดา

15 เยโฮยาดาชราลงและแก่หง่อมแล้วท่านได้สิ้นชีวิต ท่านมีอายุ 130 ปี เมื่อท่านสิ้นชีวิต 16 เขาทั้งหลายฝังศพท่านไว้ในนครดาวิดท่ามกลางบรรดากษัตริย์ เพราะท่านทำการดีในอิสราเอลเพื่อพระเจ้าและพระนิเวศของพระเจ้า

17 บัดนี้หลังจากความตายของเยโฮยาดา บรรดาผู้นำยูดาห์เข้ามาและถวายบังคมต่อกษัตริย์ แล้วกษัตริย์ทรงฟังคำทูลของพวกเขา 18 เขาทั้งหลายทอดทิ้งพระนิเวศพระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา และนมัสการบรรดาพระอาเชราห์และพวกรูปเคารพ พระพิโรธของพระเจ้าลงมาเหนือยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม เพราะการกระทำผิดนี้ของพวกเขา 19 แต่พระองค์ยังทรงใช้บรรดาผู้เผยพระวจนะมาหาพวกเขาอีก เพื่อนำพวกเขาให้กลับมายังพระยาห์เวห์อีกครั้ง ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ได้เป็นพยานกล่าวโทษประชาชนนั้น แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะรับฟัง

20 พระวิญญาณของพระเจ้าได้เสด็จมาบนเศคาริยาห์ บุตรชายเยโฮยาดาปุโรหิต เศคาริยาห์ยืนอยู่เหนือประชาชน และกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ทำไมพวกเจ้าจึงละเมิดบรรดาพระบัญญัติของพระยาห์เวห์ ดังนั้นพวกเจ้าจึงไม่เจริญ? เนื่องจากเจ้าทั้งหลายละทิ้งพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทรงละทิ้งพวกเจ้าด้วย" 21 แต่พวกเขาวางแผนปองร้ายเขา โดยพระบัญชากษัตริย์ พวกเขาเอาก้อนหินขว้างเขาในลานพระนิเวศพระยาห์เวห์ 22 โยอาช กษัตริย์ทรงละเลยความกรุณาที่เยโฮยาดา บิดาของเศคาริยาห์ได้กระทำกับพระองค์ เขาฆ่าบุตรชายเยโฮยาดา เมื่อเศคาริยาห์กำลังจะตาย เขากล่าวว่า "ขอพระยาห์เวห์ทอดพระเนตรสิ่งนี้และแก้แค้น"

23 ในปลายปีนั้นเอง ที่กองทัพของคนอารัมมาต่อสู้กับโยอาช พวกเขามาถึงยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาฆ่าผู้นำของประชาชนทั้งหมด และส่งของริบที่ได้ทั้งหมดจากพวกเขาไปยังกษัตริย์แห่งดามัสกัส 24 กองทัพอารัมที่ได้มานั้นมีจำนวนน้อย แต่พระยาห์เวห์ทรงมอบชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหนือกองทัพใหญ่ให้พวกเขา เพราะว่ายูดาห์ได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา ดังนี้แหละ คนอารัมก็ได้นำการลงโทษมายังโยอาช

25 ในเวลานั้น เมื่อคนอารัมได้จากไป โยอาชทรงบาดเจ็บสาหัส พวกข้าราชการของพระองค์เองวางแผนปองร้ายพระองค์ เพราะการฆาตกรรมบุตรชายทั้งหลายของเยโฮยาดาปุโรหิต พวกเขาปลงพระชนม์พระองค์บนแท่นบรรทมของพระองค์ และพระองค์ก็ได้เสด็จสวรรคตสิ้นพระชนม์ พวกเขาฝังพระองค์ไว้ในนครดาวิด แต่ไม่ได้ฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพของบรรดากษัตริย์ 26 คนเหล่านี้เป็นพวกบุคคลผู้ที่วางแผนปองร้ายพระองค์ คือศาบาดบุตรชายนางชิเมอัทคนอัมโมน และเยโฮศาบาดบุตรชายนางชิมริทคนโมอับ 27 บัดนี้เรื่องราวของบรรดาพระราชโอรสของพระองค์ คำพยากรณ์ต่างๆ ที่สำคัญ ที่ได้กล่าวโทษพระองค์ และการซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้า ดูสิ พวกเขาได้บันทึกไว้ในหนังสืออรรถาธิบายเกี่ยวกับพงศ์กษัตริย์ อามาซิยาห์พระราชโอรสของพระองค์ได้ทรงครองราชย์แทนพระองค์

25

1 อามาซิยาห์มีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา เมื่อพระองค์ทรงเริ่มครองราชย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มยี่สิบเก้าปี พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่า เยโฮอัดดาน คนเยรูซาเล็ม 2 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ แต่ไม่ได้กระทำด้วยสุดพระทัย 3 ในเวลาต่อมาทันทีที่อำนาจการปกครองของพระองค์ตั้งมั่นคงแล้ว พระองค์ทรงสังหารพวกข้าราชการผู้ที่ปลงพระชนม์กษัตริย์ พระราชบิดาของพระองค์ 4 แต่พระองค์ไม่ได้ทรงสังหารลูกหลานของเหล่าฆาตกร แต่ทรงกระทำตามที่บันทึกไว้ในธรรมบัญญัติ ในหนังสือของโมเสส ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้ว่า"บิดาทั้งหลายไม่ต้องตายเพราะการกระทำของบุตรทั้งหลาย หรือพวกบุตรไม่ต้องตายเพราะการกระทำของพวกบิดา เพราะแต่ละคนจะต้องตายเพราะบาปของตัวเอง"

5 มากไปกว่านั้นอามาซิยาห์ได้รวบรวมพวกยูดาห์เข้าด้วยกัน และทรงลงทะเบียนเขาทั้งหลายตามครอบครัวบรรพบุรุษ ภายใต้พวกผู้บังคับกองพันและกองร้อย คือยูดาห์และเบนยามินทั้งหมด พระองค์ทรงนับพวกเขาที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไป และทรงพบว่ามีพวกผู้ชายที่คัดเลือกแล้ว 300,000 คน ผู้ที่สามารถออกไปรบได้ ผู้ซึ่งสามารถถือหอกและโล่ 6 พระองค์ทรงจ้างนักรบจากอิสราเอล 100,000 คนด้วยเงินหนึ่งร้อยตะลันต์ 7 แต่คนของพระเจ้าคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ และทูลว่า "ข้าแต่กษัตริย์ โปรดอย่าให้กองทัพอิสราเอลไปกับพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตกับอิสราเอล คือคนเอฟราอิมทั้งหมด 8 แต่ถึงแม้ว่าพระองค์จะไปและกล้าหาญและเข้มแข็งในสงคราม พระเจ้าจะทรงเหวี่ยงพระองค์ลงต่อหน้าศัตรูนั้น เพราะว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์ที่จะช่วยเหลือ และมีอำนาจที่จะเหวี่ยงลงก็ได้"

9 อามาซิยาห์ตรัสถามคนของพระเจ้าว่า "แต่เราจะทำอย่างไรกับเงินหนึ่งร้อยตะลันต์ ที่เราได้ให้แก่กองทัพอิสราเอลไปแล้ว?" คนของพระเจ้าทูลตอบว่า "พระยาห์เวห์ทรงสามารถประทานแก่พระองค์มากยิ่งกว่านี้อีก" 10 ดังนั้นอามาซิยาห์จึงทรงแยกกองทหารที่มาหาพระองค์จากเอฟราอิมออก พระองค์ทรงส่งพวกเขาให้กลับบ้านไป ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงโกรธยูดาห์อย่างยิ่งและพวกเขาจึงกลับบ้านไปด้วยความโกรธยิ่งนัก 11 อามาซิยาห์ทรงกล้าแข็งขึ้น และทรงนำไพร่พลของพระองค์ออกไปยังหุบเขาเกลือ ที่นั่นพระองค์ทรงรบชนะชาวเสอีร์หนึ่งหมื่นคน 12 กองทัพยูดาห์จับเป็นอีกหนึ่งหมื่นคน เขาทั้งหลายพาพวกเขาไปที่ยอดหน้าผา และโยนพวกเขาลงมาจากยอดหน้าผานั้น ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ได้ตกลงมาแหลกเหลว 13 แต่พวกคนจากกองทหารที่อามาซิยาห์ทรงส่งกลับไป และไม่ได้ไปรบด้วยกันกับพระองค์นั้น ได้เข้าโจมตีเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ตั้งแต่สะมาเรียถึงเมืองเบธโฮโรน พวกเขาฆ่าฟันประชาชนสามพันคน และริบข้าวของไปเป็นอันมาก

14 ต่อมาหลังจากนั้น เมื่ออามาซิยาห์เสด็จกลับจากการฆ่าฟันคนเอโดม พระองค์ทรงนำพระทั้งหลายของคนเสอีร์ และเอามาตั้งไว้เป็นพระทั้งหลายของพระองค์เอง พระองค์ทรงโค้งคำนับต่อหน้าพระเหล่านั้น และทรงเผาเครื่องหอมถวายพระเหล่านั้น 15 ดังนั้นพระพิโรธของพระยาห์เวห์ทรงถูกกระตุ้นขึ้นมาต่อสู้อามาซิยาห์ พระองค์ทรงใช้ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งไปหาอามาซิยาห์ ผู้ซึ่งทูลว่า "ทำไมเจ้าจึงแสวงหาพระของชนชาติผู้ซึ่งที่ไม่สามารถแม้แต่จะช่วยชนชาติของตัวเองจากมือของเจ้าได้?" 16 ขณะที่ผู้เผยพระวจนะนั้นกำลังทูลกับพระองค์อยู่ กษัตริย์ตรัสกับเขาว่า "เราได้ให้เจ้าเป็นที่ปรึกษาแก่กษัตริย์หรือ? จงหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ทำไมเจ้าจะต้องถูกฆ่าเล่า?" ผู้เผยพระวจนะนั้นจึงหยุดและทูลว่า "ข้าพระบาททราบว่าพระเจ้าทรงตั้งพระทัยที่จะทำลายฝ่าพระบาท เพราะฝ่าพระบาททรงกระทำเช่นนี้และไม่ได้ทรงฟังคำแนะนำของข้าพระบาท"

17 แล้วอามาซิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ทรงหารือกับบรรดาที่ปรึกษา และทรงส่งพวกผู้สื่อสารไปเฝ้าเยโฮอาช พระราชโอรสของเยโฮอาหาส พระราชโอรสของเยฮู กษัตริย์อิสราเอลและทูลว่า "มาเถิด ให้เราทั้งสองมาเผชิญหน้าในสงคราม" 18 แต่เยโฮอาชกษัตริย์อิสราเอลทรงส่งพวกผู้สื่อสารกลับไปทูลอามาซิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ว่า “ต้นหนามที่มีในเลบานอนส่งข่าวมาให้ต้นสนสีดาร์ในเลบานอน กล่าวว่า 'จงยกบุตรหญิงของเจ้าให้เป็นภรรยาบุตรชายของเรา' และสัตว์ป่าตัวหนึ่งในเลบานอนเดินผ่านมาและย่ำต้นหนามนั้นลงเสีย 19 ท่านกล่าวว่า 'ดูสิ ข้าพเจ้าโจมตีเอโดม' และจิตใจของท่านก็ผยองขึ้น ภูมิใจในชัยชนะของท่าน แต่จงอยู่กับบ้านเถิด เพราะทำไมท่านจึงจะทำให้ตัวท่านเองมีปัญหาและล้มลง คือทั้งท่านและยูดาห์ที่อยู่กับท่าน?”

20 แต่อามาซิยาห์ไม่ทรงฟังเพราะเหตุการณ์นี้ได้มาจากพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะทรงมอบประชาชนยูดาห์ไว้ในมือศัตรูทั้งหลายของพวกเขา เพราะเขาทั้งหลายได้แสวงหาคำแนะนำจากพวกพระแห่งเอโดม 21 ดังนั้นเยโฮอาชกษัตริย์อิสราเอลจึงได้ทรงโจมตี พระองค์กับอามาซิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ทรงเผชิญหน้ากันที่เมืองเบธเชเมชซึ่งเป็นของยูดาห์ 22 คนยูดาห์พ่ายแพ้ต่อคนอิสราเอล และแต่ละคนได้หนีกลับบ้าน 23 เยโฮอาชกษัตริย์อิสราเอลทรงจับอามาซิยาห์กษัตริย์ยูดาห์ ซึ่งพระราชโอรสของโยอาช ผู้เป็นพระราชโอรสของอาหัสยาห์ที่เมืองเบธเชเมช ทรงนำพระองค์ไปยังเยรูซาเล็ม และทรงพังกำแพงเยรูซาเล็มลงระยะทางสี่ร้อยศอก ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมถึงประตูมุม 24 พระองค์ทรงริบเอาทองคำ เงิน และของใช้ทั้งหมดที่พบในพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งอยู่กับโอเบดเอโดม และสิ่งที่มีค่าทั้งหลายที่พบในพระราชวัง พร้อมกับจับตัวประกันด้วย และเสด็จกลับไปยังสะมาเรีย

25 อามาซิยาห์พระราชโอรสของโยอาชกษัตริย์ยูดาห์ทรงพระชนม์อยู่อีกสิบห้าปี หลังจากที่เยโฮอาช พระราชโอรสของเยโฮอาหาสกษัตริย์อิสราเอลทรงสิ้นพระชนม์ 26 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของอามาซิยาห์ ตั้งแต่ต้นจนจบนั้น ดูเถิด ไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอลหรือ? 27 บัดนี้นับแต่เวลาที่อามาซิยาห์ทรงหันไปจากการติดตามพระยาห์เวห์ พวกเขาก็ได้เริ่มกบฏต่อพระองค์ในเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงหนีไปยังเมืองลาคีช แต่เขาทั้งหลายได้ส่งคนติดตามพระองค์ไปที่เมืองลาคีช และฆ่าพระองค์ที่นั่น 28 พวกเขานำพระศพบรรทุกพวกม้ากลับมา และฝังพระองค์ไว้กับบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ในเมืองของยูดาห์

26

1 ประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ได้ตั้งอุสซียาห์ ซึ่งมีพระชนมายุสิบหกพรรษา และให้พระองค์เป็นกษัตริย์แทนอามาซิยาห์พระราชบิดาของพระองค์ 2 พระองค์ทรงสร้างเมืองเอโลทขึ้นอีกครั้งและให้กลับมาขึ้นกับยูดาห์ หลังจากที่กษัตริย์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ 3 อุสซียาห์มีพระชนมายุสิบหกพรรษาเมื่อพระองค์ทรงเริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มห้าสิบสองปี พระราชมารดาของพระองค์ทรงมีพระนามว่าเยโคลียาห์ พระนางมาจากเยรูซาเล็ม 4 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ในทุกสิ่งตามตัวอย่างของอามาซิยาห์พระราชบิดาของพระองค์ 5 พระองค์ทรงแสวงหาพระเจ้า ในช่วงชีวิตของเศคาริยาห์ผู้ซึ่งได้แนะนำพระองค์ในการเชื่อฟังพระเจ้า และตราบเท่าที่พระองค์ทรงแสวงหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าทรงทำให้พระองค์เจริญขึ้น

6 อุสซียาห์เสด็จออกไปและต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย พระองค์ทรงพังกำแพงทั้งหลายของเมืองกัท เมืองยับเนห์ และเมืองอัชโดด พระองค์ทรงสร้างเมืองต่างๆ ในเขตแดนอัชโดด และท่ามกลางคนฟีลิสเตีย 7 พระเจ้าทรงช่วยพระองค์ต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย ต่อสู้คนอาหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในกูร์บาอัล และต่อสู้กับคนเมอูนี 8 คนอัมโมนได้ถวายบรรณาการแก่อุสซียาห์ และพระนามของพระองค์ก็ได้เลื่องลือไปถึงอียิปต์ เพราะพระองค์ทรงเข้มแข็งมากขึ้นเป็นอย่างยิ่ง 9 ยิ่งกว่านั้นอุสซียาห์ทรงสร้างป้อมทั้งหลายในเยรูซาเล็ม ที่ประตูมุม ที่ประตูหุบเขา และที่หัวเลี้ยวของกำแพง และป้องกันป้อมเหล่านั้น

10 พระองค์ทรงสร้างป้อมต่างๆ ในถิ่นทุรกันดาร และทรงขุดที่ขังน้ำหลายแห่ง เพราะพระองค์ทรงมีฝูงปศุสัตว์มากมาย ในบริเวณที่ลุ่มทั้งหลายเช่นเดียวกันกับในที่ราบต่างๆ พระองค์ทรงมีพวกชาวนาและพวกคนปลูกต้นองุ่นในแถบเนินเขา และในท้องทุ่งที่อุดมสมบูรณ์ เพราะพระองค์ทรงรักการเกษตร 11 ยิ่งกว่านั้นอีกอุสซียาห์ทรงมีกองทัพนักรบที่สามารถออกศึกได้ ซึ่งออกไปทำสงครามเป็นกลุ่มต่างๆ ซึ่งได้รวบรวมตามจำนวนของพวกเขาที่นับโดยเยอีเอลราชเลขาและมาอาเสอาห์ เจ้าหน้าที่ภายใต้การควบคุมของฮานันยาห์ ผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งของกษัตริย์ 12 จำนวนทั้งหมดของบรรดาหัวหน้าตระกูล พวกนักรบมีจำนวนทั้งหมด 2,600 คน 13 ภายใต้การบังคับบัญชาของคนเหล่านี้ มีกองทัพ 307,500 คน ที่ทำศึกได้อย่างเข้มแข็ง เพื่อช่วยกษัตริย์ต่อสู้ศัตรู 14 อุสซียาห์ทรงจัดเตรียมเพื่อพวกเขาคือ พวกโล่ หอก หมวก เสื้อเกราะ ธนู และก้อนหินสำหรับสลิงให้ทั้งกองทัพทั้งหมด 15 ในเยรูซาเล็มพระองค์ทรงทำเครื่องกลไกโดยพวกช่างประดิษฐ์ไว้บนพวกป้อมและตามมุมต่างๆ เพื่อใช้ยิงลูกธนูและโยนพวกก้อนหินใหญ่ๆ พระนามของพระองค์ก็ได้เลื่องลือไปยังบรรดาแผ่นดินไกล เพราะพระองค์ทรงได้รับความช่วยเหลืออย่างอัศจรรย์จนกระทั่งพระองค์มีอำนาจมาก

16 แต่เมื่ออุสซียาห์ทรงมีอำนาจเข้มแข็งแล้ว พระทัยของพระองค์ก็ได้ผยองขึ้น ดังนั้นพระองค์ทรงกระทำให้เสื่อมลง พระองค์ทรงกบฏต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์เพื่อเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชาเครื่องหอม 17 อาซาริยาห์ปุโรหิตเข้าไปตามหลังพระองค์ พร้อมกับปุโรหิตของพระยาห์เวห์ที่กล้าหาญอีกแปดสิบคน 18 เขาทั้งหลายขัดขวางกษัตริย์อุสซียาห์แลทูลพระองค์ว่า "ข้าแต่อุสซียาห์นี่ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่าพระบาทที่จะเผาเครื่องหอมถวายแด่พระยาห์เวห์ แต่เป็นหน้าที่ของปุโรหิตซึ่งเป็นบรรดาลูกหลานของอาโรน ผู้ซึ่งได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ไว้เพื่อเผาเครื่องหอม ขอฝ่าพระบาทเสด็จออกไปจากสถานที่บริสุทธิ์นี้ เพราะฝ่าพระบาทไม่ได้ทรงซื่อสัตย์และฝ่าพระบาทจะไม่ได้รับเกียรติจากพระยาห์เวห์พระเจ้า"

19 แล้วอุสซียาห์ก็กริ้ว พระองค์ทรงถือกระถางไฟอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ที่จะเผาเครื่องหอม ขณะเมื่อพระองค์กริ้วต่อพวกปุโรหิต โรคเรื้อนก็เกิดขึ้นที่หน้าผากต่อหน้าพวกปุโรหิตในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ข้างแท่นเผาเครื่องหอม 20 อาซาริยาห์มหาปุโรหิต และปุโรหิตทั้งหลายได้มองดูพระองค์ และดูสิ พระองค์ทรงเป็นโรคเรื้อนที่หน้าผาก พวกเขาเร่งเร้าพระองค์ให้ออกจากที่นั่น จริงๆแล้วพระองค์เองที่รีบเสด็จออกไป เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงลงโทษพระองค์ 21 กษัตริย์อุสซียาห์ทรงเป็นโรคเรื้อนจนถึงวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ และประทับในวังที่แยกไว้ต่างหาก ตั้งแต่พระองค์ทรงเป็นโรคเรื้อน เนื่องจากพระองค์ทรงถูกตัดออกจากพระนิเวศพระยาห์เวห์ โยธามพระราชโอรสของพระองค์ทรงเป็นผู้ดูแลพระราชสำนักและปกครองประชาชนของแผ่นดิน

22 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของอุสซียาห์ตั้งแต่ต้นจนจบนั้น ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรชายอามอสได้บันทึกไว้ 23 ดังนั้นอุสซียาห์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ พวกเขาฝังพระองค์ไว้กับบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ในสุสานที่เป็นของบรรดากษัตริย์ เพราะพวกเขากล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นโรคเรื้อน' โยธามพระราชโอรสของพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แทนพระองค์

27

1 โยธามทรงมีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษาเมื่อพระองค์ทรงเริ่มครองราชย์พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มสิบหกปี พระมารดาของพระองค์ทรงมีพระนามว่าเยรูชาห์ พระนางเป็นบุตรหญิงของศาโดก 2 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ในทุกอย่างตามตัวอย่างของอุสซียาห์พระราชบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงละเว้นจากการเข้าไปในพระวิหารของพระยาห์เวห์ แต่ประชาชนนั้นยังประพฤติปฏิบัติในบรรดาทางชั่วร้าย

3 พระองค์ทรงสร้างประตูบนของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และทรงก่อสร้างมากมายบนเนินเขาโอเฟล 4 ยิ่งกว่านั้นอีกพระองค์ได้ทรงสร้างเมืองต่างๆ ในถิ่นเทือกเขายูดาห์ และพระองค์ทรงสร้างบรรดาป้อมกับหอคอยในป่าทั้งหลาย

5 พระองค์ทรงสู้รบกับกษัตริย์คนอัมโมนและทรงชนะพวกเขา ในปีเดียวกันนั้นคนอัมโมนได้ถวายเงินหนึ่งร้อยตะลันต์แด่พระองค์ และข้าวสาลีหนึ่งหมื่นโคระกับข้าวบาร์เลย์ หนึ่งหมื่นโคระ คนอัมโมนได้ถวายเท่ากันในปีที่สองและในปีที่สาม 6 ดังนั้นโยธามจึงทรงมีกำลังมากขึ้น เพราะพระองค์ทรงดำเนินอย่างมั่นคงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์

7 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโยธาม การสงครามทั้งหมดของพระองค์ และพระมรรคาทั้งหลายของพระองค์ ดูสิ ล้วนได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ของอิสราเอลและยูดาห์ 8 พระองค์ทรงมีพระชนมายุ ยี่สิบห้าพรรษาเมื่อพระองค์ทรงเริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มสิบหกปี 9 โยธามทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ และพวกเขาฝังพระองค์ไว้ในนครดาวิด อาหัสพระราชโอรสของพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แทนพระองค์

28

1 อาหัสทรงมีพระชนมายุยี่สิบพรรษาเมื่อพระองค์ทรงเริ่มครองราชย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มสิบหกปี พระองค์ไม่ได้ทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เหมือนอย่างที่ดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ 2 แต่พระองค์ทรงดำเนินตามทางของกษัตริย์อิสราเอล คือ พระองค์ทรงหล่อรูปเคารพโลหะสำหรับพวกพระบาอัล 3 นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงเผาเครื่องหอมในหุบเขาเบนฮินโนม และทรงเผาบรรดาพระราชโอรสของพระองค์เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ ตามการกระทำอันน่าเกลียดน่าชังของประชาชนซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงขับไล่ออกไปจากแผ่นดินของพวกเขาต่อหน้าคนอิสราเอล 4 พระองค์ทรงถวายสัตวบูชาและทรงเผาเครื่องหอมที่สถานสูงทั้งหลาย และบนเนินเขาทั้งหลาย และใต้ต้นไม้เขียวทุกต้น

5 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของอาหัส จึงทรงมอบพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์แห่งอารัม คนอารัมชนะพระองค์และจับประชาชนจำนวนมากไปเป็นเชลยที่กรุงดามัสกัส อาหัสยังทรงถูกมอบไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์อิสราเอล ซึ่งได้ทรงชนะพระองค์ในการฆ่าฟันอย่างมากมาย 6 เพราะเปคาห์บุตรชายเรมาลิยาห์ได้ฆ่าทหารในยูดาห์ 120,000 นายภายในวันเดียว ทุกคนเป็นพวกผู้ชายที่กล้าหาญ เพราะว่าเขาทั้งหลายได้ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา 7 ศิครีคือผู้ชายที่มีอำนาจคนหนึ่งจากเอฟราอิมได้ฆ่ามาอาเสอาห์พระราชโอรสของกษัตริย์ อัสรีคัมเจ้าหน้าที่ดูและพระราชวังและเอลคานาห์ผู้ซึ่งเป็นรองจากกษัตริย์

8 กองทัพอิสราเอลได้จับเชลย 200,000 คน จากพวกพี่น้องของพวกเขาคือ บรรดาภรรยา บรรดาบุตรชายและบุตรหญิง พวกเขาได้ของริบจำนวนมากซึ่งพวกเขาได้นำกลับไปยังสะมาเรีย 9 แต่ผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์คนหนึ่งอยู่ที่นั่น เขามีชื่อว่าโอเดด เขาได้ออกไปพบกองทัพซึ่งมายังสะมาเรีย เขาพูดกับพวกเขาว่า "เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรดาบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายทรงพระพิโรธยูดาห์ พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของพวกท่าน แต่ท่านทั้งหลายได้ฆ่าพวกเขาด้วยความโกรธแค้นที่ดังไปถึงฟ้าสวรรค์ 10 บัดนี้พวกท่านคิดจะเก็บพวกผู้ชายและผู้หญิงยูดาห์ และชาวเยรูซาเล็มไว้ให้เป็นทาสทั้งหลายของพวกท่าน แต่พวกท่านเองจะไม่มีความผิดบาปทั้งหลายต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านหรือ?

11 บัดนี้ถ้าเช่นนั้น ขอฟังข้าพเจ้า ขอให้ส่งพวกเชลยกลับไป คนเหล่านั้นที่พวกท่านจับมาจากพวกพี่น้องของพวกท่านเอง เพราะว่าพระพิโรธที่รุนแรงของพระยาห์เวห์อยู่เหนือท่านทั้งหลาย" 12 และผู้นำของเอฟราอิมบางคนคือ อาซาริยาห์บุตรชายโยฮานัน เบเรคิยาห์บุตรชายเมซิลเลโมท เยฮิสคียาห์บุตรชายชัลลูม และอามาสาบุตรชายหัดลัย ได้ยืนขึ้นคัดค้านพวกที่กลับจากการสู้รบ 13 พวกเขาพูดกับเขาทั้งหลายว่า "พวกท่านอย่านำเชลยเข้ามาที่นี่ เพราะพวกท่านมุ่งหมายบางอย่างที่จะนำความบาปต่อต้านพระยาห์เวห์มายังเรา เพื่อเพิ่มความบาปทั้งหลายของพวกเราและความชั่ว เพราะความชั่วของเราก็มีมากยิ่งอยู่แล้ว และยังมีพระพิโรธที่รุนแรงต่ออิสราเอลด้วย” 14 ดังนั้น พวกผู้ชายที่ถืออาวุธจึงได้ละทิ้งพวกเชลยและของที่ริบมาต่อหน้าพวกผู้นำและชุมนุมชนทั้งหมด 15 บรรดาผู้ชายซึ่งถูกระบุชื่อนั้นก็มายังพวกเชลย และได้สวมเสื้อผ้าที่เอามาจากของที่ริบนั้นให้กับเชลยทุกคนที่เปลือยกาย เขาทั้งหลายใส่เสื้อผ้าให้และยังให้รองเท้ากับพวกเชลยด้วย เขาทั้งหลายให้อาหารที่จะกินและน้ำดื่มแก่พวกเชลย เขาทั้งหลายดูแลบาดแผลของพวกเชลย และนำบรรดาคนที่อ่อนเปลี้ยขึ้นลา เขาทั้งหลายนำพวกเชลยกลับไปยังบรรดาครอบครัวของพวกเชลยที่เมืองเยรีโค (ถูกเรียกว่าเมืองต้นอินทผลัม) แล้วเขาทั้งหลายก็ได้กลับไปยังสะมาเรีย

16 ในเวลานั้นกษัตริย์อาหัสทรงใช้พวกคนสื่อสารไปเฝ้ากษัตริย์อัสซีเรียเพื่อขอให้พวกเขาช่วยเหลือพระองค์ 17 เพราะคนเอโดมบุกรุกเข้ามา และโจมตียูดาห์ ทั้งจับคนไปเป็นเชลย 18 คนฟีลิสเตียเข้าปล้นเมืองต่างๆ ในบริเวณที่ลุ่มทั้งหลายและในเนเกบของยูดาห์ด้วย พวกเขาได้ยึดเมืองเบธเชเมช เมืองอัยยาโลน เมืองเกเดโรท เมืองโสโคกับหมู่บ้านทั้งหลายของเมืองนั้น ทิมนาห์กับหมู่บ้านทั้งหลายของเมืองนั้นและกิมโซกับหมู่บ้านทั้งหลายของเมืองนั้น แล้วพวกเขาก็ได้เข้าไปอาศัยอยู่ในที่เหล่านั้น 19 เพราะพระยาห์เวห์ทรงทำให้ยูดาห์ตกต่ำลงเนื่องด้วยอาหัสกษัตริย์อิสราเอล เพราะพระองค์ทรงกระทำชั่วร้ายในยูดาห์และทรงทำบาปต่อต้านพระยาห์เวห์อย่างหนัก 20 ทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์อัสซีเรียมาหาพระองค์ และทำให้พระองค์มีปัญหาลำบากแทนที่จะช่วยให้พระองค์เข้มแข็ง 21 เพราะอาหัสทรงยึดทรัพย์สินจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์จากพระราชวังและจากบรรดาผู้นำเพื่อถวายสิ่งต่างๆ ที่มีค่าแก่กษัตริย์อัสซีเรีย แต่การกระทำนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพระองค์เลย

22 ในเวลาทุกข์ยากของพระองค์ กษัตริย์อาหัสพระองค์เดียวกันนี้ได้ทรงกระทำบาปต่อต้านพระยาห์เวห์มากยิ่งขึ้น 23 เพราะพระองค์ทรงถวายสัตวบูชาแก่พระทั้งหลายของกรุงดามัสกัส พระทั้งหลายซึ่งทำให้พระองค์พ่ายแพ้ พระองค์ตรัสว่า "เพราะว่าพระทั้งหลายของบรรดากษัตริย์อารัมได้ช่วยพวกเขา เราจะถวายสัตวบูชาแก่พระเหล่านั้น ดังนั้นพระเหล่านั้นน่าจะช่วยเหลือเรา" แต่พระเหล่านั้นกลับทำลายพระองค์และอิสราเอลทั้งหมด 24 อาหัสทรงรวบรวมเครื่องใช้ของพระนิเวศของพระเจ้า และทรงตัดออกเป็นชิ้นๆ พระองค์ทรงปิดบรรดาประตูพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับพระองค์เองในทุกมุมเมืองของเยรูซาเล็ม 25 ในทุกเมืองของยูดาห์พระองค์ทรงสร้างบรรดาสถานสูง เพื่อเผาเครื่องบูชาถวายบรรดาพระอื่นๆ พระองค์ทรงกระทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์ทรงพระพิโรธ

26 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ และเรื่องราวทั้งหมดของพระองค์ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ของยูดาห์และอิสราเอล 27 อาหัสทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาทั้งหลายฝังพระศพไว้ในเมืองคือในเยรูซาเล็ม แต่พวกเขาไม่ได้นำพระศพไปไว้ในอุโมงค์ทั้งหลายของบรรดากษัตริย์อิสราเอล เฮเซคียาห์พระราชโอรสของพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แทนพระองค์

29

1 เฮเซคียาห์ทรงเริ่มครองราชย์เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มยี่สิบเก้าปี พระมารดาของพระองค์ทรงมีพระนามว่าอาบียาห์ พระนางเป็นบุตรหญิงของเศคาริยาห์ 2 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ เหมือนอย่างที่ดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ไดทรงกระทำ

3 ในปีแรกของการครองราชย์ของพระองค์ ในเดือนแรก เฮเซคียาห์ทรงเปิดบรรดาประตูพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และทรงซ่อมแซมประตูเหล่านั้น 4 พระองค์ทรงนำบรรดาปุโรหิตและพวกคนเลวีเข้ามา และทรงรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกันที่ลานด้านตะวันออก 5 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า "จงฟังเรา คนเลวีทั้งหลาย จงชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ และชำระพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านให้บริสุทธิ์ และเอาสิ่งที่เป็นมลทินออกจากสถานบริสุทธิ์ 6 เพราะบรรพบุรุษของพวกเราไม่ได้ซื่อสัตย์ และได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา พวกเขาได้ละทิ้งพระองค์ หันหน้าของพวกเขาไปจากที่ประทับของพระยาห์เวห์ และได้หันหลังให้ 7 เขาทั้งหลายยังได้ปิดบรรดาประตูหน้ามุขพระนิเวศและดับดวงประทีปทั้งหลายด้วย พวกเขาไม่ได้เผาเครื่องหอมหรือถวายเครื่องเผาบูชาในสถานบริสุทธิ์ของพระเจ้าแห่งอิสราเอล

8 เพราะฉะนั้นพระพิโรธของพระยาห์เวห์ได้ตกมาเหนือยูดาห์และเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นเหมือนสิ่งที่น่ากลัว สิ่งที่น่าสยดสยอง และสิ่งที่น่าเยาะเย้ยดังที่ท่านทั้งหลายได้เห็นกับตาของพวกท่านแล้ว 9 นี่คือเหตุผลว่าทำไมบรรพบุรุษของพวกเราได้ล้มลงด้วยดาบ และบรรดาบุตรชาย บุตรหญิงและภรรยาของพวกเราได้ตกเป็นเชลยก็เพราะเหตุนี้ 10 บัดนี้มันอยู่ในใจของเราที่จะทำพันธสัญญากับพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อว่าพระพิโรธที่รุนแรงจะหันไปจากพวกเรา 11 บุตรชายทั้งหลายของข้าพเจ้า บัดนี้จงอย่าเกียจคร้าน เพราะพระยาห์เวห์ทรงเลือกพวกท่านให้ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ เพื่อนมัสการพระองค์ และพวกท่านควรจะเป็นผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์และเพื่อเผาเครื่องหอม"

12 แล้วบรรดาคนเลวีก็ได้ลุกขึ้นคือ มาฮาทบุตรชายอามาสัย และโยเอลบุตรชายอาซาริยาห์ ผู้มาจากพงศ์พันธุ์ของโคฮาท และที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเมรารีคือ คีชบุตรชายอับดี และอาซาริยาห์ บุตรชายเยฮาลเลเลล ที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเกอร์โชนคือ โยอาห์บุตรชายศิมมาห์และเอเดนบุตรชายโยอาห์ 13 ที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเอลีซาฟาน คือ ชิมรีและเยอูเอล ที่มาจากพงศ์พันธุ์ของอาสาฟคือเศคาริยาห์และมัทธานิยาห์ 14 ที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเฮมานคือเยฮูเอลและชิเมอี และที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเยดูธูนคือเชไมอาห์และอุสซีเอล 15 เขาทั้งหลายรวบรวมบรรดาพี่น้องของพวกเขา พวกเขาได้ชำระตัวพวกเขาเองให้บริสุทธิ์ และพวกเขาก็เข้าไปตามที่กษัตริย์มีพระบัญชา ตามถ้อยคำทั้งหลายของพระยาห์เวห์ เพื่อชำระพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 16 บรรดาปุโรหิตได้เข้าไปยังด้านในของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เพื่อชำระให้บริสุทธิ์ พวกเขานำสิ่งที่เป็นมลทินซึ่งพวกเขาพบในพระวิหารของพระยาห์เวห์ออกมาที่ลานพระนิเวศ พวกคนเลวีก็มาเพื่อขนออกไปยังลำห้วยขิดโรน

17 บัดนี้เขาทั้งหลายเริ่มการชำระในวันแรกของเดือนแรก และในวันที่แปดของเดือนนั้นพวกเขามายังหน้ามุขของพระยาห์เวห์ เขาทั้งหลายชำระพระนิเวศของพระยาห์เวห์อยู่แปดวัน และในวันที่สิบหกของเดือนแรกเขาทั้งหลายก็เสร็จงาน 18 แล้วเขาทั้งหลายไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ในพระราชวังและทูลว่า "พวกข้าพระบาทได้ชำระพระนิเวศของพระยาห์เวห์ทั้งหมดเสร็จแล้ว ทั้งแท่นเครื่องเผาบูชาและเครื่องใช้ทั้งหมดของแท่นนั้น และโต๊ะตั้งขนมปังถวายเฉพาะพระพักตร์ พร้อมเครื่องใช้ทั้งหมดของโต๊ะนั้น 19 ดังนั้นพวกข้าพระบาทจัดเตรียม และพวกข้าพระบาทได้ชำระเครื่องใช้ทั้งหมดที่กษัตริย์อาหัสย้ายไปเมื่อพระองค์ทรงกระทำอย่างไม่ซื่อสัตย์ในระหว่างรัชสมัยของพระองค์ ดูสิ ของเหล่านั้นอยู่ที่หน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์"

20 แล้วในตอนเช้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงลุกขึ้นแต่เช้า และรวบรวมบรรดาผู้นำของเมือง พระองค์เสด็จไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 21 เขาทั้งหลายนำวัวผู้เจ็ดตัว แกะผู้เจ็ดตัว ลูกแกะเจ็ดตัว และแพะผู้เจ็ดตัว มาเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปสำหรับอาณาจักร สำหรับสถานนมัสการและสำหรับยูดาห์ พระองค์ทรงบัญชาบรรดาปุโรหิต เชื้อสายทั้งหลายของอาโรน ให้ถวายสัตว์เหล่านั้นบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ 22 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงฆ่าวัวผู้ และปุโรหิตก็รับเลือดและประพรมเลือดบนแท่นบูชา เขาทั้งหลายยังฆ่าแกะผู้และประพรมเลือดบนแท่นบูชา และพวกเขาก็ฆ่าลูกแกะและเอาเลือดประพรมบนแท่นบูชา 23 พวกเขานำเอาแพะผู้สำหรับเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปมาต่อพระพักตร์กษัตริย์และชุมนุมชน เขาทั้งหลายวางมือของพวกเขาบนแพะเหล่านั้น 24 บรรดาปุโรหิตก็ได้ฆ่าพวกมัน และทำเครื่องบูชาลบล้างบาปด้วยเลือดของพวกมันบนแท่นบูชา เพื่อลบมลทินบาปให้อิสราเอลทั้งหมด เพราะกษัตริย์ทรงบัญชาว่า เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาลบล้างบาปควรทำสำหรับอิสราเอลทั้งหมด

25 เฮเซคียาห์ทรงตั้งให้คนเลวีอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ โดยถือฉาบ พิณใหญ่ และพิณเขาคู่ จัดเตรียมตามพระบัญชาของดาวิด ของกาดผู้ทำนายของกษัตริย์ และของนาธันผู้เผยพระวจนะ เพราะพระบัญชานั้นมาจากพระยาห์เวห์ผ่านบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ 26 พวกคนเลวีได้ยืนอยู่พร้อมด้วยบรรดาเครื่องดนตรีของดาวิด และปุโรหิตพร้อมกับแตร 27 เฮเซคียาห์ทรงบัญชาให้เขาทั้งหลายถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชา เมื่อการเผาเครื่องบูชาเริ่มขึ้นเพลงถวายแด่พระยาห์เวห์ก็ได้เริ่มด้วย พร้อมกับแตรร่วมกับเครื่องดนตรีต่างๆ ของดาวิด กษัตริย์แห่งอิสราเอล 28 ชุมนุมชนทั้งหมดก็นมัสการ บรรดานักร้องก็ร้องเพลง และบรรดานักเป่าแตรก็เป่าแตร ทุกอย่างนี้ดำเนินอยู่จนการถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จ 29 เมื่อเขาทั้งหลายถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จแล้ว กษัตริย์และทุกคนที่อยู่กับพระองค์ก็กราบลงและก็นมัสการ 30 ยิ่งไปกว่านั้น เฮเซคียาห์กษัตริย์และบรรดาผู้นำก็บัญชาพวกคนเลวีให้ร้องเพลงสรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วยถ้อยคำทั้งหลายของดาวิดและของอาสาฟผู้ทำนาย เขาทั้งหลายร้องเพลงสรรเสริญด้วยความยินดี และพวกเขาก็กราบลงและก็นมัสการ

31 และเฮเซคียาห์ตรัสว่า "บัดนี้ท่านทั้งหลายได้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ต่อพระยาห์เวห์แล้ว จงเข้ามานี่และนำเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์" ชุมนุมชนได้นำเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบพระคุณมา และทุกคนที่มีความสมัครใจก็ได้นำเครื่องเผาบูชามา 32 จำนวนเครื่องเผาบูชาที่ชุมนุมชนนำมา คือวัวผู้เจ็ดสิบตัว แกะผู้หนึ่งร้อยตัวและลูกแกะสองร้อยตัว ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์ 33 การถวายบูชาชำระนั้นมี วัวผู้หกร้อยตัว และแกะสามพันตัว 34 แต่มีปุโรหิตน้อยเกินไปที่จะถลกหนังของเครื่องเผาบูชาได้ทั้งหมด ดังนั้นบรรดาพี่น้องของพวกเขา พวกคนเลวี ได้ช่วยพวกเขาจนกระทั่งงานเสร็จ และจนกระทั่งพวกปุโรหิตอื่นๆ สามารถชำระตัวพวกเขาเองเสร็จ เพราะพวกคนเลวีระมัดระวังในการชำระตัวพวกเขาเองมากกว่าพวกปุโรหิต 35 นอกจากเครื่องเผาบูชาจำนวนมากมายแล้ว พวกเขายังกระทำกับไขมันของเครื่องศานติบูชา และยังมีเครื่องดื่มบูชาที่คู่กับเครื่องเผาบูชาด้วย ดังนี้แหละงานปรนนิบัติของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็ถูกจัดเป็นระเบียบ 36 เฮเซคียาห์ทรงเปรมปรีดิ์ และประชาชนทั้งหมดก็เปรมปรีดิ์ด้วย เพราะสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมสำหรับประชาชนนั้น เพราะงานนี้ทำเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว

30

1 เฮเซคียาห์ทรงส่งพวกคนสื่อสารไปถึงอิสราเอลและยูดาห์ทั้งหมด และทรงพระอักษรถึงเอฟราอิมกับมนัสเสห์ด้วย ว่าเขาทั้งหลายควรจะมายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ที่เยรูซาเล็ม เพื่อฉลองเทศกาลปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล 2 เพราะว่ากษัตริย์ พวกผู้นำของพระองค์และชุมนุมชนทั้งหมดในเยรูซาเล็มได้ปรึกษาร่วมกัน ตัดสินใจที่จะฉลองเทศกาลปัสกาในเดือนที่สอง 3 เขาทั้งหลายไม่สามารถฉลองปัสกาได้ทันที เพราะไม่มีพวกปุโรหิตเพียงพอ ผู้ซึ่งยังไม่ได้ชำระตัวพวกเขาเองให้บริสุทธิ์ และประชาชนก็ไม่ได้มาชุมนุมกันในเยรูซาเล็ม

4 แผนงานนี้ดูเหมือนถูกต้องในสายพระเนตรของกษัตริย์และชุมนุมชนทั้งหมด 5 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงตกลงจัดทำคำประกาศออกไปทั่วอิสราเอล ตั้งแต่เบเออร์เชบาถึงดาน ว่าประชาชนควรมาฉลองปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลที่เยรูซาเล็ม เพราะพวกเขาไม่ได้ปฏิบัติกันด้วยจำนวนประชาชนคนมากๆ ตามที่เขียนไว้ 6 ดังนั้นพวกคนเดินหนังสือพร้อมกับบรรดาหนังสือจากกษัตริย์และบรรดาผู้นำของพระองค์จึงได้ออกไปทั่วอิสราเอลและยูดาห์ ตามพระบัญชาของกษัตริย์ หนังสือเหล่านั้นได้เขียนว่า “โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล เพื่อพระองค์จะทรงหันกลับมายังคนที่เหลืออยู่ของพวกท่าน ผู้ซึ่งได้หนีรอดจากพระหัตถ์ของบรรดากษัตริย์อัสซีเรีย 7 อย่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษหรือพวกพี่น้องของพวกท่านผู้ซึ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเขา ดังนั้นพระองค์จึงทรงมอบพวกเขาให้ถูกทำลายตามที่พวกท่านเห็นอยู่ 8 บัดนี้อย่าหัวแข็งเหมือนอย่างที่บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายเป็น แต่จงมอบตัวพวกท่านเองแด่พระยาห์เวห์ และจงเข้ามายังสถานบริสุทธิ์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงชำระให้บริสุทธิ์เป็นนิตย์ และจงนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์จะหันไปเสียจากท่านทั้งหลาย 9 เพราะถ้าท่านทั้งหลายกลับมาหาพระยาห์เวห์ พวกพี่น้องและบุตรทั้งหลายของพวกท่านจะได้รับความกรุณาต่อหน้าคนเหล่านั้นที่ได้จับพวกเขาไปเป็นเชลย และพวกเขาจะได้กลับมายังแผ่นดินนี้อีก เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงมีพระกรุณาและพระเมตตา ถ้าพวกท่านกลับมาหาพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงหันพระพักตร์ไปจากพวกท่าน”

10 ดังนั้นพวกคนเดินหนังสือจึงได้ไปตามเมืองต่างๆ ทั่วเขตเอฟราอิม และมนัสเสห์ ไกลไปจนถึงเศบูลุน แต่ประชาชนทั้งหลายต่างก็หัวเราะเยาะพวกเขาและเย้ยหยันพวกเขา 11 อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางคนจากเผ่าอาเชอร์ มนัสเสห์และเศบูลุนที่ได้ถ่อมตัวพวกเขาลงและมายังเยรูซาเล็ม 12 พระหัตถ์ของพระเจ้าก็ทรงอยู่เหนือยูดาห์ด้วย เพื่อทรงทำให้พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่จะทำตามพระบัญชาของกษัตริย์และพวกผู้นำ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์

13 ประชาชนจำนวนมาก ที่ชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ ได้รวมตัวกันในเยรูซาเล็ม เพื่อฉลองเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อในเดือนที่สอง 14 เขาทั้งหลายลุกขึ้นและลงมือกำจัดแท่นบูชาทั้งหลายที่อยู่ในเยรูซาเล็ม รวมทั้งแท่นสำหรับเผาเครื่องหอมทั้งหมด เขาทั้งหลายได้ทิ้งของเหล่านั้นลงในห้วยขิดโรน 15 และเขาทั้งหลายฆ่าลูกแกะปัสกาในวันที่สิบสี่ของเดือนที่สอง บรรดาปุโรหิตและคนเลวีรู้สึกละอายใจ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ชำระตัวพวกเขาเองให้บริสุทธิ์ และนำเครื่องเผาบูชามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์

16 เขาทั้งหลายยืนประจำตำแหน่งส่วนต่างๆ ของพวกเขา ตามการกำหนดที่ให้ไว้ในบทบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า พวกปุโรหิตได้เอาเลือดซึ่งพวกเขาได้รับจากมือของคนเลวีมาประพรม 17 เพราะคนจำนวนมากในที่ชุมนุมชนนั้นยังไม่ได้ชำระตัวพวกเขาเองให้บริสุทธิ์ ดังนั้นคนเลวีจึงฆ่าลูกแกะปัสกาสำหรับทุกคนที่ไม่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ และไม่สามารถชำระเครื่องเผาบูชาของพวกเขาให้บริสุทธิ์เพื่อถวายแด่พระยาห์เวห์ได้ 18 เพราะว่าคนจำนวนมากมายนั้น มีคนจำนวนมากซึ่งมาจากเอฟราอิม และมนัสเสห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุนที่ยังไม่ได้ชำระตัวพวกเขาเองให้บริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็ได้รับประทานปัสกาแม้ขัดต่อข้อบัญญัติที่เขียนไว้ เฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานเผื่อพวกเขาว่า "ขอพระยาห์เวห์ผู้ประเสริฐทรงให้อภัยแก่ทุกๆ คน

19 ผู้ตั้งใจแสวงหาพระเจ้า คือพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้รับการชำระตามมาตรฐานของสถานที่บริสุทธิ์นี้" 20 ดังนั้นพระยาห์เวห์ทรงฟังเฮเซคียาห์และทรงรักษาประชาชน 21 ประชาชนอิสราเอลที่อยู่ในเยรูซาเล็มถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อเป็นเวลาเจ็ดวันด้วยความยินดีอย่างยิ่ง พวกคนเลวีกับปุโรหิตได้สรรเสริญพระยาห์เวห์ทุกๆ วัน ร้องเพลงด้วยเครื่องดนตรีทั้งหลายที่ให้เสียงดังถวายแด่พระยาห์เวห์ 22 เฮเซคียาห์ทรงกล่าวหนุนใจพวกคนเลวีทุกคนผู้ซึ่งเข้าใจการปรนนิบัติพระยาห์เวห์ ดังนั้นพวกเขารับประทานอาหารตลอดเทศกาลเลี้ยงนั้นเป็นเวลาเจ็ดวัน ถวายเครื่องบูชาเป็นเครื่องศานติบูชา ทั้งสารภาพผิดต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเขา

23 แล้วที่ชุมนุมชนทั้งหมดก็ได้ตกลงกันที่จะฉลองเทศกาลเลี้ยงต่ออีกเจ็ดวัน พวกเขากระทำดังนั้นด้วยความยินดี 24 เพราะเฮเซคียาห์กษัตริย์ยูดาห์ทรงประทานวัวผู้หนึ่งพันตัว และแกะเจ็ดพันตัวแก่ชุมนุมชนให้เป็นเครื่องเผาบูชา และพวกผู้นำก็ได้ให้วัวผู้หนึ่งพันตัว แกะและแพะหนึ่งหมืื่นตัวแก่ชุมนุมชน พวกปุโรหิตจำนวนมากมายก็ชำระตัวพวกเขาเองให้บริสุทธิ์ 25 ชุมนุมชนทั้งหมดของยูดาห์กับบรรดาปุโรหิตทั้งคนเลวี และประชาชนทั้งหมดผู้ซึ่งได้มาร่วมกันจากอิสราเอล รวมทั้งพวกคนต่างด้าวผู้ซึ่งได้มาจากแผ่นดินอิสราเอลและคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ในยูดาห์ พวกเขาทั้งหมดต่างเปรมปรีดิ์ 26 ดังนั้นจึงได้มีความยินดีอย่างยิ่งในเยรูซาเล็ม เพราะตั้งแต่สมัยของซาโลมอนพระราชโอรสของดาวิดกษัตริย์อิสราเอล ยังไม่เคยมีอย่างนี้ในเยรูซาเล็มเลย 27 แล้วบรรดาปุโรหิตและคนเลวีได้ลุกขึ้นและอวยพรประชาชน เสียงของพวกเขาได้ไปถึงพระกรรณ และคำอธิษฐานได้ขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ สถานที่บริสุทธิ์ซึ่งพระเจ้าทรงประทับอยู่

31

1 บัดนี้เมื่อทั้งหมดเสร็จแล้ว ประชาชนอิสราเอลทั้งสิ้นซึ่งอยู่ที่นั่นก็ได้ออกไปยังเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และทำลายเสาหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเป็นชิ้นๆ และพวกเขาได้โค่นบรรดาเสาอาเชราห์ลง และรื้อบรรดาสถานสูง และบรรดาแท่นบูชาทั่วยูดาห์และเบนยามิน และในเอฟราอิมและมนัสเสห์ จนกระทั่งพวกเขาทำลายพวกมันจนหมด แล้วคนอิสราเอลทั้งหมดต่างก็ได้กลับไป ทุกคนกลับไปยังทรัพย์สินของเขา และเมืองของเขา

2 เฮเซคียาห์ทรงแบ่งส่วนต่างๆ ของพวกปุโรหิตและคนเลวีโดยจัดเป็นส่วนๆ ผู้ชายแต่ละคนถูกมอบหมายงานของเขาทั้งบรรดาปุโรหิตและพวกคนเลวี พระองค์ทรงกำหนดให้พวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องศานติบูชา ให้ปรนนิบัติ ให้ถวายการขอบพระคุณและให้สรรเสริญที่บรรดาประตูพระวิหารของพระยาห์เวห์ 3 พระองค์ทรงกำหนดส่วนของถวายจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ของกษัตริย์นั้นให้เป็นเครื่องเผาบูชา คือเครื่องเผาบูชาสำหรับเวลาเช้าและเวลาเย็น เครื่องเผาบูชา และเครื่องเผาบูชาสำหรับวันสะบาโต วันขึ้นหนึ่งค่ำและบรรดาเทศกาลเลี้ยงตามที่กำหนด ดังที่บันทึกไว้ในธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ 4 ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงบัญชาให้ประชาชนผู้อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มให้ถวายส่วนที่เป็นของพวกปุโรหิตและของพวกคนเลวี เพื่อเขาทั้งหลายจะได้อุทิศตัวในการเชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ 5 ทันทีที่พระบัญชาแพร่ออกไป ประชาชนอิสราเอลมากมายได้ถวายผลรุ่นแรกของข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน น้ำผึ้ง และจากผลผลิตทุกอย่างจากการเก็บเกี่ยวจากท้องทุ่งไร่นาด้วยใจกว้างขวาง พวกเขานำทศางค์ของสิ่งของทุกชนิดมาอย่างมากมาย

6 ประชาชนอิสราเอลและยูดาห์ผู้อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ก็ได้นำทศางค์ของวัวของแกะ และทศางค์ของบรรดาสิ่งที่บริสุทธิ์ที่แยกไว้ต่างหาก เพื่อถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาได้วางสุมไว้เป็นกองๆ 7 พวกเขาเริ่มต้นกองสุมบรรดาของถวายของพวกเขาไว้ในเดือนที่สามและพวกเขาทำเสร็จในเดือนที่เจ็ด 8 เมื่อเฮเซคียาห์และพวกผู้นำมาและเห็นกองของถวายเหล่านั้น พวกเขาได้สรรเสริญพระยาห์เวห์และอวยพรคนอิสราเอลของพระองค์ 9 แล้วเฮเซคียาห์ทรงไต่ถามบรรดาปุโรหิตและคนเลวีเกี่ยวกับกองของถวายเหล่านั้น 10 อาซาริยาห์มหาปุโรหิต ซึ่งเป็นเชื้อสายของศาโดกทูลตอบพระองค์ และทูลว่า "ตั้งแต่ประชาชนเริ่มนำเครื่องถวายเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พวกข้าพระองค์ได้รับประทานและมีอย่างพอเพียงและมีเหลืออีกมากมาย เพราะพระยาห์เวห์ทรงอวยพรประชาชนของพระองค์ จึงมีสิ่งที่เหลืออยู่มากมายที่นี่"

11 แล้วเฮเซคียาห์ทรงบัญชาพวกเขาให้จัดห้องเก็บของในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 12 และเขาทั้งหลายก็ได้จัดไว้ และพวกเขาได้นำเครื่องถวายบูชา ทศางค์ และสิ่งที่บริสุทธิ์ที่เป็นของพระยาห์เวห์เข้ามาอย่างซื่อสัตย์ โคนานิยาห์คนเลวีเป็นผู้จัดการดูแลพวกเขา และชิเมอีน้องชายของเขาเป็นรองเขา 13 เยฮีเอล อาซาซิยาห์ นาหัท อาสาเฮล เยรีโมท โยซาบาด เอลีเอล อิสมาคิยาห์ มาฮาท และเบไนยาห์ เป็นผู้ควบคุมภายใต้โคนานิยาห์และชิเมอีน้องชายของเขา โดยการทรงแต่งตั้งของเฮเซคียาห์กษัตริย์ และอาซาริยาห์หัวหน้าดูแลพระนิเวศของพระเจ้า 14 โคเร บุตรชายอิมนาห์คนเลวี ผู้เฝ้าประตูตะวันออก เป็นผู้ดูแลของบูชาที่ถวายแด่พระเจ้าด้วยความสมัครใจ ดูแลการแจกเครื่องถวายบูชาที่ถวายแด่พระยาห์เวห์และเครื่องถวายบูชาบริสุทธิ์ที่สุด

15 ภายใต้เขาคือ เอเดน มินยามิน เยชูอา เชไมอาห์ อามาริยาห์ เชคานิยาห์ในเมืองต่างๆ ของพวกปุโรหิต พวกเขาทำหน้าที่ต่างๆ ที่น่าไว้วางใจ เป็นระเบียบในการแจกเครื่องถวายบูชาเหล่านี้ให้กับพวกพี่น้องของพวกเขาตามส่วนต่างๆ โดยให้ทั้งผู้ที่สำคัญและไม่สำคัญ 16 พวกเขาได้ให้พวกผู้ชายที่มีอายุสามขวบขึ้นไป ผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ตามบันทึกของบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา ผู้ที่ได้เข้าในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ตามได้กำหนดไว้ตามหน้าที่ประจำวัน เพื่อทำงานในหน้าที่ทั้งหลายของพวกเขาและในส่วนต่างๆ ของพวกเขา 17 พวกเขาได้แจกจ่ายให้แก่บรรดาปุโรหิตตามบันทึกทั้งหลายของบรรพบุรุษของพวกเขา และเหมือนกันกับคนเลวีที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไป ตามหน้าที่ทั้งหลายของพวกเขา และส่วนต่างๆ ของพวกเขา 18 พวกเขาได้รวมไปถึงลูกเล็กๆ ของพวกเขาทั้งหมด บรรดาภรรยาของพวกเขา บรรดาบุตรชาย และบรรดาบุตรหญิงของพวกเขา คือทั้งชุมชน เพราะพวกเขาได้ซื่อสัตย์ในการรักษาตัวเขาทั้งหลายเองให้บริสุทธิ์ 19 สำหรับบรรดาปุโรหิต เชื้อสายทั้งหลายของอาโรนผู้ซึ่งได้อยู่ในทุ่งนาหมู่บ้านทั้งหลายที่เป็นของเมืองต่างๆ ของพวกเขา หรือในทุกๆ เมืองจะมีพวกผู้ชายที่ถูกระบุชื่อไว้ เพื่อแจกจ่ายส่วนแบ่งต่างๆ แก่ผู้ชายทุกคนท่ามกลางพวกปุโรหิต และแก่ทุกคนผู้ซึ่งได้อยู่ในบัญชีในบันทึกทั้งหลายของบรรพบุรุษของพวกเขาที่มีท่ามกลางพวกเลวี

20 เฮเซคียาห์ทรงกระทำดังนี้ทั่วยูดาห์ พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ดี ที่ถูกต้องและที่ซื่อสัตย์เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ 21 ในงานทุกอย่างที่พระองค์ทรงเริ่มต้นในการปรนนิบัติพระนิเวศของพระเจ้า ธรรมบัญญัติและพระบัญชาเพื่อแสวงหาพระเจ้าของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำด้วยเต็มพระทัย และพระองค์ทรงประสบความสำเร็จ

32

1 ภายหลังสิ่งทั้งหลายเหล่านี้และบรรดาการกระทำที่ซื่อสัตย์ เซนนาเคอริบกษัตริย์อัสซีเรียยกทัพมาและบุกรุกยูดาห์ พระองค์ทรงตั้งค่ายเพื่อโจมตีเมืองป้อมต่างๆ และทรงตั้งใจจะยึดเอาไว้สำหรับพระองค์เอง 2 เมื่อเฮเซคียาห์ทรงเห็นว่าเซนนาเคอริบยกทัพมาด้วยเจตนาจะสู้รบกับเยรูซาเล็ม 3 พระองค์ทรงปรึกษากับบรรดาผู้นำและนายทหารของพระองค์ เพื่อที่จะอุดน้ำตามน้ำพุต่างๆ ที่อยู่นอกเมือง พวกเขาได้ช่วยเหลือพระองค์ทำอย่างนั้น

4 ประชาชนจำนวนมากมารวมกัน และได้อุดน้ำพุและปิดกั้นลำธารทั้งหมดที่ไหลผ่านตอนกลางของแผ่นดิน พวกเขากล่าวว่า “จะปล่อยให้พวกกษัตริย์แห่งอัสซีเรียมาและพบน้ำมากมายทำไม?” 5 เฮเซคียาห์ทรงกล้าหาญและทรงสร้างกำแพงทั้งหมดที่พังลงนั้นขึ้นใหม่ พระองค์ทรงสร้างบรรดาหอคอยสูงขึ้น และ กำแพงชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง พระองค์ยังได้ทรงเสริมกำแพงป้อมมิลโลที่นครดาวิด และพระองค์ทรงสร้างอาวุธและโล่จำนวนมาก 6 พระองค์ทรงตั้งผู้บัญชาการรบเหนือประชาชน พระองค์ทรงรวบรวมพวกเขาเข้ามาด้วยกัน ณ ลานที่ประตูนคร และตรัสหนุนใจเขาทั้งหลายว่า 7 "จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรือท้อแท้เพราะกษัตริย์อัสซีเรียเลย และกองทัพทั้งหมดที่อยู่กับเขา เพราะว่าผู้ที่อยู่กับพวกเรานั้นใหญ่กว่าผู้ที่อยู่กับเขา 8 ฝ่ายเขามีแต่กำลังของเนื้อหนัง แต่พวกเรามีพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราที่จะทรงช่วยเราและสู้ศึกของพวกเรา" ประชาชนก็ได้ให้กำลังใจพวกเขาเองด้วยพระดำรัสของเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์

9 หลังจากนี้ เซนนาเคอริบกษัตริย์อัสซีเรีย ได้ส่งพวกข้าราชการของพระองค์ไปยังเยรูซาเล็ม (บัดนี้พระองค์อยู่ที่หน้าเมืองลาคีช และกองทัพทั้งหมดของพระองค์อยู่กับพระองค์) ไปยังเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ และประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ที่อยู่ในเยรูซาเล็ม พระองค์ตรัสว่า 10 “เซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า เจ้าทั้งหลายกำลังพึ่งอะไร เพื่อจะยืนหยัดต่อสู้การล้อมโจมตีอยู่ในเยรูซาเล็ม? 11 เฮเซคียาห์ชักจูงพวกเจ้าให้หลงเพื่อพระองค์จะให้พวกเจ้าตายด้วยความอดอยากและกระหาย เมื่อพระองค์บอกพวกเจ้าว่า 'พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราจะทรงช่วยกู้เราจากมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียหรือ'? 12 เฮเซคียาห์คนนี้ไม่ใช่หรือที่ได้ขจัดบรรดาสถานสูงของพระองค์ และแท่นบูชาทั้งหลายของพระองค์ และบัญชายูดาห์กับเยรูซาเล็มว่า 'บนแท่นบูชาเดียวที่พวกเจ้าต้องนมัสการ และบนแท่นบูชานั้นพวกเจ้าต้องเผาเครื่องบูชาของพวกเจ้า'? 13 เจ้าทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเราและบรรพบุรุษของเราได้ทำอะไรกับชนชาติทั้งหมดของแผ่นดินอื่นๆ? พระทั้งหลายของประชาชาติแห่งแผ่นดินเหล่านั้นสามารถช่วยกู้แผ่นดินของพวกเขาให้พ้นจากมือของอำนาจเราหรือ?

14 ในท่ามกลางพวกพระทั้งหมดของประชาชาติเหล่านั้นซึ่งบรรพบุรุษของเราทำลายอย่างราบคาบนั้น มีพระใดที่สามารถช่วยกู้ประชากรของตนจากมือของเราได้? แล้วทำไมพระเจ้าของพวกเจ้าจะสามารถช่วยกู้เจ้าจากอำนาจของเราหรือ? 15 ในเวลานี้ อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า หรือชักจูงพวกเจ้าไปในทางนี้ อย่าเชื่อเขา ไม่มีพระของประชาชาติ หรืออาณาจักรใดที่สามารถช่วยกู้ประชากรของตนจากมือของเรา หรือจากมือของบรรพบุรุษของเรา จะน้อยยิ่งกว่านั้นสักเพียงไรที่พระเจ้าของพวกเจ้าจะช่วยกู้พวกเจ้าจากมือของเราได้? ”

16 พวกข้าราชการของเซนนาเคอริบได้กล่าวทับถมพระยาห์เวห์พระเจ้าและเฮเซคียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์มากยิ่งกว่านั้นอีก 17 เซนนาเคอริบยังทรงพระอักษรเพื่อเยาะเย้ยพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล และทรงกล่าวทับถมพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า "พระทั้งหลายของบรรดาประชาชาติของแผ่นดินทั้งหลาย ไม่ได้ช่วยกู้ประชากรของพวกเขาจากมือของเรา ดังนั้นพระเจ้าของเฮเซคียาห์ก็ไม่อาจช่วยกู้ประชากรของพระองค์จากมือของเราอย่างนั้น" 18 เขาทั้งหลายร้องตะโกนเป็นภาษายิวให้ชาวเยรูซาเล็มผู้อยู่บนกำแพงได้ยิน เพื่อให้พวกเขาตกใจและหวาดหวั่น เพื่อพวกเขาจะได้ยึดเมืองนั้น 19 พวกเขาพูดถึงพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็มเหมือนกับบรรดาพระของชนชาติทั้งหลายอื่นๆ แห่งแผ่นดินโลก ซึ่งเป็นเพียงผลงานของมือมนุษย์

20 กษัตริย์เฮเซคียาห์และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรชายอามอส ได้อธิษฐานเพื่อเรื่องนี้และร้องทูลต่อฟ้าสวรรค์ 21 พระยาห์เวห์ทรงใช้ทูตสวรรค์องค์หนึ่งผู้ได้ฆ่าบรรดานักรบ บรรดาผู้บังคับบัญชาและเจ้านายของกษัตริย์ในค่ายนั้น ดังนั้นเซนนาเคอริบจึงได้เสด็จกลับไปยังแผ่นดินของพระองค์ด้วยความอับอายขายพระพักตร์ เมื่อพระองค์เสด็จเข้าในวิหารของพระองค์ พระราชโอรสบางองค์ของพระองค์ทรงสังหารพระองค์ตรงนั้นด้วยดาบ 22 ด้วยวิธีนี้พระยาห์เวห์ทรงช่วยเฮเซคียาห์ และชาวเยรูซาเล็มจากพระหัตถ์ของเซนนาเคอริบกษัตริย์อัสซีเรีย และจากมือของบรรดาศัตรูทั้งหมด และทรงประทานที่พักให้เขาทั้งหลายในทุกด้าน 23 คนมากมายนำบรรดาของถวายบูชามาถวายพระยาห์เวห์ที่เยรูซาเล็ม และนำของมีค่าต่างๆ มาถวายเฮเซคียาห์กษัตริย์ยูดาห์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงเป็นที่ยกย่องในสายตาของประชาชาติต่างๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

24 ครั้งนั้นเฮเซคียาห์ประชวรใกล้จะสิ้นพระชนม์ เฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ผู้ซึ่งตรัสต่อพระองค์และประทานหมายสำคัญอย่างหนึ่งแก่เฮเซคียาห์ที่พระองค์จะได้รับการรักษาให้หาย 25 แต่เฮเซคียาห์ไม่ได้ทรงตอบแทนพระคุณพระยาห์เวห์สำหรับความช่วยเหลือที่พระองค์ทรงประทานแก่พระองค์ เพราะพระทัยของพระองค์ผยองขึ้น ดังนั้นพระพิโรธจึงได้มาเหนือพระองค์ และเหนือยูดาห์และเยรูซาเล็ม 26 ภายหลังเฮเซคียาห์ถ่อมพระทัยที่หยิ่งผยองนั้นลง ทั้งพระองค์และชาวเยรูซาเล็ม ดังนั้นพระพิโรธของพระยาห์เวห์จึงไม่ได้มาเหนือเขาทั้งหลายในรัชสมัยของเฮเซคียาห์

27 เฮเซคียาห์ทรงมีราชทรัพย์และเกียรติยศมากยิ่งนัก พระองค์ทรงสร้างคลังสำหรับพระองค์เองเพื่อเก็บเงิน ทองคำ อัญมณี เครื่องเทศ โล่ และของมีค่าทุกชนิด 28 พระองค์ทรงมีทั้งยุ้งฉางเพื่อเก็บข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันที่ผลิตมาทั้งหมด ทั้งคอกสัตว์สำหรับสัตว์เลี้ยงทุกชนิด พระองค์ยังมีฝูงสัตว์ต่างๆ ในคอกต่างๆ 29 พระองค์ทรงจัดหาเมืองต่างๆ สำหรับพระองค์เอง รวมทั้งฝูงปศุสัตว์และฝูงวัวมากมาย เพราะพระเจ้าประทานทรัพย์สมบัติให้พระองค์มากอย่างยิ่ง 30 เฮเซคียาห์องค์นี้ที่ทรงปิดกั้นทางน้ำออกด้านบนของน้ำพุกีโฮน แล้วบังคับให้ไหลลงไปยังด้านตะวันตกของนครดาวิด เฮเซคียาห์ทรงเจริญรุ่งเรืองในพระราชกิจทั้งหมดของพระองค์ 31 อย่างไรก็ดีในเรื่องพวกทูตที่พวกเจ้านายบาบิโลน ผู้ได้ส่งมาเฝ้าพระองค์เพื่อไต่ถามถึงผู้ซึ่งได้รู้เหล่านั้นเกี่ยวกับหมายสำคัญที่เกิดขึ้นในแผ่นดิน พระเจ้าทรงปล่อยพระองค์ไว้ตามอำเภอใจ เพื่อทดสอบพระองค์ และเพื่อจะรู้พระดำริทุกอย่างที่อยู่ในพระทัยของพระองค์

32 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ เกี่ยวข้องกับเฮเซคียาห์ รวมทั้งบรรดากิจการของพระองค์ของความสัตย์ซื่อตามพันธสัญญานั้น ดูสิ ก็ได้มีบันทึกไว้ในนิมิตของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรชายอามอส และในหนังสือพงศ์กษัตริย์ของยูดาห์และอิสราเอล 33 เฮเซคียาห์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรดาบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาทั้งหลายได้ฝังพระศพไว้บนเนินเขาของบรรดาอุโมงค์ของบรรดาเชื้อสายของดาวิด คนยูดาห์และผู้ที่อยู่อาศัยในเยรูซาเล็มทั้งหมดได้ถวายพระเกียรติพระองค์ในการสวรรคตของพระองค์ มนัสเสห์พระราชโอรสของพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แทนพระองค์

33

1 เมื่อมนัสเสห์ทรงมีพระชนมายุสิบสองพรรษา เมื่อพระองค์เริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มห้าสิบห้าปี 2 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ คือสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของพวกชนชาติที่พระยาห์เวห์ทรงขจัดออกไปก่อนหน้าประชาชนอิสราเอล 3 เพราะพระองค์สร้างสถานสูงขึ้นมาอีก ซึ่ง เฮเซคียาห์พระราชบิดาของพระองทรงรื้อถอนลงมา และพระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาทั้งหลายสำหรับพระบาอัล พระองค์ทรงสร้างบรรดาเสาอาเชราห์ และพระองค์ก้มกราบลงและนมัสการต่อบรรดาดวงดาวแห่งท้องฟ้า 4 มนัสเสห์สร้างแท่นบูชาของพวกนอกรีตในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ แม้ว่าพระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้ว่า "นามของเราจะอยู่ในเยรูซาเล็มเป็นนิตย์" 5 พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาต่างๆ แก่บรรดาดวงดาวแห่งท้องฟ้าในลานสองแห่งของพระนิเวศของพระยาห์เวห์

6 ในหุบเขาเบนฮินโนน พระองค์ทรงให้บุตรชายของพระองค์ลุยไฟเพื่อการทำนายและทำเวทอาคม พระองค์ถือคำทำนายและพระองค์จะสื่อสารกับคนที่ติดต่อกับคนตายและคนเหล่านั้นที่คุยกับพวกวิญญาณ พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วร้ายอย่างมากในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์และพระองค์ทรงยั่วยุจนพระเจ้าทรงพิโรธ 7 รูปเคารพสลักอาเชราห์ที่พระองค์ทรงทำขึ้นมา พระองค์ทรงเอาไปวางไว้ในพระนิเวศของพระเจ้า ด้วยเหตุแห่งพระนิเวศนี้เองที่พระเจ้าตรัสกับดาวิดและซาโลมอนพระโอรสของพระองค์ว่า "ในพระนิเวศแห่งนี้และในเยรูซาเล็ม ที่ซึ่งเราเลือกสรรไว้จากเผ่าทั้งหลายของอิสราเอล ที่เราจะให้นามของเราอยู่เป็นนิตย์ 8 เราจะไม่ย้ายคนอิสราเอลออกจากแผ่นดินอีกต่อไป ซึ่งเราได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษทั้งหลายของพวกเขา เพียงให้พวกเขาระวังที่จะรักษาทุกสิ่งซึ่งเราบัญชาพวกเขาไว้ ทำตามกฏหมายต่างๆ บรรดาข้อกฏเกณฑ์และบัญญัติต่างๆ ที่เราให้ไว้กับโมเสส"

9 มนัสเสห์ทรงพายูดาห์และชาวเยรูซาเล็มทำสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าชนชาติที่พระยาห์เวห์ได้ทรงทำลายพวกเขาก่อนคนอิสราเอล 10 พระยาห์เวห์ตรัสกับมนัสเสห์และแก่ประชาชนของพระองค์ แต่พวกเขาไม่เชื่อฟัง 11 พระยาห์เวห์จึงทรงนำพวกผู้บังคับกองทหารในกองทัพของกษัตริย์ของคนอัสซีเรีย ผู้ล่ามโซ่มนัสเสห์ มัดพระองค์ไว้กับเครื่องจองจำ และนำพระองค์ไปไว้ยังบาบิโลน 12 เมื่อมนัสเสห์เริ่มทนทุกข์ พระองค์ทรงระลึกถึงพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพระองค์และทรงถ่อมพระองค์ลงอย่างมากต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์ 13 พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้า และพระองค์ทรงขอร้องต่อพระเจ้า และพระเจ้าทรงสดับคำขอร้องของพระองค์และนำพระองค์กลับไปยังเยรูซาเล็มสู่อาณาจักรของพระองค์ แล้วมนัสเสห์ก็ทรงทราบว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า

14 หลังจากนี้ มนัสเสห์ทรงสร้างกำแพงชั้นนอกจนถึงเมืองของดาวิด อยู่ทางทิศตะวันตกของกีโฮน ในหุบเขาไปจนถึงประตูปลา พระองค์ทรงสร้างล้อมรอบเนินเขาของโอเฟลและยกกำแพงขึ้นสูงอย่างมาก พระองค์ทรงตั้งผู้บังคับบัญชาไว้ตามหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ทั้งสิ้น 15 พระองค์ทรงเอาพระทั้งหลาย รูปเคารพจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์และบรรดาแท่นบูชาที่พระองค์ทรงสร้างบนภูเขาของพระนิเวศของพระยาห์เวห์และในเยรูซาเล็มทิ้ง และโยนพวกมันออกไปจากเมืองเสีย 16 พระองค์ทรงซ่อมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์และถวายเครื่องศานติบูชาและถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณ พระองค์ทรงบัญชายูดาห์ให้รับใช้พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล 17 ถึงกระนั้นก็ดี ผู้คนยังคงนมัสการที่สถานสูงแต่เพื่อพระยาเห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขาเท่านั้น 18 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของมนัสเสห์ คำอธิษฐานของพระองค์ต่อพระเจ้า และถ้อยคำของผู้ทำนายที่ได้ทูลต่อพระองค์ในพระนามของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ดูเถิด สิ่งเหล่านี้ก็บันทึกไว้ในพระราชกรณียกิจต่างๆ ของกษัตริย์ของอิสราเอล

19 ในบันทึกเรื่องราวคำอธิษฐานของพระองค์ และเรื่องที่พระเจ้าทรงรับฟังคำวิงวอน และเรื่องของความบาปและการละเมิดทั้งสิ้นของพระองค์ และสถานที่ที่พระองค์ทรงสร้างไว้ที่สถานสูงและตั้งเสาอาเชราห์ทั้งหลายและบรรดารูปสลักต่างๆ ก่อนที่พระองค์จะทรงถ่อมพระองค์ลง สิ่งเหล่านี้ก็เขียนไว้ในหนังสือพงศาวดารผู้ทำนาย 20 แล้วมนัสเสห์จึงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และพวกเขาได้ฝังพระองค์ไว้ในพระราชวังของพระองค์ อาโมนราชโอรสของพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ในอาณาจักรของพระองค์

21 อาโมนทรงมีพระชนมายุยี่สิบสองพรรษา เมื่อพระองค์เริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสองปี 22 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เช่นเดียวกับมนัสเสห์ พระบิดาของพระองค์ทรงกระทำ อาโมนถวายเครื่องเผาบูชาแก่รูปสลักทั้งหลายที่มนัสเสห์พระบิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ และพระองค์ทรงนมัสการพระเหล่านั้น 23 พระองค์ไม่ทรงถ่อมพระองค์ลงต่อพระยาห์เวห์ เหมือนดังที่มนัสเสห์พระบิดาของพระองค์ทรงกระทำ แต่อาโมนผู้นี้แหละทรงทำการละเมิดมากขึ้นยิ่งกว่า 24 ผู้รับใช้ของพระองค์คิดกบฏต่อต้านพระองค์แล้วฆ่าพระองค์จนถึงแก่ความตายในวังของพระองค์เอง 25 แต่ประชาชนในแผ่นดินนั้นได้ฆ่าคนทั้งหลายที่คิดกบฏต่อกษัตริย์อาโมน และพวกเขาตั้งโยสิยาห์โอรสของพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากพระองค์

34

1 โยสิยาห์ทรงพระชนมายุได้แปดพรรษาเมื่อพระองค์เริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสามสิบเอ็ดปี 2 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์และดำเนินในบรรดาทางของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์และมิได้ทรงหันไปทางซ้ายหรือขวาเลย

3 เพราะในปีที่แปดแห่งรัชกาลของพระองค์ เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงเริ่มแสวงหาพระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ ในปีที่สิบสอง พระองค์ทรงเริ่มชำระล้างยูดาห์และเยรูซาเล็มจากสถานสูง ทั้งบรรดาเสาอาเชราห์และพวกรูปเคารพแกะสลักและพวกรูปเคารพหล่อ 4 ประชาชนพังแท่นบูชาพระบาอัลต่อหน้าพระองค์ และพระองค์ทรงตัดแท่นเครื่องหอมที่ตั้งอยู่บนนั้น พระองค์ทรงหักเสาอาเชราห์และรูปเคารพแกะสลัก และรูปเคารพหล่อลงเป็นชิ้นๆ จนกลายเป็นผุยผง พระองค์ทรงโรยผงบนหลุมศพของบรรดาคนที่ได้ถวายสัตวบูชาแก่พระเหล่านั้น

5 พระองค์ทรงเผากระดูกของปุโรหิตทั้งหลายของพวกเขาบนแท่นเผาบูชาของพวกเขา ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงทำการชำระล้างทั้งยูดาห์และเยรูซาเล็ม 6 และพระองค์ทรงทำเช่นเดียวกันกับหัวเมืองของมนัสเสห์ เอฟราอิมและสิเมโอน ตลอดไปจนถึงนัฟทาลี และในที่ปรักหักพังโดยรอบ 7 พระองค์ทรงทำลายแท่นเผาบูชา และทุบเสาอาเชราห์และรูปแกะสลักจนกลายเป็นผงและได้ตัดแท่นเครื่องหอมบูชาทั้งสิ้นจนทั่วทั้งแผ่นดินอิสราเอล แล้วพระองค์ก็เสด็จกลับไปยังเยรูซาเล็ม

8 ในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลของพระองค์ หลังจากโยสิยาห์ได้ชำระล้างแผ่นดินและพระนิเวศ พระองค์ทรงใช้ชาฟานบุตรชายของอาซาลิยาห์ และมาเสอาห์ผู้ว่าราชการเมือง และโยอาห์บุตรชายของโยอาฮาสเจ้ากรมสารบรรณ ไปซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ 9 แล้วพวกเขาก็ไปหาฮิลคียาห์ มหาปุโรหิตและให้เงินไว้กับเขาซึ่งได้นำมาไว้ในพระนิเวศของพระเจ้าที่พวกคนเลวีผู้เป็นพวกเฝ้าประตูพระนิเวศได้รวบรวมมาจากมนัสเสห์และเอฟราอิม จากคนทั้งหลายทั่วทั้งอิสราเอล จากทั่วทั้งยูดาห์และเบนยามิน และจากบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม

10 พวกเขามอบเงินนั้นไว้กับคนงานผู้ดูแลพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พวกเขาเหล่านี้ได้จ่ายเงินให้แก่คนงานผู้ที่ซ่อมแซมพระนิเวศ 11 พวกเขาจ่ายเงินนั้นแก่พวกช่างไม้และพวกก่อสร้างเพื่อซื้อหินตัดและไม้สำหรับประกับและทำคานสำหรับโครงสร้างที่กษัตริย์ยูดาห์บางคนได้ปล่อยทรุดโทรมเอาไว้ 12 พวกเขาทำงานอย่างสัตย์ซื่อ หัวหน้างานของพวกเขาคือยาหาทและโอบาดีห์คนเลวีบุตรชายของเมรารีและเศคาริยาห์และเมชุลลัม จากลูกหลานของคนโคฮาท ส่วนคนเลวีทั้งหลายที่เชี่ยวชาญด้านดนตรีเป็นผู้ดูแลคนงานอย่างใกล้ชิด

13 พวกคนเลวีเหล่านี้ดูแลคนงานแบกหามอุปกรณ์ก่อสร้างและคนงานทั้งหลายที่ทำงานด้านอื่น และยังมีพวกเลวีที่ทำหน้าที่เป็นอาลักษณ์ คนจัดการและคนเฝ้ายามที่ประตู 14 เมื่อพวกเขานำเงินออกมาซึ่งเป็นเงินที่ถวายให้แก่พระนิเวศ ฮิลคียาห์ปุโรหิตก็ได้พบหนังสือธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ที่ได้ทรงประทานไว้แก่โมเสส 15 ฮิลคียาห์บอกกับชาฟานอาลักษณ์ว่า "เราได้พบหนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศของพระยาห์เวห์" แล้วฮิลคียาห์ก็มอบหนังสือนั้นให้แก่ชาฟาน

16 ชาฟานก็ได้นำหนังสือนั้นไปถวายแด่กษัตริย์แล้วทูลรายงานแก่พระองค์ว่า "คนงานรับใช้ของพระองค์ได้ทำหน้าที่ตามที่พระองค์ทรงบัญชาพวกเขาไว้ทุกประการ 17 พวกเขาเทเงินทั้งหมดออกมาซึ่งได้ถวายเข้ามายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และพวกเขามอบเงินเหล่านั้นไว้แก่พวกผู้คุมงานและคนงานทั้งหลาย" 18 ชาฟานราชเลขาทูลกษัตริย์ว่า "ฮิลคียาห์มหาปุโรหิตได้มอบหนังสือนี้แก่ข้าพเจ้า" แล้วชาฟานก็ได้อ่านถวายแก่กษัตริย์ 19 เมื่อกษัตริย์ทรงสดับถ้อยคำของธรรมบัญญัตินั้น แล้วพระองค์ก็ฉีกเสื้อของพระองค์ออก

20 แล้วกษัตริย์ก็ทรงบัญชาให้ฮิลคียาห์ อาหิคัมบุตรชายของชาฟาน อับโดนบุตรชายของมีคาห์ ชาฟานอาลักษณ์ และอาสายาห์ ผู้รับใช้ของพระองค์ตรัสว่า 21 "จงไปทูลถามพระประสงค์ของพระยาห์เวห์สำหรับเราและแก่คนทั้งหลายที่เหลืออยู่ในอิสราเอลและที่จอร์แดน ด้วยเรื่องถ้อยคำที่พบในหนังสือ เพราะพระพิโรธของพระยาห์เวห์ที่ทรงเทมาเหนือพวกเรานั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก เพราะบรรพบุรุษของเราไม่ได้เชื่อฟังถ้อยคำในหนังสือนี้และรักษาทุกสิ่งที่ได้ถูกเขียนเอาไว้"

22 ดังนั้นฮิลคียาห์และพวกคนที่กษัตริย์ทรงบัญชาไว้ก็ไปหาฮุลดาห์ผู้เผยพระวจนะหญิง ภรรยาของชัลลูมบุตรชายของทกหาทซึ่งเป็นบุตรชายของหัสราห์ผู้ดูแลฉลองพระองค์ (นางอาศัยอยู่ในแขวงที่สองในเยรูซาเล็ม) และพวกเขาก็พูดกับนางอย่างนั้น 23 นางบอกกับพวกเขาว่า "นี่คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า จงไปบอกผู้ที่ส่งท่านมาหาเรา 24 'พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำความพินาศมาเหนือสถานที่แห่งนี้และเหนือชาวเมืองนี้ ทั้งคำสาปแช่งทั้งหลายที่ได้ถูกเขียนไว้ในหนังสือที่พวกเขาได้อ่านต่อพระพักตร์ของกษัตริย์แห่งยูดาห์

25 เพราะพวกเขาทอดทิ้งเราและหันไปเผาเครื่องหอมบูชาแก่พระอื่น เพื่อที่พวกเขาจะยั่วยุให้เราโกรธด้วยการกระทำแห่งน้ำมือของพวกเขา เพราะฉะนั้นความพิโรธขอเราจะถูกเทออกมาเหนือสถานที่แห่งนี้ และจะไม่ดับเลย 26 แต่กษัตริย์ของยูดาห์ ที่ได้ส่งพวกท่านมาทูลถามพระยาห์เวห์ว่าพระองค์จะทรงกระทำเช่นไร นี่คือสิ่งที่พวกท่านจะต้องไปทูลแก่พระองค์ว่า 'พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ ด้วยเรื่องถ้อยคำซึ่งเจ้าได้ยินนั้น

27 เพราะว่าหัวใจของท่านอ่อนโยนลงและท่านถ่อมตัวของท่านลงต่อพระเจ้า เมื่อท่านได้ยินคำตรัสของพระองค์ที่ต่อต้านสถานที่แห่งนี้และชาวเมืองทั้งหลายและเพราะว่าท่านถ่อมตัวของท่านลงต่อหน้าเราและได้ฉีกเสื้อของท่านและร้องไห้ต่อเรา เราได้สดับคำร้องทูลของเจ้า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ 28 ดูเถิด เราจะรวบรวมเจ้าไว้กับเหล่าบรรพบุรุษของพวกเจ้า เจ้าจะถูกรวบรวมไว้ที่หลุมฝังศพของเจ้าอย่างศานติ และสายตาของเจ้าจะไม่ได้เห็นการทำลายที่เราจะนำมาเหนือสถานที่แห่งนี้และชาวเมืองนี้'" แล้วพวกเขาก็นำคำนี้กลับไปทูลแก่กษัตริย์

29 แล้วกษัตริย์ก็ได้ส่งพวกผู้ส่งสารไปและรวบรวมบรรดาพวกผู้ใหญ่ของยูดาห์และเยรูซาเล็ม 30 แล้วกษัตริย์ก็เสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และคนทั้งหลายของยูดาห์และบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม และพวกปุโรหิต คนเลวีและคนทั้งปวงตั้งแต่ผู้อาวุโสถึงผู้น้อยมารวมกัน แล้วพระองค์ได้ทรงอ่านถ้อยคำทั้งสิ้นในหนังสือพันธสัญญาที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ให้พวกเขาฟัง

31 แล้วกษัตริย์ก็ทรงยืนขึ้นในที่ของพระองค์และกระทำพันธสัญญาต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ที่จะดำเนินตามพระยาห์เวห์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ กฎเกณฑ์และพระโอวาทของพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิตสุดใจของพระองค์ จะเชื่อฟังพระคำของพันธสัญญาที่ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือนี้ 32 แล้วพระองค์ก็ทรงสั่งให้ทุกคนที่อยู่ในเยรูซาเล็มและเบนยามินให้ยืนรอพันธสัญญาของพระเจ้า และผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มก็กระทำตามพันธสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทั้งลาย 33 แล้วโยสิยาห์ได้เอาสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนทั้งหลายออกไปจากแผ่นดินทั้งหลายซึ่งเป็นของประชาชนอิสราเอล พระองค์ทรงให้ทุกคนในอิสราเอลนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาไม่ได้หันไปจากการติดตามพระยาห์พระเจ้าของเหล่าบรรพบุรุษของพวกเขาตลอดวันทั้งหลายของพระองค์

35

1 โยสิยาห์ทรงถือเทศกาลปัสกาแด่พระยาเวห์ในเยรูซาเล็ม และพวกเขาฆ่าแกะปัสกาในวันที่สิบสี่ของเดือนที่หนึ่ง 2 พระองค์ทรงแต่งตั้งบรรดาปุโรหิตในตำแหน่งของพวกเขาและทรงสนับสนุนให้พวกเขาปรนนิบัติในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 3 พระองค์ตรัสกับพวกเลวีซึ่งแยกตัวให้บริสุทธิ์เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์และเป็นผู้สั่งสอนแก่พวกอิสราเอลว่า "จงวางหีบบริสุทธิ์ในพระนิเวศที่ซาโลมอนพระโอรสของดาวิด กษัตริย์อิสราเอลได้สร้างเอาไว้ อย่าได้แบกหามไปมาบนไหล่ของพวกเจ้าอีกเลย บัดนี้ จงนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า และรับใช้อิสราเอลประชาชนของพระองค์

4 จงจัดเตรียมพวกเจ้าเองตามชื่อครอบครัวแห่งบรรพบุรุษ และกองของพวกเจ้า ตามพระบัญชาที่ดาวิด กษัตริย์อิสราเอลได้เขียนเอาไว้และตามพระบัญชาเหล่านั้นของซาโลมอนราชโอรสของพระองค์ 5 จงยืนในสถานบริสุทธิ์ ตามตำแหน่งของพวกเจ้า พร้อมด้วยกองต่างๆ ตามชื่อแห่งบรรพบุรุษของบรรดาพี่น้องของพวกเจ้า บรรดาเชื้อสายของประชาชน และปรนนิบัติตามกองของพวกเจ้าที่ได้แบ่งออกไว้ตามตระกูลของบรรพบุรุษของคนเลวี 6 จงฆ่าแกะปัสกาและชำระตัวของพวกเจ้าเองให้บริสุทธิ์ และเตรียมแกะเหล่านั้นแก่พี่น้องของพวกเจ้า เพื่อที่จะได้กระทำตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งทรงประทานไว้กับโมเสส"

7 โยสิยาห์ทรงประทานลูกแกะและลูกแพะจากฝูงทั้งหลาย สามหมื่นตัวเพื่อใช้เป็นเครื่องปัสกาบูชาแก่ทุกคนที่อยู่ที่นั่น พระองค์ยังทรงประทานวัวอีกสามพันตัว สัตว์เหล่านี้มาจากทรัพย์สินของกษัตริย์ 8 และบรรดาเจ้านายของพระองค์ถวายเครื่องบูชาด้วยใจสมัครแก่ประชาชน พวกปุโรหิตและคนเลวี ฮิลคียาห์ เศคาริยาห์และเยฮีเอล เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในพระนิเวศของพระเจ้า ได้มอบเครื่องปัสกาบูชาแก่พวกปุโรหิต คือลูกวัว 2,600 ตัวและวัวผู้อีกสามร้อยตัว 9 ส่วนโคนานิยาห์และเชไมอาห์ และเนธันเอล น้องชายของพวกเขา และฮาชาบิยาห์ เยอีเอลและโยซาบาด พวกหัวหน้าของคนเลวีได้ให้เครื่องปัสกาบูชาแก่คนเลวีคือลูกวัวห้าพันตัวกับวัวผู้อีกห้าร้อยตัว

10 เมื่องานได้เตรียมพร้อมไว้แล้วและพวกปุโรหิตยืนประจำตำแหน่งของพวกเขา พร้อมกับคนเลวีที่แบ่งเป็นกองๆ ตามพระบัญชาของกษัตริย์ 11 พวกเขาฆ่าลูกแกะปัสกา และพวกปุโรหิตก็พรมเลือดที่พวกเขาได้รับมาจากมือของคนเลวี และคนเลวีก็ได้ถลกหนังแกะ 12 พวกเขาย้ายเครื่องเผาบูชาออก เพื่อที่มอบเครื่องเผาบูชานั้นแก่กองต่างๆ ตามครอบครัวแห่งบรรพบุรุษของประชาชน เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์ ตามที่ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือของโมเสส พวกเขาก็ทำเช่นเดียวกันกับวัวผู้ทั้งหมด 13 พวกเขาย่างลูกแกะปัสกาด้วยไฟตามพระบัญชา เพื่อเป็นเครื่องบูชาบริสุทธิ์ พวกเขาต้มเครื่องบูชาในหม้อ เป็นหม้อที่มีขนาดใหญ่และในกะทะ และพวกเขารีบนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั้งหมด

14 หลังจากนั้นพวกเขาเตรียมเครื่องบูชาสำหรับตนเองและแก่บรรดาปุโรหิต เพราะบรรดาปุโรหิต เชื้อสายทั้งหลายของอาโรนต้องวุ่นวายเตรียมการถวายเครื่องเผาบูชาและส่วนของไขมันจนถึงเวลาค่ำ ดังนั้นพวกเลวีเตรียมเครื่องบูชาสำหรับพวกเขาเองและแก่บรรดาปุโรหิตเชื้อสายทั้งหลายของอาโรน 15 พวกนักร้องลูกหลานของอาสาฟก็อยู่ในที่ของพวกเขา ตามที่บัญชาไว้โดยดาวิด อาสาฟ เอมานและเยดูธูนผู้ทำนายของกษัตริย์ และพวกยามก็ประจำอยู่ทุกประตู พวกเขาไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายจากตำแหน่งของพวกเขา เพราะพวกเลวีพี่น้องของพวกเขาได้เตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว

16 ในเวลานั้น พิธีการทั้งหลายของพระยาห์เวห์ก็ได้ถือปฏิบัติเพื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาและการเผาเครื่องสัตวบูชาบนแท่นเผาบูชาของพระยาห์เวห์ ตามที่กษัตริย์โยสิยาห์ทรงบัญชาไว้ 17 ประชาชนอิสราเอลที่อยู่ที่นั่นได้ถือเทศกาลปัสกาในเวลานั้น และเทศกาลการกินขนมปังไร้เชื้อเป็นเวลาเจ็ดวัน 18 ตั้งแต่วันของผู้เผยพระวจนะซามูเอล ก็ไม่เคยมีการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาในอิสราเอลอีกเลย ไม่มีกษัตริย์องค์ใดที่เฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาเหมือนอย่างกษัตริย์โยสิยาห์ ร่วมกับพวกปุโรหิต คนเลวีและประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ และอิสราเอลที่อยู่ในเวลานั้นกับชาวเยรูซาเล็ม 19 เทศกาลปัสกานี้ถือรักษาในปีที่สิบแปดแห่งการปกครองของโยสิยาห์

20 ภายหลังจากสิ่งเหล่านี้ เมื่อโยสิยาห์ทรงจัดเตรียมพระนิเวศให้เป็นระเบียบแล้ว เนโคกษัตริย์อียิปต์ได้เสด็จขึ้นไปสู้รบที่คารเคมีชที่แม่น้ำยูเฟรติส แล้วโยสิยาห์ก็เสด็จขึ้นไปสู้รบกับพระองค์ 21 แต่เนโคส่งทูตไปทูลถามพระองค์ว่า "กษัตริย์ยูดาห์ เรามีเรื่องใดต่อท่านหรือ? วันนี้ เราไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับท่าน แต่มาสู้รบกับชนชาติที่เราจะทำสงครามด้วย พระเจ้าทรงบัญชาให้เรารีบไป ดังนั้นขอทรงละเว้นจากการขัดขวางพระเจ้า ผู้ทรงสถิตกับเรา หรือมิเช่นนั้นพระองค์จะทรงทำลายท่านเสีย"

22 อย่างไรก็ตาม โยสิยาห์ปฏิเสธที่จะหันไปจากเนโค พระองค์ทรงปลอมพระองค์เพื่อที่จะได้สู้รบกับเนโค พระองค์ไม่ได้เชื่อฟังคำของเนโคที่มาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า ดังนั้นพระองค์จึงได้เสด็จไปสู้รบในหุบเขาเมกิดโด 23 นักธนูได้ยิงกษัตริย์โยสิยาห์ และกษัตริย์ตรัสกับผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์ว่า "จงพาเราไป เพราะเราบาดเจ็บสาหัสยิ่งนัก" 24 พวกผู้รับใช้ของพระองค์ก็ได้พาพระองค์ออกจากรถม้าศึก และให้ประทับในรถม้าศึกอีกคันที่เตรียมเอาไว้ พวกเขาพาพระองค์ไปยังเยรูซาเล็ม ที่ซึ่งพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้ถูกฝังไว้ในอุโมงค์ของบรรดาบรรพบุรุษ ทั้งยูดาห์และเยรูซาเล็มก็ไว้ทุกข์แก่โยสิยาห์

25 เยเรมีย์ร่ำไห้คร่ำครวญแก่โยสิยาห์ นักร้องทั้งชายและหญิงก็ได้ขับร้องไว้อาลัยแก่โยสิยาห์จนถึงทุกวันนี้ บทเพลงเหล่านี้ได้กลายมาเป็นธรรมเนียมในอิสราเอล ดูเถิด บทเพลงเหล่านี้บันทึกไว้ในหนังสือบทเพลงคร่ำครวญ 26 พระราชกิจทั้งสิ้นของโยสิยาห์นั้น และการดีต่างๆ ที่พระองค์ทรงเชื่อฟัง ก็ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ 27 และการงานของพระองค์ตั้งแต่ต้นจนจบก็ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือของกษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล

36

1 แล้วประชาชนในแผ่นดินนั้นก็นำเยโฮอาหาสพระราชโอรสของโยสิยาห์มาและตั้งพระองค์ให้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนพระราชบิดาของพระองค์ในเยรูซาเล็ม 2 เยโฮอาหาสทรงมีพระชนมายุยี่สิบสามพรรษาเมื่อพระองค์เริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสามเดือน 3 กษัตริย์อียิปต์ทรงถอดถอนพระองค์ที่เยรูซาเล็ม และทรงให้เสียค่าปรับเป็นเงินหนักหนึ่งร้อยตะลันต์และทองคำหนักหนึ่งตะลันต์ 4 กษัตริย์อียิปต์ทรงตั้งเอลียาคิม น้องชายของพระองค์เป็นกษัตริย์เหนือยูดาห์และเยรูซาเล็ม และทรงเปลี่ยนพระนามของพระองค์เป็นเยโฮยาคิม แล้วพระองค์ก็ทรงนำพี่ชายของเอลียาคิม คือเยโฮอาหาสและทรงนำเขาไปยังอียิปต์ 5 เยโฮยาคิมทรงมีพระชนมายุยี่สิบห้าปี เมื่อพระองค์เริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสิบเอ็ดปี พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้่ายในสายพระเนตรของพระเจ้าของพระองค์

6 เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน เสด็จมาต่อสู้กับพระองค์และทรงล่ามพระองค์ไว้เพื่อพาพระองค์ไปยังบาบิโลน 7 เนบูคัดเนสซาร์เองก็ทรงเอาเครื่องใช้บางอย่างในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ไปยังบาบิโลน และวางสิ่งเหล่านั้นไว้ในพระราชวังของพระองค์ที่บาบิโลน 8 ส่วนในเรื่องพระราชกรณียกิจอื่นๆ ของพระองค์ สิ่งน่าสะอิดสะเอียดทั้งหลายที่พระองค์ทรงกระทำและสิ่งไม่ดีทั้งหลายซึ่งพบในตัวพระองค์นั้น ดูเถิด สิ่งเหล่านี้ก็ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือของกษัตริย์แห่งยูดาห์และเยรูซาเล็ม แล้วเยโฮยาคีนพระราชโอรสของพระองค์ ก็ได้กลายเป็นกษัตริย์ในอาณาจักรของพระองค์ 9 เยโฮยาคีนทรงมีพระพระชนมายุได้แปดพรรษาเมื่อพระองค์เริ่มครองราชย์ พระองค์ทรงครองราชย์เป็นเวลาสามเดือนกับสิบวันในเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์

10 ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงส่งคนไปและนำพระองค์มายังบาบิโลน พร้อมด้วยของมีค่าทั้งหลายจากพระนิเวศของพระยาเวห์ และทรงตั้งให้เศเดคียาห์พระญาติของพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนือยูดาห์และเยรูซาเล็ม 11 เศเดคียาห์เริ่มครองราชย์เมื่อพระองค์มีพระชนมายุยี่สิบเอ็ดพรรษา พระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสิบเอ็ดปี 12 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงถ่อมพระองค์ลงต่อหน้าผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ ผู้ได้กล่าวจากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์

13 เศเดคียาห์ทรงกบฏต่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ผู้ทรงให้พระองค์สาบานต่อพระเจ้าที่จะจงรักภักดีต่อพระองค์ แต่เศเดคียาห์ทรงดื้อรั้นและพระทัยของพระองค์แข็งกระด้างหันเสียจากพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล 14 ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาพวกผู้นำและพวกปุโรหิตกลับไม่สัตย์ซื่ออย่างยิ่ง และพวกเขาได้ติดตามสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของบรรดาประชาชาติ และพวกเขาทำให้พระนิเวศของพระยาห์เวห์ในเยรูซาเล็มซึ่งทรงชำระให้บริสุทธิ์แปดเปื้อน 15 พระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา ทรงส่งพระวจนะของพระองค์ทางบรรดาผู้ส่งสารของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะพระองค์ทรงมีเมตตาต่อประชาชนของพระองค์และที่ประทับที่พระองค์ประทับอยู่

16 แต่พวกเขาได้เยาะเย้ยบรรดาผู้ส่งข่าวของพระเจ้าแลดูหมิ่นบรรดาพระวจนะของพระองค์ และเย้ยหยันเหล่าผู้เผยพระวจนะของพระองค์ จนพระพิโรธของพระยาห์เวห์ได้พลุ่งขึ้นต่อคนของพระองค์ จนช่วยอะไรไม่ได้แล้ว 17 ดังนั้น พระเจ้าจึงทรงนำกษัตริย์ของคนเคลเดียมาหาพวกเขา ผู้ได้ฆ่าชายหนุ่มด้วยดาบในพระวิหารและไม่มีความกรุณาใดใดต่อชายหนุ่มหรือหญิงพรหมจารี คนแก่หรือคนผมหงอก พระเจ้าทรงมอบพวกเขาทั้งหมดไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์นั้น

18 เครื่องใช้ทั้งสิ้นของพระนิเวศของพระเจ้า ทรัพย์สมบัติทั้งใหญ่และเล็กของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และทรัพย์สมบัติของกษัตริย์และพวกเจ้าหน้าที่ ทั้งหมดนี้พระองค์ได้นำไปยังบาบิโลน 19 พวกเขาเผาพระนิเวศของพระเจ้า รื้อทำลายกำแพงของเยรูซาเล็มลง เผาบรรดาราชวังทั้งสิ้น และทำลายสิ่งสวยงามทุกอย่างที่อยู่ที่นั่น 20 กษัตริย์ได้พาคนเหล่านั้นที่รอดจากคมดาบไปยังบาบิโลน พวกเขากลายเป็นทาสของพระองค์และบรรดาพระราชโอรสของพระองค์จนกระทั่งถึงสมัยการปกครองของอาณาจักรเปอร์เซีย 21 สิ่งนี้เกิดขึ้นเพื่อให้สำเร็จตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่กล่าวโดยปากของเยเรมีย์ จนกว่าที่แผ่นดินจะได้พักในปีสะบาโต จะถือเป็นปีสะบาโตไปตลอดช่วงที่แผ่นดินถูกปล่อยทิ้งร้าง เพื่อให้ผ่านไปเป็นเวลาเจ็ดสิบปีด้วยวิธีนี้

22 บัดนี้ ในปีแรกของกษัตริย์ไซรัสเปอร์เซีย เพื่อที่จะได้เป็นไปตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่ออกมาจากปากของเยเรมีย์ พระยาห์เวห์ได้กระตุ้นจิตใจของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์จึงประกาศไปทั่วทั้งราชอาณาจักรของพระองค์และทำการจดบันทึกไว้ด้วย พระองค์ตรัสว่า 23 "นี่คือไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ตรัสดังนี้ว่า พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ทรงประทานอาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดินโลกแก่เรา พระองค์ทรงบัญชาว่าให้เราสร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ในเยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ในยูดาห์ ผู้ใดก็ตามในพวกเขาที่เป็นประชากรของพระองค์ ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ทรงสถิตอยู่กับท่านและให้เขากลับไปยังแผ่นดินเถิด"