ไทย (Thai): Unlocked Literal Bible Print

Updated ? hours ago # views See on WACS
PSALMS
PSALMS
1

1 ความสุขเป็นของคนที่ไม่เดินตามคำแนะนำของคนชั่ว หรือยืนในทางของคนบาปทั้งหลาย หรือนั่งในที่ชุมนุมของพวกคนชอบเยาะเย้ย 2 แต่ความปิติยินดีของเขาอยู่ในพระบัญญัติของพระยาห์เวห์ และเขาใคร่ครวญพระบัญญัติของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน

3 เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำทั้งหลายซึ่งออกผลตามฤดูกาลของมัน ใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็จะเจริญรุ่งเรือง

4 คนชั่วหาเป็นเช่นนั้นไม่ แต่กลับเป็นเหมือนแกลบที่ลมพัดไป 5 ดังนั้นคนชั่วจะไม่ได้ยืนในการพิพากษา และไม่มีคนบาปทั้งหลายในที่ชุมนุมของคนชอบธรรม

6 เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงเห็นชอบทางของคนชอบธรรม แต่ทางของคนชั่วจะพินาศไป

2

1 ทำไมบรรดาประชาติจึงตกอยู่ในความโกลาหล และทำไมเหล่าประชากรจึงคิดแผนการที่จะล้มเหลว 2 บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกรวมหัวกัน และบรรดาผู้ปกครองก็สุมหัวกันกบฎต่อพระยาห์เวห์และต่อพระเมสสิยาห์ของพระองค์ กล่าวกันว่า 3 "ให้เราหักเครื่องจำจองที่พวกเขาใส่ให้เราและสลัดโซ่ตรวนของพวกเขาออกไปเสีย"

4 พระองค์ผู้ทรงประทับในสวรรค์จะทรงยิ้มเยาะพวกเขา และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเยาะเย้ยพวกเขา 5 แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกเขาด้วยความกริ้วของพระองค์ และทำให้พวกเขากลัวด้วยความเดือดดาลของพระองค์ ตรัสว่า

6 "เราเองได้เจิมตั้งกษัตริย์ของเราบนศิโยน ภูเขาอันบริสุทธิ์ของเรา" 7 ข้าพเจ้าจะประกาศถึงกฎเกณฑ์ของพระยาห์เวห์ พระองค์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า "เจ้าเป็นบุตรของเรา ในวันนี้เราได้ให้กำเนิดเจ้า

8 จงขอจากเรา และเราจะมอบบรรดาประชาชาติให้เป็นมรดกของเจ้า และดินแดนที่ไกลไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า 9 เจ้าจะทุบพวกเขาด้วยคทาเหล็ก เจ้าจะฟาดพวกเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ เหมือนไหของช่างปั้น"

10 ดังนั้น บัดนี้พวกเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ทั้งหลายจงฟังคำเตือน จงปรับปรุงตัว พวกเจ้าผู้เป็นผู้ปกครองทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลก 11 จงนมัสการพระยาห์เวห์ด้วยความยำเกรงและจงเปรมปรีด์จนตัวสั่น

12 จงจุมพิตพระบุตร มิฉะนั้นพระองค์จะกริ้วเจ้า และเจ้าจะตายเมื่อความกริ้วของพระองค์ลุกเผาผลาญในทันที แต่บรรดาคนทั้งปวงที่ลี้ภัยในพระองค์ก็เป็นสุข

3

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ศัตรูของข้าพระองค์ช่างมากมายเหลือเกิน คนมากมายได้ลุกขึ้นต่อต้านข้าพระองค์ 2 หลายคนกล่าวถึงข้าพระองค์ว่า "ไม่มีความช่วยเหลือจากพระเจ้าสำหรับเขา" เสลาห์

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงเป็นโล่ล้อมรอบข้าพระองค์ ทรงเป็นศักดิ์ศรีของข้าพระองค์ และทรงเป็นผู้ที่ชูศีรษะของข้าพระองค์ขึ้น 4 ข้าพระองค์ยกเสียงของข้าพระองค์ทูลต่อพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงตอบข้าพระองค์จากภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์ เสลาห์

5 ข้าพเจ้าเอนกายลงและหลับไป ข้าพเจ้าตื่นขึ้น เพราะพระยาห์เวห์ทรงปกป้องข้าพเจ้า 6 ข้าพเจ้าจะไม่กลัวฝูงชนมากมายที่ตั้งตนขึ้นต่อสู้ข้าพเจ้ารอบด้าน

7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้น ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงซัดกรามของศัตรูทั้งปวงของข้าพระองค์ พระองค์จะทรงเลาะฟันของคนชั่วเสีย 8 ความรอดมาจากพระยาห์เวห์ ขอพระพรของพระองค์อยู่เหนือประชากรของพระองค์ด้วยเถิด เสลาห์

4

1 ข้าแต่พระเจ้าแห่งความชอบธรรมของข้าพระองค์ ขอทรงตอบข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์ร้องทูล ขอทรงประทานช่องทางเมื่อข้าพระองค์จนตรอก ขอทรงเมตตาข้าพระองค์และทรงฟังคำร้องทูลของข้าพระองค์

2 ประชากรทั้งหลายเอ๋ย พวกท่านจะเปลี่ยนเกียรติของข้าพเจ้าให้กลายเป็นความอับอายอีกนานสักเท่าใด? พวกท่านจะรักสิ่งที่ไร้ค่าและแสวงหาคำมุสาอีกนานสักเท่าใด? เสลาห์ 3 แต่จงรู้เถิดว่าพระยาห์เวห์ทรงแยกธรรมิกชนไว้สำหรับพระองค์เอง พระยาห์เวห์จะทรงฟังเมื่อข้าพเจ้าร้องทูลพระองค์

4 จงตัวสั่นด้วยความกลัว แต่อย่าทำบาป จงตรึกตรองในใจบนที่นอนของท่านและจงสงบอยู่ เสลาห์ 5 จงถวายบรรดาเครื่องบูชาแห่งความชอบธรรมและไว้วางใจในพระยาห์เวห์

6 หลายคนกล่าวว่า "ใครจะสำแดงสิ่งดีๆ ให้เราได้เห็น?" ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงส่องแสงแห่งพระพักตร์ของพระองค์มาเหนือพวกเรา 7 พระองค์ทรงประทานให้ใจข้าพระองค์ยินดีมากกว่าเมื่อเวลาที่คนอื่นมีข้าวและเหล้าองุ่นใหม่อย่างอุดมสมบูรณ์ 8 ข้าพระองค์จะเอนกายลงและนอนหลับอย่างเป็นสุข ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงทำให้ข้าพระองค์อยู่รอดปลอดภัย

5

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟังคำร้องทูลของข้าพระองค์ที่มีต่อพระองค์ ขอทรงพิจารณาเสียงคร่ำครวญของข้าพระองค์ 2 ข้าแต่กษัตริย์และพระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงฟังเสียงร่ำร้องของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์ 3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงฟังเสียงร้องทูลของข้าพระองค์ในยามเช้า ข้าพระองค์จะทูลวิงวอนต่อพระองค์ในยามเช้าและรอคอยด้วยความหวัง

4 แน่นอนว่าพระองค์ไม่ได้ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเห็นชอบกับความชั่ว บรรดาคนชั่วจะเข้าเฝ้าพระองค์ไม่ได้ 5 คนหยิ่งผยองจะไม่ได้ยืนอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์ พระองค์ทรงเกลียดชังผู้ประพฤติชั่วทั้งปวง 6 พระองค์จะทรงทำลายบรรดาผู้มุสา พระยาห์เวห์ทรงดูหมิ่นบรรดาผู้ก่อความรุนแรงและหลอกลวง

7 แต่สำหรับข้าพระองค์ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ข้าพระองค์จะเข้าไปในพระนิเวศของพระองค์ ข้าพระองค์จะก้มกราบลงต่อพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์ด้วยความยำเกรง 8 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงนำข้าพระองค์เข้าไปในความชอบธรรมของพระองค์ เหตุเพราะบรรดาศัตรูของข้าพระองค์ ขอทรงทำทางของพระองค์ให้ราบรื่นต่อหน้าข้าพระองค์

9 เพราะไม่มีความจริงในปากของพวกเขาเลย ภายในชีวิตของพวกเขานั้นชั่วร้าย ลำคอของพวกเขาเป็นหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ พวกเขาประจบสอพลอด้วยลิ้นของพวกเขา 10 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงประกาศว่าพวกเขามีความผิด ขอให้พวกเขาล้มลงด้วยแผนร้ายของพวกเขาเอง ขอทรงขับไล่พวกเขาออกไปเพราะการละเมิดอันมากมายของพวกเขา เพราะพวกเขาได้กบฏต่อพระองค์

11 แต่ขอให้คนทั้งปวงที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์เปรมปรีด์ ให้พวกเขาเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีอยู่เสมอ เพราะพระองค์ทรงป้องกันพวกเขา ให้บรรดาคนที่รักพระนามของพระองค์ได้ชื่นชมยินดีในพระองค์ 12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์จะทรงอวยพรแก่คนชอบธรรม พระองค์จะทรงโอบล้อมพวกเขาด้วยความโปรดปรานดุจดั่งโล่กำบัง

6

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงขนาบข้าพระองค์ด้วยความกริ้วของพระองค์ หรือตีสอนข้าพระองค์ด้วยพระพิโรธของพระองค์ 2 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงพระกรุณาแก่ข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์หมดแรง ขอทรงรักษาข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะกระดูกทั้งหลายของข้าพระองค์ก็สั่นอยู่

3 จิตใจของข้าพระองค์ก็เป็นทุกข์หนัก แต่พระองค์เจ้าข้า โอ พระยาห์เวห์ จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานสักเท่าใด? 4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงหันกลับมา ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ 5 เพราะในความตาย ไม่มีการระลึกถึงพระองค์ แล้วในแดนมรณา ใครจะขอบพระคุณพระองค์เล่า?

6 ข้าพระองค์อ่อนแรงด้วยการคร่ำครวญ ข้าพระองค์ทำให้ที่นอนของข้าพระองค์เปียกโชกด้วยน้ำตาตลอดทั้งคืน ข้าพระองค์ล้างที่นอนของข้าพระองค์ด้วยน้ำตาของข้าพระองค์ 7 ตาของข้าพระองค์พร่ามัวไปด้วยความเศร้า มันอ่อนแรงเพราะบรรดาศัตรูทั้งหมดของข้าพระองค์

8 พวกเจ้าทั้งหมดผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นจากข้าพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ทรงได้ยินเสียงร้องไห้ของข้าพระองค์แล้ว 9 พระยาห์เวห์ทรงได้ยินเสียงร้องขอความกรุณาของข้าพระองค์แล้ว พระยาห์เวห์ได้ทรงรับคำอธิษฐานของข้าพระองค์ 10 บรรดาศัตรูทั้งปวงของข้าพระองค์จะอับอายและประสบทุกข์หนัก พวกเขาจะหันกลับและอัปยศอดสูในทันที

7

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดพ้นจากคนทั้งปวงที่ไล่ตามข้าพระองค์ และขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ 2 มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาจะฉีกข้าพระองค์เสียอย่างสิงห์ ฉีกข้าพระองค์ออกเป็นชิ้นๆ จนไม่มีใครอื่นสามารถพาข้าพระองค์ไปสู่ความปลอดภัยได้

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ถ้าข้าพระองค์ได้ทำสิ่งนี้ และมีความผิดอยู่ที่มือของข้าพระองค์ 4 ถ้าข้าพระองค์ทำสิ่งชั่วร้ายต่อคนที่อยู่อย่างสันติกับข้าพระองค์ หรือทำร้ายศัตรูข้าพระองค์โดยไม่มีเหตุ ก็ขอให้ฟังคำของข้าพระองค์

5 ขอให้ศัตรูของข้าพระองค์ตามล่าชีวิตของข้าพระองค์และไล่ทัน ขอให้เขาเหยียบย่ำร่างกายที่มีชีวิตอยู่ของข้าพระองค์จนติดดินและปล่อยให้ข้าพระองค์นอนคลุกฝุ่นอย่างไร้เกียรติ เสลาห์

6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้นด้วยความกริ้วของพระองค์ ขอทรงยืนขึ้นต่อต้านความโกรธของพวกศัตรูของข้าพระองค์ ขอทรงตื่นขึ้นเพื่อเห็นแก่ข้าพระองค์และทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมตามที่พระองค์ได้ทรงบัญชาไว้สำหรับพวกเขา 7 บรรดาประเทศต่างๆ ได้มาชุมนุมล้อมรอบพระองค์ ขอทรงกลับไปอยู่ในฐานะอันชอบธรรมเหนือพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง

8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงพิพากษาชนชาติต่างๆ ขอทรงแก้ต่างแทนข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้สูงสุด เพราะข้าพระองค์ชอบธรรมและไม่มีความผิด 9 ขอให้การกระทำชั่วของคนอธรรมมาถึงจุดสิ้นสุด แต่ขอทรงตั้งคนชอบธรรมขึ้น ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงชอบธรรม ผู้ทรงสำรวจจิตใจและความคิดทั้งหลาย

10 โล่ของข้าพเจ้ามาจากพระเจ้า ผู้ทรงช่วยคนที่มีใจเที่ยงตรงให้รอด 11 พระเจ้าทรงเป็นผู้ตัดสินที่ชอบธรรม ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเจ็บร้อนแทนในแต่ละวัน

12 ถ้าคนนั้นไม่ได้กลับใจใหม่ พระเจ้าจะทรงลับคมดาบของพระองค์และจะทรงเตรียมคันธนูของพระองค์เพื่อทำสงคราม 13 พระองค์ทรงเตรียมอาวุธต่อต้านเขา พระองค์จะทำให้ลูกศรของพระองค์เป็นลูกศรเพลิง

14 ให้ลองคิดถึงคนที่ตั้งครรภ์กับความชั่ว คนที่ท้องกับแผนการแห่งการทำลาย คนที่คลอดการมุสาที่อันตราย 15 เขาขุดหลุมและพรางไว้แล้วเขาก็ตกลงในหลุมที่เขาได้ขุดไว้ 16 แผนแห่งความวิบัติของตัวเขาได้กลับมาตกบนศีรษะของเขาเอง เพราะความทารุณของพวกเขาได้ตกบนศีรษะของเขาเอง

17 ข้าพเจ้าจะถวายขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์เพราะความยุติธรรมของพระองค์ ข้าพเจ้าจะร้องสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ผู้สูงสุด

8

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระนามของพระองค์สูงส่งยิ่งนักทั่วทั้งแผ่นดินโลก พระองค์ผู้ทรงสำแดงพระสิริของพระองค์เหนือบรรดาฟ้าเบื้องบน 2 เป็นเพราะเหล่าศัตรูของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างคำสรรเสริญให้ออกจากปากของบรรดาเด็กอ่อนและทารกทั้งหลาย เพื่อจะได้ปิดปากทั้งศัตรูและผู้ทำการแก้แค้นนั้นเสีย

3 เมื่อข้าพระองค์มองดูบรรดาท้องฟ้าของพระองค์ซึ่งเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายซึ่งพระองค์ได้ทรงสถาปนาไว้ 4 เชื้อสายของมนุษย์สำคัญอะไรเล่าที่พระองค์ทรงระลึกถึงพวกเขา หรือมนุษย์เป็นผู้ใดเล่าที่พระองค์ทรงสนพระทัยพวกเขา? 5 พระองค์ทรงสร้างพวกเขาให้ต่ำกว่าชาวสวรรค์เพียงนิดเดียวและทรงสวมศักดิ์ศรีและเกียรติให้แก่พวกเขา

6 พระองค์ทรงให้เขาครอบครองเหนือเหล่าพระหัตถกิจของพระองค์ พระองค์ได้ให้สิ่งทั้งปวงอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา 7 คือฝูงแกะและฝูงวัวทั้งหมด แม้กระทั่งบรรดาสัตว์ต่างๆ แห่งท้องทุ่ง 8 เหล่านกในท้องฟ้าทั้งปวง และปลาในท้องทะเล รวมถึงทุกสิ่งที่ไปมาตามกระแสแห่งทะเลทั้งหลาย

9 พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระนามของพระองค์สูงส่งยิ่งนักทั่วทั้งแผ่นดินโลก

9

1 ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะเล่าถึงพระราชกิจอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์ 2 ข้าพระองค์จะยินดีและเปรมปรีด์ในพระองค์ ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญแด่พระนามของพระองค์ผู้สูงสุด

3 เมื่อเหล่าศัตรูของข้าพระองค์หันหลังกลับ พวกเขาก็สะดุดและพินาศไปต่อพระพักตร์ของพระองค์ 4 เพราะพระองค์ได้ทรงปกป้องความยุติธรรมให้แก่ข้าพระองค์ พระองค์ทรงประทับบนบัลลังก์ของพระองค์ ทรงตัดสินอย่างชอบธรรม

5 พระองค์ได้ทรงขนาบชนชาติต่างๆ พระองค์ได้ทรงทำลายคนชั่ว พระองค์ได้ทรงลบชื่อของพวกเขาออกไปเป็นนิตย์ 6 ศัตรูก็ถูกบดขยี้ให้พินาศไปเมื่อพระองค์ทรงคว่ำเมืองต่างๆ ของพวกเขาเสีย อนุสรณ์ทั้งหมดของพวกเขาก็สูญสิ้นไป

7 แต่พระยาห์เวห์ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ พระองค์ได้ทรงสถาปนาบัลลังก์ของพระองค์ไว้เพื่อความยุติธรรม 8 พระองค์จะทรงพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม และพระองค์จะทรงตัดสินชนชาติทั้งหลายด้วยความเที่ยงธรรม

9 พระยาห์เวห์จะทรงเป็นที่กำบังอันเข้มแข็งแก่คนที่ถูกกดขี่ ทรงเป็นที่กำบังอันเข้มแข็งในยามลำบาก 10 บรรดาผู้ที่รู้จักพระนามของพระองค์ก็ไว้วางใจในพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งบรรดาผู้ที่แสวงหาพระองค์

11 จงร้องเพลงสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงครอบครองในศิโยน จงบอกชนชาติทั้งหลายถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ 12 เพราะว่าพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นแทนการหลั่งเลือดทรงจดจำ พระองค์ไม่ทรงลืมเสียงร่ำไห้ของผู้ถูกข่มเหง

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงโปรดเมตตาแก่ข้าพระองค์ ขอทรงทอดพระเนตรดูการที่ข้าพระองค์ถูกข่มเหงจากผู้ที่เกลียดชังข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้ที่สามารถฉุดข้าพระองค์ออกจากประตูแห่งความตายได้ 14 เพื่อข้าพระองค์จะป่าวร้องคำสรรเสริญทั้งปวงของพระองค์ ในประตูแห่งธิดาศิโยน ข้าพระองค์จะชื่นชมยินดีในความรอดของพระองค์

15 ชนชาติทั้งหลายได้จมลงไปในหลุมที่พวกเขาได้ขุดไว้ เท้าของพวกเขาติดตาข่ายที่พวกเขาได้พรางเอาไว้ 16 พระยาห์เวห์ได้ทรงสำแดงพระองค์เองให้เป็นที่รู้จัก พระองค์ได้ทรงพิพากษา คนชั่วได้ติดกับดักด้วยการกระทำของตนเอง เสลาห์

17 บรรดาคนชั่วต่างก็หันกลับและถูกส่งไปยังแดนคนตาย นี่คือปลายทางของประชาชาติทั้งหมดที่ลืมพระเจ้า 18 เพราะคนขัดสนจะไม่ถูกลืมอยู่เสมอไป และความหวังของคนที่ถูกข่มเหงจะไม่สูญสิ้นไปเป็นนิตย์

19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้น อย่าให้มนุษย์มีชัยเหนือพระองค์ได้ ขอให้ชนชาติต่างๆ ถูกพิพากษาในสายพระเนตรของพระองค์ 20 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงทำให้พวกเขาเกรงกลัว ให้ชนชาติทั้งหลายได้รู้ว่าเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น เสลาห์

10

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ไฉนพระองค์ประทับยืนอยู่ห่างไกล? ไฉนพระองค์ทรงซ่อนพระองค์เสียในยามยากลำบาก? 2 เพราะความหยิ่งยโสของพวกเขา พวกคนชั่วได้ไล่ตามคนที่ถูกข่มเหง แต่ขอทรงโปรดให้คนชั่วติดกับดักแผนร้ายที่พวกเขาได้วางไว้ 3 เพราะคนชั่วโอ้อวดความปรารถนาลึกๆ ในใจของเขา เขาให้พรแก่คนโลภและดูหมิ่นพระยาห์เวห์

4 คนชั่วก็เชิดหน้า เขาไม่ได้แสวงหาพระเจ้า เขาไม่เคยคิดถึงพระเจ้าเพราะเขาไม่สนใจเกี่ยวกับพระองค์เลย 5 เขาก็มั่นคงอยู่ตลอดเวลา แต่กฎเกณฑ์อันชอบธรรมของพระองค์ก็สูงเกินไปสำหรับเขา เขาพ่นความร้ายใส่ศัตรูทั้งหมดของเขา

6 เขาคิดในใจว่า "ข้าจะไม่มีทางล้มเหลว ข้าจะไม่พบภัยพิบัติในตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์" 7 ปากของเขาเต็มไปด้วยคำแช่งด่าและคำหลอกลวง คำให้ร้าย ลิ้นของเขาทำร้ายและทำลาย

8 เขาดักซุ่มรออยู่ใกล้หมู่บ้านทั้งหลาย เขาแอบฆ่าคนบริสุทธิ์ในที่ลับ ตาของเขามองหาเหยื่อไร้ที่พึ่ง 9 เขาซุ่มในที่ลับเหมือนสิงห์แอบในที่กำบัง เขานอนรอเพื่อคอยจับคนที่ถูกข่มเหง เขาจับคนที่ถูกข่มเหงเมื่อเขาถูกดึงเข้ามาติดตาข่ายของเขา 10 เหยื่อของเขาถูกบดขยี้และถูกทุบตี พวกเขาล้มลงในตาข่ายที่เหนียวแน่นของเขา

11 เขาคิดในใจของเขาว่า "พระเจ้าได้ทรงลืมไปแล้ว พระองค์ทรงปิดพระพักตร์ของพระองค์เสีย พระองค์จะไม่ทรงสนพระทัยที่จะมองเลย" 12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้น ขอทรงยกพระหัตถ์ของพระองค์ขึ้น ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงอย่าลืมคนที่ถูกข่มเหง

13 ไฉนคนชั่วปฏิเสธพระเจ้าและคิดในใจของเขาว่า "พระองค์จะไม่ทรงถือโทษข้าพระองค์หรือ"? 14 พระองค์ได้ทรงเห็นแล้ว เพราะพระองค์ทรงทอดพระเนตรผู้ที่เดือดร้อนและทนทุกข์อยู่เสมอ คนไร้ที่พึ่งมอบตัวไว้กับพระองค์ พระองค์ทรงช่วยกู้ลูกกำพร้า

15 ขอทรงหักแขนของคนชั่วและคนเลวทราม ทรงให้เขาได้รับผลกรรมชั่วของเขา ซึ่งเขาคิดว่าพระองค์ไม่มีทางรู้ 16 พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์เป็นนิตย์ ชนชาติต่างๆ ถูกขับออกจากแผ่นดินของพระองค์

17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงได้ยินความต้องการของคนที่ถูกข่มเหง พระองค์ทรงประทานกำลังใจแก่พวกเขา พระองค์ทรงฟังคำทูลวิงวอนของพวกเขา 18 พระองค์ทรงป้องกันลูกกำพร้าและคนที่ถูกข่มเหง เพื่อที่มนุษย์คนใดบนแผ่นดินโลกจะไม่ทำให้เขาหวาดกลัวได้อีกต่อไป

11

1 แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงโห่ร้องด้วยความชื่นบานถวายแด่พระยาห์เวห์ 2 จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์ด้วยความยินดี จงเข้ามาอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยการร้องเพลงชื่นบาน

3 จงรู้เถิดว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ได้ทรงสร้างเราทั้งหลาย และเราก็เป็นของพระองค์ เราเป็นประชากรของพระองค์และเป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์

4 จงเข้าสู่ประตูทั้งหลายของพระองค์ด้วยการขอบพระคุณและเข้าบรรดาบริเวณพระนิเวศของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ จงขอบพระคุณพระองค์และจงถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์ 5 เพราะพระยาห์เวห์ทรงประเสริฐ ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์และความสัตย์จริงของของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์

12

1 ข้าพระองค์จะร้องเพลงเรื่องความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาและความยุติธรรม ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะร้องบรรดาเพลงสรรเสริญถวายแด่พระองค์

2 ข้าพระองค์จะดำเนินในทางแห่งความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อไรพระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์? ข้าพระองค์จะดำเนินด้วยความซื่อสัตย์สุจริตภายในเรือนของข้าพระองค์ 3 ข้าพระองค์จะไม่ตั้งการกระทำผิดไว้ต่อหน้าต่อตาข้าพระองค์ ข้าพระองค์เกลียดความชั่วอันไร้ค่า มันจะไม่เกาะติดข้าพระองค์

4 พวกคนใจคดจะไปจากข้าพระองค์ ข้าพระองค์ไม่ภักดีกับความชั่วร้าย 5 ข้าพระองค์จะทำลายผู้ที่ใส่ร้ายเพื่อนบ้านอย่างลับ ๆ ข้าพระองค์จะไม่ทนต่อคนที่ทำตัวโอ้อวดและมีท่าทีหยิ่งยโส 6 ข้าพระองค์จะมองหาคนซื่อสัตย์แห่งแผ่นดินเพื่อให้นั่งที่ด้านข้างข้าพระองค์ บรรดาผู้ดำเนินอยู่ในทางซื่อสัตย์สุจริตจะปรนนิบัติข้าพระองค์

7 พวกคนหลอกลวงจะไม่เหลืออยู่ในเรือนของข้าพระองค์ พวกคนมุสาจะไม่ได้รับการต้อนรับต่อหน้าต่อตาของข้าพระองค์ 8 ทุก ๆ เช้า ข้าพระองค์จะทำลายคนชั่วทั้งสิ้นจากแผ่นดิน ข้าพระองค์จะย้ายบรรดาคนทำชั่วทั้งสิ้นออกไปจากนครของพระยาห์เวห์

13

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอทรงสดับคำร้องทูลของข้าพระองค์ต่อพระองค์ 2 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์ไปจากข้าพระองค์ในยามแห่งความยากลำบาก ขอทรงฟังข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยเร็ว

3 เพราะวันเวลาของข้าพระองค์ผ่านไปเหมือนอย่างควัน และกระดูกของข้าพระองค์ไหม้ไปเหมือนอย่างไฟ 4 ใจของข้าพระองค์ถูกบดขยี้ และข้าพระองค์เป็นเหมือนหญ้าที่เหี่ยวไป ข้าพระองค์ลืมที่จะรับประทานอาหารใดๆ

5 ด้วยเสียงร้องครางไม่หยุดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงได้ผ่ายผอมลงอย่างมาก 6 ข้าพระองค์เป็นเหมือนนกกระทุงแห่งถิ่นทุรกันดาร ข้าพระองค์กลายเป็นเหมือนนกเค้าแมวในซากปรักหักพัง

7 ข้าพระองค์นอนไม่หลับเหมือนนกโดดเดี่ยวบนหลังคาบ้าน 8 พวกศัตรูของข้าพระองค์ก็เยาะหยันข้าพระองค์ตลอดวันยังค่ำ ผู้ที่เย้ยหยันข้าพระองค์ใช้ชื่อของข้าพระองค์แช่งด่า

9 ข้าพระองค์กินขี้เถ้าเหมือนอาหารและเจือเครื่องดื่มของข้าพระองค์ด้วยน้ำตา 10 เพราะความกริ้วอันรุนแรงของพระองค์ พระองค์ได้ทรงยกข้าพระองค์ขึ้นเพื่อทรงโยนข้าพระองค์ลง

11 วันเวลาของข้าพระองค์เป็นเหมือนเงาที่จางหายไป และข้าพระองค์ได้เหี่ยวไปเหมือนหญ้า 12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ และพระกิตติศัพท์ของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์

13 พระองค์จะทรงลุกขึ้นและทรงพระเมตตาศิโยน บัดนี้คือเวลาที่จะทรงพระกรุณาเธอ เพราะเวลาที่กำหนดนั้นมาถึงแล้ว 14 เพราะบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ประคองบรรดาก้อนหินของเธอด้วยรักยิ่งและรู้สึกสงสารผงคลีดินแห่งซากปรักหักพังของเธอ 15 บรรดาประชาชาติจะยำเกรงพระนามของพระองค์ คือพระยาห์เวห์ และบรรดากษัตริย์ทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะถวายเกียรติแด่พระสิริของพระองค์ 16 พระยาห์เวห์จะทรงสร้างศิโยนขึ้นอีกและจะทรงปรากฏด้วยพระสิริของพระองค์

17 ในเวลานั้น พระองค์จะทรงตอบสนองต่อคำอธิษฐานของคนสิ้นเนื้อประดาตัว พระองค์จะไม่ทรงปฏิเสธคำอธิษฐานของพวกเขา 18 เรื่องนี้จะถูกบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลัง และเพื่อประชาชนที่ยังไม่เกิดมาจะสรรเสริญพระยาห์เวห์

19 เพราะพระองค์ได้ทอดพระเนตรจากที่สูงอันบริสุทธิ์ พระยาห์เวห์ได้ทอดพระเนตรแผ่นดินโลกลงมาจากฟ้าสวรรค์ 20 เพื่อทรงฟังเสียงคร่ำครวญของบรรดาเชลย เพื่อทรงปล่อยบรรดาคนที่ได้รับโทษถึงตายให้เป็นอิสระ

21 แล้วมนุษย์ทั้งหลายจะประกาศพระนามของพระยาห์เวห์ในศิโยนและกล่าวคำสรรเสริญของพระองค์ในเยรูซาเล็ม 22 เมื่อชนชาติและอาณาจักรทั้งหลายมาชุมนุมกันเพื่อปรนนิบัติพระยาห์เวห์

23 พระองค์ได้ทรงเอากำลังของข้าพเจ้าไปเสียในช่วงกึ่งกลางของชีวิต พระองค์ได้ทรงย่นวันเวลาของข้าพเจ้า 24 ข้าพเจ้าได้ทูลว่า "ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงนำข้าพระองค์ไปเสียในช่วงกึ่งกลางของชีวิต พระองค์ทรงประทับอยู่ที่นี่ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์

25 ในสมัยโบราณ พระองค์ทรงวางโลกในที่ของมัน ฟ้าสวรรค์ก็เป็นผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ 26 สิ่งเหล่านี้จะพินาศไป แต่พระองค์จะทรงดำรงอยู่ สิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นจะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม พระองค์จะทรงถอดสิ่งเหล่านี้ออกเสีย และสิ่งเหล่านี้ก็จะสูญสิ้นไป 27 แต่พระองค์ทรงเหมือนเดิม และปีเดือนของพระองค์จะไม่มีที่สิ้นสุด

28 ลูกหลานของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะมีชีวิตอยู่ต่อไป และพงศ์พันธุ์ของพวกเขาจะมีชีวิตอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์"

14

1 ข้าพเจ้าถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดชีวิตของข้าพเจ้า และด้วยทุกสิ่งที่มีอยู่ภายในข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถวายสรรเสริญแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ 2 ข้าพเจ้าถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ด้วยด้วยสิ้นสุดชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าระลึกถึงพระราชกิจอันประเสริฐของพระองค์ทั้งสิ้น

3 พระองค์ทรงอภัยโทษบรรดาความบาปทั้งสิ้นของท่าน พระองค์ทรงรักษาบรรดาโรคภัยไข้เจ็บทั้งสิ้นของท่าน 4 พระองค์ทรงไถ่ชีวิตของท่านจากความพินาศ พระองค์ทรงสวมมุงกุฎท่านด้วยความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาและบรรดาพระราชกิจแห่งพระเมตตาอันอ่อนโยน 5 พระองค์ทรงให้ชีวิตของท่านอิ่มด้วยของดีทั้งหลายเพื่อให้วัยหนุ่มของท่านกลับคืนมาใหม่อย่างนกอินทรี

6 พระยาห์เวห์ทรงกระทำการเที่ยงธรรมและทรงกระทำการยุติธรรมแก่ทุกคนที่ถูกบีบบังคับ 7 พระองค์ทรงสำแดงพระมรรคาของพระองค์ให้โมเสสได้ทราบ คือบรรดาพระราชกิจของพระองค์แก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล 8 พระยาห์เวห์ทรงพระกรุณาและทรงมีพระคุณ พระองค์ทรงอดกลั้น พระองค์ทรงซื่อสัตย์อย่างยิ่งใหญ่ตามพันธสัญญา

9 พระองค์จะไม่ทรงตีสอนอยู่เสมอ พระองค์ไม่กริ้วอยู่เสมอ 10 พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำต่อเราตามที่สมควรแก่บรรดาบาปของเรา หรือตอบสนองเราตามขนาดความชั่วของเรา

11 เพราะฟ้าสูงเหนือแผ่นดินเท่าใด ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ที่มีต่อบรรดาผู้ที่ยกย่องพระองค์ก็ใหญ่ยิ่งเท่านั้น 12 ตะวันออกไกลจากตะวันตกเท่าใด นี่ก็คือระยะที่พระองค์ได้ทรงปลดการทำผิดบาปของเราไปไกลจากเราเท่านั้น 13 บิดาสงสารบุตรทั้งหลายของตนฉันใด พระยาห์เวห์ก็ทรงสงสารคนที่ยกย่องพระองค์ฉันนั้น

14 เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าเราได้ถูกปั้นขึ้นมาอย่างไร พระองค์ทรงทราบว่าเราเป็นแต่ผงคลีดิน 15 ส่วนมนุษย์นั้น วันเวลาของเขาเป็นเหมือนหญ้า เขาเจริญขึ้นเหมือนดอกไม้ในทุ่งนา 16 ลมก็พัดพามันไป และมันก็หายไป และไม่มีใครบอกได้ถึงที่ซึ่งมันเคยงอกขึ้นมาก่อน

17 แต่ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์นั้นดำรงอยู่ตั้งแต่นิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาลต่อผู้ที่ยกย่องพระองค์ ความชอบธรรมของพระองค์ยืนยาวไปถึงพงศ์พันธุ์ทั้งหลายของพวกเขา 18 พวกเขารักษาพันธสัญญาของพระองค์และระลึกถึงการทำตามบรรดาข้อบังคับของพระองค์ 19 พระยาห์เวห์ได้ทรงสถาปนาบัลลังก์ของพระองค์ไว้ในฟ้าสวรรค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ครอบครองเหนือทุกคน

20 ท่านทั้งหลายผู้เป็นทูตสวรรค์ของพระองค์ จงถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ ท่านผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ซึ่งเป็นผู้ที่เข้มแข็งและทำตามพระวจนะของพระองค์ และเชื่อฟังพระสุรเสียงแห่งพระวจนะของพระองค์ กองทัพทั้งสิ้นของพระองค์เอ๋ย 21 จงถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ คือพวกท่านผู้เป็นบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ที่ทำตามพระทัยของพระองค์ สรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างเอ๋ย 22 จงถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ ในทุกสถานที่ที่พระองค์ทรงครอบครองอยู่ ข้าพเจ้าถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดชีวิตของข้าพเจ้า

15

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดชีวิตของข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงสวมความสง่างามและความยิ่งใหญ่ 2 พระองค์ทรงคลุมพระองค์เองด้วยแสงสว่างดุจดังอาภรณ์ พระองค์ทรงขึงฟ้าสวรรค์ออกดุจดั่งผ้าม่านเต็นท์ 3 พระองค์ทรงวางบรรดาคานที่ประทับของพระองค์ไว้บนเมฆทั้งหลาย พระองค์ทรงให้เมฆทั้งหลายเป็นราชรถของพระองค์ พระองค์ทรงดำเนินไปบนปีกของลม

4 พระองค์ทรงให้ลมเป็นทูตสื่อสารของพระองค์ ทรงให้เปลวไฟทั้งหลายเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ 5 พระองค์ได้ทรงวางบรรดารากฐานของแผ่นดินโลก และมันจะไม่สั่นคลอนเลย

6 พระองค์ได้ทรงคลุมแผ่นดินโลกด้วยน้ำดุจดังเครื่องนุ่งห่ม น้ำก็ได้คลุมภูเขาทั้งหลาย 7 การขนาบของพระองค์ทำให้น้ำนั้นล่าถอยไป โดยพระสุรเสียงดุจดังฟ้าร้องของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงกำราบ น้ำนั้นก็หนีไป

8 บรรดาภูเขาจึงได้ผุดขึ้น และบรรดาหุบเหวก็ได้ขยายออกเข้าสู่ที่ที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้สำหรับพวกมัน 9 พระองค์ได้ทรงวางขอบเขตไว้ให้พวกมันที่พวกมันจะข้ามไปไม่ได้ พวกมันจะไม่ได้ปกคลุมแผ่นดินอีก

10 พระองค์ได้ทรงให้น้ำพุต่าง ๆ ไหลลงไปสู่หุบเขาทั้งหลาย ลำธารเหล่านั้นก็ไหลไประหว่างภูเขาต่าง ๆ 11 ลำธารเหล่านั้นได้ส่งน้ำให้แก่บรรดาสัตว์ทั้งสิ้นแห่งท้องทุ่ง ให้พวกลาป่าได้ดับความกระหายของพวกมัน 12 ที่ริมฝั่งแม่น้ำนั้น บรรดานกในอากาศจึงได้สร้างรังทั้งหลายของพวกมัน พวกนกต่างก็ร้องเพลงในท่ามกลางกิ่งไม้เหล่านั้น

13 พระองค์ทรงรดภูเขาด้วยน้ำจากบรรดาคลังน้ำของพระองค์ในท้องฟ้า แผ่นดินโลกก็ได้อิ่มด้วยผลแห่งพระราชกิจของพระองค์ 14 พระองค์ทรงให้หญ้างอกขึ้นมาเพื่อสัตว์เลี้ยง และทรงให้ผักทั้งหลายเพื่อมนุษย์ได้เพาะปลูก เพื่อมนุษย์จะทำให้เกิดอาหารจากแผ่นดินโลก 15 พระองค์ทรงทำเหล้าองุ่นเพื่อทำให้มนุษย์มีความสุข ทรงประทานน้ำมันเพื่อทำให้หน้าของเขาสดใส และทรงประทานอาหารเพื่อประคองชีวิตของเขา

16 บรรดาต้นไม้ของพระยาห์เวห์ได้รับฝนอย่างมากมาย คือต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอนซึ่งพระองค์ได้ทรงปลูกไว้ 17 นกทั้งหลายสร้างรังของพวกมันอยู่ในนั้น นกยางมีต้นสนสามใบเป็นบ้านของมัน 18 บรรดาเลียงผาอยู่บนภูเขาสูงทั้งหลาย บรรดาที่สูงของภูเขาเป็นที่ลี้ภัยของตัวกระจงผา

19 พระองค์ได้ทรงตั้งดวงจันทร์ให้กำหนดฤดูกาลทั้งหลาย ดวงอาทิตย์ให้รู้จักเวลาตกของมัน 20 พระองค์ทรงสร้างความมืดของกลางคืนให้เป็นเวลาที่บรรดาสัตว์ป่าทั้งสิ้นของป่าจะได้ออกมา

21 บรรดาสิงโตหนุ่มคำรามหาเหยื่อของพวกมันและเสาะหาอาหารของมันจากพระเจ้า 22 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น พวกมันก็พักผ่อนและนอนหลับในถ้ำทั้งหลายของพวกมัน

23 ในขณะเดียวกัน มนุษย์ทั้งหลายก็ออกไปทำงานของพวกเขาและออกแรงไปจนถึงเวลาเย็น 24 ข้าแต่พระยาห์เวห์ บรรดาพระราชกิจของพระองค์ช่างมากมายและหลากหลายจริง ๆ พระองค์ได้ทรงสร้างทุกสิ่งเหล่านั้นด้วยพระปัญญา แผ่นดินโลกเต็มล้นไปด้วยพระราชกิจทั้งหลายของพระองค์

25 ทะเลอยู่ข้างโน้น ทั้งลึกและกว้าง คับคั่งไปด้วยสิ่งที่มีชีวิตจนนับไม่ถ้วน ทั้งเล็กและใหญ่ 26 กำปั่นทั้งหลายก็แล่นไปที่นั่น และเลวีอาธานก็อยู่ที่นั่น ซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างไว้ให้เล่นในทะเล

27 สิ่งทั้งหมดนี้มองหาพระองค์เพื่อให้พระองค์ทรงประทานอาหารแก่พวกมันตามเวลา 28 เมื่อพระองค์ทรงประทานให้แก่พวกมัน พวกมันก็มารวมกัน เมื่อพระองค์ทรงกางพระหัตถ์ออก พวกมันก็ได้อิ่มหนำ

29 เมื่อพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์เสีย พวกมันก็ลำบาก ถ้าพระองค์ทรงเอาลมหายใจพวกมันไปเสีย พวกมันก็ตายและกลับเป็นผงคลีดิน 30 เมื่อพระองค์ทรงส่งพระวิญญาณของพระองค์ออกไป พวกมันก็ถูกสร้างขึ้น และพระองค์ก็ทรงเปลี่ยนโฉมหน้าของชนบทนั้นเสียใหม่

31 ขอพระสิริของพระยาห์เวห์ดำรงอยู่เป็นนิตย์ ขอพระยาห์เวห์ทรงปีติยินดีในการทรงสร้างของพระองค์ 32 พระองค์ทอดพระเนตรลงมายังแผ่นดินโลก และมันก็สั่นสะท้าน พระองค์ทรงแตะต้องบรรดาภูเขา และพวกมันก็มีควันขึ้นมา

33 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่พระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่พระเจ้าของข้าพเจ้าตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ 34 ขอให้ความคิดทั้งหลายของข้าพเจ้าเป็นที่พอพระทัยพระองค์ ข้าพเจ้าจะยินดีในพระยาห์เวห์

35 ขอให้บรรดาคนบาปสูญสิ้นไปเสียจากแผ่นดินโลก และขออย่าให้มีคนชั่วอีกเลย ข้าพเจ้าขอถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดใจของข้าพเจ้า จงสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

16

1 จงถวายขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์ จงร้องเรียกพระนามของพระองค์ จงให้บรรดาพระราชกิจของพระองค์ได้เป็นที่ประจักษ์ในท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย 2 จงร้องเพลงถวายแด่พระองค์ จงร้องบรรดาเพลงสรรเสริญถวายแด่พระองค์ จงเล่าถึงบรรดาพระราชกิจอันอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์ 3 จงอวดพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ ให้ใจของบรรดาผู้แสวงหาพระยาห์เวห์ชื่นบาน

4 จงแสวงหาพระยาห์เวห์และพระกำลังของพระองค์ จงแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์อยู่เสมอ 5 จงระลึกถึงบรรดาสิ่งที่น่าพิศวงซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำไว้ บรรดาการอัศจรรย์ของพระองค์และบรรดาคำพิพากษาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ 6 ท่านผู้เป็นพงศ์พันธุ์ทั้งหลายของอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย ท่านผู้เป็นประชากรของยาโคบ บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร

7 พระองค์คือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา บรรดาคำพิพากษาของพระองค์อยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก 8 พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์อยู่เป็นนิตย์ คือพระวจนะที่พระองค์ทรงบัญชาไว้หนึ่งพันชั่วอายุคน

9 พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาซึ่งพระองค์ได้ทรงทำไว้กับอับราฮัม และคำปฏิญาณของพระองค์กับอิสอัค 10 นี่คือสิ่งที่พระองค์ได้ทรงยืนยันกับยาโคบให้เป็นกฎเกณฑ์ และกับอิสราเอลให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์ 11 พระองค์ได้ตรัสว่า “เราจะให้แผ่นดินคานาอันแก่เจ้าให้เป็นส่วนแบ่งแห่งมรดกของเจ้าทั้งหลาย"

12 พระองค์ได้ตรัสเรื่องนี้เมื่อพวกเขายังมีเพียงจำนวนน้อย เพียงเล็กน้อย และยังเป็นพวกคนแปลกหน้าในแผ่นดินนั้น 13 พวกเขาได้พเนจรจากชนชาติหนึ่งไปยังอีกชนชาติหนึ่ง และจากราชอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกราชอาณาจักรหนึ่ง

14 พระองค์ไม่ทรงยอมให้ผู้ใดบีบบังคับพวกเขา พระองค์ทรงขนาบกษัตริย์ทั้งหลายเพื่อเห็นแก่พวกเขา 15 พระองค์ได้ตรัสว่า “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมไว้ และอย่าทำอันตรายบรรดาผู้เผยพระวจนะของเรา”

16 พระองค์ได้ทรงเรียกการกันดารอาหารให้เกิดขึ้นบนแผ่นดิน พระองค์ทรงทำลายแหล่งเสบียงอาหารทั้งหมด 17 พระองค์ได้ทรงใช้ชายคนหนึ่งไปข้างหน้าพวกเขา โยเซฟได้ถูกขายไปเป็นทาสรับใช้

18 เท้าทั้งคู่ของเขาถูกมัดด้วยโซ่ตรวน คอของเขาถูกใส่ปลอกเหล็ก 19 จนกว่าจะถึงเวลาที่ถ้อยคำของเขาได้กลายเป็นจริง และพระดำรัสของพระยาห์เวห์ได้ทรงทดสอบเขา

20 พระราชาก็ทรงให้บรรดาผู้รับใช้ไปปล่อยตัวเขา ผู้ปกครองของประชาชนก็ปล่อยเขาเป็นอิสระ 21 พระราชาได้ทรงตั้งเขาให้ดูแลพระราชวังของพระองค์ในฐานะผู้ปกครองดูแลบรรดาทรัพย์สินของพระองค์ทั้งสิ้น 22 ให้สั่งสอนบรรดาเจ้านายของพระองค์ตามที่กษัตริย์ทรงประสงค์ และสอนปัญญาให้แก่บรรดาผู้อาวุโสของพระองค์ 23 แล้วอิสราเอลได้เข้ามาสู่อียิปต์ และยาโคบได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของฮามชั่วระยะหนึ่ง

24 พระยาห์เวห์ได้ทรงทำให้ประชากรของพระองค์มีลูกดก และได้ทรงทำให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าบรรดาศัตรูของพวกเขา 25 พระองค์ได้ทรงทำให้บรรดาศัตรูของพวกเขาเกลียดชังประชากรของพระองค์ เพื่อข่มเหงบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ 26 พระองค์ได้ทรงใช้โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ และอาโรนผู้ที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้ 27 เขาทั้งสองได้แสดงบรรดาหมายสำคัญของพระองค์ท่ามกลางคนอียิปต์ แสดงบรรดาการอัศจรรย์ของพระองค์ในแผ่นดินของฮาม

28 พระองค์ได้ทรงใช้ความมืดมาและได้ทรงทำให้แผ่นดินมืด แต่ประชากรของแผ่นดินนั้นไม่ได้เชื่อฟังบรรดาพระบัญชาของพระองค์ 29 พระองค์ได้ทรงทำให้น้ำกลายเป็นเลือด และได้ทรงฆ่าปลาของพวกเขา 30 แผ่นดินของพวกเขาเต็มไปด้วยกบมากมาย แม้กระทั่งในห้องต่าง ๆ ของบรรดาผู้ปกครองของพวกเขา

31 พระองค์ได้ตรัส แล้วฝูงเหลือบก็มาและฝูงริ้นได้เข้ามาเต็มไปทั่วเขตแดนของพวกเขา 32 พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนฝนให้กลายเป็นลูกเห็บแก่พวกเขา ด้วยเปลวไฟบนแผ่นดินของพวกเขา 33 พระองค์ได้ทรงทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของพวกเขา พระองค์ได้ทรงโค่นต้นไม้ทั้งหลายในเขตแดนของพวกเขา

34 พระองค์ได้ตรัส และตั๊กแตนทั้งหลายก็มา มีตั๊กแตนมากมาย 35 พวกตั๊กแตนได้มากินพืชผักในแผ่นดินของพวกเขาจนสิ้น พวกมันได้กินพืชผลทั้งหลายแห่งดินของพวกเขาจนสิ้น 36 พระองค์ได้ทรงสังหารบรรดาบุตรหัวปีในแผ่นดินของพวกเขา คือบรรดาผลแรกแห่งกำลังทั้งสิ้นของพวกเขา

37 แล้วพระองค์ได้ทรงนำคนอิสราเอลออกไปพร้อมกับเงินและทองคำ ไม่มีสักคนหนึ่งในเผ่าของพระองค์สะดุดตามทาง 38 อียิปต์ได้ยินดีเมื่อเขาทั้งหลายจากไป เพราะคนอียิปต์ต่างหวาดกลัวพวกเขา 39 พระองค์ได้ทรงกางเมฆเป็นเครื่องกำบัง และได้ทรงให้ไฟส่องสว่างเวลากลางคืน

40 เมื่อบรรดาคนอิสราเอลได้ร้องขออาหาร และพระองค์ได้ทรงนำนกคุ่มมาและได้ทรงให้พวกเขาอิ่มด้วยอาหารจากฟ้า 41 พระองค์ทรงแยกศิลา และน้ำทั้งหลายก็ได้ไหลออกมาจากศิลา น้ำนั้นได้ไหลไปในถิ่นทุรกันดารดุจดังแม่น้ำ 42 เพราะพระองค์ได้ทรงระลึกถึงพระสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำไว้กับอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์

43 พระองค์ได้ทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาด้วยความชื่นบาน ได้ทรงนำผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ด้วยเสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะ 44 พระองค์ได้ทรงประทานแผ่นดินทั้งหลายของบรรดาประชาชาติให้แก่พวกเขา พวกเขาได้ถือกรรมสิทธิ์แห่งความมั่งคั่งของชนชาติทั้งหลาย 45 เพื่อพวกเขาจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ และเชื่อฟังทำตามธรรมบัญญัติของพระองค์ จงสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

17

1 จงสรรเสริญพระยาห์เวห์ จงถวายขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงประเสริฐ เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ 2 ผู้ใดสามารถพรรณนาถึงบรรดากิจการอันทรงอานุภาพของพระยาห์เวห์ หรือประกาศถึงบรรดาพระราชกิจที่สมควรได้รับการสรรเสริญของพระองค์ได้ครบถ้วน?

3 ผู้ที่กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง และการกระทำของเขาเที่ยงธรรมอยู่เสมอก็เป็นสุข 4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงสำแดงความโปรดปรานแก่ประชากรของพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์เมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้รอด 5 แล้วข้าพระองค์จะเห็นความเจริญรุ่งเรืองของผู้ที่ได้รับการทรงเลือกสรรของพระองค์ และจะชื่นบานในความยินดีแห่งชนชาติของพระองค์ และมีเกียรติร่วมกับมรดกของพระองค์

6 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปเหมือนอย่างพวกบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปผิด และข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำชั่ว 7 พวกบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ชื่นชมบรรดาพระราชกิจอันน่าพิศวงของพระองค์ในอียิปต์ พวกเขาไม่ได้สนใจต่อบรรดากิจการมากมายแห่งความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ พวกเขาได้กบฏที่ทะเล ที่ทะเลแดง

8 ถึงกระนั้นก็ตาม พระองค์ได้ทรงช่วยพวกเขาให้รอดเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้สำแดงฤทธานุภาพของพระองค์ 9 พระองค์ได้ทรงขนาบทะเลแดง และมันก็แห้งไป แล้วพระองค์ได้ทรงนำพวกเขาข้ามผ่านที่ลึก เหมือนอย่างกับเดินข้ามถิ่นทุรกันดาร

10 พระองค์ได้ทรงช่วยพวกเขาจากมือของบรรดาคนที่เกลียดชังพวกเขา และพระองค์ได้ทรงช่วยกู้พวกเขาจากมือของศัตรู 11 และน้ำทั้งหลายได้ท่วมพวกคู่อริของพวกเขา ไม่มีพวกคนเหล่านั้นสักคนเดียวได้รอดชีวิตเลย 12 แล้วพวกเขาได้เชื่อบรรดาพระวจนะของพระองค์ และพวกเขาได้ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์

13 แต่พวกเขาได้ลืมสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้รอคอยคำสั่งทั้งหลายของพระองค์ 14 พวกเขาได้เกิดความอยากอย่างรุนแรงในถิ่นทุรกันดาร และพวกเขาได้ท้าทายพระเจ้าในที่แห้งแล้ง 15 พระองค์ได้ทรงประทานให้แก่พวกเขาตามคำขอของพวกเขา แต่ได้ทรงส่งโรคภัยที่กัดกินร่างกายทั้งหลายของพวกเขา

16 เมื่ออยู่ในค่าย พวกเขาก็ได้อิจฉาโมเสสและอาโรน ผู้เป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์ 17 แผ่นดินก็ได้เปิดออกและได้กลืนดาธาน และได้กลบพวกผู้ติดตามอาบีรัมเสีย 18 ไฟได้ลุกไหม้ท่ามกลางพวกเขา ไฟได้เผาผลาญคนชั่วเสีย

19 พวกเขาได้สร้างรูปโคที่โฮเรบและได้นมัสการรูปโลหะที่ได้หล่อขึ้น 20 พวกเขาได้เอาพระสิริของพระเจ้าไปแลกกับรูปปั้นของวัวที่กินหญ้า 21 พวกเขาได้ลืมพระเจ้าผู้ทรงช่วยพวกเขาให้รอด ผู้ได้ทรงทำพระราชกิจใหญ่ยิ่งในอียิปต์

22 พระองค์ได้ทรงทำการอัศจรรย์ต่าง ๆ ในแผ่นดินของฮาม และบรรดากิจการอันทรงอานุภาพที่ทะเลแดง 23 ด้งนั้นพระองค์ตรัสว่า พระองค์เกือบจะทำลายพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะโมเสส ผู้ได้รับการเลือกสรรของพระองค์ ได้มายืนแทรกระหว่างพระองค์กับความผิดนั้นเพื่อหันพระพิโรธของพระองค์ไปเสียจากการทำลายพวกเขา

24 ต่อมาพวกเขาได้ดูถูกแผ่นดินที่เต็มไปด้วยพืชผล พวกเขาไม่ได้เชื่อพระสัญญาของพระองค์ 25 แต่ได้พร่ำบ่นอยู่ในเต็นท์ทั้งหลายของพวกเขา และไม่ฟังเชื่อฟังทำตามพระยาห์เวห์

26 เพราะฉะนั้น พระองค์ได้ทรงยกพระหัตถ์ของพระองค์ขึ้นและได้ทรงปฏิญาณต่อพวกเขาว่า พระองค์จะปล่อยให้พวกเขาตายในที่แห้งแล้ง 27 ให้พงศ์พันธุ์ของพวกเขากระจัดกระจายไปท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และให้พวกเขากระจัดกระจายไปในแผ่นดินของคนต่างด้าว

28 พวกเขาได้นมัสการพระบาอัลแห่งเมืองเปโอร์ และได้รับประทานบรรดาเครื่องสัตวบูชาที่ได้ถวายให้แก่คนตาย 29 พวกเขาได้ยั่วเย้าพระองค์ให้กริ้วด้วยการกระทำทั้งหลายของพวกเขา และโรคระบาดก็ได้เกิดขึ้นท่ามกลางพวกเขา

30 แล้วฟีเนหัสได้ยืนขึ้นขวาง และโรคระบาดนั้นก็หยุด 31 ซึ่งได้ถือว่าเป็นการกระทำชอบธรรมของเขาต่อทุกชั่วชาติพันธุ์เป็นนิตย์

32 พวกเขาได้ทำให้พระยาห์เวห์กริ้วที่น้ำทั้งหลายแห่งเมรีบาห์ด้วย และโมเสสได้ทนทุกข์ทรมานเพราะพวกเขา 33 พวกเขาได้ทำให้โมเสสขมขื่น และโมเสสจึงได้พูดถ้อยคำหุนหัน 34 พวกเขาไม่ได้ทำลายชนชาติทั้งหลายตามที่พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาพวกเขาไว้ 35 แต่พวกเขาได้คลุกคลีกับชนชาติต่าง ๆ และได้เรียนรู้วิถีทางของคนเหล่านั้น 36 และได้นมัสการบรรดารูปเคารพของพวกคนเหล่านั้น ซึ่งได้กลายเป็นบ่วงแร้วสำหรับพวกเขา

37 พวกเขาได้เอาบรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของพวกเขาไปถวายบูชายัญให้แก่พวกปีศาจ 38 พวกเขาได้หลั่งเลือดของคนที่ไม่มีความผิด คือเลือดของบรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของพวกเขา ผู้ซึ่งพวกเขาได้ถวายบูชายัญให้แก่บรรดารูปเคารพแห่งคานาอัน ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินไปด้วยเลือด 39 พวกเขาได้เป็นมลทินโดยการกระทำทั้งหลายของพวกเขา ในการกระทำทั้งหลายของพวกเขา พวกเขาเป็นเหมือนพวกหญิงโสเภณี

40 ดังนั้นพระยาห์เวห์ได้กริ้วประชากรของพระองค์ และพระองค์ได้ทรงดูหมิ่นประชากรของพระองค์เอง 41 พระองค์ได้ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือบรรดาประชาชาติ และบรรดาผู้ที่เกลียดพวกเขาได้ปกครองเหนือพวกเขา

42 บรรดาศัตรูของพวกเขาได้บีบบังคับพวกเขา และพวกเขาได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ที่มีอำนาจเหนือพวกเขา 43 พระองค์ได้เสด็จมาช่วยพวกเขาหลายครั้ง แต่พวกเขายังคงกบฏและได้ถูกนำให้ตกต่ำโดยความบาปของพวกเขาเอง

44 ถึงอย่างไรก็ตาม พระองค์ได้ทรงสนพระทัยต่อความทุกข์ใจของพวกเขาเมื่อพระองค์ทรงสดับเสียงร้องขอความช่วยเหลือของพวกเขา 45 พระองค์ได้ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ที่มีกับพวกเขา และได้ทรงผ่อนปรนเพราะความรักมั่นคงของพระองค์ 46 พระองค์ได้ทรงทำให้บรรดาผู้ที่มีชัยชนะเหนือพวกเขาได้สงสารพวกเขา

47 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด และขอทรงรวบรวมข้าพระองค์ทั้งหลายจากท่ามกลางประชาชาติต่าง ๆ เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้ถวายขอบพระคุณแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ และถวายพระสิริในบรรดาคำสรรเสริญของพระองค์ 48 ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้รับการสรรเสริญจากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล ขอให้ประชาชนทั้งสิ้นกล่าวว่า “อาเมน” จงสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

18

1 จงถวายขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงประเสริฐ และความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ 2 ให้ผู้ที่ได้รับการไถ่ของพระยาห์เวห์กล่าวออกมา คือผู้ที่ได้รับการช่วยกู้จากมือของศัตรู 3 พระองค์ได้ทรงรวบรวมพวกเขาออกมาจากบรรดาแผ่นดินของคนต่างด้าว จากตะวันออกและจากตะวันตก จากเหนือและจากใต้

4 พวกเขาได้พเนจรไปในถิ่นทุรกันดารบนหนทางในที่แห้งแล้ง และหาไม่พบเมืองที่อาศัย 5 เพราะพวกเขาได้หิวโหยและกระหาย พวกเขาได้หมดแรงจากความอ่อนล้า 6 แล้วพวกเขาได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ท่ามกลางความทุกข์ยากของพวกเขา และพระองค์ได้ทรงช่วยกู้เขาให้พ้นจากความทุกข์ใจของพวกเขา 7 พระองค์ได้ทรงนำพวกเขาไปในทางตรงเพื่อพวกเขาจะได้ไปถึงเมืองที่จะเข้าอาศัยได้

8 โอ ประชากรเหล่านั้นควรสรรเสริญพระยาห์เวห์เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ และเพราะสิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย 9 เพราะพระองค์ทรงให้ความปรารถนาของผู้ที่กระหายได้อิ่ม และความปรารถนาของผู้ที่หิว พระองค์ได้ทรงเติมให้เต็มด้วยสิ่งดี 10 บ้างก็ได้นั่งอยู่ในความมืดและเศร้าโศก คือพวกนักโทษที่อยู่ในความทุกข์ยากและโซ่ตรวนทั้งหลาย

11 นี่เป็นเพราะพวกเขาได้กบฏต่อพระวจนะของพระเจ้าและปฏิเสธคำสั่งสอนขององค์ผู้สูงสุด 12 พระองค์ได้ทรงทำให้ใจของเขาทั้งหลายถ่อมลงด้วยความทุกข์ยากลำบาก พวกเขาได้สะดุดและไม่มีใครช่วยให้พวกเขาลุกขึ้น 13 แล้วพวกเขาได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ในยามยากลำบาก และพระองค์ได้ทรงพาพวกเขาออกจากความทุกข์ใจของพวกเขา

14 พระองค์ได้ทรงนำเขาทั้งหลายออกมาจากความมืดและความเศร้าโศกและได้ทรงหักโซ่ตรวนที่ล่ามพวกเขาให้ขาด 15 โอ ประชากรเหล่านั้นควรสรรเสริญพระยาห์เวห์เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ และเพราะสิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย 16 เพราะพระองค์ได้ทรงพังบรรดาประตูทองสัมฤทธิ์และได้ทรงตัดซี่ลูกกรงเหล็กเสีย

17 พวกเขาได้เป็นคนโง่ในบรรดาทางแห่งการกบฎของพวกเขา และได้ทุกข์ยากเพราะบรรดาความบาปของพวกเขา 18 พวกเขาได้สูญเสียความปรารถนาที่จะรับประทานอาหารใด ๆ และพวกเขาได้เข้ามาใกล้บรรดาประตูแห่งความตาย 19 แล้วพวกเขาได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ในความยากลำบากของพวกเขา และพระองค์ได้ทรงพาพวกเขาให้พ้นจากความทุกข์ใจของพวกเขา

20 พระองค์ได้ทรงใช้พระวจนะของพระองค์ไปและได้รักษาพวกเขาทั้งหลาย และพระองค์ได้ทรงช่วยกู้เขาจากความพินาศของพวกเขา 21 โอ ประชากรเหล่านั้นควรสรรเสริญพระยาห์เวห์เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ และเพราะสิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย 22 ให้พวกเขาถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณและประกาศบรรดาพระราชกิจของพระองค์ด้วยการร้องเพลง

23 บ้างก็ลงเรือกำปั่นเดินทางไปในทะเลและทำอาชีพโพ้นทะเล 24 คนเหล่านี้ได้เห็นบรรดาพระราชกิจของพระยาห์เวห์และบรรดาการอัศจรรย์ของพระองค์ในทะเล

25 เพราะพระองค์ได้ทรงบัญชาและได้ให้เกิดลมพายุซึ่งทำให้ทะเลกำเริบ 26 ทะเลนั้นได้ถูกซัดขึ้นไปสู่ท้องฟ้า และพวกมันได้ลงไปสู่ที่ลึกทั้งหลาย ชีวิตของพวกเขาได้ละลายไปในความทุกข์ใจ 27 พวกเขาได้ถลาและโซเซไปอย่างพวกคนเมา และหมดปัญญา

28 แล้วพวกเขาได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ท่ามกลางความทุกข์ลำบากของพวกเขา และพระองค์ได้ทรงพาพวกเขาออกจากความทุกข์ใจของพวกเขา 29 พระองค์ได้ทรงทำให้พายุสงบลง และคลื่นทะเลก็ได้นิ่งเงียบ 30 แล้วพวกเขาก็ได้ยินดีเพราะทะเลได้สงบลง และพระองค์ได้ทรงนำพวกเขามาถึงเมืองท่าที่เขาปรารถนา

31 โอ ประชากรเหล่านั้นควรสรรเสริญพระยาห์เวห์เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ และเพราะสิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย 32 ให้พวกเขายกย่องพระองค์ในที่ชุมนุมของประชาชนและสรรเสริญพระองค์ในสภาของบรรดาผู้อาวุโส

33 พระองค์ทรงเปลี่ยนแม่น้ำให้เป็นถิ่นทุรกันดาร น้ำพุทั้งหลายให้เป็นแผ่นดินแห้งผาก 34 และแผ่นดินที่มีผลดกให้เป็นที่ร้างเปล่าเพราะความชั่วร้ายของชาวแผ่นดินนั้น 35 พระองค์ทรงเปลี่ยนถิ่นทุรกันดารให้เป็นสระน้ำ และแผ่นดินแห้งผากให้เป็นน้ำพุทั้งหลาย

36 และพระองค์ทรงให้คนหิวโหยอาศัยที่นั่น และพวกเขาสร้างเมืองที่จะอาศัยได้ 37 พวกเขาสร้างเมืองหนึ่งขึ้นมาเพื่อหว่านนา เพื่อปลูกบรรดาสวนองุ่น และเพื่อให้เกิดการเก็บเกี่ยวอย่างอุดมสมบูรณ์ 38 พระองค์ทรงอวยพรพวกเขาเพื่อพวกเขาจะได้มีจำนวนมหาศาล พระองค์ไม่ได้ทรงให้ฝูงสัตว์ของพวกเขาลดจำนวนลงเลย

39 พวกเขาได้ถูกลดทอนจำนวนลงและถูกเหยียดให้ต่ำโดยความทุกข์ใจที่เจ็บปวดและการทนทุกข์ 40 พระองค์ทรงเทความดูหมิ่นลงบนพวกผู้นำ และทำให้พวกเขาพเนจรไปในถิ่นทุรกันดาร ที่ซึ่งไม่มีหนทาง

41 แต่พระองค์ทรงปกป้องคนขัดสนจากความทุกข์ยากและทรงดูแลบรรดาครัวเรือนของเขาเหมือนดูแลฝูงแพะแกะ 42 คนเที่ยงธรรมจะเห็นสิ่งนี้และชื่นบาน และความชั่วทั้งสิ้นก็ปิดปากของมัน 43 ผู้ใดมีปัญญาก็ควรสังเกตสิ่งเหล่านี้และตรึกตรองถึงบรรดากิจการแห่งความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์

19

1 ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าพระองค์มั่นคง ข้าพระองค์จะร้องเพลง ใช่แล้วพระเจ้าข้า ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญด้วยจิตใจที่ยกย่องของข้าพระองค์ 2 พิณใหญ่และพิณเขาคู่เอ๋ย จงตื่นเถิด ข้าพเจ้าจะปลุกอรุณ

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะถวายขอบพระคุณแด่พระองค์ท่ามกลางประชากรทั้งหลาย ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญแด่พระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย 4 เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของของพระองค์ใหญ่ยิ่งเหนือบรรดาฟ้าสวรรค์ ความสัตย์จริงของพระองค์สูงไปถึงบรรดาท้องฟ้า

5 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงได้รับการยกย่องเหนือบรรดาฟ้าสวรรค์ และขอพระสิริของพระองค์ได้รับการยกย่องทั่วทั้งแผ่นดินโลก 6 เพื่อให้บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรักจะได้รับการช่วยกู้ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์และขอทรงตอบข้าพระองค์

7 พระเจ้าได้ตรัสด้วยความบริสุทธิ์ของพระองค์ว่า "เราจะยินดี เราจะแบ่งเมืองเชเคม และแบ่งหุบเขาเมืองสุคคทออก 8 กิเลอาดเป็นของเรา และมนัสเสห์เป็นของเรา เอฟราอิมก็เป็นหมวกเหล็กของเรา ยูดาห์เป็นคทาของเรา

9 โมอับเป็นอ่างล้างชำระของเรา เราจะเหวี่ยงรองเท้าของเราลงบนเอโดม เราจะโห่ร้องด้วยชัยชนะเพราะฟีลิสเตีย 10 ผู้ใดจะนำข้าพเจ้าเข้าไปในเมืองที่แข็งแกร่ง? ผู้ใดจะนำข้าพเจ้าไปยังเอโดม?"

11 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ได้ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลายแล้วหรือ? พระองค์ไม่ทรงออกไปรบกับกองทัพของข้าพระองค์ทั้งหลาย 12 ขอทรงประทานความช่วยเหลือแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในการต่อต้านศัตรู เพราะความช่วยเหลือของมนุษย์ก็ไร้ประโยชน์ 13 เราจะมีชัยชนะด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า พระองค์จะทรงเหยียบพวกศัตรูของเราลง

20

1 ข้าแต่พระเจ้าผู้ซึ่งข้าพระองค์สรรเสริญ ขออย่าทรงนิ่งเสีย 2 เพราะคนชั่วและคนหลอกลวงโจมตีข้าพระองค์ พวกเขาพูดมุสาใส่ข้าพระองค์ 3 พวกเขารายล้อมข้าพระองค์และพูดบรรดาสิ่งที่น่าเกลียดชัง และพวกเขาโจมตีข้าพระองค์โดยไร้สาเหตุ

4 พวกเขาตอบแทนความรักของข้าพระองค์โดยใส่ร้ายข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อพวกเขา 5 พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพระองค์ด้วยความชั่ว และพวกเขาเกลียดชังความรักของข้าพระองค์

6 ขอทรงตั้งคนชั่วให้อยู่เหนือศัตรูดังเช่นพวกคนเหล่านี้ ขอทรงตั้งผู้กล่าวโทษให้ยืนที่ขวามือของเขา 7 เมื่อเขาถูกตัดสินความ ก็ขอให้พบว่าเขาผิด ขอให้คำอธิษฐานของเขาถูกถือว่าเป็นบาป

8 ขอให้วันเวลาของเขาเหลือน้อย ขอให้อีกผู้หนึ่งมายึดตำแหน่งของเขา 9 ขอให้ลูก ๆ ของเขากำพร้าพ่อ และขอให้ภรรยาของเขาเป็นม่าย 10 ขอให้ลูก ๆ ของเขาเร่ร่อนไปและขอทาน เที่ยวขอความช่วยเหลือเมื่อพวกเขาออกจากบ้านที่ปรักหักพังของพวกเขา

11 ขอให้เจ้าหนี้มายึดของทั้งสิ้นที่เขามีอยู่ ขอพวกคนต่างถิ่นมาปล้นสิ่งที่เขาหามาได้ 12 ขออย่าให้ผู้ใดยื่นความกรุณาใด ๆ ให้แก่เขา ขออย่าให้ผู้ใดสงสารลูก ๆ ที่กำพร้าของเขา 13 ขอให้ลูกหลานของเขาถูกทำลาย ขอให้ชื่อของพวกเขาถูกลบออกจากคนในรุ่นต่อมา

14 ขอให้ความบาปทั้งหลายของบรรพบุรุษของเขาถูกขุดคุ้ยขึ้นต่อพระยาห์เวห์ และขอให้บาปของมารดาของเขาไม่ถูกลืมเลือน 15 ขอให้ความผิดของพวกเขาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เสมอ ขอให้พระยาห์เวห์ทำลายความจดจำของพวกเขาไปจากแผ่นดินโลก 16 ขอให้พระยาห์เวห์ทรงกระทำเช่นนี้เพราะชายคนนี้ไม่เคยสนใจที่จะแสดงความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญา แต่กลับข่มขู่ผู้ที่ถูกบีบบังคับ คนขัดสน และท้อใจจนตาย

17 เขาได้รักที่จะแช่ง ขอให้คำแช่งนั้นกลับไปตกบนเขา เขาได้เกลียดชังคำอวยพร ขอให้พรไม่มาถึงเขา 18 เขาได้สวมการแช่งสาปอย่างกับสวมเสื้อผ้า และคำแช่งสาปของเขาได้เข้าไปในร่างกายของเขาเหมือนอย่างน้ำ เข้าไปในกระดูกของเขาอย่างน้ำมัน

19 ขอให้คำแช่งทั้งหลายของเขานั้นเป็นเหมือนเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เพื่อปกปิดตัวเอง เหมือนเข็มขัดที่เขาคาดไว้เสมอ 20 ขอให้สิ่งนี้เป็นบำเหน็จจากพระยาห์เวห์แก่บรรดาผู้ที่กล่าวหาต่อข้าพระองค์ แก่บรรดาผู้ที่กล่าวสิ่งชั่วเกี่ยวกับข้าพระองค์

21 ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงกระทำกับข้าพระองค์ด้วยพระกรุณาเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์นั้นประเสริฐ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด 22 เพราะข้าพระองค์ถูกกดขี่และขัดสน และใจข้าพระองค์ก็บาดเจ็บอยู่ภายในข้าพระองค์ 23 ข้าพระองค์กำลังจากไปอย่างเงาในตอนเย็น ข้าพระองค์ถูกสลัดออกเหมือนตั๊กแตน

24 เข่าของข้าพระองค์ก็อ่อนเปลี้ยจากการอดอาหาร ข้าพระองค์กำลังกลายเป็นคนที่มีหนังหุ้มกระดูก 25 ข้าพระองค์กลายเป็นที่เยาะเย้ยของพวกที่กล่าวหาข้าพระองค์ เมื่อพวกเขาทั้งหลายเห็นข้าพระองค์ พวกเขาก็ส่ายศีรษะ

26 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดด้วยความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ 27 ขอให้พวกเขาทราบว่านี่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ นั่นคือพระองค์ พระยาห์เวห์ได้ทรงทำการนี้

28 แม้ว่าพวกเขาแช่งข้าพระองค์ ขอทรงโปรดอวยพรข้าพระองค์ เมื่อพวกเขาโจมตี ก็ขอให้พวกเขาได้อับอาย แต่ขอให้ผู้รับใช้ของพระองค์ยินดี 29 ขอให้พวกคู่อริของข้าพระองค์ได้ห่มความขายหน้า ขอให้พวกเขาได้สวมความอับอายอย่างเสื้อคลุม

30 ด้วยปากของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะถวายขอบพระคุณอย่างยิ่งแด่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในท่ามกลางฝูงชน 31 เพราะพระองค์ทรงยืนที่ขวามือของคนขัดสน เพื่อช่วยเขาให้รอดจากบรรดาผู้ที่พิพากษาเขา

21

1 ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระยาห์เวห์ แล้วท่านจะมาพูดกับข้าพเจ้าได้อย่างไรว่า "จงหนีไปที่ภูเขาเหมือนนก"? 2 เพราะดูเถิด คนชั่วเตรียมคันธนูของพวกเขา พวกเขาเอาลูกธนูพาดไว้ที่สายแล้ว พร้อมที่จะยิงไปในความมืดให้ถูกที่ใจคนเที่ยงธรรม

3 เพราะถ้ารากฐานถูกทำลายลงแล้ว คนชอบธรรมจะทำอะไรได้? 4 พระยาห์เวห์ทรงสถิตในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์ พระเนตรของพระองค์ทรงเฝ้ามอง พระเนตรของพระองค์ทรงทดสอบลูกหลานของมนุษย์

5 พระยาห์เวห์ทรงทดสอบทั้งคนชอบธรรมและคนชั่ว แต่พระองค์ทรงเกลียดชังผู้ที่รักการกระทำรุนแรง 6 พระองค์ทรงเทถ่านที่ลุกไหม้และไฟกำมะถันลงบนคนชั่ว ลมร้อนที่แผดเผาจะเป็นส่วนแบ่งจากถ้วยของพระองค์ให้แก่พวกเขา 7 เพราะพระยาห์เวห์ทรงชอบธรรม และพระองค์ทรงรักความชอบธรรม คนเที่ยงตรงจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์

22

1 พระยาห์เวห์ตรัสกับเจ้านายของข้าพเจ้าว่า "จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้พวกศัตรูของเจ้าเป็นแท่นรองเท้าของเจ้า"

2 พระยาห์เวห์จะทรงยื่นคทาแห่งพระกำลังของท่านจากศิโยน ให้ครอบครองท่ามกลางพวกศัตรูของท่าน 3 ประชาชนของท่านจะติดตามท่านไปโดยสวมบรรดาเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ด้วยสมัครใจในวันแห่งอำนาจของท่าน จากครรภ์ของเวลารุ่งอรุณ วัยหนุ่มของท่านจะเป็นของท่านเหมือนอย่างน้ำค้าง

4 พระยาห์เวห์ได้ทรงปฏิญาณแล้ว และจะไม่ทรงเปลี่ยนแปลงว่า "เจ้าเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ ตามอย่างเมลคีเซเดค"

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับที่ขวามือของท่าน พระองค์จะทรงประหารบรรดาพระราชาในวันแห่งความกริ้วของพระองค์ 6 พระองค์จะทรงพิพากษาบรรดาประชาชาติ พระองค์จะทรงให้สนามรบเต็มไปด้วยบรรดาซากศพ พระองค์จะทรงประหารพวกผู้นำประชาชาติทั้งหลาย

7 กษัตริย์จะทรงดื่มจากลำธารข้างทาง แล้วท่านจะทรงยกพระเศียรของท่านขึ้นสูงหลังจากชัยชนะ

23

1 จงยกย่องพระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะถวายการขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของข้าพระองค์ที่ชุมนุมของคนเที่ยงธรรมในการชุมนุมของพวกเขา 2 บรรดากิจการของพระยาห์เวห์นั้นมากมายเป็นที่รอคอยอย่างกระหายของทุกคนที่ประสงค์สิ่งเหล่านั้น 3 กิจการของพระองค์นั้นเกรียงไกรและรุ่งโรจน์ และความเที่ยงธรรมของพระองค์จะคงยังคงอยู่ตลอดไป

4 พระองค์ทรงกระทำสิ่งต่าง ๆที่น่าแปลกใจซึ่งจะเป็นที่คิดถึง พระยาห์เวห์ทรงมีพระกรุณาและพระเมตตา 5 พระองค์ทรงให้อาหารแก่บรรดาผู้ติดตามที่สัตย์ซื่อทั้งหลายของพระองค์ พระองค์จะทรงคิดถึงพันธสัญญาของพระองค์เสมอ 6 พระองค์ได้ทรงแสดงให้ประชากรของพระองค์เห็นว่าพระองค์นั้นทรงมีฤทธิ์อำนาจมากมาย โดยทรงมอบให้แก่คนเหล่านั้นจากมรดกของบรรดาชนชาติทั้งหลาย

7 บรรดาผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์นั้นคือความน่าเชื่อถือและความชอบธรรม บรรดาคำสั่งสอนทั้งมวลของพระองค์เชื่อถือได้ 8 บรรดาคำสั่งสอนเหล่านั้นที่ตั้งไว้จะคงยังคงอยู่ตลอดไปโดยการรักษามันไว้อย่างซื่อตรงและอย่างสมควร 9 พระองค์ได้ทรงมอบชัยชนะแก่ประชาชนของพระองค์ พระองค์ได้ทรงตั้งพันธสัญญาของพระองค์ตลอดไปนิรันดร์ พระนามของพระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์และน่าเคารพ

10 การถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาคนที่ปฏิบัติ ตามคำสั่งสอนก็ได้ความเข้าใจ การยกย่องของพระองค์จะคงยังคงอยู่ตลอดไป

24

1 จงยกย่องพระยาห์เวห์ คนที่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ก็มีเกียรติ ผู้นั้นมีความสุขอย่างยิ่งในกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ 2 เชื้อสายของเขาจะมีอำนาจในแผ่นดินโลก เชื้อสายของคนเที่ยงธรรมจะได้รับพระพร

3 ทรัพย์สมบัติและความมั่งมีอยู่ในพระนิเวศของพระองค์ ความเที่ยงธรรมของพระองค์จะจะคงยังคงอยู่ตลอดไป 4 แสงสว่างส่องเข้าไปในความมืดสำหรับคนเที่ยงธรรม พระองค์ทรงมีพระกรุณา ทรงพระเมตตา และทรงชอบธรรม 5 เป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่แสดงความกรุณาและให้ยืมเงิน คือผู้ดำเนินกิจการของเขาด้วยความซื่อตรงสุจริต

6 เพราะเขาจะไม่ล้มลง คนที่เที่ยงธรรมจะมีคนคิดถึงยังคงอยู่ตลอดไป 7 เขาจะไม่หวาดกลัวข่าวร้าย เขามั่นคงในการไว้พึ่งพาพระยาห์เวห์

8 จิตใจของเขาสงบโดยปราศจากความกลัวจนกว่าเขามองเห็นชัยชนะเหนือศัตรูของเขา 9 เขาแจกจ่ายให้แก่คนยากจนด้วยใจเมตตา ความเที่ยงธรรมของเขาคงยังคงอยู่ตลอดไป เขาจะได้รับการยกย่องด้วยเกียรติ

10 คนชั่วร้ายจะเห็นสิ่งนี้และโกรธ เขาจะกัดฟันและละลายไป ความประสงค์ของพวกคนชั่วร้ายจะพินาศ

25

1 บรรดาผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์เอ๋ย จงยกย่องพระยาห์เวห์ จงยกย่องพระองค์ จงยกย่องพระนามพระยาห์เวห์เถิด 2 โปรดให้พระนามของพระยาห์เวห์เป็นที่ยกย่องทั้งบัดนี้และตลอดไป

3 พระนามของพระยาห์เวห์ควรได้รับการยกย่อง ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงที่พระอาทิตย์ตก 4 พระยาหเวห์เป็นที่ยกย่องเชิดชูเหนือประชาชาติทั้งมวล และพระสิริของพระองค์นั้นอยู่สูงเหนือบรรดาท้องฟ้า

5 ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ผู้ซึ่งที่ประทับของพระองค์อยู่บนที่สูง 6 ผู้ทอดพระเนตรลงมาที่ท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก?

7 พระองค์ทรงยกคนจนขึ้นมาจากดินและทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขี้เถ้า 8 เพื่อให้เขานั่งกับบรรดาเจ้าเมือง กับบรรดาเจ้าเมืองของประชาชนของพระองค์

9 พระองค์ทรงมอบบ้านให้แก่ผู้หญิงที่เป็นหมัน พระองค์ทรงให้เธอเป็นมารดาแห่งความชื่นบานของบุตรทั้งหลาย จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

26

1 เมื่ออิสราเอลได้ออกไปจากอียิปต์ คือวงศ์วานของยาโคบออกจากประชาชนซึ่งพูดภาษาต่างชาติ 2 ยูดาห์ได้กลายเป็นสถานบริสุทธิ์ของพระองค์ อิสราเอลจึงเป็นอาณาจักรของพระองค์

3 ทะเลได้เห็นและได้วื่งหนี จอร์แดนได้หันหลังไป 4 บรรดาภูเขาได้กระโดดเหมือนฝูงแกะตัวผู้ บรรดาเนินเขาได้กระโดดเหมือนฝูงลูกแกะ

5 ทำไมทะเล เจ้าจึงได้หนี? แม่น้ำจอร์แดนเอ๋ย ทำไมเจ้าได้หันหลังกลับ? 6 บรรดาภูเขาเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงได้กระโดดเหมือนฝูงแกะตัวผู้? บรรดาเนินเขาเล็ก ๆ เอ๋ย ทำไมเจ้าจึงได้กระโดดเหมือนฝูงลูกแกะ? 7 แผ่นดินจงตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด คือเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของยาโคบ

8 พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนหินให้เป็นสระน้ำ คือทรงเปลี่ยนหินแข็งให้เป็นน้ำพุธรรมชาติ

27

1 เกียรตินี้ไม่ใช่เพื่อเหล่าข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ เกียรตินี้ไม่ใช่เพื่อเหล่าข้าพระองค์ แต่มีเพื่อพระนามของพระองค์ เนื่องจากความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาและความเชื่อถือได้ของพระองค์ 2 ทำไมบรรดาประชาชาติจึงควรกล่าวว่า "พระเจ้าของเขาทั้งหลายอยู่ที่ไหนหรือ?"

3 พระเจ้าของเราทั้งหลายอยู่ในบรรดาท้องฟ้า พระองค์ก็ทรงกระทำสิ่งใดๆ ก็ได้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย 4 บรรดารูปเคารพของคนเหล่านั้นเป็นเพียงเงินและทองคำ เป็นผลงานของมือทั้งหลายของมนุษย์

5 บรรดารูปเคารพนั้นมีปากทั้งหลาย แต่พวกมันไม่พูด มีตาทั้งหลาย แต่พวกมันไม่เห็น 6 มีหูทั้งหลาย แต่พวกมันไม่ได้ยิน มีจมูกทั้งหลาย แต่พวกมันไม่ได้กลิ่น

7 มีมือทั้งหลาย แต่ไม่ได้ รู้สึกพวกมันมีเท้า แต่พวกมันไม่ได้ เดินรูปเคารพเหล่านั้นพูดจากปากไม่ได้ 8 ผู้ที่ทำรูปเคารพเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเคารพเหล่านั้น ทุกคนที่พึ่งพาในรูปเคารพเหล่านั้นก็เป็นเหมือนกัน

9 จงพึ่งพาในพระยาห์เวห์เถิด อิสราเอลเอ๋ย พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยและเป็นโล่ของเจ้า 10 จงพึ่งพาในพระยาห์เวห์เถิด ลูกหลานของอาโรนเอ๋ย พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยและเป็นโล่ของเจ้า 11 บรรดาผู้ที่ถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์เอ๋ย จงพึ่งพาในพระองค์เถิด พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยและเป็นโล่ของเจ้า

12 พระยาห์เวห์ทรงคิดถึงข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์จะทรงอวยพระพร พระองค์จะทรงอวยพระพร ลูกหลานของอิสราเอล พระองค์จะทรงอวยพร ลูกหลานของอาโรน 13 พระองค์จะทรงอวยพระพรบรรดาผู้ที่ถวายเกียรติของพระยาห์เวห์ ทั้งคนหนุ่มสาวและคนสูงวัย 14 ขอพระยาห์เวห์ทรงทำให้พวกท่านมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งท่านและลูกหลานทั้งหลายของท่าน

15 โปรดให้พวกท่านรับพระพรจากพระยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างบรรดาท้องฟ้าและแผ่นดินโลก 16 บรรดาท้องฟ้าเป็นของพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงมอบแผ่นดินโลกแก่บรรดามนุษย์

17 คนตายยกย่องพระยาห์เวห์ไม่ได้ และทุกคนที่ลงไปสู่ที่เงียบสงบก็ด้วย 18 แต่ข้าพระองค์ทั้งหลายจะถวายการยกย่องแด่พระยาห์เวห์ ตั้งแต่บัดนี้และตลอดไป จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

28

1 ข้าพระองค์รักพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงและคำอธิษฐานขอความเมตตาของข้าพระองค์ 2 เพราะพระองค์ได้ทรงฟังข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะร้องขอทูลพระองค์ขณะเท่าที่ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่

3 เชือกแห่งความตายทั้งหลายได้มัดข้าพระองค์ และข้าพระองค์ได้ติดในบ่วงแห่งแดนมรณา ข้าพระองค์รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ 4 แล้วข้าพระองค์ได้ร้องออกพระนามของพระยาห์เวห์ว่า " โปรดทรงช่วยชีวิตของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์"

5 พระยาห์เวห์ทรงมีพระกรุณาและทรงชอบธรรม พระเจ้าของเราทั้งหลายทรงพระเมตตา 6 พระยาห์เวห์ทรงปกป้องคนอ่อนต่อโลก เมื่อข้าพระองค์หมดหนทาง และพระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ไว้

7 จิตวิญญาณของข้าพระองค์เอ๋ยจงกลับไปสู่การพัก เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงทำดีต่อข้าพระองค์แล้ว 8 เพราะพระองค์ทรงช่วยกู้ชีวิตข้าพระองค์ให้พ้นจากความตาย ช่วยตาข้าพระองค์ให้พ้นจากน้ำตา และช่วยเท้าข้าพระองค์ให้พ้นจากการล้มลง

9 ข้าพระองค์จะปรนนิบัติพระยาห์เวห์ในดินแดนของคนเป็น 10 ข้าพระองค์ได้เชื่อในพระองค์ แม้เมื่อข้าพระองค์พูดว่า "ข้าพระองค์ทุกข์ยากลำบากยิ่งนัก" 11 ข้าพระองค์พูดอย่างกลุ้มใจว่า "พวกมนุษย์ทุกคนล้วนเป็นคนหลอกลวง"

12 ข้าพระองค์จะตอบแทนพระยาห์เวห์อย่างไร สำหรับพระเมตตาทั้งหมดของพระองค์ที่มีต่อข้าพระองค์? 13 ข้าพระองค์จะถวายถ้วยแห่งความรอด และกล่าวพระนามพระยาห์เวห์ 14 ข้าพระองค์จะแก้บนทั้งหลายแด่พระยาห์เวห์ ต่อหน้าคนทั้งหลายของพระองค์ 15 ความตายของบรรดาธรรมิกชนต่อพระองค์มีค่ามากยิ่งในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์

16 แท้จริงแล้ว ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพระองค์ ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพระองค์ที่เป็นบุตรชายของสาวใช้คนหนึ่งของพระองค์ พระองค์ได้ทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากพันธนาการทั้งหลาย 17 ข้าพระองค์จะถวายขอบพระคุณแด่พระองค์ด้วยเครื่องบูชาต่อพระองค์ และกล่าวพระนามพระยาห์เวห์

18 ข้าพระองค์จะแก้บนทั้งหลายแด่พระยาห์เวห์ ต่อหน้าคนทั้งหมดของพระองค์ 19 ในลานต่าง ๆ แห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ที่อยู่กลางใจเมืองกรุงเยรูซาเล็ม จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

29

1 จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด ชนชาติทั้งปวงเอ๋ย จงยกย่องพระองค์เถิด คนทั้งปวงเอ๋ย 2 เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ที่มีต่อพวกเรานั้นยิ่งใหญ่ และความน่าเชื่อถือของพระยาห์เวห์จะคงยังคงอยู่ตลอดไป จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

30

1 จงให้การถวายขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ดี เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 2 ให้อิสราเอลพูดว่า "ความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์จะคงยังคงอยู่ตลอดไป"

3 ให้ลูกหลานอาโรนกล่าวเถิดว่า "ความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์จะคงยังคงอยู่ตลอดไป" 4 ให้บรรดาผู้ที่ติดตามอย่างสัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์พูดว่า "ความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์จะคงยังคงอยู่ตลอดไป"

5 ข้าพระองค์ร้องต่อพระยาห์เวห์จากความกลัดกลุ้มใจ พระยาห์เวห์ได้ทรงตอบข้าพระองค์และทรงมอบอิสระให้แก่ข้าพระองค์ 6 พระยาห์เวห์สถิตกับข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงไม่กลัว มนุษย์จะทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้? 7 พระยาห์เวห์สถิตกับข้าพระองค์เปรียบเหมือนผู้ช่วยเหลือของข้าพระองค์ ดังนั้นข้าพระองค์จะมองเห็นชัยชนะต่อผู้ที่เกลียดชังข้าพระองค์

8 เข้าสิ่งกำบังอยู่ในพระยาห์เวห์ ก็ดีกว่าพึ่งพาในมนุษย์ 9 เข้าลี้ภัยอยู่ในพระยาห์เวห์ ก็ดีกว่าพึ่งพาในบรรดาเจ้าเมือง

10 ชนชาติทั้งหมดเคยล้อมข้าพระองค์ แต่ในพระนามพระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้ขับไล่พวกมันไปหมด 11 สมควรแล้ว คนเหล่านั้นนั้นได้ล้อมข้าพระองค์ คนเหล่านั้นได้ล้อมข้าพระองค์ไว้ แต่ในพระนามพระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้ขับไล่พวกมันไปหมด 12 คนเหล่านั้นนั้นได้ล้อมข้าพระองค์เหมือนฝูงผึ้ง แต่คนเหล่านั้นได้สูญสิ้นไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟไหม้กลางพงหนาม แต่ในพระนามพระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้ขับไล่พวกมันไปหมด

13 คนเหล่านั้นได้โจมตีข้าพระองค์เพื่อกระแทกให้ข้าพระองค์ล้มลง แต่พระยาห์เวห์ได้ทรงช่วยข้าพระองค์ 14 พระยาห์เวห์นั้นทรงเป็นกำลัง และเป็นความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นผู้ซึ่งช่วยกู้ข้าพระองค์

15 มีเสียงโห่ร้องชื่นชมอยู่ในเต็นท์ต่างๆ ของผู้เที่ยงธรรมว่า พระหัตถ์ขวาของพระยาห์เวห์ทรงมีชัย 16 พระหัตถ์ขวาของพระยาห์เวห์ทรงเป็นที่เชิดชู พระหัตถ์ขวาของพระยาห์เวห์ทรงมีชัย

17 ข้าพระองค์จะไม่ตาย แต่ข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ และเล่าถึงสิ่งต่างๆ ที่พระยาห์เวห์ทรงกระทำ 18 พระยาห์เวห์ได้ทรงลงโทษข้าพระองค์อย่างหนัก แต่พระองค์ไม่ทรงมอบความตายแก่ข้าพระองค์

19 โปรดเปิดประตูความสมควรให้แก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะเข้าไป และข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระยาห์เวห์ 20 นี่แหละคือประตูของพระยาห์เวห์ คนเที่ยงธรรมเท่านั้นจะสามารถเข้าไปได้ 21 ข้าพระองค์จะถวายการขอบพระคุณพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงตอบข้าพระองค์ และพระองค์ได้ทรงเป็นความรอดของข้าพระองค์

22 ก้อนหินที่พวกช่างก่อสร้างได้โยนทิ้งไป บัดนี้ได้เป็นหินหัวมุมแล้ว 23 สิ่งนี้เป็นมาจากพระยาห์เวห์ เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ในสายตาของพวกเรา

24 วันนี้เป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ทรงทำให้เกิดขึ้น ให้พวกเราจงชื่นชมยินดีในวันนี้เถิด 25 โปรดเถิดพระเจ้าข้า ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงมอบชัยชนะแก่พวกข้าพระองค์ โปรดเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงมอบความสำเร็จแก่พวกข้าพระองค์เถิด

26 ขอผู้เข้ามาในพระนามของพระยาห์เวห์ได้รับการอวยพร พวกเราจะอวยพรพวกท่านจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 27 พระยาห์เวห์คือพระเจ้า และพระองค์ได้ทรงให้ความสว่างแก่พวกเรา จงมัดเครื่องถวายบูชาด้วยเชือกกับเชิงงอนของแท่นบูชา 28 พระองค์คือพระเจ้าของข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะถวายการขอบพระคุณพระองค์ พระองค์คือพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์

29 โอ จงถวายการขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงดี เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์คงยังคงอยู่ตลอดไป

31

1 คนเหล่านั้นที่ทางของเขาทั้งหลายที่ไร้ตำหนินั้นก็เป็นสุข คือผู้ที่ทำตามทางแห่งคำสั่งสอนของพระยาห์เวห์ 2 คนเหล่านั้นที่รักษากฏเกณฑ์ต่างๆอันเคร่งครัดของพระองค์ก็เป็นสุข คือผู้ที่ค้นหาพระองค์ด้วยสุดหัวใจของคนเหล่านั้น

3 เขาทั้งหลายไม่ทำผิด คนเหล่านั้นเดินตามทางทั้งหลายของพระองค์ 4 พระองค์ได้ทรงบัญชาให้พวกข้าพระองค์ทำตามคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ เพื่อว่าพวกข้าพระองค์ควรทำตามคำสั่งสอนทั้งหลายอย่างระมัดระวัง

5 โอ เพื่อว่าข้าพระองค์จะได้ตั้งอยู่อย่างมั่นคงในการทำตามกฎระเบียบทั้งหลายของพระองค์ 6 ข้าพระองค์จะไม่ละอาย เมื่อข้าพระองค์ครุ่นคิดอยู่ที่กฏบัญญัติทั้งหมดของพระองค์

7 ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ด้วยใจที่ซื่อตรง เมื่อข้าพระองค์เรียนรู้กฎบัญญัติอันชอบธรรมทั้งหลายของพระองค์ 8 ข้าพระองค์จะทำตามกฏระเบียบทั้งหลายของพระองค์ ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ไว้เดียวดาย เบธ

9 คนหนุ่มคนหนึ่งจะรักษาทางเดินของชีวิตของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร? ก็โดยเชื่อฟังถ้อยคำของพระองค์ 10 ด้วยสุดหัวใจของข้าพระองค์ข้าพระองค์ค้นหาพระองค์ ขออย่าปล่อยให้ข้าพระองค์พลัดหลงออกไปจากกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์

11 ข้าพระองค์ได้รวบรวมถ้อยคำของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อว่าข้าพระองค์นั้นจะไม่ได้กระทำบาปผิดต่อพระองค์ 12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์ได้รับการยกย่อง โปรดสอนกฎระเบียบทั้งหลายของพระองค์กับข้าพระองค์

13 ข้าพระองค์ได้ประกาศด้วยปากของข้าพระองค์ถึงบรรดากฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งมวลที่พระองค์ได้ทรงสำแดงไว้ 14 ข้าพระองค์มีความชื่นบานในทางแห่งกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์มากกว่าความมั่งมีทั้งปวง

15 ข้าพระองค์จะใคร่ครวญบรรดาคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ และให้ความสนใจบรรดาทางทั้งหลายของพระองค์ 16 ข้าพระองค์ชื่นชมยินดีในกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่ลืมถ้อยคำของพระองค์ กิเมิล

17 โปรดเมตตาต่อผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ และทำตามถ้อยคำของพระองค์ 18 โปรดเปิดตาข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเห็นบรรดาสิ่งมหัศจรรย์ในคำสั่งสอนของพระองค์

19 ข้าพระองค์คือคนต่างชาติบนแผ่นดิน โปรดอย่าได้ทรงซ่อนกฎบัญญัติทั้งหลายของพระองค์จากข้าพระองค์เลย 20 ความประสงค์ของข้าพระองค์กระหายที่จะเรียนรู้กฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์ตลอดเวลา

21 พระองค์ทรงตำหนิคนเหย่อหยิ่ง คนที่ถูกสาปแช่ง คือคนเหล่านั้นที่หลงไปจากกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ 22 โปรดเอาความละอายและอัปยศไปจากข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ได้เชื่อฟังกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์

23 แม้คนเหล่านั้นปกครองนั่งปรึกษากันและใส่ร้ายข้าพระองค์ แต่ผู้รับใช้ของพระองค์จะใคร่ครวญกฎระเบียบทั้งหลายของพระองค์ 24 กฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงเป็นความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์ และสิ่งเหล่านั้นเป็นบรรดาคำแนะนำของข้าพระองค์ ดาลิธ

25 ชีวิตของข้าพระองค์เปื้อนฝุ่น โปรดทรงมอบชีวิตแก่ข้าพระองค์โดยถ้อยคำของพระองค์ 26 ข้าพระองค์ได้เล่าถึงชีวิตของข้าพระองค์ และพระองค์ได้ทรงตอบข้าพระองค์ โปรดสั่งสอนกฎระเบียบทั้งหลายของพระองค์แก่ข้าพระองค์

27 โปรดช่วยทำให้ข้าพระองค์เข้าใจบรรดาทางแห่งคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ เพื่อว่าข้าพระองค์จะใคร่ครวญถึงคำสอนอันมหัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ 28 ข้าพระองค์จมอยู่ในความโศกเศร้าอย่างยิ่ง โปรดเสริมกำลังข้าพระองค์โดยถ้อยคำของพระองค์เถิด

29 โปรดหันข้าพระองค์ไปเสียจากทางหลอกลวง โปรดพระกรุณาสอนคำสั่งสอนของพระองค์แก่ข้าพระองค์ 30 ข้าพระองค์ได้เลือกหนทางแห่งความสัตย์ซื่อ ข้าพระองค์รักษากฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์ไว้ตรงหน้าข้าพระองค์เสมอ

31 ข้าพระองค์ยึดมั่นอยู่กับกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าให้ข้าพระองค์ต้องละอาย 32 ข้าพระองค์จะวิ่งในหนทางแห่งกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงขยายหัวใจของข้าพระองค์ให้กว้างที่จะกระทำเช่นนั้น เฮ

33 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดสอนข้าพระองค์ถึงทางแห่งกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์ และข้าพระองค์จะรักษาไว้จนถึงที่สุด 34 โปรดให้ความเข้าใจแก่ข้าพระองค์ และเพื่อข้าพระองค์จะรักษาคำสั่งสอนของพระองค์ไว้ และข้าพระองค์จะทำตามด้วยสุดหัวใจของข้าพระองค์

35 โปรดนำข้าพระองค์ไปในทางแห่งกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ชื่นชมที่จะเดินในทางนั้น 36 โปรดทรงหันใจข้าพระองค์เข้าหากฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์ และออกห่างจากการได้มาซึ่งไม่เที่ยงธรรม

37 โปรดทรงหันสายตาของข้าพระองค์ไปจากการมองดูสิ่งที่ไร้ค่า โปรดรื้อฟื้นข้าพระองค์ไว้ในบรรดาทางของพระองค์ 38 โปรดทำตามพระสัญญาของพระองค์ต่อผู้รับใช้ของพระองค์ ที่พระองค์มีไว้สำหรับผู้ที่ถวายพระเกียรติของพระองค์

39 โปรดเอาการเหยียดหยามซึ่งข้าพระองค์กลัวนั้นออกไปเสีย เพราะบรรดาคำตัดสินอันเที่ยงธรรมของพระองค์นั้นดีเลิศ 40 ขอดูเถิด ข้าพระองค์ได้เฝ้าคอยคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ยิ่ง โปรดรื้อฟื้นข้าพระองค์ในความเที่ยงธรรมของพระองค์เถิด วา

41 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงมอบความรักมั่นคงของพระองค์แก่ข้าพระองค์ คือความรอดของพระองค์ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ 42 แล้วข้าพระองค์จะได้ตอบให้ผู้ที่เย้ยหยันข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์พึ่งพาในถ้อยคำของพระองค์

43 โปรดอย่าทรงนำถ้อยคำแห่งความจริงไปจากปากข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ได้รอคอยบรรดากฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมของพระองค์ 44 ข้าพระองค์จะทำตามคำสั่งสอนของพระองค์เสมอตลอดไป

45 ข้าพระองค์จะเดินอย่างมั่นคง เพราะข้าพระองค์ได้ตามหาคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ 46 ข้าพระองค์จะพูดถึงพระโอวาทอันเคร่งครัดของพระองค์เฉพาะพระพักตร์บรรดากษัตริย์ และจะไม่ถูกทำให้ละอาย

47 ข้าพระองค์ชื่นชมยินดีในกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ ที่ข้าพระองค์รักยิ่ง 48 ข้าพระองค์จะยกมือของข้าพระองค์ขึ้นต่อกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ซึ่งข้าพระองค์รัก ข้าพระองค์จะใคร่ครวญกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์ ไซอิน

49 โปรดทรงคิดถึงบรรดาพระสัญญาของพระองค์ที่มีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงมอบความหวังแก่ข้าพระองค์ 50 สิ่งนี้คือการปลอบประโลมในยามทุกข์ยากของข้าพระองค์ ว่าพระสัญญาของพระองค์นั้นได้รักษาชีวิตของข้าพระองค์ไว้

51 คนหยิ่งยโสเย้ยหยันข้าพระองค์ แม้กระนั้นข้าพระองค์ไม่ได้หันออกจากคำสั่งสอนของพระองค์ 52 ข้าพระองค์ได้คิดถึงกฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์ที่มีมาแต่กาลก่อน ข้าแต่พระยาห์เวห์ และข้าพระองค์ก็ปลอบประโลมตัวเอง

53 ข้าพระองค์โกรธจัด เนื่องจากคนชั่วปฏิเสธคำสั่งสอนของพระองค์ 54 บรรดากฎเกณฑ์ของพระองค์เป็นเพลงทั้งหลายของข้าพระองค์ ในบ้านที่ข้าพระองค์อยู่ชั่วคราว

55 ข้าพระองค์คิดถึงพระนามของพระองค์ในเวลากลางคืน ข้าแต่พระยาห์เวห์ และข้าพระองค์ทำตามกฏบัญญัติของพระองค์ 56 สิ่งนี้แหละที่ข้าพระองค์ได้กระทำ เพราะข้าพระองค์ได้ปฏิบัติคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ เฮธ

57 พระยาห์เวห์ทรงเป็นส่วนแบ่งของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ตั้งใจที่จะทำตามถ้อยคำทั้งหลายของพระองค์ 58 ข้าพระองค์ขอความโปรดปรานของพระองค์อย่างร้อนรนด้วยสุดหัวใจของข้าพระองค์ โปรดพระกรุณาแก่ข้าพระองค์ตามถ้อยคำที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้

59 ข้าพระองค์ได้ทดสอบบรรดาทางของข้าพระองค์ และข้าพระองค์ได้หันเท้าของข้าพระองค์ไปยังบรรดากฎบัญญัติแห่งพันธสัญญาของพระองค์ 60 ข้าพระองค์รีบเร่งและไม่ได้รอช้าที่จะทำตามคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์

61 แม้เชือกทั้งหลายของคนชั่วได้ดักข้าพระองค์ไว้ ข้าพระองค์ก็ไม่ลืมกฏบัญญัติของพระองค์ 62 ในตอนเที่ยงคืน ข้าพระองค์ตื่นขึ้นเพื่อขอบพระคุณพระองค์ สำหรับกฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์

63 ข้าพระองค์เป็นมิตรกับทุกคนที่ถวายพระเกียรติพระองค์ กับคนทั้งมวลที่ทำตามคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ 64 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แผ่นดินโลกเต็มด้วยความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ โปรดสอนกฎระเบียบทั้งหลายของพระองค์แก่ข้าพระองค์ เท็ธ

65 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงกระทำดีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ ตามถ้อยคำของพระองค์ 66 โปรดสอนความหยั่งรู้และความเข้าใจแก่ข้าพระองค์อย่างถ่องแท้ เพราะข้าพระองค์ได้เชื่อในกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์

67 เมื่อก่อนนั้นข้าพระองค์ได้ทนทุกข์ทรมาน ข้าพระองค์ได้หลงทางไป แต่บัดนี้ข้าพระองค์เชื่อฟังถ้อยคำของพระองค์ 68 พระองค์ทรงดีเลิศ และพระองค์คือผู้นั้นที่ทรงกระทำการดี โปรดสอนกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์แก่ข้าพระองค์

69 คนหยิ่งยโสได้ใส่ความเท็จข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์รักษาคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ด้วยสุดหัวใจของข้าพระองค์ 70 หัวใจของคนเหล่านั้นแข็งกระด้าง แต่ข้าพระองค์ชื่นชมยินดีในกฏบัญญัติของพระองค์

71 เป็นสิ่งที่ดีแล้วที่ข้าพระองค์ได้ทนทุกข์ เพราะมันทำให้ข้าพระองค์จะได้เรียนรู้กฎระเบียบทั้งหลายของพระองค์ 72 คำสั่งสอนจากพระโอษฐ์ของพระองค์สำหรับข้าพระองค์แล้วก็มีค่ายิ่งกว่าทองคำและเงินเป็นหลายพันชิ้น โยด

73 พระหัตถ์ของพระองค์ได้ได้ทรงตกแต่งข้าพระองค์และทรงสร้าง โปรดให้ความเข้าใจแก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรู้จักกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ 74 บรรดาผู้ที่ถวายพระเกียรติพระองค์จะชื่นบานเมื่อคนเหล่านั้นเห็นข้าพระองค์ เพราะว่าข้าพระองค์พบความหวังในถ้อยคำของพระองค์

75 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ทราบว่าบรรดากฎบัญญัติของพระองค์นั้นชอบธรรมแล้ว และในความซื่อตรงนั้นที่พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์นั้นทุกข์ยาก 76 ขอความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับผู้รับใช้ของพระองค์ปลอบประโลมข้าพระองค์

77 โปรดสำแดงพระกรุณาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตต่อไป เพราะคำสั่งสอนของพระองค์เป็นความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์ 78 โปรดให้คนหยิ่งยโสละอาย เพราะคนเหล่านั้นได้ใส่ร้ายข้าพระองค์ ส่วนข้าพระองค์จะใคร่ครวญคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์

79 โปรดให้คนเหล่านั้นที่ถวายพระเกียรติพระองค์หันกลับมาหาข้าพระองค์ คือคนเหล่านั้นที่รู้จักกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์นั้น 80 โปรดให้ใจของข้าพระองค์ไร้ตำหนิด้วยการเคารพนับถือกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์ ดังนั้นข้าพระองค์จะไม่ต้องถูกทำให้ละอาย คัฟ

81 ข้าพระองค์หมดแรงกับการรอคอยที่พระองค์อาจจะมาช่วยกู้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้หวังในถ้อยคำของพระองค์ 82 สายตาของข้าพระองค์คอยที่จะเห็นพระสัญญาของพระองค์ เมื่อไรที่พระองค์จะทรงปลอบประโลมข้าพระองค์เล่า?

83 เพราะข้าพระองค์ได้เป็นเหมือนถุงหนังเหล้าองุ่นที่ถูกรมควัน ข้าพระองค์ไม่ลืมบรรดากฎระเบียบทั้งหลายของพระองค์ 84 ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องรออีกนานสักเท่าใด เมื่อไรที่พระองค์จะทรงทำการตัดสินบรรดาผู้กดขี่รังแกข้าพระองค์?

85 คนหยิ่งยโสได้ขุดหลุมพรางดักข้าพระองค์ คือคนเหล่านั้นที่ฝ่าฝืนต่อคำสั่งสอนของพระองค์ 86 บรรดากฏบัญญัติทั้งมวลของพระองค์ก็เชื่อถือได้ คนเหล่านั้นรังแกข้าพระองค์อย่างไม่ชอบธรรม โปรดช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด

87 คนเหล่านั้นเกือบทำให้ข้าพระองค์ตายไปจากแผ่นดินโลกแล้ว แต่ข้าพระองค์ไม่ปฏิเสธคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ 88 ด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ โปรดรักษาชีวิตของข้าพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้เชื่อฟังบรรดาพระบัญชาของพระองค์ ลาเม็ธ

89 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ถ้อยคำของพระองค์ทรงคงยังคงอยู่ตลอดไป ถ้อยคำของพระองค์ได้ตั้งมั่นคงในบรรดาท้องฟ้า 90 ความซื่อตรงของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชนชาติพระองค์ได้ทรงตั้งแผ่นดินโลกและมันก็ยังคงอยู่

91 ทุกสิ่งเหล่านี้ตั้งมั่นอยู่จนทุกวันนี้ ดังที่พระองค์ได้ตรัสในกฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์ เพราะทุกสิ่งเป็นของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ 92 ถ้าคำสั่งสอนของพระองค์ไม่เป็นความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์ ข้าพระองค์คงได้พินาศไปในความทุกข์ยากแล้ว

93 ข้าพระองค์จะไม่มีทางลืมคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์เลย เพราะโดยคำสั่งสอนทั้งหลายเหล่านั้น พระองค์ได้ทรงรักษาชีวิตข้าพระองค์ไว้ 94 ข้าพระองค์เป็นของพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้รอด เพราะข้าพระองค์ค้นหาคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์

95 คนชั่วเตรียมทำลายข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์จะค้นหาความเข้าใจในกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์ 96 ข้าพระองค์ได้เคยเห็นมาแล้วว่าทุกสิ่งมีข้อจำกัดของมัน แต่กฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์กว้างขวางไร้ขีดจำกัด เม็ม

97 โอ ข้าพระองค์รักคำสั่งสอนของพระองค์จริงๆ เป็นคำอธิษฐานของข้าพระองค์ตลอดทั้งวัน 98 กฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ทำให้ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูทั้งหลายของข้าพระองค์ เพราะกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์นั้นอยู่กับข้าพระองค์เสมอ

99 ข้าพระองค์มีความเข้าใจมากกว่าครูทั้งหมดของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ใคร่ครวญกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์ 100 ข้าพระองค์เข้าใจมากกว่าผู้ที่อาวุโสกว่าข้าพระองค์ นี่เป็นเพราะข้าพระองค์ได้รักษาคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์

101 ข้าพระองค์หยุดยั้งเท้าไว้จากทางชั่วทุกอย่าง เพื่อว่าข้าพระองค์จะทำตามถ้อยคำของพระองค์ 102 ข้าพระองค์ไม่ได้หันไปจากบรรดากฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมของพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงสอนข้าพระองค์

103 บรรดาถ้อยคำของพระองค์นั้นช่างมีรสชาติหวานแก่ข้าพระองค์ แน่ทีเดียว หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากของข้าพระองค์ 104 โดยทางคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ ข้าพระองค์สามารถเข้าใจได้ เพราะฉะนั้นข้าพระองค์เกลียดชังทางที่ผิดทั้งหลาย นุน

105 ถ้อยคำของพระองค์เป็นตะเกียงแห่งเท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแห่งทางของข้าพระองค์ 106 ข้าพระองค์ได้สาบานและได้ยืนยันว่า ข้าพระองค์จะทำตามกฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์

107 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ทุกข์ยากยิ่งนัก โปรดรักษาชีวิตของข้าพระองค์ไว้ตามที่พระองค์ได้สัญญาด้วยถ้อยคำของพระองค์ 108 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดรับเครื่องบูชาถวายด้วยความสมัครใจจากปากของข้าพระองค์ และโปรดสอนกฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์แก่ข้าพระองค์

109 ชีวิตของข้าพระองค์อยู่ในมือของข้าพระองค์เสมอ แต่กระนั้นข้าพระองค์ไม่ลืมคำสั่งสอนของพระองค์ 110 คนชั่วได้วางกับดักข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์ไม่หันเหจากคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์

111 ข้าพระองค์รับกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์ไว้เป็นมรดกของข้าพระองค์ตลอดไป เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นความชื่นบานแก่จิตใจข้าพระองค์ 112 จิตใจของข้าพระองค์เชื่อมั่นในกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์ตลอดไปจนถึงกาลอวสาน ซาเมค

113 ข้าพระองค์เกลียดคนโลเล แต่ข้าพระองค์รักคำสั่งสอนของพระองค์ 114 พระองค์ทรงเป็นสิ่งกำบังและเป็นโล่ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รอคอยถ้อยคำของพระองค์

115 จงไปเสียจากข้า เจ้าคนทำชั่ว เพื่อว่าข้าพระองค์จะได้ทำตามกฏบัญญัติทั้งหลายของพระเจ้าของข้าพระองค์ 116 โปรดค้ำชูข้าพระองค์ไว้ตามถ้อยคำของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ และไม่ละอายในความหวังของข้าพระองค์

117 โปรดค้ำชูข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะรอด และข้าพระองค์จะใคร่ครวญกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์เสมอ 118 พระองค์ทรงปฏิเสธทุกคนที่หันเหจากกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์ เพราะคนเหล่านั้นได้หลอกลวงและเชื่อถือไม่ได้

119 พระองค์ทรงทิ้งคนชั่วทั้งมวลของแผ่นดินโลกเป็นเหมือนขี้แร่ เพราะฉะนั้นข้าพระองค์รักพระโอวาทอันเคร่งครัดทั้งหลายของพระองค์ 120 ร่างกายข้าพระองค์สั่นสะท้านในความเกรงกลัวพระองค์ และข้าพระองค์เคารพกฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์ ไอเยน

121 ข้าพระองค์ทำสิ่งที่ชอบธรรมและสมควร ขออย่าทรงละทิ้งข้าพระองค์ไว้กับผู้กดขี่รังแกข้าพระองค์ 122 โปรดประกันการช่วยดูแลผู้รับใช้ของพระองค์ ขออย่าทรงให้คนหยิ่งยโสกดขี่รังแกข้าพระองค์

123 นัยน์ตาของข้าพระองค์เมื่อยล้า ขณะที่ข้าพระองค์คอยความรอดของพระองค์ และคอยถ้อยคำอันเที่ยงธรรมของพระองค์ 124 โปรดสำแดงความชื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และโปรดสอนบรรดากฎระเบียบของพระองค์แก่ข้าพระองค์

125 ข้าพระองค์นั้นเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ โปรดทรงมอบความเข้าใจแก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรู้กฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์ 126 ได้เวลาที่พระยาห์เวห์จะทรงจัดการ เพราะประชาชนได้ละเมิดคำสั่งสอนของพระองค์

127 แน่นอน ข้าพระองค์รักกฎบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ ยิ่งกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์ 128 เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จะติดตามคำสั่งสอนทั้งมวลของพระองค์อย่างเคร่งครัด และข้าพระองค์เกลียดชังทางแห่งความหลอกลวงทุกทาง เพ

129 บรรดากฎระเบียบของพระองค์น่าแปลกใจนั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าพระองค์จึงเชื่อมั่นในบรรดากฎระเบียบเหล่านั้น 130 การเปิดเผยถ้อยคำของพระองค์ให้ความสว่าง ทั้งให้ความเข้าใจแก่คนที่ขาดประสบการณ์

131 ข้าพระองค์อ้าปากและเหนื่อยหอบ เพราะข้าพระองค์ประสงค์กฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ 132 โปรดหันมาหาข้าพระองค์และมีพระกรุณาต่อข้าพระองค์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเคยทำต่อผู้ที่รักพระนามของพระองค์เสมอ

133 โปรดนำย่างเท้าของข้าพระองค์ตามถ้อยคำของพระองค์ ขออย่าทรงให้ความบาปใดๆ มีอำนาจเหนือข้าพระองค์ 134 โปรดไถ่ข้าพระองค์ให้พ้นการกดขี่รังแกของมนุษย์ เพื่อข้าพระองค์จะทำตามคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์

135 โปรดให้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงมายังผู้รับใช้ของพระองค์ และโปรดสอนกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์แก่ข้าพระองค์ 136 บรรดาสายธารแห่งน้ำตาไหลลงมาจากนัยน์ตาของข้าพระองค์ เพราะประชาชนไม่ทำตามคำสั่งสอนของพระองค์ ซาเด

137 พระองค์เที่ยงธรรม และกฎบัญญัติของพระองค์ก็เที่ยงธรรม 138 บรรดากฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงมอบนั้นเที่ยงธรรม และสัตย์ซื่อ

139 ความโกรธจัดได้ทำลายข้าพระองค์ เพราะพวกคู่อริของข้าพระองค์ลืมถ้อยคำทั้งหลายของพระองค์ 140 ถ้อยคำของพระองค์ได้ถูกทดสอบเป็นอย่างมากแล้ว และผู้รับใช้ของพระองค์รักถ้อยคำนั้น

141 ข้าพระองค์ต้อยต่ำและถูกดูถูก แต่ข้าพระองค์ไม่ลืมคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ 142 ความเที่ยงธรรมของพระองค์เที่ยงธรรมสมควรยังคงอยู่ตลอดไป และคำสั่งสอนของพระองค์ก็เชื่อถือได้

143 แม้ว่าความทุกข์ยากและความตรอมใจได้มาสู่ข้าพระองค์ กฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ยังคงเป็นความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์ 144 กฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์เที่ยงธรรมตลอดไป โปรดทรงมอบความเข้าใจแก่ข้าพระองค์เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ โคฟ

145 ข้าพระองค์ได้ขอด้วยสุดหัวใจ "ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตอบข้าพระองค์เถิด ข้าพระองค์จะรักษากฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์ 146 ข้าพระองค์ขอพระองค์ว่า ขอพระองค์ช่วยให้ข้าพระองค์รอด และข้าพระองค์จะทำตามกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์"

147 ข้าพระองค์ตื่นขึ้นเวลารุ่งเช้าและทูลขอความอุปถัมภ์ ข้าพระองค์หวังในถ้อยคำทั้งหลายของพระองค์ 148 นัยน์ตาของข้าพระองค์ลืมอยู่ทุกเวลาเวลากลางคืน เพื่อว่าข้าพระองค์จะใคร่ครวญถึงถ้อยคำของพระองค์

149 โปรดฟังเสียงข้าพระองค์ ตามความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดรักษาชีวิตข้าพระองค์ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาในกฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์ 150 ผู้ที่รังแกข้าพระองค์กำลังมาใกล้ข้าพระองค์แล้ว แต่ว่าคนเหล่านั้นอยู่ห่างจากคำสั่งสอนของพระองค์

151 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงอยู่ใกล้ข้าพระองค์ และกฏบัญญัติทั้งมวลของพระองค์ก็เชื่อถือได้ 152 นานมาแล้วข้าพระองค์ได้เรียนรู้จากกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์ว่าพระองค์ได้ทรงตั้งสิ่งเหล่านี้ไว้ในสถานที่ตลอดไป เรช

153 โปรดทอดพระเนตรความทุกข์ยากของข้าพระองค์ และโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ไม่ได้ลืมคำสั่งสอนของพระองค์ 154 โปรดปกป้องข้าพระองค์และโปรดไถ่ข้าพระองค์ โปรดพิทักษ์ข้าพระองค์ตามที่ได้สัญญาในถ้อยคำของพระองค์

155 ความรอดนั้นอยู่ห่างจากคนชั่วร้าย เพราะคนเหล่านั้นไม่รักกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์ 156 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระกรุณาของพระองค์มากมายนัก โปรดรักษาชีวิตข้าพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงกระทำเสมอ

157 บรรดาผู้ที่รังแกและบรรดาศัตรูของข้าพระองค์มีมากมาย แต่ข้าพระองค์ไม่ได้หันเหไปจากกฎบัญญัติทั้งหลายแห่งพันธสัญญาของพระองค์ 158 ข้าพระองค์มองดูคนทรยศด้วยความขยะแขยง เพราะคนเหล่านั้นไม่ทำตามถ้อยคำของพระองค์

159 โปรดทอดพระเนตรถึงวิธีที่ข้าพระองค์รักคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดรักษาชีวิตข้าพระองค์ไว้ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาโดยความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ 160 เนื้อหาสำคัญแห่งถ้อยคำของพระองค์ คือความจริง และกฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์ทุกข้อคงยังคงอยู่ตลอดไป ฉิน

161 พวกเจ้าเมืองรังแกข้าพระองค์โดยไร้เหตุผล จิตใจของข้าพระองค์สั่นกลัวการไม่เชื่อฟังถ้อยคำของพระองค์ 162 ข้าพระองค์ชื่นชมยินดีในถ้อยคำของพระองค์อย่างผู้ที่ได้พบของที่ปล้นริบมาเป็นอันมาก

163 ข้าพระองค์เกลียดและชังความเท็จ แต่ข้าพระองค์รักคำสั่งสอนของพระองค์ 164 ข้าพระองค์ยกย่องพระองค์วันละเจ็ดครั้งหยุดหยั้ง เพราะกฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์

165 บรรดาผู้ที่รักคำสั่งสอนของพระองค์ คนเหล่านั้นมีสันติสุขอย่างยิ่ง ไม่มีสิ่งใดทำให้คนเหล่านั้นลื่นถไลได้ 166 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์รอคอยความรอดของพระองค์ และข้าพระองค์เชื่อฟังกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์

167 ข้าพระองค์ทำตามพระโอวาทอันเคร่งครัดของพระองค์ และข้าพระองค์รักพระโอวาทอันเคร่งครัดนั้นยิ่งนัก 168 ข้าพระองค์ทำตามบรรดาคำสั่งสอนและพระโอวาทอันเคร่งครัดของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงทราบในทุกสิ่งที่ข้าพระองค์กระทำ ทาฟ

169 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดสดับเสียงขอขอความอุปถัมภ์ของข้าพระองค์ โปรดทรงมอบความเข้าใจในถ้อยคำของพระองค์แก่ข้าพระองค์ 170 โปรดสดับคำอธิษฐานของข้าพระองค์ต่อหน้าพระองค์ โปรดโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์อย่างที่พระองค์ได้ทรงสัญญาในถ้อยคำของพระองค์

171 โปรดให้ริมฝีปากของข้าพระองค์พรั่งพรูคำยกย่องออกมา เพราะพระองค์ทรงสอนกฎเกณฑ์ทั้งหลายของพระองค์แก่ข้าพระองค์ 172 โปรดให้ลิ้นของข้าพระองค์ร้องเพลงเกี่ยวกับถ้อยคำของพระองค์ เพราะบรรดากฏบัญญัติทั้งมวลของพระองค์ก็เที่ยงธรรม

173 โปรดให้พระหัตถ์ของพระองค์ทรงช่วยเหลือข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ได้เลือกคำสั่งสอนทั้งหลายของพระองค์ 174 ข้าพระองค์แสวงหาการช่วยกู้ของพระองค์ และคำสั่งสอนของพระองค์ก็เป็นความชื่นชมยินดีของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์

175 โปรดให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่และยกย่องพระองค์ และให้กฎบัญญัติอันเที่ยงธรรมทั้งหลายของพระองค์ช่วยเหลือข้าพระองค์ 176 ข้าพระองค์ได้ระหกระเหินเหมือนดังแกะที่หลงหายไป โปรดตามหาผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ไม่ลืมกฏบัญญัติทั้งหลายของพระองค์

32

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงโปรดช่วยด้วยเถิด เพราะคนสุจริตได้หายไปหมด คนที่ซื่อสัตย์ได้สูญสิ้นไป

2 ทุกคนพูดคำไร้สาระกับเพื่อนบ้าน ทุกคนพูดด้วยลิ้นประจบสอพลอและด้วยสองใจ 3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตัดริมฝีปากที่ประจบสอพลอออกเสียให้สิ้น และทุกลิ้นที่โอ้อวดในเรื่องใหญ่โตด้วย 4 คนพวกนี้คือบรรดาคนที่พากันพูดว่า "เราจะชนะได้ด้วยลิ้นของเรา เมื่อริมฝีปากของเราพูด ใครจะเป็นนายเหนือพวกเราได้?"

5 พระยาห์เวห์จึงตรัสว่า "เพราะคนยากจนถูกกระทำอย่างรุนแรง เพราะเสียงคร่ำครวญของคนขัดสน เราจึงจะลุกขึ้น เราจะจัดที่ปลอดภัยไว้ให้ตามที่พวกเขาปรารถนา"

6 พระดำรัสของพระยาห์เวห์เป็นพระดำรัสบริสุทธิ์ เป็นดั่งเช่นเงินบริสุทธิ์ในเตาหลอมแห่งแผ่นดินโลก ซึ่งถูกถลุงถึงเจ็ดครั้ง 7 พระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระองค์ทรงป้องกันพวกเขาไว้ พระองค์ทรงรักษาคนสุจริตไว้เป็นนิตย์จากพงศ์พันธุ์ที่ชั่วร้ายนี้ 8 คนชั่วก็เดินพลุกพล่านอยู่ล้อมรอบ ในขณะที่ความชั่วช้าได้รับการยกย่องในท่ามกลางบรรดาลูกหลานของมนุษย์

33

1 ในความระทมใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ขอพระยาห์เวห์ และพระองค์ได้ทรงตอบข้าพระองค์ 2 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดช่วยกู้ชีวิตของข้าพระองค์ให้พ้นจากพวกคนที่โกหกด้วยริมฝีปากมุสาของคนเหล่านั้น และการหลอกลวงด้วยลิ้นของคนเหล่านั้น

3 พระองค์จะลงโทษแก่พวกเจ้า และพระองค์จะทรงทำสิ่งใดแก่พวกเจ้าอีกเล่า พวกเจ้าผู้ซึ่งมีลิ้นที่หลอกลวง? 4 พระองค์จะทรงลงโทษพวกเจ้าด้วยบรรดาลูกธนูของนักรบซึ่งได้ลับให้แหลมคมโดยการเผาด้วยถ่านของต้นซาก

5 พินาศแล้วแก่ข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์อาศัยชั่วคราวกับคนเมเชค ข้าพระองค์ได้พักอยู่ท่ามกลางเต็นท์ของคนเคดาร์มาก่อนหน้านี้ 6 ข้าพระองค์พักอยู่นานเกินไปแล้วกับผู้เกลียดสันติสุข 7 ข้าพระองค์รักสันติสุข แต่เมื่อข้าพระองค์พูด คนเหล่านั้นจะเอาแต่ทำสงคราม

34

1 ข้าพระองค์จะเงยหน้ามองขึ้นไปยังภูเขา ความอุปถัมภ์ของข้าพระองค์จะมาจากไหน? 2 ความอุปถัมภ์ของข้าพระองค์มาจากพระยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างท้องฟ้าและแผ่นดินโลก

3 พระองค์จะไม่ทรงทำให้เท้าของท่านลื่นไถล พระองค์ผู้ทรงปกป้องท่านจะไม่ทรงเคลิ้มหลับไป 4 ดูเถิด พระองค์ผู้ทรงพิทักษ์อิสราเอลจะไม่ทรงเคลิ้มหลับหรือทรงหลับสนิทไป

5 พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้พิทักษ์ท่าน พระยาห์เวห์ทรงเป็นเงาที่ขวามือของท่าน 6 พระอาทิตย์จะไม่ทำอันตรายท่านในเวลากลางวัน หรือพระจันทร์ในเวลากลางคืน

7 พระยาห์เวห์จะทรงปกป้องท่านให้พ้นอันตรายทั้งมวล และพระองค์จะทรงปกป้องชีวิตของท่าน 8 พระยาห์เวห์จะทรงปกป้องในทุกสิ่งที่ท่านกระทำตั้งแต่บัดนี้และตลอดไป

35

1 ข้าพเจ้าได้มีความชื่นบาน เมื่อคนเหล่านั้นได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า "โปรดให้พวกเราไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์กันเถิด" 2 กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย เท้าทั้งหลายของพวกเรากำลังยืนอยู่ภายในประตูของเจ้า 3 กรุงเยรูซาเล็มได้ถูกสร้างไว้อย่างเมืองที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบ

4 บรรดาเผ่าต่าง ๆ ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม คือบรรดาเผ่าของพระยาห์เวห์ ดังเป็นสักขีพยานสำหรับอิสราเอล เพื่อขอบพระคุณพระนามของพระยาห์เวห์ 5 พระที่นั่งแห่งการตัดสินตั้งอยู่ที่นั่น คือพระที่นั่งของราชวงศ์ดาวิด

6 จงอธิษฐานขอสันติสุขให้กรุงเยรูซาเล็มว่า "ขอบรรดาผู้ที่รักเจ้าจงมีสันติสุข 7 ขอสันติสุขจงมีอยู่ภายในกำแพงทั้งหลายที่ป้องกันเจ้า และโปรดให้มีสันติสุขอยู่ภายในป้อมของเจ้า"

8 เพื่อเห็นแก่พี่น้องชายและมิตรสหายทั้งหลายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะพูดว่า "โปรดให้สันติสุขจงมีอยู่ภายในเจ้า" 9 เพื่อเห็นแก่พระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ข้าพเจ้าจะค้นหาความดีสำหรับเจ้า

36

1 ข้าแต่พระองค์ผู้ประทับในบรรดาท้องฟ้าข้าพระองค์เงยหน้าดูพระองค์ 2 ดูเถิด สายตาของบรรดาคนรับใช้มองดูมือนายของคนเหล่านั้น สายตาของบรรดาหญิงรับใช้มองดูมือนายหญิงของพวกนางเช่นไร ดังนั้นสายตาทั้งหลายของพวกเรามองดูพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา จนกว่าพระองค์จะมีเมตตาต่อพวกเราเช่นนั้น

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดเมตตาต่อพวกข้าพระองค์ โปรดเมตตาต่อพวกข้าพระองค์เถิด เพราะพวกข้าพระองค์ทนต่อการหมิ่นประมาทมามากแล้ว 4 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้รับความเย้ยหยันของคนอวดดีและการดูถูกของคนหยิ่งยโสมากเกินพอแล้ว

37

1 "ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงอยู่ฝ่ายพวกเรา" บัดนี้โปรดให้อิสราเอลกล่าวว่า 2 "ถ้าไม่ใช่พระยาห์เวห์ผู้ได้ทรงอยู่ฝ่ายพวกเรา เมื่อคนทั้งหลายได้ตื่นขึ้นต่อต้านพวกเรา 3 เมื่อความโกรธของคนเหล่านั้นได้ที่คุกรุ่นขึ้นต่อพวกเรา คนเหล่านั้นก็จะกลืนพวกเราเสียทั้งเป็น

4 สายน้ำไหลท่วมท้นพวกเรา แล้วน้ำนั้นก็คงกวาดพวกเราไป 5 แล้วน้ำที่เชี่ยวกรากจะได้ทำให้พวกเราจมน้ำตาย"

6 จงยกย่องแด่พระยาห์เวห์ ผู้ไม่ได้ทรงยอมให้พวกเราถูกฉีกด้วยฟันของคนเหล่านั้น 7 พวกเราได้หนีรอดไปได้เหมือนอย่างนกพ้นจากกับดักของบรรดาพรานนก กับดักนั้นก็ได้หัก และพวกเราได้หนีรอดไปได้

8 ความอุปถัมภ์ของพวกเราอยู่ในพระยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน

38

1 พวกผู้ที่พึ่งพาในพระยาห์เวห์ก็เหมือนภูเขาศิโยน ซึ่งไม่หวั่นไหว แต่ยืนยงยังคงอยู่ตลอดไป 2 ภูเขาล้อมรอบกรุงเยรูซาเล็มเช่นไร พระยาห์เวห์ทรงอยู่รอบประชาชนของพระองค์ ตั้งแต่บัดนี้ตลอดไปเช่นนั้น 3 คทาของความชั่วร้ายต้องไม่ปกครองในแผ่นดินของคนเที่ยงธรรม มิฉะนั้นแล้วคนเที่ยงธรรมอาจจะทำสิ่งที่ผิด

4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทำการดีต่อคนดี และต่อคนที่ดวงใจของคนเหล่านั้นมีความเที่ยงตรง 5 แต่สำหรับผู้ที่หันเข้าหาทางคดโกงของคนเหล่านั้น พระยาห์เวห์จะทรงพาคนเหล่านั้นไปพร้อมกับผู้ทำความชั่วทั้งหลาย ขอสันติสุขจงมีอยู่ในอิสราเอล

39

1 เมื่อพระยาห์เวห์ได้ทรงรื้อฟื้นศิโยนกลับสู่สภาพดี พวกเราก็เป็นเหมือนคนเหล่านั้นที่ฝันไป

2 แล้วปากทั้งหลายของพวกเราก็ได้หัวเราะเต็มที่ และลิ้นทั้งหลายของพวกเราได้ร้องเพลง แล้วคนเหล่านั้นได้พูดกันท่ามกลางบรรดาประชาชาติทั้งหลายว่า "พระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำการอันยิ่งใหญ่ให้คนเหล่านั้น" 3 พระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำการอันยิ่งใหญ่ให้พวกเรา พวกเราช่างมีความชื่นบานเหลือเกิน

4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดรื้อฟื้นให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับสู่สภาพดี อย่างธารน้ำไหลในเนเกบ 5 บรรดาคนเหล่านั้นที่หว่านด้วยน้ำตาจะได้เก็บเกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องแห่งความชื่นบาน 6 ผู้ที่ร้องไห้ออกไป โดยหอบเมล็ดพืชเพื่อจะหว่าน จะกลับบ้านด้วยเสียงโห่ร้องแห่งความชื่นบาน โดยหอบบรรดาฟ่อนข้าวมาพร้อมกับเขาด้วย

40

1 ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงสร้างบ้าน พวกคนที่สร้างก็เปล่าประโยชน์ ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงพิทักษ์เมือง คนยามที่เฝ้ายามก็เปล่าประโยชน์ 2 เป็นการเปล่าประโยชน์ ที่ท่านตื่นขึ้นแต่เช้า แล้วกลับบ้านจนดึกดื่น หรือกินอาหารที่ได้จากทำงานหนัก เพราะพระยาห์เวห์จะทรงมอบแก่ผู้ที่พระองค์ทรงรักขณะที่คนเหล่านั้นหลับ

3 บุตรทั้งหลายเป็นสมบัติจากพระยาห์เวห์ และผลิตผลของครรภ์ก็เป็นรางวัลจากพระองค์ 4 บุตรทั้งหลายที่เกิดเมื่อบิดายังหนุ่ม ก็เหมือนบรรดาลูกธนูในมือนักรบ 5 ชายใดมีลูกธนูเต็มแล่งก็เป็นสุข เขาจะไม่ต้องละอายเมื่อเขาเผชิญหน้ากับบรรดาศัตรูของเขาที่ประตูเมือง

41

1 ทุกคนที่ถวายพระเกียรติพระยาห์เวห์ก็เป็นสุข คือผู้ที่เดินในทางของพระองค์ 2 สิ่งที่มือของท่านได้หามา ท่านก็จะปิติชื่นบาน และท่านจะเป็นสุขและเจริญ

3 ภรรยาของท่านจะเป็นอย่างองุ่นที่มีบุตรมากมายอยู่ภายในบ้านของท่าน บุตรทั้งหลายของท่านจะเป็นเหมือนบรรดาต้นมะกอกทั้งหลาย ขณะที่เขาทั้งหลายนั่งรอบโต๊ะของท่าน 4 ใช่แล้ว แน่นอนคนที่ถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์จะได้รับพระพร 5 ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรท่านจากศิโยน โปรดให้ท่านเห็นความรุ่งเรืองของกรุงเยรูซาเล็ม ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของท่าน 6 โปรดให้ท่านได้มีชีวิตที่จะเห็นลูกหลานของท่าน โปรดให้สันติสุขมีอยู่ในอิสราเอล

42

1 "นับตั้งแต่วัยหนุ่มของข้าพเจ้า คนเหล่านั้นก็ได้รังแกข้าพเจ้า" ให้อิสราเอลกล่าวว่า 2 "นับตั้งแต่วัยหนุ่มของข้าพเจ้า คนเหล่านั้นก็ได้รังแกข้าพเจ้า แต่คนเหล่านั้นก็ยังเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้ 3 คนที่ไถก็ได้ไถบนหลังข้าพเจ้า คนเหล่านั้นได้ฝากรอยไถของคนเหล่านั้นไว้ยาว

4 พระยาห์เวห์ทรงเที่ยงธรรม พระองค์ได้ทรงตัดบรรดาเชือกมัดของคนชั่วออก" 5 โปรดให้ทุกคนที่เกลียดศิโยนต้องได้รับความละอายและได้ถอยกลับไป

6 โปรดให้คนเหล่านั้นเป็นเหมือนหญ้าที่งอกบนหลังคา ซึ่งเหี่ยวแห้งไปก่อนที่มันโตขึ้น 7 ซึ่งคนเก็บเกี่ยวได้ไม่ถึงกำมือ หรือไม่พอที่จะรวบมัดเป็นฟ่อนไว้ที่อกของผู้เกี่ยว 8 โปรดให้คนที่ผ่านไปไม่กล่าวว่า "ขอพระพรของพระยาห์เวห์ทรงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย พวกเราขอให้พรในพระนามของพระยาห์เวห์แก่พวกท่าน"

43

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อีกนานเท่าใดที่พระองค์จะทรงเอาแต่ลืมข้าพระองค์? อีกนานเท่าใดที่พระองค์จะซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์? 2 อีกนานเท่าใดที่ข้าพระองค์ต้องกังวลและมีความเศร้าโศกในใจตลอดทั้งวัน? อีกนานเท่าใดที่ศัตรูของข้าพระองค์มีชัยเหนือข้าพระองค์

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงทอดพระเนตรข้าพระองค์และทรงตอบข้าพระองค์ โปรดประทานแสงสว่างแก่ดวงตาของข้าพระองค์ เกรงว่าข้าพระองค์จะหลับใหลอยู่ในความตาย 4 ขออย่าปล่อยให้ศัตรูของข้าพระองค์กล่าวว่า "ข้าได้ชนะเขาแล้ว" เพื่อศัตรูของข้าพระองค์จะไม่พูดว่า "ข้าได้มีชัยเหนือศัตรูของข้าแล้ว" มิฉะนั้น ศัตรูของข้าพระองค์จะลิงโลดเมื่อข้าพระองค์ล้มลง

5 แต่ข้าพระองค์ได้ไว้วางใจในความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ จิตใจของข้าพระองค์ชื่นชมยินดีในความรอดของพระองค์ 6 ข้าพระองค์จะร้องเพลงแด่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงดูแลข้าพระองค์ด้วยพระทัยกว้างขวาง

44

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ จากที่ลึก ข้าพระองค์ขอพระองค์ 2 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังเสียงของข้าพระองค์ ขอเงี่ยพระกรรณของพระองค์ ฟังเสียงอธิษฐานขอความเมตตาของข้าพระองค์

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ถ้าพระองค์จะทรงจดความชั่วไว้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ใครล่ะจะยืนอยู่ได้? 4 แต่พระองค์ทรงมีการอภัยโทษบาป เพื่อคนจะเคารพพระองค์

5 ข้าพระองค์รอคอยพระยาห์เวห์ จิตใจของข้าพระองค์รอคอยอยู่ และข้าพระองค์หวังในพระวจนะของพระองค์ 6 จิตใจของข้าพระองค์รอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า ยิ่งกว่าคนยามรอคอยเวลารุ่งเช้า

7 อิสราเอลเอ๋ย จงมีความหวังในพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ทรงพระกรุณาและพระองค์ทรงเต็มใจอย่างยิ่งที่จะยกโทษให้ 8 พระองค์คือผู้ที่จะทรงไถ่อิสราเอลออกจากบาปทั้งหมดของเขา

45

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ จิตใจของข้าพระองค์ไม่ได้อวดตัว และตาของข้าพระองค์ไม่ได้ยโส ข้าพระองค์ไม่ได้มีความหวังที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเองหรือกังวลในสิ่งต่างๆ ที่เกินตัวของข้าพระองค์

2 แท้จริงข้าพระองค์ได้ทำให้จิตวิญญาณของข้าพระองค์สงบและนิ่ง เหมือนเด็กหย่านมจากแม่ของเขา จิตวิญญาณของข้าพระองค์ภายในตัวข้าพระองค์เหมือนอย่างเด็กที่หย่านมแล้ว 3 อิสราเอลเอ๋ย จงมีความหวังในพระยาห์เวห์เถิด ตั้งแต่บัดนี้และตลอดไป

46

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดคิดถึงดาวิด และความลำบากทั้งมวลของพระองค์เถิด 2 โปรดคิดถึงที่พระองค์ทรงปฏิญาณต่อพระยาห์เวห์ไว้ ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับองค์ผู้ทรงฤทธิ์ของยาโคบ

3 พระองค์ทรงปฏิญาณว่า "ข้าพระองค์จะไม่เข้าไปในบ้าน หรือเข้าไปในที่นอนของข้าพเจ้า 4 ข้าพระองค์จะไม่ให้สายตาของข้าพระองค์หลับ หรือให้เปลือกตาของข้าพระองค์ได้พัก 5 จนกว่าข้าพระองค์จะหาสถานที่สำหรับพระยาห์เวห์ได้ คือพลับพลาขององค์ผู้ทรงฤทธิ์ของยาโคบ"

6 ดูเถิด พวกข้าพระองค์ได้ยินเรื่องนี้ในเมืองเอฟราธาห์ พวกข้าพระองค์ได้พบสิ่งนี้ในบรรดาที่ทุ่งนาของยาอาร์ 7 พวกข้าพระองค์จะไปยังพลับพลาของพระเจ้า พวกข้าพระองค์จะได้นมัสการที่แท่นรองพระบาทของพระองค์ 8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตื่นขึ้นเสด็จไปยังที่ประทับของพระองค์ ทั้งพระองค์และหีบแห่งฤทธิ์อำนาจของพระองค์

9 โปรดให้ปุโรหิตของพระองค์สวมความสัตย์ซื่อ และให้ผู้จงรักภักดีของพระองค์โห่ร้องด้วยความชื่นบาน 10 เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ ขออย่าเบือนพระพักตร์หนีจากกษัตริย์ที่ได้รับการทรงเจิมของพระองค์

11 พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณกับดาวิด อันเป็นความจริงซึ่งพระองค์จะไม่ทรงคืนคำว่า "เราจะตั้งคนหนึ่งในเชื้อสายของเจ้าไว้บนบัลลังก์ของเจ้า 12 ถ้าบุตรชายทั้งหลายของเจ้าทำตามพันธสัญญา และพระโอวาทซึ่งเราจะสอนคนเหล่านั้นแล้วบุตรทั้งหลายของคนเหล่านั้น จะนั่งบนบัลลังก์ของเจ้าตลอดไป"

13 แน่ทีเดียว พระยาห์เวห์ได้ทรงเลือกศิโยน พระองค์ได้มีพระประสงค์จะให้เป็นที่ประทับของพระองค์ 14 "นี่เป็นที่พักของเราตลอดไป เราจะอยู่ที่นี่ เพราะเราประสงค์เช่นนั้น

15 เราจะอวยพรแก่เสบียงของเมืองนี้อย่างอุดมสมบูรณ์ เราจะให้คนจนของเมืองนี้อิ่มหนำอาหาร 16 เราจะสวมความรอดแก่ปุโรหิตของเมืองนี้ ผู้จงรักภักดีของเมืองนี้จะร้องเสียงดังด้วยความชื่นบาน

17 ที่นั่นเราจะทำเขาอันหนึ่งงอกขึ้นมาสำหรับดาวิด และตั้งตะเกียงดวงหนึ่งสำหรับผู้ที่เราได้เจิมไว้ของเรา 18 เราจะสวมความอายแก่ศัตรูของเขา แต่เราจะสวมพระองค์ด้วยมงกุฎซึ่งจะเปล่งประกาย"

47

1 ดูเถิด เป็นสิ่งดีและน่าพึงพอใจมากเพียงใดที่พี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกัน

2 ดุจดังน้ำมันอย่างดีอยู่บนศีรษะไหลลงมาบนหนวดเครา คือบนหนวดเคราของอาโรน และแล้วก็ไหลลงมาบนคอเสื้อคลุมของท่าน 3 ดุจดังน้ำค้างแห่งภูเขาเฮอร์โมน ซึ่งตกลงมาบนเทือกเขาศิโยน เพราะว่าที่นั่นพระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาพระพร คือชีวิตยืนยาวตลอดไป

48

1 มาเถิด มาถวายสดุดีแด่พระยาห์เวห์ ท่านผู้รับใช้ทั้งหมดของพระยาห์เวห์ ท่านทั้งหลายผู้ซึ่งรับใช้ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ในเวลากลางคืน 2 จงยกมือของพวกท่านขึ้นไปยังสถานบริสุทธิ์ และถวายสดุดีแด่พระยาห์เวห์

3 ขอพระยาห์เวห์ได้ทรงอวยพระพรท่านจากศิโยน พระองค์ผู้ซึ่งได้ทรงสร้างท้องฟ้าและแผ่นดินโลก

49

1 จงยกย่องพระยาห์เวห์ จงยกย่องพระนามของพระยาห์เวห์ จงยกย่องพระองค์เถิด ท่านบรรดาผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์เอ๋ย 2 ท่านทั้งหลายผู้ที่ยืนอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ในลานแห่งพระนิเวศของพระเจ้าของพวกเรา

3 จงยกย่องพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ดีเลิศ จงร้องเพลงยกย่องพระนามของพระองค์ เพราะเป็นเรื่องที่น่าชื่นบานที่จะทำเช่นนั้น 4 พระยาห์เวห์นั้นได้ทรงเลือกยาโคบไว้เพื่อพระองค์เอง และทรงเลือกอิสราเอลเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

5 ข้าพระองค์เองทราบว่าพระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่ รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงเหนือกว่าบรรดาพระทั้งมวล 6 พระยาห์เวห์ทรงพอพระทัยสิ่งใด พระองค์ก็ทรงทำสิ่งนั้น ในท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ในทะเลและที่ลึกของมหาสมุทรทั้งมวล

7 พระองค์ทรงทำให้เมฆลอยขึ้นมาจากที่ไกลๆ ทรงทำให้ฟ้าแลบพุ่งเข้ามาพร้อมกับฝนและนำลมออกจากคลังของพระองค์

8 พระองค์ทรงสังหารลูกหัวปีของอียิปต์ ทั้งของคนและของสัตว์ 9 พระองค์ทรงส่งหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่าง ๆ มาท่ามกลางเจ้า อียิปต์เอ๋ย เพื่อต่อต้านฟาโรห์และข้าราชบริพารทั้งมวลของเขา

10 พระองค์ได้ทรงโจมตีบรรดาประชาชาติเป็นอันมาก และทรงสังหารบรรดากษัตริย์ผู้มีอำนาจ 11 คือสิโหน กษัตริย์ของคนอาโมไรต์ และโอก กษัตริย์แห่งบาชาน อีกทั้งราชอาณาจักรทั้งมวลแห่งคานาอัน

12 พระองค์ได้ทรงมอบแผ่นดินของเขาทั้งหลายให้เป็นมรดกของพวกเรา เป็นมรดกแก่อิสราเอลประชาชนของพระองค์ 13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระนามของพระองค์คงยังคงอยู่ตลอดไป ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเกียรติคุณของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ

14 เพราะพระยาห์เวห์ทรงปกป้องประชาชนของพระองค์และทรงเมตตาต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ 15 บรรดารูปเคารพของประชาชาติเป็นเงินและทองคำเป็นผลงานของฝีมือมนุษย์ทั้งหลาย 16 รูปเคารพเหล่านั้นมีปาก แต่พวกมันพูดไม่ได้ พวกมันมีตา แต่พวกมันดูไม่ได้ 17 พวกมันมีหู แต่พวกมันฟังไม่ได้ ทั้งไม่มีลมหายใจในปากของรูปเคารพเหล่านั้น 18 ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น เช่นเดียวกับทุกคนที่พึ่งพาในรูปเหล่านั้น

19 ลูกหลานอิสราเอลเอ๋ย จงยกย่องพระยาห์เวห์ ลูกหลานอาโรนเอ๋ย จงยกย่องพระยาห์เวห์ 20 ลูกหลานเลวีเอ๋ย จงยกย่องพระยาห์เวห์ เจ้าผู้ถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์เอ๋ย จงยกย่องแด่พระยาห์เวห์ 21 จงยกย่องพระยาห์เวห์ในศิโยน คือพระองค์ผู้ทรงพำนักอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

50

1 โอ จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงดีเลิศ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 2 โอ จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงอยู่เหนือพระทั้งหลาย เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 3 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือบรรดาเจ้านาย เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

4 จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงทำการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ทั้งหลายแต่ผู้เดียว เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 5 จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงสร้างท้องฟ้า ด้วยความเข้าใจ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

6 จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงคลี่แผ่นดินโลกออกเหนือน้ำทั้งหลาย เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 7 จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงสร้างบรรดาดวงสว่างขนาดใหญ่ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

8 จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงสร้างพระอาทิตย์ให้ครองกลางวัน เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 9 จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงสร้างพระจันทร์และดวงดาวทั้งหลายให้ครองกลางคืน เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

10 จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงสังหารบรรดาลูกหัวปีของอียิปต์ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 11 และทรงนำอิสราเอลออกมาจากท่ามกลางคนอียิปต์ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 12 ด้วยพระหัตถ์เข้มแข็งและพระกรที่ยกชูขึ้น เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

13 จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ได้ทรงแยกทะเลแห่งต้นกก เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 14 และทรงทำให้อิสราเอลข้ามไปท่ามกลางทะเลนั้น เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 15 แต่ทรงล้มฟาโรห์และกองทัพของพระองค์ลงในทะเลแห่งต้นกก เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

16 จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงนำประชาชนของพระองค์ข้ามถิ่นทุรกันดาร เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 17 ผู้ทรงสังหารกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

18 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงประหารบรรดาพระกษัตริย์ผู้เลื่องชื่อ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 19 สิโหน กษัตริย์ของคนอาโมไรต์ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 20 และโอก กษัตริย์แห่งบาชาน เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

21 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงมอบแผ่นดินของคนเหล่านั้นให้เป็นมรดก เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 22 ให้เป็นมรดกแก่อิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 23 พระองค์ทรงคิดถึงและช่วยเราผู้อยู่ในฐานะต้อยต่ำ เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

24 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากศัตรูทั้งหลาย เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 25 พระองค์ทรงมอบอาหารแก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป 26 โอ จงขอบพระคุณพระเจ้าแห่งท้องฟ้า เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป

51

1 ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำแห่งบาบิโลนพวกเราได้นั่งลงและร้องไห้เมื่อพวกเราคิดถึงศิโยน 2 ที่ต้นหลิวทั้งหลาย ที่นั่นพวกเราได้แขวนพิณเขาคู่ของพวกเรา

3 ที่นั่นผู้ที่จับพวกเราเป็นเชลยได้เรียกให้พวกเราร้องเพลง และผู้ที่ได้เย้ยหยันพวกเรา ต้องการให้พวกเราสนุกสนาน กล่าวว่า "จงร้องเพลงศิโยนสักบทหนึ่งให้พวกเราฟัง" 4 พวกเราจะร้องเพลงของพระยาห์เวห์ที่ในแผ่นดินคนต่างชาติได้อย่างไร?

5 กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย ถ้าข้าละเลยความทรงจำของเจ้า ก็โปรดให้มือขวาของข้าลืมฝีมือของเจ้า 6 โปรดให้ลิ้นของข้าเกาะติดเพดานปากของข้า ถ้าข้าไม่คิดถึงเจ้าอีกต่อไป ถ้าข้าไม่ได้รักกรุงเยรูซาเล็มไปมากกว่าความชื่นบานสูงสุดของข้า

7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดคิดถึงสิ่งที่พวกคนเอโดมทำในวันที่กรุงเยรูซาเล็มแตก คนเหล่านั้นได้พูดว่า "จงทลายมันลง จงทลายมันลง จนถึงฐานรากของมันเลย"

8 ธิดาแห่งบาบิโลนเอ๋ย เจ้าจะต้องถูกทำลายในเร็ววัน ให้ผู้นั้นเป็นสุข คือผู้ซึ่งได้ตอบแทนเจ้าให้สมควรกับสิ่งที่เจ้าได้ทำกับข้า 9 ให้ผู้นั้นเป็นสุข คือผู้ที่เอาและเหวี่ยงลูกเล็กของเจ้ากระแทกลงกับก้อนหิน

52

1 ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ด้วยสุดหัวใจของข้าพระองค์ ต่อหน้าพระทั้งหลาย ข้าพระองค์จะร้องเพลงยกย่องพระองค์ 2 ข้าพระองค์จะกราบลงยังพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ และจะขอบพระคุณพระนามของพระองค์เพราะความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์และ ความน่าไว้พึ่งพาได้ของพระองค์ พระองค์ได้ทรงเชิดชูถ้อยคำและพระนามของพระองค์สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดๆ

3 ในวันที่ข้าพระองค์ได้ขอพระองค์ พระองค์ได้ทรงตอบข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงให้จิตวิญญาณของข้าพระองค์กล้าหาญและเข้มแข็ง 4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ กษัตริย์ทั้งมวลแห่งแผ่นดินโลกจะทรงขอบพระคุณพระองค์ เพราะบรรดากษัตริย์เหล่านั้นจะได้ยินถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระองค์

5 แท้จริงแล้ว ท่านเหล่านั้นจะทรงร้องเพลงถึงบรรดาพระราชกิจของพระยาห์เวห์ เพราะพระสิริของพระยาห์เวห์นั้นใหญ่ยิ่ง 6 เพราะพระยาห์เวห์แม้สูงส่ง พระองค์ก็ยังทรงดูแลคนต้อยต่ำ แต่คนหยิ่งยโสพระองค์ทรงรู้จักจากที่ไกลๆ

7 แม้ข้าพระองค์เดินอยู่กลางอันตราย พระองค์จะทรงรักษาชีวิตข้าพระองค์ไว้ พระองค์จะยื่นพระหัตถ์ออกต่อต้าน ความโกรธของศัตรูทั้งหลายของข้าพระองค์ และพระหัตถ์ขวาของพระองค์ก็จะทรงช่วยชีวิตข้าพระองค์ 8 พระยาห์เวห์ทรงสถิตอยู่กับข้าพระองค์จนถึงที่สุด ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ยังคงอยู่ตลอดไป ขออย่าทรงทิ้งผู้ที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์นั้นเลย

53

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงทดสอบข้าพระองค์ และพระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ 2 พระองค์ทรงทราบเมื่อข้าพระองค์นั่งลงและเมื่อข้าพระองค์ลุกขึ้น พระองค์ทรงเข้าใจความคิดของข้าพระองค์ได้ที่ไกลๆ

3 พระองค์ทรงสังเกตทางเดินของข้าพระองค์ และการนอนของข้าพระองค์ พระองค์ทรงคุ้นเคยกับทางทั้งหมดของข้าพระองค์ 4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะก่อนที่จะมีคำพูดออกมา พระองค์ก็ได้ทรงรู้หมดแล้ว 5 พระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์อยู่ทั้งข้างหลังและข้างหน้า และทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์บนข้าพระองค์ 6 ความรอบรู้อย่างนี้มากเกินไปสำหรับข้าพระองค์ สูงเกินไปและข้าพระองค์ไม่อาจเข้าถึง

7 ข้าพระองค์จะหนีจากพระวิญญาณของพระองค์ไปที่ไหน? ที่ไหนที่ข้าพระองค์จะหนีจากพระพักตร์ของพระองค์ได้เล่า? 8 ถ้าข้าพระองค์ขึ้นไปยังท้องฟ้า พระองค์ก็สถิตที่นั่น ถ้าข้าพระองค์จะนอนในแดนมรณา ดูเถิด พระองค์ก็ทรงอยู่ที่นั่น

9 ถ้าข้าพระองค์จะบินหนีด้วยปีกของรุ่งอรุณและไปอาศัยอยู่ในส่วนของสุดขอบของฟากทะเลโพ้น 10 แม้ที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์จะทรงจูงข้าพระองค์ และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะยึดข้าพระองค์ไว้

11 ถ้าข้าพระองค์ได้พูดว่า "แน่ทีเดียวความมืดจะบังข้าไว้ และความสว่างรอบข้าจะเป็นกลางคืน" 12 แม้ความมืดก็ไม่มืดสำหรับพระองค์ กลางคืนก็สว่างอย่างกลางวัน เพราะทั้งความมืดและความสว่างเป็นเหมือนกันสำหรับพระองค์

13 พระองค์ได้ทรงสร้างอวัยวะภายในข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงปั้นข้าพระองค์เข้าด้วยกันในครรภ์มารดาของข้าพระองค์ 14 ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างข้าพระองค์อย่างอัศจรรย์ จิตวิญญาณของข้าพระองค์ทราบเรื่องนี้ดี

15 กระดูกของข้าพระองค์ไม่ได้ถูกหลบซ่อนไว้จากพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ได้ถูกสร้างอยู่ในที่รโหฐาน เมื่อข้าพระองค์ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาภายในที่ลึกแห่งโลก 16 พระองค์ทรงทอดพระเนตรข้าพระองค์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ วันทั้งมวลที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้นถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระองค์ ก่อนที่จะมีคนแรกได้เกิดขึ้น

17 ข้าแต่พระเจ้า พระดำริของพระองค์สำหรับข้าพระองค์นั้นล้ำค่ายิ่ง รวมกันเข้าก็มากมาย 18 ถ้าข้าพระองค์จะพยายามนับสิ่งนั้น พวกมันก็มากกว่าเม็ดทราย เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์ก็ยังคงอยู่กับพระองค์

19 ข้าแต่พระเจ้า ถ้าเพียงแต่พระองค์จะทรงสังหารคนชั่วร้ายเสีย เจ้าคนโหดร้ายทั้งหลาย จงไปให้พ้นจากข้า 20 คนเหล่านั้นกบฏต่อพระองค์และกระทำโดยการหลอกลวง พวกศัตรูของพระองค์พูดโกหก

21 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ไม่ได้เกลียดคนเหล่านั้นที่เกลียดชังพระองค์หรือ? ข้าพระองค์ไม่ได้อาฆาตแค้นคนเหล่านั้นที่ตื่นขึ้นต่อต้านพระองค์หรือ? 22 ข้าพระองค์เกลียดคนเหล่านั้นอย่างสุดขีด คนเหล่านั้นกลายเป็นศัตรูของข้าพระองค์

23 ข้าแต่พระเจ้า โปรดตรวจค้นข้าพระองค์และทรงรู้จักจิตใจของข้าพระองค์เถิด โปรดทดสอบข้าพระองค์ และทรงทราบความคิดของข้าพระองค์เถิด 24 ดูว่ามีทางชั่วใดๆ ในข้าพระองค์และที่จะนำข้าพระองค์ไปในทางนิรันดร์

54

1 คนโง่รำพึงในใจของเขาว่า "ไม่มีพระเจ้า" พวกเขาก็เสื่อมทรามและได้ทำความผิดที่น่าเกลียดน่าชัง ไม่มีใครทำดีเลย

2 พระยาห์เวห์ทรงทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์ดูบรรดาบุตรของมนุษย์ทั้งหลาย เพื่อดูว่ามีใครที่เข้าใจบ้าง มีใครที่แสวงหาพระองค์บ้าง 3 พวกเขาทั้งปวงต่างหันหนีไปกันหมด พวกเขาก็เสื่อมทรามลงพร้อมกัน ไม่มีใครทำดี ไม่มีเลย แม้สักคนเดียว

4 พวกเขาไม่รู้อะไรกันบ้างหรือ บรรดาคนที่ทำความผิดบาป บรรดาคนที่เขมือบประชากรของเราดั่งพวกเขากินอาหาร แต่พวกเขาไม่ได้ร้องทูลพระยาห์เวห์?

5 พวกเขาตัวสั่นด้วยความกลัว เพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับที่ชุมนุมของคนชอบธรรม 6 พวกเจ้าต้องการทำให้คนยากจนขายหน้าแม้ว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของเขา

7 โอ ความรอดของอิสราเอลจะมาจากศิโยน เมื่อพระยาห์เวห์ทรงนำประชากรของพระองค์กลับจากการเป็นเชลย แล้วยาโคบก็จะเปรมปรีดิ์และอิสราเอลจะยินดี

55

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดช่วยชีวิตข้าพระองค์จากคนชั่วร้าย โปรดปกป้องข้าพระองค์ไว้จากคนชั่ว 2 คนเหล่านั้นวางแผนร้ายอยู่ในใจ คนเหล่านั้นทำให้เกิดสงครามทุกวัน 3 ลิ้นของคนเหล่านั้นทำให้บาดเจ็บได้เหมือนงู พิษของงูพิษอยู่ในริมฝีปากของคนเหล่านั้น เสลาห์

4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดคุ้มครองข้าพระองค์ให้พ้นจากมือของคนชั่วร้าย โปรดปกป้องข้าพระองค์ไว้จากคนชั่ว ผู้คิดแผนการจะให้ข้าพระองค์ล้มลง 5 คนหยิ่งยโสได้วางกับดักสำหรับข้าพระองค์ คนเหล่านั้นได้คลี่ตาข่าย คนเหล่านั้นได้วางบ่วงแร้วดักข้าพระองค์ เสลาห์

6 ข้าพระองค์ได้ทูลพระยาห์เวห์ว่า "พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ โปรดสดับฟังเสียงอธิษฐานขอความเมตตาของข้าพระองค์" 7 ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมีอำนาจสามารถช่วยข้าพระองค์ให้รอดได้ พระองค์ได้ทรงเป็นโล่กำบังศีรษะข้าพระองค์ไว้ในยามสงคราม 8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงให้คนชั่วร้ายสมประสงค์ ขออย่าทรงให้แผนร้ายของคนเหล่านั้นสำเร็จ เสลาห์

9 ผู้ที่ล้อมข้าพระองค์นั้นได้ยกศีรษะของคนเหล่านั้นขึ้น ขอปล่อยให้ความชั่วร้ายของริมฝีปากของคนเหล่านั้นเองปกคลุมคนเหล่านั้น 10 โปรดให้ถ่านที่ลุกโพลงตกบนคนเหล่านั้น จงโยนคนเหล่านั้นลงในไฟ ลงในบ่อลึกจนขึ้นมาไม่ได้อีกเลย 11 ขออย่าให้ลิ้นของคนที่ใส่ร้ายอยู่อย่างมั่นคงในแผ่นดิน โปรดให้ความเลวร้ายไล่ล่าคนชั่วเพื่อทำให้คนเหล่านั้นได้ตายไปเสีย

12 ข้าพระองค์ทราบว่า พระยาห์เวห์จะทรงตัดสินด้วยความโปรดปรานแก่คนเข็ญใจและพระองค์จะทรงให้ความชอบธรรมแก่คนขัดสน 13 แน่ทีเดียวที่คนเที่ยงธรรมจะขอบพระคุณพระนามของพระองค์ คนซื่อตรงจะคงอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์

56

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ โปรดรีบเข้ามาหาข้าพระองค์ด้วยเถิด โปรดฟังเสียงของข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ 2 โปรดให้คำอธิษฐานของข้าพระองค์เป็นเหมือนเครื่องหอม เฉพาะพระพักตร์พระองค์ โปรดให้มือที่ยกชูขึ้นของข้าพระองค์เป็นเสมือนเครื่องถวายบูชาเวลาเย็น

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์ โปรดเฝ้าระวังประตูริมฝีปากของข้าพระองค์ 4 อย่าให้ใจของข้าพระองค์ประสงค์สิ่งชั่วใดๆ หรือร่วมในกิจกรรมแห่งความบาปกับคนผู้ซึ่งกระทำสิ่งชั่วร้าย และขออย่าให้ข้าพระองค์กินของโอชะใดๆ ของคนเหล่านั้น

5 โปรดให้คนเที่ยงธรรมตีข้าพระองค์ และเมตตาต่อข้าพระองค์ โปรดให้เขาปรับปรุงข้าพระองค์ เหมือนน้ำมันบนศีรษะของข้าพระองค์ ขออย่าให้ศีรษะของข้าพระองค์ปฏิเสธที่จะยอมรับสิ่งนั้น แต่โปรดให้คำอธิษฐานของข้าพระองค์ต่อต้านการกระทำชั่วต่างๆ ของคนเหล่านั้นเสมอ 6 บรรดาผู้นำของคนเหล่านั้นจะถูกโยนลงมาจากยอดหน้าผาสูง คนเหล่านั้นจะได้ยินถ้อยคำของข้าพระองค์ว่าเป็นถ้อยคำน่ารื่นรมย์ 7 คนเหล่านั้นจะต้องพูดว่า "เหมือนกับเมื่อคนไถและทำให้ดินแตกเช่นไร ดังนั้นกระดูกของพวกเราก็ได้กระจายที่ปากแดนมรณาเช่นนั้น"

8 แน่ทีเดียว สายตาของข้าพระองค์เพ่งไปยังพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ ขออย่าทรงให้ดวงวิญญาณของข้าพระองค์ปราศจากเครื่องป้องกัน 9 โปรดปกป้องข้าพระองค์จากบ่วงแร้วที่คนเหล่านั้นวางดักข้าพระองค์ไว้ และจากกับดักของผู้ทำความชั่ว 10 โปรดให้คนชั่วร้ายตกไปในตาข่ายของคนเหล่านั้นเอง ขณะที่ข้าพระองค์หนีไปได้

57

1 ด้วยเสียงของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอขอความอุปถัมภ์จากพระยาห์เวห์ด้วยเสียงของข้าพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานขอพระกรุณาจากพระยาห์เวห์ 2 ข้าพระองค์ระบายความทุกข์ของข้าพระองค์ต่อพระพักตร์พระองค์ ข้าพระองค์ทูลเรื่องความลำบากของข้าพระองค์ต่อพระองค์

3 เมื่อวิญญาณภายในของข้าพระองค์อ่อนล้า พระองค์ทรงรู้จักทางของข้าพระองค์ ในวิถีที่ข้าพระองค์เดินไป คนเหล่านั้นได้ซ่อนกับดักสำหรับข้าพระองค์ไว้ 4 ข้าพระองค์มองไปทางขวาของข้าพระองค์และเห็นว่าไม่มีใครสนใจข้าพระองค์ ไม่มีทางหนีสำหรับข้าพระองค์ ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับชีวิตของข้าพระองค์ 5 ข้าพระองค์ขอพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้ทูลว่า "พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ เป็นส่วนหนึ่งของข้าพระองค์ในแผ่นดินของคนเป็น

6 โปรดฟังเสียงขอของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์มีฐานะตกต่ำยิ่งนัก โปรดช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากคนเหล่านั้นรังแก เพราะคนเหล่านั้นแข็งแรงเกินกำลังข้าพระองค์ 7 โปรดนำดวงวิญญาณของข้าพระองค์ออกจากที่คุมขัง เพื่อข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระนามของพระองค์ คนเที่ยงธรรมจะล้อมข้าพระองค์ไว้ เพราะพระองค์จะทรงทำแก่ข้าพระองค์อย่างดี"

58

1 โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอสดับคำอธิษฐานของข้าพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม โปรดตอบข้าพระองค์เถิด 2 ขออย่าทรงตัดสินผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะในสายพระเนตรของพระองค์ไม่มีใครเที่ยงธรรมเลย

3 ศัตรูได้ไล่ล่าดวงวิญญาณของข้าพระองค์ เขาได้บดขยี้ชีวิตข้าพระองค์ลงถึงดิน เขาได้ทำให้ข้าพระองค์อยู่ในที่มืด เหมือนคนที่ได้ตายนานแล้ว 4 วิญญาณของข้าพระองค์ได้ถูกครอบงำอยู่ภายในข้าพระองค์ ใจข้าพระองค์ก็สิ้นหวัง

5 ข้าพระองค์คิดถึงสมัยเก่า ข้าพระองค์ใคร่ครวญถึงพระราชกิจทั้งมวลของพระองค์ ข้าพระองค์ตรึกตรองถึงผลสัมฤทธิ์ทั้งหลายของพระองค์ 6 ข้าพระองค์ยกมือขึ้นไปยังพระองค์ ดวงวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์อย่างแผ่นดินที่แห้งผาก เสลาห์

7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตอบข้าพระองค์โดยเร็วเถิด เพราะวิญญาณของข้าพระองค์ฝ่อไปแล้ว ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์ มิฉะนั้นข้าพระองค์จะเป็นเหมือนคนเหล่านั้นที่ลงไปยังหลุมลึก 8 โปรดให้ข้าพระองค์ได้ยินถึงความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ในเวลารุ่งอรุณ เพราะข้าพระองค์พึ่งพาในพระองค์ โปรดสอนข้าพระองค์ถึงทางที่ควรเดิน เพราะข้าพระองค์ยกดวงวิญญาณของข้าพระองค์ต่อพระองค์

9 โปรดช่วยกู้ข้าพระองค์จากศัตรูทั้งหลายของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ในพระองค์ 10 โปรดสอนให้ข้าพระองค์ทำตามพระทัยของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระวิญญาณดีเลิศของพระองค์ ทรงนำข้าพระองค์ไปในดินแดนแห่งความเที่ยงธรรม

11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ โปรดรักษาชีวิตข้าพระองค์ไว้ โดยความเที่ยงธรรมของพระองค์โปรดนำดวงวิญญาณของข้าพระองค์ออกมาจากความยากลำบาก 12 ในความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ โปรดทำลายศัตรูของข้าพระองค์ และโปรดกำจัดศัตรูทั้งมวลของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์

59

1 สดุดีแด่พระยาห์เวห์ ศิลาของข้าพระองค์ ผู้ทรงฝึกฝนมือทั้งหลายของข้าพระองค์ให้ออกรบ และฝึกนิ้วมือทั้งหลายของข้าพระองค์ให้ทำศึก 2 พระองค์ทรงเป็นความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาและทรงเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์ ทรงเป็นหอคอยสูง และทรงเป็นผู้ช่วยกู้ของข้าพระองค์ ทรงเป็นโล่ของข้าพระองค์ และทรงเป็นผู้ซึ่งข้าพระองค์หลบภัย ผู้ทรงปราบชนชาติทั้งหลายให้อยู่ใต้ข้าพระองค์

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ บุตรของมนุษย์เป็นใครล่ะ ซึ่งพระองค์เอาพระทัยเฝ้าดูแลเขา หรือบุตรของบุตรของมนุษย์เป็นใครล่ะที่พระองค์ทรงคิดถึงเขา? 4 มนุษย์เป็นเหมือนลมหายใจ วันเวลาทั้งหลายของเขาเหมือนเงาที่ผ่านไป

5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดโน้มท้องฟ้าลงและเสด็จลงมา โปรดแตะต้องภูเขาทั้งหลายและทำให้มีควันขึ้น 6 โปรดส่งให้สายฟ้าแลบทั้งหลายออกไปและทำให้พวกศัตรูของข้าพระองค์แตกกระจาย โปรดยิงศรของพระองค์ และขับไล่ให้พวกมันสับสนอลหม่าน

7 ขอเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์จากที่สูง โปรดช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากบรรดาน้ำ ให้พ้นจากพวกมือคนต่างชาติ 8 ปากของคนเหล่านั้นพูดมุสา และมือขวาของคนเหล่านั้นไม่ซื่อตรง

9 ข้าพระองค์จะร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะดีดพิณสิบสายยกย่องแด่พระองค์ 10 ผู้ทรงมอบความรอดแก่บรรดากษัตริย์ และผู้ทรงช่วยกู้ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ให้พ้นจากดาบชั่วร้าย 11 โปรดช่วยกู้ข้าพระองค์และปลดปล่อยข้าพระองค์ให้เป็นอิสระจากมือพวกคนต่างชาติ ปากของคนเหล่านั้นพูดมุสา และมือขวาของคนเหล่านั้นไม่ซื่อตรง

12 โปรดให้บรรดาบุตรชายของข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเหมือนต้นไม้โตเต็มขนาดเมื่อคนเหล่านั้นยังหนุ่มๆ อยู่ และโปรดให้บรรดาบุตรหญิงของข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเหมือนเสามุมเอกที่ได้สลักตามแบบราชวัง 13 โปรดให้ยุ้งฉางของข้าพระองค์ทั้งหลายเต็มไปด้วยผลผลิตทุกชนิด และโปรดให้ฝูงแกะของข้าพระองค์ทั้งหลายผลิตออกมาเป็นพันเป็นหมื่นที่ในท้องทุ่งของข้าพระองค์ทั้งหลาย

14 แล้วโปรดให้ฝูงวัวของข้าพระองค์ทั้งหลายมีลูกเล็กมากมาย ไม่มีใครพังเข้ามาในกำแพงของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขออย่าให้มีเชลยและเสียงร้องทุกข์ในถนนหนทางทั้งหลายของข้าพระองค์ 15 คนที่รับพรเช่นนั้นเป็นสุข ความสุขคือคนที่พระเจ้าของเขาคือพระยาห์เวห์

60

1 ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า กษัตริย์ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องแด่พระนามของพระองค์ตลอดไปตลอดไป 2 ทุกๆ วัน ข้าพระองค์จะยกย่องแด่พระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระนามของพระองค์ตลอดไปตลอดไป 3 พระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่ และสมควรจะได้รับการยกย่องอย่างยิ่ง ความใหญ่ยิ่งของพระองค์นั้นไม่อาจจะทราบได้ล่วงหน้า

4 คนรุ่นหนึ่งจะยกย่องพระราชกิจทั้งหลายของพระองค์ ให้คนอีกรุ่นหนึ่งฟัง และจะประกาศบรรดาพระราชกิจอันทรงฤทธิ์อำนาจทั้งหลายของพระองค์ 5 ข้าพระองค์จะตรึกตรองถึงความยิ่งใหญ่ในพระสิริอันรุ่งเรืองของพระองค์ และในพระราชกิจต่างๆ อันมหัศจรรย์ของพระองค์

6 คนเหล่านั้นจะกล่าวถึงฤทธิ์อำนาจแห่งพระราชกิจอันน่ายำเกรงของพระองค์ และข้าพระองค์จะเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ 7 เขาทั้งหลายจะประกาศออกมาถึงคุณความดีอันอุดมของพระองค์ และคนเหล่านั้นจะร้องเพลงถึงความเที่ยงธรรมของพระองค์

8 พระยาห์เวห์ทรงพระกรุณา และทรงพระคุณ ทรงกริ้วช้าและทรงมีความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาอย่างอุดม 9 พระยาห์เวห์ทรงดีต่อคนทุกคน พระกรุณาของพระองค์เป็นพระราชกิจของพระองค์ทั้งหมด

10 พระราชกิจทั้งมวลของพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้จงรักภักดีทั้งหลายของพระองค์จะยกย่องแด่พระองค์ 11 ผู้จงรักภักดีทั้งหลายของพระองค์จะกล่าวถึงพระสิริแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ และคนเหล่านั้นจะเล่าถึงฤทธิ์อำนาจของพระองค์ 12 คนเหล่านั้นจะทำให้บรรดามนุษยชาติทราบถึงพระราชกิจอันทรงฤทธิ์อำนาจ และศักดิ์ศรีอันยอดเยี่ยมแห่งราชอาณาจักรของพระองค์

13 พระราชอาณาจักรของพระองค์เป็นพระราชอาณาจักรนิรันดร์ และการครอบครองของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดทุกชนชาติ

14 พระยาห์เวห์ทรงช่วยเหลือทุกคนที่กำลังจะล้ม และทรงพยุงทุกคนที่โน้มตัวลงให้ตื่นขึ้น 15 สายตาทุกดวงเฝ้าคอยพระองค์ พระองค์ทรงมอบอาหารให้คนเหล่านั้นตรงตามเวลา 16 พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกและทรงให้สรรพสิ่งที่มีชีวิตอิ่มตามความประสงค์

17 พระยาห์เวห์ทรงเที่ยงธรรมในพระมรรคาทั้งมวลของพระองค์ และทรงพระคุณในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ 18 พระยาห์เวห์สถิตใกล้ทุกคนที่ขอพระองค์ คือทุกคนที่ขอพระองค์ด้วยใจจริง 19 พระองค์ทรงมอบตามความประสงค์ของบรรดาผู้ที่ถวายเกียรติพระองค์ พระองค์ทรงฟังเสียงขอของคนเหล่านั้นด้วย และทรงช่วยคนเหล่านั้นให้รอด

20 พระยาห์เวห์ทรงเฝ้าดูแลทุกคนที่รักพระองค์ แต่พระองค์จะทรงทำลายคนชั่วทุกคน 21 ปากของข้าพระองค์จะกล่าวยกย่องพระยาห์เวห์ ขอมนุษยชาติทั้งมวลจงยกย่องแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ตลอดไปตลอดไปเถิด

61

1 จงยกย่องพระยาห์เวห์ ยกย่องพระยาห์เวห์เถิด จิตใจของข้าเอ๋ย 2 ข้าพระองค์จะยกย่องพระยาห์เวห์ ตราบเท่าที่ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ ข้าพระองค์จะร้องเพลงยกย่องพระเจ้าของข้าพระองค์ ขณะที่ข้าพระองค์ยังมีชีวิตอยู่

3 อย่าพึ่งพาในเจ้าเมืองทั้งหลายหรือในมนุษยชาติเพราะในคนเหล่านั้นนั้นไม่มีความรอด 4 เมื่อลมหายใจของเขาหมดไป เขาก็กลับเป็นดิน ในวันเดียวกันนั้นแผนงานของเขาก็หมดไป

5 ผู้ที่เป็นสุขคือคนที่มีพระเจ้าของยาโคบเป็นผู้ช่วย คือผู้ที่ความหวังของเขาอยู่ในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา 6 พระยาห์เวห์ได้ทรงสร้างท้องฟ้าและแผ่นดินโลก ทะเล และทุกสิ่งทั้งหมดซึ่งอยู่ในที่เหล่านั้น พระองค์ทรงรักษาความจริงไว้ตลอดไป

7 พระองค์ทรงกระทำความชอบธรรมเพื่อคนที่ถูกบีบบังคับ และทรงมอบอาหารแก่คนที่หิว พระยาห์เวห์ทรงปล่อยผู้ถูกคุมขังให้เป็นอิสระ 8 พระยาห์เวห์ทรงเบิกตาของคนตาบอด พระยาห์เวห์ทรงพยุงผู้ถูกกดขี่ให้ตื่นขึ้น พระยาห์เวห์ทรงรักพวกคนเที่ยงธรรม

9 พระยาห์เวห์ทรงปกป้องคนต่างชาติในแผ่นดิน พระองค์ทรงค้ำชูเด็กกำพร้าพ่อและหญิงม่าย แต่พระองค์ทรงขัดขวางทางของคนชั่ว 10 พระยาห์เวห์จะทรงครอบครองตลอดไป ศิโยนเอ๋ย พระเจ้าของเจ้าจะทรงครอบครองทุกชนชาติจงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

62

1 จงยกย่องพระยาห์เวห์ เพราะเป็นการดีที่จะร้องเพลงยกย่องพระเจ้าของพวกเรา เป็นการน่ารื่นรมย์และสมควรที่จะยกย่องพระองค์

2 พระยาห์เวห์ทรงสร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นมาใหม่ พระองค์ทรงรวบรวมคนอิสราเอลที่กระจัดกระจายไป 3 พระองค์ทรงรักษาคนที่ใจแตกสลาย และทรงพันแผลให้คนเหล่านั้น

4 พระองค์ทรงนับจำนวนดาวทั้งหลาย พระองค์ทรงตั้งชื่อมันทุกดวง 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราใหญ่ยิ่ง และทรงฤทธานุภาพนัก ความเข้าใจของพระองค์นั้นสุดจะวัดได้

6 พระยาห์เวห์ทรงค้ำชูผู้ถูกรังแก พระองค์ทรงเหวี่ยงคนชั่วลงถึงดิน 7 จงร้องเพลงยกย่องแด่พระยาห์เวห์ด้วยการขอบพระคุณ จงร้องเพลงยกย่องพระเจ้าของพวกเราด้วยพิณ

8 พระองค์ทรงคลุมท้องฟ้าด้วยเมฆ และทรงเตรียมฝนให้แผ่นดินโลก พระองค์ทรงทำให้หญ้างอกบนภูเขาทั้งหลาย 9 พระองค์ทรงมอบอาหารแก่สัตว์ และแก่พวกลูกนกกาเมื่อพวกมันร้อง

10 พระองค์ไม่ได้พอพระทัยในกำลังของม้า พระองค์ไม่ได้ทรงปรีดีในขาอันแข็งแรงของมนุษย์ 11 พระยาห์เวห์ทรงปรีดีในคนที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ ในคนที่หวังในความซื่อตรงแห่งพันธสัญญาของพระองค์

12 จงยกย่องพระยาห์เวห์ เยรูซาเล็มเอ๋ย จงยกย่องพระเจ้าของเจ้าเถิด ศิโยนเอ๋ย 13 เพราะพระองค์ทรงทำให้สลักประตูของเจ้าแข็งแกร่ง พระองค์ทรงอวยพรบุตรทั้งหลายที่อยู่ท่ามกลางเจ้า 14 พระองค์ทรงมอบความมั่งคั่งในเขตแดนของเจ้า ทรงให้เจ้าอิ่มด้วยข้าวสาลีที่ดีที่สุด

15 พระองค์ทรงใช้กฏบัญญัติของพระองค์ไปยังแผ่นดินโลก พระบัญชาของพระองค์วิ่งไปอย่างรวดเร็ว 16 พระองค์ทรงมอบหิมะอย่างปุยขนแกะ พระองค์ทรงโปรยน้ำค้างแข็งอย่างโปรยขี้เถ้า

17 พระองค์ทรงโยนลูกเห็บของพระองค์เหมือนโยนเศษขนมปัง ใครจะอดทนต่อความหนาวของพระองค์ได้? 18 พระองค์ทรงส่งพระบัญชาของพระองค์ออกไปและละลายพวกมัน พระองค์ทรงให้ลมของพระองค์พัดและน้ำก็ไหล

19 พระองค์ได้ทรงสำแดงพระวจนะของพระองค์แก่ยาโคบ บรรดากฎเกณฑ์และกฎหมายแห่งความเที่ยงธรรมของพระองค์แก่อิสราเอล 20 พระองค์ไม่ได้ทรงทำเช่นนี้แก่ประชาชาติอื่นใด และคนเหล่านั้นไม่รู้จักบรรดากฎหมายของพระองค์ จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

63

1 จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด จงยกย่องพระยาห์เวห์ในท้องฟ้า จงยกย่องพระองค์ในที่สูง 2 จงยกย่องพระองค์ บรรดาทูตสวรรค์ทั้งหลายเอ๋ย จงยกย่องพระองค์บรรดากองทัพทั้งมวลของพระองค์

3 จงยกย่องพระองค์เถิด พระอาทิตย์และพระจันทร์ จงยกย่องพระองค์เถิด บรรดาดาวทั้งมวลที่ส่องแสง 4 จงยกย่องพระองค์เถิด ท้องฟ้าที่สูงสุด และน้ำทั้งหลายซึ่งอยู่เหนือท้องฟ้าด้วย

5 จงให้สิ่งเหล่านั้นยกย่องพระนามของพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงบัญชา สิ่งเหล่านั้นก็ได้ถูกสร้างขึ้นมา 6 พระองค์ได้ทรงตั้งสิ่งเหล่านั้นไว้ตลอดไปตลอดไป พระองค์ได้ทรงมอบกฎเกณฑ์ซึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลง

7 จงยกย่องพระยาห์เวห์จากแผ่นดินโลกเถิด เจ้าสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ทั้งหลายและที่มหาสมุทรลึกทั้งปวง 8 ไฟกับลูกเห็บ หิมะกับเหล่าเมฆ ลมพายุทำตามพระบัญชาของพระองค์

9 จงยกย่องพระองค์เถิด บรรดาภูเขาและเนินเขาทั้งมวล บรรดาต้นไม้มีผลและไม้สนสีดาร์ทั้งมวล 10 บรรดาสัตว์ป่าและบรรดาสัตว์ใช้งานทั้งมวล บรรดาสัตว์ที่เลื้อยคลานและบรรดานก

11 จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกและชนชาติทั้งมวล เจ้าเมืองทั้งหลายและผู้ครอบครองทั้งมวลของแผ่นดินโลก 12 ทั้งบรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งหลาย ผู้อาวุโสและเด็ก ๆ

13 จงให้คนทั้งหมดนี้ยกย่องพระนามของพระยาห์เวห์ เพราะพระนามของพระองค์เท่านั้นที่ควรได้รับการยกย่อง และพระสิริของพระองค์ทรงแผ่ออกไปทั่วแผ่นดินโลกและบรรดาท้องฟ้า 14 พระองค์ได้ทรงยกเขาของประชาชนขึ้น เพื่อให้เป็นที่ยกย่องของผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ คือคนอิสราเอลผู้ซึ่งอยู่ใกล้พระองค์ จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

64

1 จงยกย่องพระยาห์เวห์ จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยาห์เวห์ ร้องเพลงยกย่องพระองค์ในที่ชุมนุมของผู้จงรักภักดี

2 จงให้อิสราเอลชื่นบานในผู้สร้างของคนเหล่านั้น ให้ประชาชนของศิโยนเปรมปรีดิ์ในกษัตริย์ของคนเหล่านั้น 3 จงให้คนเหล่านั้นยกย่องพระนามของพระองค์ด้วยการเต้นรำ จงให้คนเหล่านั้นร้องเพลงยกย่องพระองค์ด้วยรำมะนาและพิณ

4 เพราะพระยาห์เวห์ทรงปรีดีในประชาชนของพระองค์ พระองค์ยกย่องคนที่ถ่อมใจด้วยความรอด 5 จงให้ผู้เที่ยงธรรมชื่นบานในชัยชนะนี้ จงให้คนเหล่านั้นร้องเพลงด้วยความชื่นบานบนที่นอนของคนเหล่านั้น

6 จงให้การยกย่องพระเจ้าอยู่ในปากของคนเหล่านั้น และให้ดาบสองคม อยู่ในมือของคนเหล่านั้น 7 เพื่อทำการตอบสนองต่อบรรดาประชาชาติ และทำการลงโทษชนชาติทั้งหลาย

8 คนเหล่านั้นจะเอาพวกโซ่ล่ามบรรดากษัตริย์ของคนเหล่านั้น และเอาพวกตรวนเหล็กสวมบรรดาขุนนางของคนเหล่านั้น 9 คนเหล่านั้นจะทำแก่เขาทั้งหลายตามคำตัดสินที่บันทึกไว้แล้ว นี่จะเป็นเกียรติแก่ผู้จงรักภักดีทั้งมวลของพระองค์ จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

65

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ใดเล่าจะอาศัยอยู่ในพลับพลาของพระองค์ได้? ผู้ใดเล่าจะอาศัยอยู่บนเนินเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์ได้? 2 คือผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างไม่มีที่ติ ทำสิ่งที่ถูกต้องและพูดความจริงจากใจของเขา

3 เขาไม่ใส่ร้ายคนอื่นด้วยลิ้นของเขา เขาไม่ทำร้ายคนอื่น และเขาไม่ดูหมิ่นเพื่อนบ้านของเขา

4 คนที่ไร้ค่าเป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของเขา แต่เขาให้เกียรติแก่บรรดาคนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ เขาสาบานโดยยอมให้ตนเองเสียเปรียบและไม่กลับคำสัญญาทั้งหลายของเขา 5 เขาไม่คิดดอกเบี้ยเมื่อเขาให้ยืมเงิน เขาไม่รับสินบนเพื่อเป็นพยานใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ ผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางหวั่นไหวได้เลย

66

1 จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด จงยกย่องพระเจ้าในสถานบริสุทธิ์ของพระองค์ จงยกย่องพระองค์ในท้องฟ้าทั้งหลายอันฤทธิ์อำนาจของพระองค์ 2 จงยกย่องพระองค์ เถิด เพราะกิจการอันทรงฤทธิ์อำนาจทั้งหลายของพระองค์ จงยกย่องพระองค์เถิด ตามความยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์

3 จงยกย่องพระองค์ด้วยเสียงแตร จงยกย่องพระองค์ด้วยพิณใหญ่และพิณเขาคู่ 4 จงยกย่องพระองค์ด้วยรำมะนาและการเต้นรำ จงยกย่องพระองค์ด้วยเครื่องสายทั้งหลายและเครื่องเป่าทั้งหลาย 5 จงยกย่องพระองค์ด้วยเสียงฉิ่งทั้งหลาย จงยกย่องพระองค์ด้วยเสียงฉาบทั้งหลาย

6 จงให้ทุกสิ่งที่หายใจยกย่องพระยาห์เวห์ จงยกย่องพระยาห์เวห์เถิด

67

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงคุ้มครองข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ 2 ข้าพระองค์ทูลพระยาห์เวห์ว่า "พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์นอกจากพระองค์แล้วข้าพระองค์ไม่มีความดีประการใดเลย 3 ส่วนบรรดาวิสุทธิชนผู้อยู่บนแผ่นดินโลก พวกเขาเป็นคนที่มีคุณธรรม ข้าพระองค์ปีติยินดีอย่างยิ่งในพวกเขา

4 บรรดาผู้ที่แสวงหาพระอื่นๆ ความทุกข์ยากของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น ข้าพระองค์จะไม่เทเครื่องดื่มบูชาด้วยเลือดให้แก่บรรดาพระของพวกเขา หรือยกย่องนามพระเหล่านั้นด้วยริมผีปากของข้าพระองค์

5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นมรดกส่วนที่แบ่งไว้ของข้าพระองค์และทรงเป็นจอกของข้าพระองค์ พระองค์ทรงถือปลายทางของข้าพระองค์ไว้ 6 เชือกวัดได้ถูกวางไว้แล้วในดินแดนที่ร่มรื่น แน่ทีเดียวมรดกที่ร่มรื่นนั้นเป็นของข้าพระองค์

7 ข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงประทานคำปรึกษาให้แก่ข้าพระองค์ แม้ในยามค่ำคืนพระองค์ก็ทรงสั่งสอนในความคิดของข้าพเจ้า 8 ข้าพระองค์ตั้งพระยาห์เวห์ไว้ตรงหน้าข้าพระองค์เสมอ เพื่อข้าพระองค์จะไม่หวั่นไหวไปจากพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์

9 ฉะนั้นใจของข้าพระองค์จึงยินดี ศักดิ์ศรีของข้าพระองค์ก็ลิงโลด แน่ทีเดียวข้าพระองค์จะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย 10 เพราะพระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้จิตใจของข้าพระองค์ถูกทิ้งไว้ในแดนมรณา พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้คนซื่อสัตย์ของพระองค์ได้เห็นหลุมนั้น

11 พระองค์ทรงสอนเส้นทางแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์ของพระองค์มีความชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความปลื้มปีติอยู่เป็นนิตย์"

68

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟังคำร้องขอความยุติธรรมของข้าพระองค์ ขอทรงสนพระทัยต่อคำร้องขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังคำอธิษฐานจากริมฝีปากที่ไม่มีการหลอกลวงของข้าพระองค์ 2 ขอให้การชนะความของข้าพระองค์มาจากเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ ขอพระเนตรของพระองค์ทรงเห็นสิ่งที่ถูกต้อง

3 ถ้าพระองค์ทรงทดสอบจิตใจของข้าพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จมาหาข้าพระองค์ในเวลากลางคืน พระองค์จะทรงชำระข้าพระองค์ให้บริสุทธิ์และจะไม่พบแผนการชั่วใดๆ เลย ปากของข้าพระองค์จะไม่กล่าวละเมิด

4 ส่วนการกระทำทั้งหลายของมนุษย์นั้น เป็นเพราะพระวจนะจากริมฝีพระโอษฐ์ของพระองค์ที่รักษาข้าพระองค์ไว้จากทางของคนเถื่อน 5 ย่างเท้าของข้าพระองค์จะยึดมั่นในทางของพระองค์ เท้าของข้าพระองค์ไม่ลื่นไถล

6 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องเรียกต่อพระองค์ เพื่อขอพระองค์ทรงตอบข้าพระองค์ ขอทรงหันพระกรรณของพระองค์มาฟังข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์กราบทูล 7 ขอทรงสำแดงความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์อย่างมหัศจรรย์ ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงช่วยบรรดาผู้ลี้ภัยในพระองค์ให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรูของพวกเขาโดยพระหัตถ์ขวาของพระองค์

8 ขอทรงปกป้องข้าพระองค์ดั่งแก้วตาของพระองค์ ขอทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้ภายใต้ร่มปีกของพระองค์ 9 ให้พ้นจากหน้าของคนชั่วผู้มาทำร้ายข้าพระองค์ พ้นจากศัตรูของข้าพระองค์ผู้รายล้อมข้าพระองค์ 10 พวกเขาไร้ความเมตตาต่อทุกคน ปากของพวกเขาพูดจายโส

11 พวกเขาได้รายล้อมย่างเท้าของข้าพระองค์ พวกเขาได้จับตาคอยเหวี่ยงข้าพระองค์ลงถึงพื้น 12 พวกเขาเป็นเหมือนสิงห์ที่กระหายหาเหยื่อ เป็นเหมือนสิงห์หนุ่มแอบซ่อนอยู่ในที่ลับ

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้น ขอทรงโจมตีพวกเขา ขอทรงเหวี่ยงพวกเขาให้หน้าคว่ำ ขอทรงช่วยกู้ชีวิตของข้าพระองค์จากคนชั่วด้วยพระแสงของพระองค์ 14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากคนเหล่านั้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ จากพวกมนุษย์ของโลกนี้ที่ความมั่งคั่งของเขาอยู่แต่ในชีวิตนี้เท่านั้น พระองค์จะทรงให้ท้องของคนที่พระองค์ทรงรักอิ่มด้วยความมั่งคั่ง พวกเขาจะมีลูกหลานมากมายและจะทิ้งความมั่งคั่งของพวกเขาไว้ให้แก่ลูกหลานของพวกเขา

15 แต่สำหรับข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะเห็นพระพักตร์ของพระองค์ในความชอบธรรม ข้าพระองค์จะได้อิ่มใจเมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้นมาด้วยพระลักษณะของพระองค์

69

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์รักพระองค์ ผู้ทรงเป็นกำลังของข้าพระองค์

2 พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระศิลาของข้าพระองค์ ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์ ทรงเป็นผู้ที่นำข้าพระองค์ไปสู่ความปลอดภัย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ทรงเป็นพระศิลาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ พระองค์ทรงเป็นโล่ของข้าพระองค์ เป็นเขาสัตว์แห่งความรอดของข้าพระองค์ และทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของข้าพระองค์ 3 ข้าพระองค์จะร้องเรียกพระยาห์เวห์ผู้ทรงสมควรรับการสรรเสริญ และข้าพระองค์จะรอดพ้นจากศัตรูของข้าพระองค์

4 สายใยแห่งความตายก็รายล้อมข้าพระองค์ และสายน้ำเชี่ยวแห่งความหายนะท่วมท้นข้าพระองค์ 5 สายใยแห่งแดนมรณารายล้อมข้าพระองค์ บรรดาบ่วงแห่งความตายได้ดักข้าพระองค์ไว้

6 ในความทุกข์ใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ร้องเรียกหาพระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้ร้องทูลขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงฟังเสียงร้องของข้าพระองค์จากพระวิหารของพระองค์ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์ได้ไปถึงพระพักตร์ของพระองค์ เสียงร้องนั้นได้ไปถึงพระกรรณของพระองค์

7 แล้วแผ่นดินโลกก็ถูกเขย่าและสั่นสะท้าน รากฐานของภูเขาทั้งหลายก็สั่นสะท้านและถูกเขย่าเพราะพระเจ้าทรงพระพิโรธ 8 ควันได้พลุ่งขึ้นจากพระนาสิกของพระองค์ และไฟได้พลุ่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ถ่านก็ติดเปลวไฟนั้น

9 พระองค์ได้ทรงเปิดฟ้าสวรรค์และเสด็จลงมา ความมืดทึบได้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ 10 พระองค์ได้ทรงขี่เครูบและเหาะไป พระองค์ทรงเหาะไปบนปีกของลม

11 พระองค์ทรงให้ความมืดและเมฆฝนหนาทึบในท้องฟ้าเป็นเพิงล้อมรอบพระองค์ 12 ลูกเห็บและถ่านเพลิงตกออกมาจากฟ้าแลบต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์

13 พระยาห์เวห์ทรงส่งเสียงดังสนั่นในฟ้าสวรรค์ พระสุรเสียงขององค์ผู้สูงสุดได้ดังลั่นออกมา 14 พระองค์ทรงได้ยิงลูกศรของพระองค์และทรงทำให้ศัตรูของพระองค์กระจัดกระจายไป ฟ้าแลบมากมายได้ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป

15 แล้วน้ำก็เปิดออกเป็นช่องให้เห็น พื้นของโลกถูกเปิดออกด้วยเสียงร้องเข้าสู่สงครามของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ด้วยลมปราณที่พวยพุ่งออกมาจากพระนาสิกของพระองค์

16 พระองค์ได้ทรงเอื้อมลงมาจากเบื้องบน พระองค์ได้ทรงจับข้าพระองค์ไว้พระองค์ได้ทรงดึงข้าพระองค์ออกมาจากน้ำเชี่ยวกราก 17 พระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากศัตรูที่แข็งแกร่งของข้าพระองค์ จากบรรดาคนที่เกลียดชังข้าพระองค์ เพราะว่าพวกเขาเข้มแข็งเกินไปสำหรับข้าพระองค์

18 พวกเขาได้ปะทะกับข้าพระองค์ในวันแห่งภัยพิบัติของข้าพระองค์ แต่พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้ค้ำจุนข้าพระองค์ 19 พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าพระองค์เป็นอิสระในที่โล่งกว้าง พระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์เพราะพระองค์ได้ทรงโปรดปรานข้าพระองค์

20 พระยาห์เวห์ได้ทรงประทานบำเหน็จรางวัลแก่ข้าพระองค์เพราะความชอบธรรมของข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงช่วยให้ข้าพระองค์ให้กลับคืนเพราะมือของข้าพระองค์สะอาด 21 เพราะข้าพระองค์ได้รักษาทางของพระยาห์เวห์ไว้ และไม่หันจากพระเจ้าของข้าพระองค์ไปอย่างชั่วร้าย

22 เพราะคำตัดสินอันชอบธรรมทั้งสิ้นของพระองค์ได้อยู่ตรงหน้าข้าพระองค์ส่วนกฏเกณฑ์ของพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่ได้หันหนีไปจากข้อเหล่านั้นเลย 23 ข้าพระองค์เป็นผู้ไม่มีความผิดต่อพระพักตร์พระองค์ และข้าพระองค์ได้รักษาตัวเองให้ไกลจากความบาป 24 เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ได้ทรงช่วยให้ข้าพระองค์ให้กลับคืนเพราะความชอบธรรมของข้าพระองค์ เพราะมือของข้าพระองค์สะอาดในสายพระเนตรของพระองค์

25 สำหรับผู้ที่ซื่อสัตย์นั้นพระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองว่าทรงซื่อสัตย์ สำหรับผู้ที่ไร้ที่ตินั้นพระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองว่าทรงไร้ที่ติ 26 สำหรับผู้ที่บริสุทธิ์นั้นพระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองว่าทรงบริสุทธิ์ แต่พระองค์ทรงฉลาดรู้ทันต่อผู้ที่คดโกง

27 เพราะพระองค์ทรงช่วยบรรดาคนที่ทุกข์ใจ แต่พระองค์ทรงดึงบรรดาคนที่โอ้อวดและตาที่หยิ่งยะโสให้ต่ำลงมา 28 เพราะพระองค์ประทานแสงสว่างแก่ตะเกียงของข้าพระองค์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงทำให้ความมืดของข้าพระองค์สว่างขึ้น 29 เพราะโดยพระองค์ข้าพระองค์จึงสามารถวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางได้ โดยพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงสามารถกระโดดข้ามกำแพงได้

30 สำหรับพระเจ้าแล้ว ทางของพระองค์นั้นสมบูรณ์ พระวจนะของพระยาห์เวห์นั้นบริสุทธิ์ พระองค์ทรงเป็นโล่ให้แก่ทุกคนที่ลี้ภัยในพระองค์ 31 เพราะใครจะเป็นพระเจ้าได้เล่านอกจากพระยาห์เวห์? ใครจะเป็นพระศิลาได้เล่านอกจากพระเจ้าของเรา? 32 เป็นเพราะพระเจ้าผู้ทรงคาดกำลังให้แก่ข้าพระองค์ดุจดั่งคาดเข็มขัด ผู้ทรงวางคนไร้ที่ติบนเส้นทางของพระองค์

33 พระองค์ทรงทำให้เท้าของข้าพระองค์เร็วดุจดั่งกวางและวางข้าพระองค์ไว้บนที่สูง 34 พระองค์ทรงฝึกฝนให้มือของข้าพระองค์ทำสงคราม และให้แขนของข้าพระองค์โก่งธนูทองสัมฤทธิ์ได้

35 พระองค์ได้ประทานโล่แห่งความรอดของพระองค์แก่ข้าพระองค์ มือขวาของพระองค์ได้ทรงค้ำจุนข้าพระองค์ไว้ และความโปรดปรานของพระองค์ได้ทำให้ข้าพระองค์ยิ่งใหญ่ขึ้น 36 พระองค์ได้ทรงวางเท้าของข้าพระองค์ไว้บนที่กว้างเพื่อเท้าของข้าพระองค์จะไม่ลื่นไถล

37 ข้าพระองค์ไล่ตามศัตรูทั้งหลายของข้าพระองค์และจับพวกเขาไว้ได้ ข้าพระองค์ไม่ได้หันกลับจนกว่าพวกเขาถูกทำลาย 38 ข้าพระองค์ได้ทุบพวกเขาให้แหลกจนพวกเขาไม่สามารถลุกขึ้นได้ พวกเขาได้ล้มลงใต้เท้าของข้าพระองค์ 39 เพราะพระองค์ทรงคาดกำลังแก่ข้าพระองค์เหมือนคาดเข็มขัดสำหรับสงคราม พระองค์ทรงให้บรรดาคนที่ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์สยบอยู่ใต้ข้าพระองค์

40 พระองค์ทรงให้ศัตรูของข้าพระองค์หันหลังหนีข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทำลายล้างบรรดาคนที่เกลียดชังข้าพระองค์ 41 พวกเขาได้ร้องเรียกหาความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยพวกเขาได้ พวกเขาได้ร้องเรียกพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ไม่ทรงตอบพวกเขา 42 ข้าพระองค์ทุบพวกเขาให้แหลกละเอียดเหมือนฝุ่นที่ถูกลมพัด ข้าพระองค์โยนพวกเขาทิ้งเหมือนโคลนตามถนน

43 พระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากการโต้แย้งของประชาชน พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์เป็นหัวหน้าเหนือชนชาติต่างๆ ประชาชนที่ข้าพระองค์ไม่เคยรู้จักได้มารับใช้ข้าพระองค์ 44 ทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงข้าพระองค์ พวกเขาก็ได้ทำตามข้าพระองค์ พวกคนต่างด้าวก็ถูกบังคับให้ก้มลงต่อข้าพระองค์ 45 พวกคนต่างด้าวต่างตัวสั่นออกมาจากที่กำบังของพวกเขา

46 พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่ ขอให้พระศิลาของข้าพระองค์เป็นที่สรรเสริญ ขอพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์เป็นที่ยกย่อง 47 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้แก่ข้าพระองค์ ผู้ทรงปราบชนชาติต่างๆ ให้อยู่ใต้ข้าพระองค์

48 ข้าพระองค์เป็นอิสระจากศัตรูของข้าพระองค์ แท้จริงแล้ว พระองค์ได้ทรงยกข้าพระองค์ไว้เหนือผู้ที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากพวกคนโหดร้าย 49 เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จะถวายขอบพระคุณแด่พระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ

50 พระเจ้าประทานชัยชนะอันยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์ และทรงสำแดงความรักมั่นคงแห่งพันธสัญญาของพระองค์ให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้ คือแก่ดาวิดและพงศ์พันธุ์ของท่านเป็นนิตย์

70

1 บรรดาท้องฟ้าประกาศพระสิริของพระเจ้า และบรรดาพื้นฟ้าทำให้พระหัตถกิจของพระองค์เป็นที่ประจักษ์ 2 วันแล้ววันเล่าถ้อยคำก็ถูกเทออกมา คืนแล้วคืนเล่าความรู้ก็ปรากฏแจ้งออกมา 3 ถ้าไม่มีคำพูดหรือการพูดถ้อยคำออกมา ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงพวกเขาเหล่านั้น

4 แต่ถ้อยคำของพวกเขาได้ออกไปทั่วแผ่นดินโลก และคำพูดของพวกเขาได้ไปถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์ได้ทรงตั้งเต็นท์ไว้ให้ดวงอาทิตย์ในท่ามกลางถ้อยคำเหล่านั้น 5 ดวงอาทิตย์เป็นเหมือนเจ้าบ่าวที่กำลังออกมาจากห้องโถงของเขา และเป็นเหมือนคนแข็งแรงที่ปีติยินดีเมื่อเขาวิ่งแข่ง 6 ดวงอาทิตย์ขึ้นจากฟากฟ้าหนึ่งและข้ามท้องฟ้าไปยังอีกฟากฟ้าหนึ่ง ไม่มีอะไรที่จะรอดพ้นความร้อนของมันได้

7 พระบัญญัติของพระยาห์เวห์นั้นดีพร้อมและฟื้นฟูจิตใจ พระโอวาทของพระยาห์เวห์นั้นเชื่อถือได้ ทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา 8 คำสั่งสอนของพระยาห์เวห์นั้นถูกต้อง ทำให้ใจปีติยินดี พระบัญชาของพระยาห์เวห์นั้นบริสุทธิ์ทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง

9 ความยำเกรงพระยาห์เวห์นั้นบริสุทธิ์และดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ กฎเกณฑ์อันชอบธรรมของพระยาห์เวห์นั้นเป็นจริงและถูกต้องทั้งหมด 10 มีค่ามากยิ่งกว่าทองคำอย่างดีมากนัก หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งและน้ำผึ้งที่หยดจากรวงผึ้ง

11 ใช่แล้วพระเจ้าข้า ผู้รับใช้ของพระองค์ได้รับคำตักเตือนจากถ้อยคำเหล่านี้ การเชื่อฟังทำตามถ้อยคำเหล่านี้ก็มีบำเหน็จรางวัลที่ยิ่งใหญ่ 12 ใครเล่าสามารถมองเห็นความผิดพลาดของตนเองได้ทั้งหมด? ขอทรงชำระข้าพระองค์จากความผิดพลาดที่ซ่อนเร้นอยู่

13 ขอทรงปกป้องผู้รับใช้ของพระองค์จากบาปแห่งการเย่อหยิ่งจองหอง ขออย่าให้มันครอบงำเหนือข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จึงจะดีพร้อม และข้าพระองค์จะไม่มีความผิดอันเนื่องมาจากการละเมิดมากมาย 14 ขอให้บรรดาถ้อยคำที่ออกจากปากของข้าพระองค์และความคิดทั้งหลายในใจของข้าพระองค์ เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นพระศิลาและพระผู้ไถ่ของข้าพระองค์

71

1 ขอพระยาห์เวห์ทรงช่วยท่านในวันยากลำบาก ขอพระนามพระเจ้าของยาโคบทรงคุ้มครองท่าน 2 และทรงส่งความช่วยเหลือจากสถานที่บริสุทธิ์เพื่อค้ำจุนท่านจากศิโยน

3 ขอพระองค์ทรงระลึกถึงเครื่องบูชาทั้งสิ้นของท่านและขอทรงโปรดปรานเครื่องเผาบูชาของท่านด้วยเถิด เสลาห์ 4 ขอพระองค์ทรงประทานตามใจปรารถนาของท่าน และทำให้แผนการทั้งปวงของท่านสำเร็จ

5 แล้วเราจะชื่นชมยินดีในชัยชนะของท่าน และในพระนามแห่งพระเจ้าของเรา เราจะยกธงขึ้น ขอพระยาห์เวห์ทรงประทานให้ตามคำร้องวิงวอนของท่าน 6 บัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่าพระยาห์จะทรงช่วยกู้ผู้ที่ได้รับการทรงเจิมของพระองค์ พระองค์จะทรงตอบเขาจากฟ้าสวรรค์อันบริสุทธิ์ของพระองค์ พร้อมด้วยพระกำลังแห่งพระหัตถ์ขวาของพระองค์ที่สามารถช่วยกู้เขาได้

7 บางคนก็วางใจในบรรดารถรบ และคนอื่นๆ ก็วางใจในบรรดาม้าศึก แต่เราร้องเรียกหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา 8 พวกเขาจะถูกทำลายและล้มลง แต่เราจะลุกขึ้นและยืนขึ้นตรง

9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยกู้พระราชา ขอทรงช่วยเราเมื่อเราร้องทูลด้วยเถิด

72

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์กษัตริย์ชื่นชมยินดีในพระกำลังของพระองค์ ท่านจะเปรมปรีด์มากแค่ไหนในความรอดที่พระองค์ประทานให้ 2 พระองค์ได้ประทานตามใจปรารถนาของท่าน และไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่ริมฝีปากของท่านทูลขอ เสลาห์

3 เพราะพระองค์ทรงนำพระพรอันมั่งคั่งมาให้ท่าน พระองค์ทรงสวมมงกุฎทองคำบริสุทธิ์บนศีรษะของท่าน 4 ท่านได้ทูลขอชีวิตต่อพระองค์ พระองค์ก็ประทานชีวิตนั้นให้แก่ท่าน พระองค์ทรงให้ท่านมีชีวิตยืนนานตลอดไป

5 เกียรติของท่านยิ่งใหญ่ก็เป็นเพราะชัยชนะของพระองค์ พระองค์ได้ประทานความสง่างามและบารมีให้แก่ท่าน 6 เพราะพระองค์ประทานพระพรนิรันดร์ให้แก่ท่าน พระองค์ทรงทำให้ท่านยินดีด้วยความเปรมปรีด์แห่งพระพักตร์ของพระองค์

7 เพราะกษัตริย์ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ โดยความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาขององค์ผู้สูงสุด ท่านจะไม่หวั่นไหวเลย 8 พระหัตถ์ของพระองค์จะไล่ตามศัตรูทั้งปวงของพระองค์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์จะไล่ตามบรรดาผู้ที่เกลียดชังพระองค์

9 เมื่อพระพิโรธของพระองค์มาถึง พระองค์จะเผาผลาญพวกเขาเหมือนดั่งเตาหลอมที่มีไฟลุกอยู่ พระยาห์เวห์จะเผาผลาญพวกเขาในพระพิโรธของพระองค์ และไฟนั้นจะกลืนกินพวกเขาเสีย 10 พระองค์จะทรงทำลายลูกหลานของพวกเขาให้หมดไปจากแผ่นดินโลก และทำลายพงศ์พันธุ์ของพวกเขาไปจากท่ามกลางเชื้อสายของมนุษย์

11 เพราะพวกเขาได้เจตนาชั่วร้ายต่อพระองค์ พวกเขาได้วางแผนชั่วซึ่งพวกเขาจะทำไม่สำเร็จ 12 เพราะพระองค์จะให้พวกเขาหันหนีกลับไป พระเจ้าจะทรงเล็งธนูไปตรงหน้าพวกเขา

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเป็นที่ยกย่องในพระกำลังของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะร้องเพลงและสรรเสริญพระอานุภาพของพระองค์

73

1 พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย? ทำไมพระองค์ทรงเมินเฉยที่จะช่วยข้าพระองค์ และทรงเมินเฉยต่อถ้อยคำแห่งความปวดร้าวของข้าพระองค์? 2 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร่ำร้องออกมาในเวลากลางวันแต่พระองค์ไม่ทรงตอบ และในยามค่ำคืนข้าพระองค์ก็ไม่เงียบเฉย

3 ถึงอย่างไรพระองค์ก็ยังทรงบริสุทธิ์ พระองค์ประทับดั่งกษัตริย์ท่ามกลางบรรดาคำสรรเสริญของอิสราเอล 4 บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายได้ไว้วางใจในพระองค์ พวกเขาได้ไว้วางใจในพระองค์ และพระองค์ได้ทรงช่วยกู้พวกเขา 5 พวกเขาได้ร้องเรียกหาพระองค์และพวกเขาได้รับการช่วยกู้ พวกเขาได้ไว้วางใจในพระองค์และไม่ผิดหวัง

6 แต่ข้าพระองค์เป็นเพียงหนอนตัวหนึ่งไม่ใช่มนุษย์ ผู้คนก็พากันถากถางและประชาชนก็ดูหมิ่น 7 ทุกคนที่เห็นข้าพระองค์ก็เย้ยหยันข้าพระองค์ พวกเขาเยาะเย้ยข้าพระองค์ พวกเขาส่ายหัวใส่ข้าพระองค์ 8 พวกเขาพูดว่า "เขาไว้วางใจในพระยาห์เวห์ ให้พระยาห์เวห์ช่วยเขาเถิด ให้พระองค์ช่วยกู้เขาเถอะ เพราะเขาปีติยินดีในพระองค์"

9 เพราะพระองค์ได้ทรงนำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์มารดา พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพระองค์ไว้วางใจในพระองค์เมื่อข้าพระองค์ยังอยู่ที่อ้อมอกของมารดา 10 ข้าพระองค์ถูกทิ้งไว้กับพระองค์ตั้งแต่ออกจากครรภ์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ตั้งแต่ข้าพระองค์อยู่ในครรภ์มารดาของข้าพระองค์

11 ขออย่าทรงห่างจากข้าพระองค์ เพราะความลำบากอยู่ใกล้ และไม่มีใครที่จะช่วยได้เลย 12 พวกโคตัวผู้ก็ล้อมรอบข้าพระองค์ โคบาชานที่บึกบึนก็รายล้อมข้าพระองค์ไว้ 13 พวกเขาอ้าปากกว้างใส่ข้าพระองค์เหมือนสิงห์ที่คำรามกำลังฉีกเหยื่อของมัน

14 ข้าพระองค์กำลังถูกเทออกเหมือนน้ำ และกระดูกทั้งสิ้นของข้าพระองค์ก็หลุดออกจากที่ ใจของข้าพระองค์ก็ละลายอยู่ภายในข้าพระองค์เหมือนขี้ผึ้ง 15 กำลังของข้าพระองค์ก็เหือดแห้งไปเหมือนเศษหม้อดิน ลิ้นของข้าพระองค์ก็ติดอยู่ที่เพดานปาก พระองค์ได้ทรงวางข้าพระองค์ไว้ในผงคลีแห่งความตาย

16 เพราะพวกสุนัขได้รุมล้อมข้าพระองค์ เหล่าพวกคนทำชั่วก็รายล้อมข้าพระองค์ พวกเขาได้แทงมือแทงเท้าของข้าพระองค์ 17 ข้าพระองค์สามารถนับกระดูกทั้งหมดของข้าพระองค์ได้ พวกเขาจ้องมองดูที่ข้าพระองค์

18 พวกเขาได้แบ่งเสื้อคลุมของข้าพระองค์ในท่ามกลางพวกเขา พวกเขาได้จับฉลากเสื้อผ้าของข้าพระองค์ 19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงห่างไกล ขอทรงโปรดรีบมาช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด พระผู้ทรงเป็นกำลังของข้าพระองค์

20 ขอทรงช่วยกู้จิตใจข้าพระองค์จากคมดาบ ขอทรงช่วยชีวิตที่เหลือของข้าพระองค์จากเขี้ยวของพวกสุนัขป่า 21 ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดจากปากสิงห์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์จากบรรดาเขาของพวกกระทิงป่า

22 ข้าพระองค์จะประกาศพระนามของพระองค์ให้แก่พวกพี่น้องของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในท่ามกลางที่ชุมนุมชน 23 ท่านผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์เอ๋ย จงสรรเสริญพระองค์เถิด บรรดาเชื้อสายทั้งสิ้นของยาโคบเอ๋ย จงถวายพระเกียรติแด่พระองค์เถิด บรรดาท่านที่เป็นเชื้อสายของอิสราเอลเอ๋ย จงยืนขึ้นในความน่าเกรงขามของพระองค์เถิด

24 เพราะพระองค์ไม่ทรงดูหมิ่นหรือสะอิดสะเอียนต่อความลำบากของคนที่ทุกข์ยาก พระยาห์เวห์ไม่ได้ซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากเขา เมื่อคนที่ทุกข์ยากได้ร่ำร้องต่อพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟัง 25 เป็นเพราะพระองค์ข้าพระองค์จึงจะสรรเสริญพระองค์ในที่ชุมนุมชนใหญ่ ข้าพระองค์จะทำตามคำปฏิญาณทั้งหลายของข้าพระองค์ต่อหน้าบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์

26 ผู้ที่ถูกข่มเหงจะได้กินอิ่ม บรรดาผู้ที่แสวงหาพระยาห์เวห์จะสรรเสริญพระองค์ ขอให้ใจของท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ตลอดไป 27 บรรดาประชากรทั้งสิ้นของแผ่นดินโลกจะระลึกได้และหันไปหาพระยาห์เวห์ พงศ์พันธุ์ทั้งสิ้นของบรรดาประชาชาติจะก้มกราบลงต่อพระองค์

28 เพราะราชอาณาจักรเป็นของพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงครอบครองเหนือชนชาติต่างๆ 29 บรรดาผู้มั่งคั่งทั้งหมดของแผ่นดินโลกจะเฉลิมฉลองและจะนมัสการ บรรดาผู้ที่ลงไปสู่ผงคลีดินจะก้มกราบพระองค์ คือบรรดาผู้ที่ไม่สามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้

30 คนชั่วอายุหนึ่งจะมารับใช้พระองค์ พวกเขาจะบอกชั่วอายุต่อไปถึงเรื่องขององค์พระผู้เป็นเจ้า 31 พวกเขาจะมาบอกถึงความชอบธรรมของพระองค์ พวกเขาจะบอกประชาชนในรุ่นต่อไปถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้

74

1 พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้เลี้ยงของข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขาดสิ่งใดๆ 2 พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ

3 ทรงนำชีวิตของข้าพเจ้ากลับคืนมา พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปตามทางชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์

4 แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามืดมิด ข้าพระองค์จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์ทรงปลอบโยนข้าพระองค์

5 พระองค์ทรงจัดเตรียมโต๊ะอาหารให้แก่ข้าพระองค์ต่อหน้าศัตรูทั้งหลายของข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงเจิมศีรษะของข้าพระองค์ด้วยน้ำมัน ถ้วยของข้าพระองค์ก็ล้นอยู่

6 แน่ทีเดียวความดีและความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาจะติดตามข้าพเจ้าไปตลอดชั่วชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ตลอดชั่วกาลนาน

75

1 แผ่นดินโลกและทุกสิ่งมีอยู่ในนั้นทั้งหมดเป็นของพระยาห์เวห์ ทั้งโลกและบรรดาทุกสิ่งที่อาศัยอยู่ในนั้น 2 เพราะพระองค์ได้ทรงก่อตั้งแผ่นดินไว้บนมหาสมุทรและทรงสถาปนามันไว้บนแม่น้ำทั้งปวง

3 ผู้ใดจะขึ้นไปบนภูเขาของพระยาห์เวห์ได้? ผู้ใดจะยืนอยู่ในสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์ได้? 4 คือผู้ที่มีมือสะอาดและมีใจบริสุทธิ์ คือผู้ที่ไม่ได้ยกย่องความเท็จ และไม่สาบานอย่างหลอกลวง

5 เขาจะรับพระพรจากพระยาห์เวห์และรับความชอบธรรมจากพระเจ้าแห่งความรอดของเขา 6 เช่นนี้แหละเป็นยุคของคนที่แสวงหาพระองค์ คือบรรดาผู้ที่แสวงหาพระพักตร์พระเจ้าของยาโคบ เสลาห์

7 ประตูเมืองทั้งหลายเอ๋ย จงยกศีรษะของเจ้าขึ้น บานประตูนิรันดร์เอ๋ย จงยกขึ้น เพื่อองค์กษัตริย์แห่งพระสิริจะได้เสด็จเข้ามา 8 องค์กษัตริย์แห่งพระสิรินั้นคือผู้ใด? คือพระยาห์เวห์ ผู้ทรงเข้มแข็งและทรงอานุภาพ พระยาห์เวห์ผู้ทรงอานุภาพในสงคราม

9 ประตูเมืองทั้งหลายเอ๋ย จงยกศีรษะของเจ้าขึ้น บานประตูนิรันดร์เอ๋ย จงยกขึ้น เพื่อองค์กษัตริย์แห่งพระสิริจะได้เสด็จเข้ามา 10 องค์กษัตริย์แห่งพระสิรินั้นคือผู้ใด? คือพระยาห์เวห์จอมโยธา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงพระสิริ เสลาห์

76

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ยกชีวิตของข้าพระองค์ขึ้นต่อพระองค์ 2 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพระองค์อับอาย ขออย่าทรงปล่อยให้ศัตรูของข้าพระองค์ได้ดีใจเหนือข้าพระองค์อย่างผู้มีชัยชนะ 3 ขออย่าให้ผู้ที่หวังใจในพระองค์ต้องขายหน้า ขอให้บรรดาคนที่ทำการทรยศโดยไม่มีเหตุได้อับอาย

4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงให้ข้าพระองค์ได้รู้จักพระมรรคาของพระองค์ ขอทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ 5 ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในความจริงของพระองค์และขอทรงสอนข้าพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์หวังใจในพระองค์มายาวนาน

6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกถึงพระกรุณาและความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ เพราะสิ่งเหล่านั้นได้มีอยู่ตลอดมา 7 ขออย่าทรงระลึกถึงบรรดาความบาปในวัยหนุ่มของข้าพระองค์หรือการกบฎของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาอันเนื่องมาจากความดีของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์

8 พระยาห์เวห์ทรงประเสริฐและทรงเที่ยงตรง เพราะฉะนั้นพระองค์ทรงสอนพระมรรคาแก่บรรดาคนบาป 9 พระองค์ทรงนำคนถ่อมใจไปในสิ่งที่ถูก และพระองค์ทรงสอนพระมรรคาของพระองค์ให้แก่พวกเขา

10 พระมรรคาทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์เป็นความรักที่มั่นคงและความซื่อสัตย์ต่อบรรดาคนที่รักษาพันธสัญญาและพระบัญชาของพระองค์ 11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ขอทรงอภัยบาปของข้าพระองค์ เพราะบาปนั้นใหญ่โตยิ่งนัก

12 ผู้ใดเล่าเป็นผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์? องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสอนเขาถึงเส้นทางที่เขาควรจะเลือก 13 ชีวิตของเขาดำเนินไปในความดี และเชื้อสายของเขาจะได้แผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์

14 มิตรภาพของพระยาห์เวห์มีให้แก่บรรดาคนที่ให้เกียรติแด่พระองค์ และพระองค์ทรงให้พวกเขารู้จักพันธสัญญาของพระองค์ 15 ดวงตาของข้าพเจ้าจ้องมองที่พระยาห์เวห์อยู่เสมอ เพราะพระองค์จะทรงถอนเท้าของข้าพเจ้าให้หลุดออกจากตาข่าย 16 ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์และทรงมีพระกรุณาต่อข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์โดดเดี่ยวและทุกข์ใจ

17 ความทุกข์ในใจของข้าพระองค์ก็เพิ่มพูนมากยิ่งนัก ขอทรงนำข้าพระองค์ออกจากความทุกข์ใจของข้าพระองค์ 18 ขอทรงทอดพระเนตรดูความทุกข์ยากของข้าพระองค์และความลำเค็ญของข้าพระองค์ ขอทรงอภัยความบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ 19 ขอทรงทอดพระเนตรพวกศัตรูของข้าพระองค์ เพราะพวกเขามีกันมากมาย พวกเขาเกลียดชังข้าพระองค์อย่างเคียดแค้นยิ่งนัก

20 ขอทรงคุ้มครองชีวิตของข้าพระองค์และขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพระองค์ต้องอับอาย เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ 21 ขอความสุจริตและความเที่ยงตรงปกป้องข้าพระองค์ไว้ เพราะข้าพระองค์หวังใจในพระองค์

22 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยกู้อิสราเอลให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้นของเขา

77

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตัดสินข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ได้ดำเนินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ข้าพระองค์ได้วางใจในพระยาห์เวห์โดยไม่หวั่นไหว 2 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตรวจดูข้าพระองค์ และทรงทดสอบข้าพระองค์ ขอทรงทดสอบความบริสุทธิ์ในตัวของข้าพระองค์และในใจของข้าพระองค์ 3 เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์อยู่ต่อตาของข้าพระองค์ และข้าพระองค์ดำเนินในความซื่อสัตย์ของพระองค์

4 ข้าพระองค์ไม่คบหาสมาคมกับพวกคนหลอกลวง และข้าพระองค์ไม่คลุกคลีกับพวกคนที่ไม่จริงใจ 5 ข้าพระองค์เกลียดที่ชุมนุมของพวกคนทำชั่ว และข้าพระองค์ไม่อยู่กับพวกคนอธรรม

6 ข้าพระองค์ล้างมือของข้าพระองค์เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์เดินรอบแท่นบูชาของพระองค์ 7 เพื่อเปล่งเสียงร้องเพลงสรรเสริญและเล่าถึงการอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์ 8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์รักพระนิเวศน์ที่พระองค์พำนัก ที่ซึ่งพระสิริของพระองค์ประทับอยู่

9 ขออย่าทรงกวาดข้าพระองค์ไปพร้อมกับพวกคนบาป หรือกวาดชีวิตข้าพระองค์ไปพร้อมกับพวกคนกระหายเลือด 10 ซึ่งเป็นพวกที่มีแผนชั่วอยู่ในมือของเขา และมือขวาของเขาก็เต็มไปด้วยสินบน

11 แต่สำหรับข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะดำเนินในความซื่อสัตย์สุจริต ขอทรงไถ่ข้าพระองค์และทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ 12 เท้าของข้าพระองค์ยืนติดพื้นดิน ข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ในท่ามกลางที่ชุมนุมชน

78

1 พระยาห์เวห์ทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า? พระยาห์เวห์ทรงเป็นที่ลี้ภัยแห่งชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเกรงกลัวผู้ใดเล่า?

2 เมื่อพวกคนทำชั่วเข้ามาใกล้เพื่อกัดกินเนื้อข้าพเจ้า พวกคู่อริและพวกศัตรูของข้าพเจ้าก็ได้สะดุดและล้มลง 3 แม้กองทัพตั้งค่ายต่อสู้ข้าพเจ้า แม้สงครามลุกขึ้นต่อสู้ข้าพเจ้า ใจของข้าพเจ้าก็ไม่กลัว แม้กระนั้นก็ตามข้าพเจ้าจะยังมีความมั่นใจ

4 สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้ทูลขอจากพระยาห์เวห์ และข้าพเจ้าจะแสวงหาสิ่งนั้น นั่นคือที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อจะได้ดูความงามของพระยาห์เวห์และจะเฝ้าภาวนาในพระวิหารของพระองค์

5 เพราะในวันแห่งความยากลำบาก พระองค์จะซ่อนข้าพเจ้าไว้ในที่กำบังของพระองค์ พระองค์จะเก็บข้าพเจ้าไว้ในเต็นท์ของพระองค์ พระองค์จะทรงตั้งข้าพเจ้าไว้สูงบนศิลา 6 แล้วศีรษะของข้าพเจ้าจะเชิดขึ้นเหนือพวกศัตรูที่อยู่ล้อมรอบข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาแห่งความชื่นชมยินดีในเต็นท์ของพระองค์ ข้าพเจ้าร้องเพลงและถวายบทเพลงแด่พระยาห์เวห์

7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟังเสียงของข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์ร้องทูลขอทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ และขอทรงตอบข้าพระองค์ 8 ใจของข้าพระองค์พูดถึงพระองค์ว่า "จงแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์" ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์แสวงหาพระพักตร์ของพระองค์

9 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์ ขออย่าขับไล่ผู้รับใช้ของพระองค์ไปเสียด้วยความกริ้ว พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ข้าพระองค์ ขออย่าทรงลืมข้าพระองค์หรือทอดทิ้งข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ 10 แม้บิดามารดาของข้าพระองค์ทอดทิ้งข้าพระองค์ แต่พระยาห์เวห์ทรงรับข้าพระองค์ไว้

11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ขอทรงสอนทางของพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ไปบนทางราบเหตุเพราะพวกศัตรูของข้าพระองค์ 12 ขออย่าทรงมอบข้าพระองค์ให้เป็นไปตามใจชอบของพวกศัตรูของข้าพระองค์ เพราะพวกพยานเท็จได้ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์ และพวกเขาหายใจเอาความทารุณออกมา

13 จะมีอะไรเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าถ้าข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าข้าพเจ้าจะได้เห็นความดีของพระยาห์เวห์ในแผ่นดินของคนเป็น? 14 จงรอคอยพระยาห์เวห์ จงเข้มแข็ง และจงให้ใจของท่านกล้าหาญเถิด จงรอคอยพระยาห์เวห์

79

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ ข้าแต่พระศิลาของข้าพระองค์ ขออย่าทรงเมินเฉยข้าพระองค์ ถ้าพระองค์ไม่ทรงตอบสนองต่อข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็คงจะไปพร้อมกับบรรดาคนที่ลงไปยังหลุมมรณา 2 ขอทรงฟังเสียงร้องวิงวอนของข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ชูมือไปยังอภิสุทธิสถานของพระองค์

3 ขออย่าทรงกวาดข้าพระองค์ไปพร้อมกับคนชั่ว คือบรรดาคนที่ทำความผิดบาป ผู้ที่พูดกับเพื่อนบ้านของพวกเขาอย่างสันติแต่มีความชั่วอยู่ในใจของพวกเขา 4 ขอทรงให้พวกเขาได้รับอย่างสาสมกับกระทำของพวกเขา และขอทรงตอบสนองพวกเขาตามขนาดความชั่วของพวกเขา ขอทรงตอบสนองพวกเขาตามผลแห่งน้ำมือของพวกเขาและขอทรงตอบแทนพวกเขาให้สาสม 5 เพราะพวกเขาไม่เข้าใจพระราชกิจของพระยาห์เวห์หรือผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์จะทรงพังพวกเขาลงและไม่ทรงสร้างพวกเขาขึ้นมาอีก

6 สาธุการแด่พระยาห์เวห์เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงวิงวอนของข้าพเจ้า 7 พระยาห์เวห์ทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้าและเป็นโล่ของข้าพเจ้า ใจของข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ และข้าพระองค์ได้รับความช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นจิตใจของข้าพเจ้าจะปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง และข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยการร้องเพลง 8 พระยาห์เวห์ทรงเป็นกำลังของประชาชนของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยแห่งความรอดของผู้ที่พระองค์ทรงเจิม

9 ขอทรงช่วยประชาชนของพระองค์ให้รอด และขอทรงอวยพรมรดกของพระองค์ ขอทรงเป็นผู้เลี้ยงดูพวกเขาและอุ้มชูพวกเขาตลอดไป

80

1 บรรดาบุตรของพระเจ้าเอ๋ย จงถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์เถิด จงถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์เพราะพระสิริและพระกำลังเป็นของพระองค์ 2 จงถวายพระสิริซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์แด่พระยาห์เวห์ จงก้มกราบพระยาห์เวห์ในความสง่างามแห่งความบริสุทธิ์

3 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ได้ยินอยู่เหนือน้ำทั้งหลาย พระเจ้าแห่งพระสิริทรงเปล่งเสียงดั่งฟ้าร้อง พระยาห์เวห์ทรงแผดเสียงฟ้าร้องเหนือน้ำมากหลาย 4 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทรงพลานุภาพ พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทรงอำนาจบารมี 5 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์โค่นต้นสนสีดาร์ พระยาห์เวห์ทรงโค่นต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอนลงเป็นชิ้นๆ

6 พระองค์ทรงทำให้เลบานอนกระโดดเหมือนลูกวัวและสีรีออนเหมือนวัวหนุ่ม 7 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พ่นเปลวไฟออกมา 8 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์เขย่าที่ทุรกันดาร พระยาห์เวห์ทรงเขย่าถิ่นทุรกันดารคาเดช

9 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ทำให้ต้นโอ๊กหมุนคว้าง และทรงทำให้ป่าโล่งเตียน ทุกคนในพระวิหารของพระองค์กล่าวว่า "พระสิริ" 10 พระยาห์เวห์ทรงประทับดุจดั่งกษัตริย์เหนือน้ำท่วม พระยาห์เวห์ทรงประทับดั่งเช่นกษัตริย์ตลอดไปเป็นนิตย์

11 พระยาห์เวห์ประทานกำลังให้แก่ประชาชนของพระองค์ พระยาห์เวห์ทรงอวยพรประชาชนของพระองค์ด้วยความสงบสุข

81

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงยกข้าพระองค์ขึ้นและไม่ทรงปล่อยให้ศัตรูของข้าพระองค์ได้เปรมปรีดิ์เหนือข้าพระองค์ 2 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระองค์ และพระองค์ได้ทรงรักษาข้าพระองค์ให้หาย 3 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระองค์ได้ทรงนำจิตวิญญาณของข้าพระองค์ออกจากแดนมรณา พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพระองค์ยังคงมีชีวิตจากการลงไปยังหลุมมรณา

4 พวกท่านผู้เป็นประชากรที่ซื่อสัตย์ของพระองค์เอ๋ย จงร้องเพลงสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ จงถวายขอบพระคุณเมื่อพวกท่านระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์ 5 เพราะความกริ้วของพระองค์คงอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น แต่ความโปรดปรานของพระองค์คงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ การร้องไห้คงอยู่เพียงชั่วคืน แต่ความชื่นชมยินดีมาถึงในยามเช้า

6 ข้าพระองค์จึงกล่าวด้วยความมั่นใจว่า "ข้าพเจ้าจะไม่มีทางหวั่นไหวเลย" 7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โดยความโปรดปรานของพระองค์ พระองค์ได้สถาปนาข้าพระองค์ไว้อย่างมั่นคงดังภูผา แต่เมื่อพระองค์ได้ทรงซ่อนพระพักตร์ ข้าพระองค์ก็ลำบากยิ่งนัก 8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ และแสวงหาความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

9 ถ้าข้าพระองค์ลงไปยังหลุมมรณา จะมีประโยชน์อะไรในความตายของข้าพระองค์? ผงคลีดินนั้นจะสรรเสริญพระองค์หรือ? มันจะประกาศถึงความสัตย์จริงของพระองค์หรือ? 10 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสดับและทรงมีพระกรุณาต่อข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ของข้าพระองค์

11 พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนความเศร้าโศกของข้าพระองค์ให้กลายเป็นการเต้นรำ พระองค์ได้ทรงถอดเสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออกและทรงสวมข้าพระองค์ด้วยความยินดี 12 ดังนั้น ตอนนี้ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญแด่พระองค์อย่างมีความสุขและจะไม่นิ่งเงียบ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะถวายขอบพระคุณแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์

82

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพระองค์อับอาย ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ในความชอบธรรมของพระองค์ 2 ขอทรงสดับฟังข้าพระองค์ ขอทรงรีบช่วยกู้ข้าพระองค์ ขอทรงเป็นพระศิลาที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งที่จะช่วยข้าพระองค์ให้รอด

3 เพราะพระองค์ทรงเป็นพระศิลาและป้อมปราการของข้าพระองค์ ขอทรงนำและพาข้าพระองค์ไป เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ 4 ขอทรงปลดข้าพระองค์ออกจากตาข่ายที่พวกเขาได้วางซ่อนไว้ดักข้าพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์

5 ข้าพระองค์ขอมอบจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งความสัตย์จริง พระองค์จะทรงไถ่ข้าพระองค์ 6 ข้าพระองค์เกลียดชังผู้ที่ปรนนิบัติบรรดารูปเคารพที่ไร้ค่า แต่ข้าพระองค์วางใจในพระยาห์เวห์ 7 ข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์และยินดีในความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ เพราะพระองค์ทอดพระเนตรความทุกข์ยากของข้าพระองค์ พระองค์ทรงทราบถึงความทุกข์ใจของข้าพระองค์

8 พระองค์ไม่ได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้ในมือศัตรูของข้าพระองค์ พระองค์ได้วางเท้าของข้าพระองค์ไว้ในที่โล่งกว้าง 9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์อยู่ในความทุกข์ใจ ดวงตาของข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไปด้วยความเศร้าพร้อมทั้งจิตใจและร่างกายของข้าพระองค์

10 เพราะชีวิตของข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไปด้วยความโศกเศร้าและเดือนปีของข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไปด้วยการคร่ำครวญ กำลังของข้าพระองค์ก็หมดไปเพราะความบาปของข้าพระองค์ และกระดูกของข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไป 11 เพราะศัตรูทั้งปวงของข้าพระองค์ ทำให้ผู้คนเหยียดหยามข้าพระองค์ เพื่อนบ้านของข้าพระองค์ก็ตกใจกลัวต่อความเป็นไปของข้าพระองค์ และบรรดาคนที่รู้จักข้าพระองค์ต่างก็ครั่นคร้าม บรรดาคนที่เห็นข้าพระองค์ตามถนนก็วิ่งหนีข้าพระองค์

12 ข้าพระองค์ถูกลืมเหมือนคนตายแล้วที่ไม่มีใครสนใจ ข้าพระองค์เป็นเหมือนหม้อที่แตกแล้ว 13 เพราะข้าพระองค์ได้ยินเสียงซุบซิบเรื่องราวที่น่ากลัวมากมายจากทุกด้านในขณะที่พวกเขาร่วมกันวางแผนต่อสู้ข้าพระองค์ พวกเขาหมายที่จะเอาชีวิตของข้าพระองค์

14 แต่ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะกล่าวว่า "พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์" 15 ปลายทางของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากเงื้อมมือศัตรูของข้าพระองค์และจากบรรดาคนที่ไล่ล่าข้าพระองค์ 16 ขอทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ทรงส่องแสงมาเหนือผู้รับใช้ของพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดในความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์

17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพระองค์อับอาย เพราะข้าพระองค์เรียกหาพระองค์ ขอให้คนชั่วได้อับอาย ขอให้พวกเขานิ่งเงียบในแดนมรณา 18 ขอให้ริมฝีปากมุสาที่พูดดูหมิ่นเหยียดหยามคนชอบธรรมอย่างอวดดีกลายเป็นใบ้

19 ความดีของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่นัก ที่พระองค์ได้ทรงสะสมบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไว้ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำเพื่อบรรดาผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์ต่อหน้าบรรดาลูกหลานทั้งสิ้นของมนุษย์ 20 พระองค์ได้ทรงซ่อนพวกเขาไว้ในที่กำบังเฉพาะพระพักตร์พระองค์จากการปองร้ายของมนุษย์ พระองค์ได้ทรงซ่อนพวกเขาไว้ในที่กำบังจากลิ้นที่ทะเลาะวิวาท

21 สาธุการแด่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงสำแดงให้ข้าพระองค์เห็นถึงความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาอันมหัศจรรย์ของพระองค์เมื่อข้าพระองค์อยู่ในเมืองที่ถูกล้อมไว้ 22 แม้ว่าข้าพระองค์พลั้งปากพูดว่า "ข้าพระองค์คงถูกตัดขาดไปจากสายพระเนตรของพระองค์แล้ว" แต่พระองค์ทรงได้ยินคำร้องขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์ร่ำร้องต่อพระองค์

23 โอ ธรรมิกชนที่ซื่อสัตย์เอ๋ย จงรักพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ทรงคุ้มครองผู้ที่ซื่อสัตย์ แต่พระองค์ทรงตอบแทนผู้หยิ่งยะโสอย่างเต็มขนาด 24 จงเข้มแข็งและเชื่อมั่นเถิด บรรดาท่านที่วางใจในความอุปถัมภ์ของพระยาห์เวห์

83

1 บุคคลผู้ที่การละเมิดของเขาได้รับการอภัยก็เป็นสุข คือผู้ซึ่งความบาปของเขาได้รับการกลบเกลื่อนแล้ว 2 บุคคลที่พระยาห์เวห์ไม่ทรงถือโทษและผู้ที่จิตวิญญาณของเขาไม่มีการหลอกลวงก็เป็นสุข

3 เมื่อข้าพระองค์ยังนิ่งเงียบอยู่ กระดูกของข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไปในขณะที่ข้าพระองค์ได้คร่ำครวญตลอดทั้งวัน 4 พระหัตถ์ของพระองค์ทรงหนักอยู่บนข้าพระองค์ตลอดทั้งวันทั้งคืน กำลังของข้าพระองค์ก็ร่อยหลอไปดั่งความแห้งแล้งในฤดูร้อน เสลาห์

5 แล้วข้าพระองค์ก็ยอมสารภาพความบาปของข้าพระองค์ต่อพระองค์ และข้าพระองค์ไม่ซ่อนความผิดบาปของข้าพระองค์อีกต่อไป ข้าพระองค์ทูลว่า "ข้าพระองค์จะสารภาพการละเมิดของข้าพระองค์ต่อพระยาห์เวห์" และพระองค์ได้ทรงอภัยความผิดบาปของข้าพระองค์ เสลาห์ 6 เพราะเหตุนี้ บรรดาผู้ชอบธรรมทั้งปวงควรอธิษฐานต่อพระองค์ในยามมีความทุกข์ยากใหญ่หลวง แล้วเมื่อน้ำเชี่ยวกรากไหลท่วม น้ำนั้นก็จะไม่ไปถึงคนเหล่านั้น

7 พระองค์ทรงเป็นที่กำบังของข้าพระองค์ พระองค์ทรงปกป้องข้าพระองค์จากความยากลำบาก พระองค์จะทรงรายล้อมข้าพระองค์ด้วยบทเพลงแห่งชัยชนะ เสลาห์ 8 เราจะแนะนำเจ้าและสอนเจ้าในทางที่เจ้าควรจะไป เราจะแนะนำเจ้าและจับตาดูเจ้าอยู่

9 อย่าเป็นเหมือนม้าหรือล่อที่ไม่มีความเข้าใจ ซึ่งต้องใส่สายผ่าปากและบังเหียนเท่านั้นเพื่อควบคุมพวกมันที่จะให้พวกมันไปที่ใดๆ ตามที่เจ้าต้องการได้ 10 คนชั่วก็มีความทุกข์โศกมากมาย แต่ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์จะล้อมรอบผู้ที่วางใจในพระองค์

11 จงยินดีและเปรมปรีดิ์ในพระยาห์เวห์เถิด ทุกท่านที่มีใจเที่ยงตรงเอ๋ย จงโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดีเถิด

84

1 ท่านผู้ชอบธรรม จงชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์ เป็นการสมควรที่คนเที่ยงธรรมจะสรรเสริญพระองค์ 2 จงถวายขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์ด้วยพิณ ด้วยการร้องเพลงสรรเสริญแด่พระองค์พร้อมกับพิณสิบสาย 3 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระองค์ จงเล่นอย่างคล่องแคล่วและร้องเพลงด้วยความเปรมปรีดิ์

4 เพราะพระวจนะของพระยาห์เวห์นั้นเที่ยงตรง และทุกสิ่งที่พระองค์กระทำนั้นดีงาม 5 พระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ 6 ด้วยพระวจนะของพระยาห์เวห์ บรรดาท้องฟ้าก็ได้ถูกสร้างขึ้น และดวงดาวทั้งปวงได้ถูกสร้างขึ้นโดยลมจากพระโอษฐ์ของพระองค์

7 พระองค์ทรงรวบรวมน้ำในทะเลเข้าด้วยกันเหมือนอย่างทำนบ พระองค์ทรงเก็บมหาสมุทรไว้ในคลัง 8 ให้ทั้งแผ่นดินโลกยำเกรงพระยาห์เวห์เถิด ให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในโลกยืนตะลึงในความยิ่งใหญ่ของพระองค์ 9 เพราะเมื่อพระองค์ตรัส มันก็เป็นไปตามนั้น พอพระองค์ทรงบัญชา มันก็ได้เกิดขึ้นมา

10 พระยาห์เวห์ทรงหมดความอดทนกับพันธมิตรแห่งประชาชาติทั้งหลาย พระองค์ทรงรื้อแผนการต่างๆ ของประชาชนทั้งหลาย 11 บรรดาแผนการของพระยาห์เวห์นั้นยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์ คือแผนการในพระทัยของพระองค์สำหรับทุกชั่วชาติพันธุ์ 12 ชนชาติที่พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าก็เป็นสุข คือชนชาติที่พระองค์ได้ทรงเลือกให้เป็นมรดกของพระองค์เอง

13 พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรจากฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงเห็นประชากรทั้งสิ้น 14 จากสถานที่พระองค์ประทับ พระองค์ทอดพระเนตรเหนือบรรดาผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกทั้งหมด 15 พระองค์ผู้ทรงสร้างจิตใจของพวกเขาทั้งปวงและทรงเฝ้าดูการกระทำทั้งสิ้นของพวกเขา

16 ไม่มีกษัตริย์ใดที่รอดชีวิตได้ด้วยกองทัพมากมาย นักรบก็ไม่รอดได้ด้วยกำลังที่แข็งแกร่งของเขาเอง 17 ม้าศึกก็เป็นความมั่นใจที่จอมปลอมสำหรับชัยชนะ กำลังแข็งแกร่งของเขาก็ไม่สามารถช่วยกู้เขาได้เลย

18 ดูเถิด พระเนตรของพระยาห์เวห์ทรงอยู่เหนือบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ เหนือบรรดาผู้ที่เชื่อมั่นในความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ 19 เพื่อนำชีวิตของพวกเขาออกจากความตายและรักษาพวกเขาให้มีชีวิตอยู่ในยามกันดารอาหาร

20 เราทั้งหลายรอคอยพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์และทรงเป็นโล่ของเราทั้งหลาย 21 จิตใจของเราทั้งหลายเปรมปรีดิ์ในพระองค์ เพราะเราวางใจในพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์

22 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์อยู่กับข้าพระองค์ทั้งหลาย ตามที่ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความหวังใจในพระองค์

85

1 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระยาห์เวห์ตลอดเวลา คำสรรเสริญของพระองค์จะอยู่ที่ปากของข้าพเจ้าเสมอ

2 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระยาห์เวห์ ขอให้ผู้ที่ถูกกดขี่ได้ยินและเปรมปรีดิ์ 3 จงสรรเสริญพระยาห์เวห์กับข้าพเจ้าเถิด ให้เรายกย่องพระนามของพระองค์ด้วยกัน

4 ข้าพเจ้าได้แสวงหาพระยาห์เวห์และพระองค์ได้ทรงตอบข้าพเจ้า และพระองค์ได้ประทานชัยชนะเหนือความกลัวทั้งสิ้นของข้าพเจ้า 5 บรรดาผู้ที่เพ่งมองพระองค์จะเบิกบาน และใบหน้าของพวกเขาจะไม่อับอาย 6 ผู้ที่ถูกกดขี่คนนี้ได้ร่ำร้องและพระยาห์เวห์ได้ทรงสดับเขา และได้ทรงช่วยให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้นของเขา

7 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ตั้งค่ายล้อมรอบบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์และช่วยกู้พวกเขา 8 จงชิมและจะเห็นว่าพระยาห์เวห์ทรงประเสริฐ บรรดาผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์ก็เป็นสุข 9 บรรดาวิสุทธิชนของพระองค์เอ๋ย จงยำเกรงพระยาห์เวห์ บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไม่ขาดแคลน

10 บางครั้งสิงห์หนุ่มก็ขาดแคลนอาหารและทนหิว แต่บรรดาผู้ที่แสวงหาพระยาห์เวห์จะไม่ขาดสิ่งดีใดๆ เลย 11 มาเถิด ลูกชายเอ๋ย จงฟังเรา เราจะสอนเจ้าถึงความยำเกรงพระยาห์เวห์

12 มีมนุษย์คนใดบ้างที่ปรารถนาชีวิตและรักที่จะมีอายุยืนยาวเพื่อเขาจะได้เห็นสิ่งดี? 13 ก็จงรักษาลิ้นของเจ้าจากความชั่วและรักษาริมฝีปากของเจ้าจากการพูดมุสา 14 จงหันหนีจากความชั่วและจงทำดี จงแสวงหาสันติภาพและติดตามมัน

15 พระเนตรของพระยาห์เวห์ทรงอยู่เหนือคนชอบธรรมและพระกรรณของพระองค์ทรงสดับฟังเสียงร้องทูลของพวกเขา 16 พระพักตร์ของพระยาห์เวห์ต่อสู้บรรดาผู้ทำชั่ว เพื่อจะตัดความทรงจำของพวกเขาไปจากแผ่นดินโลก 17 คนชอบธรรมร้องทูลและพระยาห์เวห์ทรงสดับเขาและพระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากความยากลำบากทั้งสิ้นของพวกเขา

18 พระยาห์เวห์ทรงใกล้ชิดผู้ที่ใจแตกสลาย และทรงช่วยบรรดาผู้ที่วิญญาณแหลกสลายให้รอด 19 คนชอบธรรมมีความยากลำบากหลายอย่าง แต่พระยาห์เวห์ทรงช่วยนำพวกเขาให้พ้นออกมาทั้งหมด 20 พระองค์ทรงปกป้องกระดูกทุกชิ้นของเขา ไม่มีกระดูกชิ้นใดที่จะหักได้เลย

21 ความชั่วจะฆ่าคนชั่ว บรรดาผู้ที่เกลียดความชอบธรรมจะถูกลงโทษ 22 พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้ชีวิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ บรรดาผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์ไม่มีใครที่จะถูกลงโทษ

86

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงต่อต้านบรรดาผู้ที่ต่อต้านข้าพระองค์ ขอทรงต่อสู้บรรดาผู้ที่ต่อสู้ข้าพระองค์ 2 ขอทรงคว้าโล่เล็กและโล่ใหญ่ของพระองค์ ขอทรงยกขึ้นและช่วยข้าพระองค์ 3 ขอทรงใช้หอกและขวานศึกต่อสู้บรรดาผู้ที่ไล่ตามข้าพระองค์ ขอทรงตรัสแก่จิตใจของข้าพระองค์ว่า "เราเป็นความรอดของเจ้า"

4 ขอให้บรรดาผู้แสวงหาชีวิตของข้าพระองค์ได้อับอายและอัปยศ ขอให้บรรดาผู้วางแผนทำร้ายข้าพระองค์ได้หันกลับไปและพ่ายแพ้ 5 ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบต่อหน้าลม เมื่อทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ขับไล่พวกเขาไป 6 ขอให้ทางของพวกเขามืดมิดและลื่น เมื่อทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ขับไล่พวกเขาไป

7 พวกเขาได้วางตาข่ายดักข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ พวกเขาได้ขุดหลุมดักชีวิตข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ 8 ขอให้หายนะตามทันพวกเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ขอให้พวกเขาติดตาข่ายที่วางไว้เอง ขอให้พวกเขาตกลงลงไปในหายนะของพวกเขาเอง

9 แต่ข้าพระองค์จะชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์และเปรมปรีดิ์ในการช่วยให้รอดของพระองค์ 10 กระดูกทุกชิ้นของข้าพระองค์จะพูดว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ใดเป็นเหมือนพระองค์ ผู้ทรงช่วยกู้คนที่ถูกข่มเหงจากพวกที่แข็งแกร่งเกินไปสำหรับพวกเขา และทรงช่วยกู้คนยากจนและขัดสนจากผู้ที่หาทางปล้นพวกเขา"?

11 พวกพยานอธรรมก็ลุกขึ้น พวกเขาพูดเท็จใส่ร้ายข้าพระองค์ 12 พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพระองค์ด้วยความชั่ว ข้าพระองค์เศร้าใจ

13 แต่เมื่อยามที่พวกเขาเจ็บป่วย ข้าพระองค์ได้สวมผ้ากระสอบ ข้าพระองค์ได้ถืออดอาหารเพื่อพวกเขาด้วยก้มศีรษะลงถึงอกของข้าพระองค์ 14 ข้าพระองค์ทุกข์โศกราวกับว่าเป็นพี่น้องของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก้มตัวลงด้วยความโศกเศร้าราวกับว่าเป็นมารดาของข้าพระองค์

15 แต่เมื่อข้าพระองค์สะดุดล้ม พวกเขากลับดีใจและสุมหัวกัน พวกเขาสุมหัวกันต่อสู้ข้าพระองค์ โดยที่ข้าพระองค์ไม่ทันรู้ตัว พวกเขาไม่หยุดที่จะฉีกทึ้งข้าพระองค์ 16 พวกเขาเยาะเย้ยข้าพระองค์อย่างไม่เกรงใจ พวกเขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของพวกเขาใส่ข้าพระองค์ด้วยโทสะ

17 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงทอดพระเนตรอีกนานสักเท่าใด? ขอทรงช่วยกู้จิตวิญญาณของข้าพระองค์จากการจู่โจมทำลายของพวกเขา ขอทรงช่วยชีวิตข้าพระองค์จากฝูงสิงโต 18 แล้วข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ในที่ประชุมใหญ่ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในท่ามกลางประชาชนมากมาย

19 ขออย่าให้ศัตรูเจ้าเล่ห์ของข้าพระองค์ได้ดีใจเหนือข้าพระองค์ ขออย่าให้พวกเขาได้ทำตามแผนชั่วของพวกเขา 20 เพราะพวกเขาไม่ได้พูดจาด้วยสันติภาพ แต่พวกเขาคิดถ้อยคำหลอกลวงต่อต้านบรรดาผู้ที่อยู่อย่างสงบในแผ่นดินของข้าพระองค์ทั้งหลาย

21 พวกเขาอ้าปากกว้างใส่ข้าพระองค์ พวกเขาได้พูดว่า "นี่ไง นี่ไงพวกเราได้เห็นกับตาแล้ว" 22 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรแล้ว ขออย่าทรงเงียบ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าทรงสถิตไกลจากข้าพระองค์ 23 ขอทรงลุกขึ้นและทรงตื่นเพื่อความเป็นธรรมของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด

24 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพระองค์เพราะความชอบธรรมของพระองค์ ขออย่าให้พวกเขาได้ดีใจเหนือข้าพระองค์ 25 ขออย่าให้พวกเขาคิดในใจว่า "นี่ไง เราได้สิ่งที่เราต้องการแล้ว" ขออย่าให้พวกเขาพูดว่า "เราได้กลืนกินเขาแล้ว" 26 ขอทรงให้บรรดาคนที่อยากทำร้ายข้าพระองค์ได้อับอายและพ่ายแพ้ ขอให้บรรดาผู้ที่เยาะเย้ยข้าพระองค์ได้คลุมตัวด้วยความอายและความอัปยศ

27 ขอให้บรรดาผู้ที่ปรารถนาเห็นข้าพระองค์มีชัยได้โห่ร้องด้วยความยินดีและเปรมปรีดิ์ ขอให้พวกเขาพูดตลอดไปว่า "จงสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระองค์ผู้ทรงพอพระทัยในสวัสดิภาพของผู้รับใช้ของพระองค์" 28 แล้วข้าพระองค์จะกล่าวถึงความยุติธรรมของพระองค์และสรรเสริญพระองค์ตลอดทั้งวัน

87

1 คนชั่วพูดถึงการละเมิดของเขาจากส่วนลึกในใจของเขา ไม่มีความเกรงกลัวพระเจ้าอยู่ในสายตาของเขา 2 เพราะเขาปลอบใจตัวเอง คิดว่าบาปของเขาจะไม่ถูกค้นพบและไม่เป็นที่รังเกียจ

3 คำพูดของเขาก็เต็มไปด้วยบาปและการหลอกลวง เขาไม่ต้องการเป็นคนฉลาดและทำดี 4 ในขณะที่เขานอนในที่นอน เขาวางแผนที่จะทำบาปไว้หลายวิธี เขามุ่งไปทางชั่ว เขาไม่ปฏิเสธความชั่วเลย

5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ไปถึงฟ้าสวรรค์ ความเสมอต้นเสมอปลายของพระองค์ไปถึงหมู่เมฆ 6 ความชอบธรรมของพระองค์เป็นเหมือนบรรดาภูเขาของพระเจ้า การพิพากษาของพระองค์เป็นเหมือนที่ลึก ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงปกป้องทั้งบรรดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย

7 ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์นั้นมีค่ายิ่งนัก ข้าแต่พระเจ้า มนุษย์ทั้งหลายเข้าลี้ภัยภายใต้ร่มปีกของพระองค์ 8 พวกเขาจะอิ่มเอมอย่างอุดมสมบูรณ์ได้ด้วยอาหารแห่งพระนิเวศของพระองค์ พระองค์จะทรงให้พวกเขาดื่มจากแม่น้ำแห่งพระพรอันมีค่าของพระองค์ 9 เพราะน้ำพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์ เราเห็นความสว่างในแสงสว่างของพระองค์

10 ขอทรงขยายความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ไปยังบรรดาผู้ที่รู้จักพระองค์อย่างเต็มขนาด และการปกป้องของพระองค์แก่ผู้ที่มีใจเที่ยงธรรม 11 ขออย่าให้เท้าของคนจองหองมาใกล้ข้าพระองค์ ขออย่าให้มือของคนชั่วขับไล่ข้าพระองค์ไปเสีย 12 บรรดาคนทำชั่วก็ได้ล้มลงที่นั่น พวกเขาถูกซัดลงและไม่สามารถลุกขึ้นได้

88

1 อย่าเคืองใจเพราะพวกคนทำชั่ว อย่าอิจฉาบรรดาผู้ประพฤติอธรรม 2 เพราะอีกไม่นานพวกเขาจะแห้งไปเหมือนหญ้าและเหี่ยวไปเหมือนพืชสีเขียว

3 จงวางใจในพระยาห์เวห์และทำสิ่งที่ดี จงอยู่อาศัยในแผ่นดินและได้รับการเลี้ยงดูอย่างคงเส้นคงวา 4 แล้วจงปีติยินดีในพระยาเวห์ และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน

5 จงมอบทางของท่านให้แก่พระยาห์เวห์ จงวางใจในพระองค์ และพระองค์จะทรงกระทำแทนท่าน 6 พระองค์จะทรงสำแดงความชอบธรรมของท่านให้เป็นเหมือนแสงสว่างกลางวันและความเป็นผู้ไม่มีความผิดของท่านเป็นเหมือนอย่างเที่ยงวัน

7 จงสงบอยู่ต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์และรอคอยพระองค์ด้วยความเพียร อย่าโกรธถ้าบางคนประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาทำ หรือเมื่อเขาวางแผนชั่ว

8 อย่าโกรธและงุ่นง่านเลย อย่าวิตกกังวล นี้สร้างแต่ปัญหาเท่านั้น 9 พวกคนทำชั่วจะถูกตัดออกไปเสีย แต่บรรดาผู้ที่รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก 10 อีกสักหน่อยคนชั่วก็จะสูญสิ้นไป ท่านจะมองดูสถานที่ของเขา แต่ว่าเขาจะจากไปแล้ว

11 แต่คนที่มีใจอ่อนสุภาพจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดกและจะเบิกบานในความเจริญมั่งคั่งอย่างมากมาย 12 คนชั่วปองร้ายคนชอบธรรมและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เขา 13 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหัวเราะเยาะเขา เพราะพระองค์ทรงเห็นว่าวันเวลาของเขาใกล้เข้ามาแล้ว

14 พวกคนชั่วได้ชักดาบของพวกเขาออกและโก่งคันธนูเพื่อยิงไปยังคนที่ถูกข่มเหงและคนที่ขัดสน เพื่อเข่นฆ่าคนที่เที่ยงธรรม 15 ใจของพวกคนชั่วจะถูกแทงด้วยดาบของพวกเขาเอง และคันธนูของพวกเขาจะหัก

16 เล็กๆ น้อย ที่คนชอบธรรมมีก็ดีกว่าความอุดมสมบูรณ์ของคนชั่วจำนวนมาก 17 เพราะแขนของคนชั่วจะหัก แต่พระยาห์เวห์ทรงอุปถัมภ์คนชอบธรรม

18 พระยาห์เวห์ทรงเฝ้าดูแลคนที่ไร้ตำหนิวันต่อวัน และมรดกของพวกเขาจะยั่งยืนเป็นนิตย์ 19 พวกเขาจะไม่อับอายเมื่อถึงยามเลวร้าย เมื่อการกันดารมาถึง พวกเขาจะมีรับประทานอย่างเพียงพอ

20 แต่คนชั่วจะพินาศไป พวกศัตรูของพระยาห์เวห์จะเป็นเหมือนความสง่างามของทุ่งหญ้า พวกเขาจะถูกเผาผลาญและอันตรธานไปในควัน 21 คนชั่วขอยืมและไม่จ่ายคืน แต่คนชอบธรรมนั้นใจกว้างและแจกจ่าย

22 บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงอวยพระพรจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงสาปแช่งจะถูกตัดออกไปเสีย 23 ย่างเท้าของมนุษย์ตั้งมั่นคงอยู่ได้โดยพระยาห์เวห์ คือคนที่ทางของเขาเป็นที่ยกย่องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ 24 แม้ว่าเขาสะดุด เขาจะไม่ล้มลง เพราะพระยาห์เวห์ทรงประคองเขาไว้ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์

25 ข้าพเจ้าเคยหนุ่มและเดี๋ยวนี้ก็แก่แล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้งหรือลูกหลานของเขาขอทานเพื่อจะได้อาหาร 26 เขามีเมตตาและให้ยืมมายาวนาน และลูกหลานของเขาก็กลายเป็นพร 27 จงหันหนีจากความชั่วและทำสิ่งที่ถูกต้อง แล้วท่านจะอยู่อย่างปลอดภัยตลอดไป

28 เพราะพระยาห์เวห์ทรงรักความยุติธรรมและไม่ทอดทิ้งผู้ที่ติดตามอย่างซื่อสัตย์ พวกเขาจะได้รับการสงวนไว้ตลอดไปเป็นนิตย์ แต่บรรดาลูกหลานของคนชั่วจะถูกตัดออกไปเสีย 29 คนชอบธรรมจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดกและอาศัยอยู่ที่นั่นตลอดไปเป็นนิตย์ 30 ปากของคนชอบธรรมพูดถึงปัญญาและเพิ่มพูนความยุติธรรม

31 พระบัญญัติของพระเจ้าของเขาอยู่ในใจของเขา เท้าของเขาจะไม่ลื่นไถล 32 คนชั่วคอยดูคนชอบธรรมและหาทางฆ่าเขาเสีย 33 พระยาห์เวห์จะไม่ทรงทิ้งเขาไว้ในเงื้อมมือของคนชั่วหรือทรงลงโทษเขาเมื่อพระองค์ทรงพิพากษา

34 จงรอคอยพระยาห์เวห์และรักษาทางของพระองค์ไว้ และพระองค์จะทรงยกท่านขึ้นให้ครอบครองแผ่นดิน ท่านจะมองเห็นเมื่อคนชั่วถูกตัดออกไป

35 ข้าพเจ้าเคยเห็นคนชั่วและคนที่น่ากลัวแพร่ขยายออกไปเหมือนต้นไม้เขียวที่ปลูกในดินที่เหมาะสมกับมัน 36 แต่เมื่อข้าพเจ้าผ่านไปอีกครั้งหนึ่ง เขาก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ข้าพเจ้ามองหาเขา แต่ก็ไม่พบเลย

37 จงเฝ้าดูคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และจงหมายคนเที่ยงตรงไว้ เพราะมีอนาคตที่ดีสำหรับคนสงบสุข 38 คนบาปจะถูกทำลายไปอย่างราบคาบ อนาคตของคนชั่วก็ถูกตัดออกไปเสีย

39 ความรอดของคนชอบธรรมมาจากพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงปกป้องพวกเขาในยามยากลำบาก 40 พระยาห์เวห์ทรงอุปถัมภ์พวกเขาและทรงช่วยกู้พวกเขา พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาจากพวกคนชั่วและช่วยพวกเขาให้รอดเพราะพวกเขาได้ลี้ภัยในพระองค์

89

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงขนาบข้าพระองค์ด้วยความกริ้วของพระองค์ ขออย่าทรงลงโทษข้าพระองค์ด้วยพระพิโรธของพระองค์ 2 เพราะลูกธนูของพระองค์ปักเข้าในตัวข้าพระองค์ และพระหัตถ์ของพระองค์ได้กดข้าพระองค์ลง

3 ทั้งร่างกายของข้าพระองค์ก็เจ็บป่วยเนื่องด้วยความกริ้วของพระองค์ เป็นเพราะความบาปของข้าพระองค์ กระดูกของข้าพระองค์จึงไม่มีสภาพดีเลย 4 เพราะความผิดบาปของข้าพระองค์ท่วมท้นข้าพระองค์ มันเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับข้าพระองค์

5 บาดแผลทั้งหลายของข้าพระองค์ก็ติดเชื้อและเหม็นเน่าก็เพราะบาปอันโง่เขลาของข้าพระองค์ 6 ข้าพระองค์น้อมตัวลงและอับอายอยู่ทุกวัน ข้าพระองค์ใช้ชีวิตอย่างทุกข์โศกตลอดวันยังค่ำ

7 เพราะข้าพระองค์เต็มไปด้วยรอยไหม้ภายในข้าพระองค์ เนื้อหนังของข้าพระองค์ไม่มีสภาพดีเลย 8 ข้าพระองค์หมดแรงและถูกบดขยี้อย่างรุนแรง ข้าพระองค์ครวญครางเพราะความปวดร้าวในใจของข้าพระองค์

9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเข้าใจความปรารถนาจากก้นบึ้งในใจของข้าพระองค์ และการคร่ำครวญของข้าพระองค์ก็ไม่ได้ซ่อนไว้จากพระองค์ 10 ใจของข้าพระองค์ก็เต้นอย่างรุนแรง กำลังของข้าพระองค์ก็ร่อยหลอ และสายตาของข้าพระองค์ก็ริบหรี่

11 มิตรสหายและเพื่อนฝูงของข้าพระองค์ก็พากันหลบหลีกข้าพระองค์เพราะสภาพของข้าพระองค์ เพื่อนบ้านของข้าพระองค์ก็ยืนอยู่แต่ห่างๆ 12 บรรดาผู้ที่แสวงเอาชีวิตของข้าพระองค์ก็วางบ่วงดักข้าพระองค์ พวกที่หาทางทำร้ายข้าพระองค์ก็พูดถ้อยคำหายนะ และกล่าวคำหลอกลวงตลอดวันยังค่ำ

13 แต่ข้าพระองค์เป็นเหมือนคนหูหนวกและไม่ได้ยินอะไร ข้าพระองค์เป็นเหมือนคนใบ้ที่พูดไม่ได้ 14 ข้าพระองค์เป็นเหมือนคนที่ไม่ได้ยินและเหมือนคนที่ตอบไม่ได้

15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แน่ทีเดียวข้าพระองค์รอคอยพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์จะทรงตอบ 16 ข้าพระองค์พูดแบบนี้เพื่อที่ศัตรูทั้งหลายของข้าพระองค์จะได้ไม่เย้ยหยันข้าพระองค์ ถ้าเท้าของข้าพระองค์ลื่นไถล พวกเขาจะทำสิ่งที่น่ากลัวแก่ข้าพระองค์

17 เพราะข้าพระองค์จวนสะดุดล้มลงแล้ว และข้าพระองค์เจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา 18 ข้าพระองค์สารภาพความผิดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทุกข์ใจในเรื่องบาปของข้าพระองค์

19 แต่ศัตรูของข้าพระองค์มีจำนวนมากมาย บรรดาผู้ที่เกลียดชังข้าพระองค์อย่างผิดๆ ก็มีมากมาย 20 พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพระองค์ด้วยความชั่ว พวกเขารุมกล่าวโทษข้าพระองค์แม้ว่าข้าพระองค์ติดตามแต่สิ่งที่ดี

21 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ ขออย่าสถิตห่างไกลจากข้าพระองค์ 22 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเป็นความรอดของข้าพระองค์ ขอเสด็จมาช่วยข้าพระองค์โดยเร็วเถิด

90

1 ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจว่า "ข้าพเจ้าจะเฝ้าระวังสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดเพื่อข้าพเจ้าจะไม่ทำบาปด้วยลิ้นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะปิดปากของข้าพเจ้าไว้ในขณะที่อยู่ต่อหน้าคนชั่ว"

2 ข้าพเจ้านิ่งเงียบเสีย ข้าพเจ้าเก็บคำพูดของข้าพเจ้าไว้แม้จะพูดอะไรที่ดีก็ตาม และความเจ็บปวดของข้าพเจ้าก็ยิ่งแย่ลง 3 ใจของข้าพเจ้าก็รุ่มร้อนอยู่ เมื่อข้าพเจ้าคิดถึงเรื่องเหล่านี้ มันไหม้ดั่งเช่นไฟ แล้วในที่สุดข้าพเจ้าก็พูดว่า

4 "ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทราบว่าเมื่อไรจะถึงบั้นปลายชีวิตของข้าพระองค์และเวลาของข้าพระองค์เหลืออยู่เท่าใด ขอทรงสำแดงให้รู้ว่าชีวิตของข้าพระองค์นั้นสั้นขนาดไหน 5 ดูสิ พระองค์ได้ทรงให้วันเวลาของข้าพระองค์ยาวเพียงแค่ฝ่ามือของข้าพระองค์ และตลอดชีวิตของข้าพระองค์ก็ไร้ค่าเฉพาะพระพักตร์พระองค์ แน่ทีเดียวมนุษย์ทุกคนอยู่ได้เพียงแค่ลมหายใจเดียว เสลาห์

6 แน่ทีเดียว มนุษย์ทุกคนเดินไปมาดั่งเช่นเงา แน่ทีเดียวทุกคนเร่งรีบในการสะสมความร่ำรวยแม้พวกเขาไม่รู้ว่าใครจะมารับความร่ำรวยนั้นต่อไป 7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ ข้าพระองค์รอคอยอะไรเล่า? พระองค์ทรงเป็นความหวังเดียวของข้าพระองค์

8 ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากบาปทั้งหลายของข้าพระองค์ ขออย่าให้ข้าพระองค์ถูกคนโง่เขลาเย้ยหยัน 9 ข้าพระองค์นิ่งเงียบอยู่และไม่สามารถเปิดปากของข้าพระองค์ออกได้ เพราะว่าพระองค์เองได้ทรงเป็นผู้กระทำเช่นนั้น

10 ขออย่าทรงทำให้ข้าพระองค์บาดเจ็บเลย ข้าพระองค์จมอยู่ในภัยพิบัติแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ 11 เมื่อพระองค์ทรงตีสอนบรรดาประชากรเพราะความบาป พระองค์ทรงกลืนกินสิ่งที่พวกเขาปรารถนาไปเหมือนมอด แน่ทีเดียวประชากรทั้งสิ้นนั้นไร้ค่าเป็นแต่เพียงไอน้ำ เสลาห์

12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสดับคำอธิษฐานของข้าพระองค์ และทรงสดับฟังข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร่ำไห้ของข้าพระองค์ ขออย่าทรงเมินเฉยต่อข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์เป็นเหมือนคนต่างด้าวสำหรับพระองค์ เป็นผู้ลี้ภัยเหมือนเช่นบรรดาบรรพบุรุษทั้งปวงของข้าพระองค์เคยเป็น 13 ขออย่าทรงจ้องมองข้าพระองค์เพื่อข้าพระองค์จะได้ยิ้มอีกครั้งก่อนที่ข้าพระองค์จะสิ้นชีวิต"

91

1 ข้าพเจ้าได้เพียรรอคอยพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงสดับฟังข้าพเจ้าและทรงได้ยินเสียงร้องของข้าพเจ้า 2 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าขึ้นมาจากหลุมที่น่ากลัว ออกจากเลนตม และทรงวางเท้าของข้าพเจ้าไว้บนศิลาและทำให้ย่างเท้าของข้าพเจ้ามั่นคง

3 พระองค์ได้ทรงบรรจุบทเพลงบทใหม่ไว้ในปากของข้าพเจ้า สรรเสริญแด่พระเจ้าของเราทั้งหลาย คนเป็นอันมากจะเห็นและถวายเกียรติแด่พระองค์ และจะไว้วางใจในพระยาห์เวห์ 4 ความสุขเป็นของผู้ที่ไว้วางใจในพระยาห์เวห์และไม่ยกย่องคนหยิ่งจองหองหรือบรรดาผู้ที่หันหนีจากพระองค์ไปหาความเท็จ

5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระราชกิจอันมหัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำมีอย่างมากมาย และพระดำริของพระองค์ซึ่งเกินกว่าที่ข้าพระองค์ทั้งหลายจะนับได้ ถ้าข้าพระองค์จะประกาศและกล่าวถึงสิ่งเหล่านั้น ก็คงมีมากเกินกว่าที่จะนับได้ 6 พระองค์ไม่ทรงยินดีในสัตวบูชาหรือเครื่องบูชา แต่พระองค์ได้ทรงเปิดหูของข้าพระองค์ พระองค์ไม่ทรงประสงค์เครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาลบล้างบาป

7 แล้วข้าพระองค์ทูลว่า "ข้าพระองค์มาแล้ว พระเจ้าข้า มีข้อเขียนเกี่ยวกับข้าพระองค์ในหนังสือม้วน 8 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ปีติยินดีที่จะทำตามพระทัยของพระองค์ พระบัญญัติทั้งหลายของพระองค์อยู่ในใจของข้าพระองค์" 9 ข้าพระองค์ได้ประกาศข่าวดีแห่งความชอบธรรมของพระองค์ในที่ชุมนุมชนใหญ่ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงทราบว่าริมฝีปากของข้าพระองค์ไม่ได้ยับยั้งที่จะประกาศเลย

10 ข้าพระองค์ไม่ได้ปกปิดความชอบธรรมของพระองค์ไว้เพียงแต่ในใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ประกาศความชอบธรรมของพระองค์และความรอดของพระองค์ ข้าพระองค์ไม่ได้ปกปิดความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์หรือความสัตย์จริงของพระองค์ไว้จากที่ชุมนุมชนใหญ่เลย 11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงเหนี่ยวรั้งพระกรุณาคุณของพระองค์ไปจากข้าพระองค์ ขอให้ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์และความสัตย์จริงของพระองค์คุ้มครองรักษาข้าพระองค์อยู่เสมอ

12 ความยากลำบากอันนับไม่ถ้วนได้รายล้อมข้าพระองค์ ความบาปผิดของข้าพระองค์ได้ตามทันข้าพระองค์ทำให้ข้าพระองค์ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ มันมีมากกว่าเส้นผมบนศีรษะของข้าพระองค์ และใจของข้าพระองค์ก็หดหู่ 13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์ทรงโปรด ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์

14 ขอทรงรีบมาช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอให้พวกเขาได้รับความอับอาย และขอให้ผู้ที่ไล่ล่าเพื่อเอาชีวิตของข้าพระองค์ได้สิ้นหวัง ขอให้บรรดาผู้ที่ยินดีในการทำร้ายข้าพระองค์ได้หันกลับไปและได้รับความอัปยศ 15 ขอให้บรรดาผู้ที่พูดแก่ข้าพระองค์ว่า "นี่ไง นี่ไง" ได้ตกตะลึงเพราะความอายของพวกเขา

16 แต่ขอให้บรรดาผู้ที่แสวงหาพระองค์ปีติยินดีและเปรมปรีดิ์ในพระองค์ ให้ทุกคนที่รักความรอดของพระองค์กล่าวอยู่เสมอว่า "ขอให้พระยาห์เวห์เป็นที่สรรเสริญ" 17 ข้าพระองค์ยากจนและขัดสน แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงระลึกถึงข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นความความช่วยเหลือของข้าพระองค์และพระองค์เสด็จมาเพื่อเป็นผู้ช่วยกู้ของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงรอช้า

92

1 ผู้ใดที่เอาใจใส่คนอ่อนแอในยามยากลำบากก็เป็นสุข พระยาห์เวห์จะทรงช่วยกู้เขา 2 พระยาห์เวห์จะทรงสงวนเขาไว้และทรงรักษาชีวิตของเขา และเขาจะได้รับพระพรบนแผ่นดินโลก พระยาห์เวห์จะไม่ทรงมอบเขาให้เป็นไปตามใจชอบของพวกศัตรูของเขา 3 พระยาห์เวห์จะทรงอุปถัมภ์เมื่อเขาอยู่บนที่นอนแห่งการทนทุกข์ พระองค์จะทรงทำให้ที่นอนแห่งความเจ็บป่วยกลายเป็นที่นอนแห่งการรักษา

4 ข้าพระองค์ทูลว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอทรงรักษาข้าพระองค์ให้หาย เพราะข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์" 5 พวกศัตรูของข้าพระองค์พูดไม่ดีใส่ข้าพเจ้าว่า 'เมื่อไรเขาจะตายและชื่อของเขาจะพินาศไป?' 6 ถ้าศัตรูของข้าพระองค์มาเห็นข้าพระองค์ เขาพูดสิ่งไร้สาระ ใจของเขาเก็บเรื่องความหายนะของข้าพระองค์ไว้ พอเมื่อเขาไปจากข้าพระองค์ เขาก็เล่าเรื่องนั้นให้คนอื่นฟัง

7 ผู้ที่เกลียดชังข้าพระองค์ทั้งหมดก็ซุบซิบกันเรื่องข้าพระองค์ พวกเขาต่อต้านข้าพระองค์เพื่อหวังให้ข้าพระองค์เจ็บปวด 8 พวกเขากล่าวว่า "เชื้อแห่งความชั่วได้ฝังแน่นอยู่ในเขา บัดนี้เขากำลังนอนลง แล้วเขาจะไม่ได้ลุกขึ้นอีกต่อไป" 9 แม้เพื่อนสนิทของข้าพระองค์ ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้ใจ ผู้ที่ได้รับประทานอาหารของข้าพระองค์ ก็ได้ยกส้นเท้าของเขาใส่ข้าพระองค์จริงๆ

10 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์และทรงยกข้าพระองค์ขึ้น เพื่อข้าพระองค์จะได้ตอบโต้พวกเขา 11 เพราะนี่ทำให้ข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์ทรงชอบพระทัยในข้าพระองค์ เพราะศัตรูของข้าพระองค์ไม่ได้มีชัยชนะเหนือข้าพระองค์ 12 สำหรับข้าพระองค์แล้ว พระองค์ทรงอุปถัมภ์ข้าพระองค์เพราะความซื่อสัตย์สุจริตของข้าพระองค์ และจะทรงรักษาข้าพระองค์ไว้ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์

13 ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้รับการสรรเสริญจากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล อาเมนและอาเมน

93

1 ดั่งกวางกระเสือกกระสนหาธารน้ำฉันใด ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ก็กระหายหาพระองค์ฉันนั้น 2 ข้าพระองค์กระหายหาพระเจ้า กระหายหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เมื่อไรที่ข้าพระองค์จะได้มาอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า?

3 น้ำตาของข้าพระองค์ไหลท่วมท้นทั้งวันทั้งคืน ในขณะที่พวกศัตรูของข้าพระองค์พากันพูดว่า "พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?" 4 ข้าพระองค์ระลึกถึงสิ่งเหล่านี้เมื่อข้าพระองค์ระบายความในใจออกมา ตอนที่ข้าพระองค์ไปกับฝูงชนมากมายและนำพวกเขาไปยังพระนิเวศของพระเจ้าด้วยเสียงแห่งความยินดีและเสียงสรรเสริญ ฝูงชนพากันเฉลิมฉลองเทศกาล

5 จิตใจของข้าเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงหดหู่? ทำไมเจ้าจึงไม่พอใจอยู่ภายในข้า? จงหวังในพระเจ้า เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นความรอดของข้าอีกครั้ง 6 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ จิตใจของข้าพระองค์ก็หดหู่อยู่ภายในข้าพระองค์ เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์จึงระลึกถึงพระองค์จากดินแดนแห่งแม่น้ำจอร์แดน จากยอดเขาทั้งสามแห่งภูเขาเฮอร์โมน และจากเนินเขามิซาร์

7 ที่ลึกกู่ร้องหาที่ลึกด้วยเสียงของน้ำตกของพระองค์ คลื่นและระลอกคลื่นของพระองค์ได้ท่วมท้นข้าพระองค์แล้ว 8 แต่พระยาห์เวห์ยังจะทรงบัญชาความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ในยามกลางวัน บทเพลงของพระองค์จะอยู่กับข้าพเจ้าในยามกลางคืน เป็นคำอธิษฐานแด่พระเจ้าแห่งชีวิตของข้าพเจ้า

9 ข้าพเจ้าจะทูลต่อพระเจ้า พระศิลาของข้าพเจ้าว่า "ไฉนพระองค์ทรงลืมข้าพระองค์เสีย? ไฉนข้าพระองค์จึงทุกข์โศกเพราะการข่มเหงของศัตรู?" 10 พวกอริของข้าพระองค์ก็ทับถมข้าพระองค์ดุจดั่งดาบที่อยู่ในกระดูกของข้าพระองค์ เมื่อพวกเขาพูดกับข้าพระองค์เสมอว่า "พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?"

11 จิตใจของข้าเอ๋ย ทำไมเจ้าถึงหดหู่? ทำไมเจ้าไม่พอใจอยู่ภายในข้า? จงหวังในพระเจ้า เพราะข้าจะสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นความรอดและทรงเป็นพระเจ้าของข้าอีกครั้ง

94

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอประทานความยุติธรรมแก่ข้าพระองค์ และขอทรงสู้คดีของข้าพระองค์กับพวกชนชาติอธรรม 2 เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งกำลังของข้าพระองค์ ไฉนพระองค์ทรงปฏิเสธข้าพระองค์เสีย? ไฉนข้าพระองค์อยู่ในความทุกข์โศกเพราะการข่มเหงของศัตรู?

3 ขอทรงส่งความสว่างและความจริงของพระองค์มา ให้ทั้งสองนำข้าพระองค์ ให้ทั้งสองนำข้าพระองค์ไปสู่ภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์และไปถึงที่ประทับของพระองค์ 4 แล้วข้าพระองค์จะไปยังแท่นบูชาของพระเจ้า ไปยังพระเจ้าผู้ทรงเป็นความชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้นของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณเขาคู่

5 จิตใจของข้าเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงหดหู่? ทำไมเจ้าไม่พอใจอยู่ข้างในข้า? จงหวังในพระเจ้า ข้าจะสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นความรอดและทรงเป็นพระเจ้าของข้าอีกครั้ง

95

1 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยินกับหู บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายได้บอกเล่าถึงพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำในสมัยของพวกเขา ในสมัยโบราณนั้น 2 พระองค์ได้ทรงขับชนชาติต่างๆ ออกไปด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ แต่พระองค์ได้ทรงปลูกประชาชนของข้าพระองค์ทั้งหลายไว้ พระองค์ได้ทรงทำให้ประชาชนนั้นทุกข์ใจ แต่พระองค์ทรงกระจายประชาชนของข้าพระองค์ทั้งหลายออกไปในแผ่นดิน

3 เพราะพวกเขาไม่ได้รับแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของตนได้โดยดาบของพวกเขาเอง และแขนของพวกเขาก็ช่วยพวกเขาไว้ไม่ได้ แต่โดยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ และพระกรของพระองค์ และโดยความสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงชอบพระทัยในพวกเขา 4 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของข้าพระองค์ ขอทรงมอบชัยชนะให้แก่ยาโคบด้วยเถิด

5 ข้าพระองค์ทั้งหลายจะผลักศัตรูล้มลงได้โดยพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะเหยียบบรรดาผู้ที่ลุกขึ้นต่อสู้ได้โดยพระนามของพระองค์ 6 เพราะข้าพระองค์จะไม่วางใจในคันธนูของข้าพระองค์ และดาบของข้าพระองค์ก็ช่วยข้าพระองค์ให้รอดไม่ได้

7 แต่พระองค์ได้ทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอดจากพวกศัตรูของข้าพระองค์ทั้งหลาย และทรงทำให้คนที่เกลียดชังข้าพระองค์ทั้งหลายได้อับอาย 8 ในพระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายได้อวดถึงพระเจ้าตลอดวันยังค่ำ และข้าพระองค์ทั้งหลายจะสรรเสริญแด่พระนามของพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ เสลาห์

9 แต่บัดนี้ พระองค์ได้ทรงทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลายและนำความอัปยศมาสู่ข้าพระองค์ทั้งหลาย และพระองค์ไม่ได้เสด็จออกไปกับกองทัพของข้าพระองค์ทั้งหลาย 10 พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายหันหนีจากศัตรู และบรรดาผู้ที่เกลียดชังข้าพระองค์ทั้งหลายก็ได้ยึดของริบไป 11 พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเหมือนแกะที่ถูกใช้เพื่อเป็นอาหาร และทรงกระจัดกระจายข้าพระองค์ทั้งหลายไปท่ามกลางชนชาติต่างๆ

12 พระองค์ทรงขายประชากรของพระองค์โดยเปล่าๆ พระองค์ไม่ได้ทรงเพิ่มความมั่งคั่งของพระองค์ขึ้นในการกระทำเช่นนี้ 13 พระองค์ทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นที่เยาะเย้ยของเพื่อนบ้าน เป็นที่หัวเราะเยาะและเย้ยหยันจากบรรดาคนที่อยู่ล้อมรอบข้าพระองค์ทั้งหลาย 14 พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลายเป็นที่ดูหมิ่นในท่ามกลางชนชาติต่างๆ ประชาชนทั้งหลายก็พากันส่ายหัวใส่

15 ความอัปยศของข้าพระองค์อยู่ตรงหน้าข้าพระองค์ตลอดวันยังค่ำ และความอับอายขายหน้าก็ปกคลุมข้าพระองค์ไว้ 16 เนื่องด้วยเสียงของคนที่เหน็บแนมและดูหมิ่น เนื่องด้วยศัตรูและผู้แก้แค้น 17 ทั้งหมดนี้จึงได้ตกมายังข้าพระองค์ทั้งหลาย แต่ข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ลืมพระองค์ หรือทำผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์

18 ใจของข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้หันกลับ ย่างเท้าของข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ไปจากพระมรรดาของพระองค์ 19 แต่พระองค์ยังทรงทุบพวกข้าพระองค์ทั้งหลายให้แตกในที่ของพวกหมาป่าและปกคลุมข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยเงาแห่งความตาย 20 ถ้าหากข้าพระองค์ทั้งหลายได้ลืมพระนามของพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายหรือยื่นมือขึ้นต่อพระอื่น 21 พระเจ้าจะไม่ทรงทราบหรือ? เพราะพระองค์ทรงทราบความลับของจิตใจ 22 เพราะเห็นแก่พระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกฆ่าวันยังค่ำ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเหมือนแกะสำหรับนำไปฆ่า

23 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตื่นเถิด ไฉนพระองค์บรรทมอยู่? ขอทรงลุกขึ้น ขออย่าทรงทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลายไปเป็นนิตย์ 24 ไฉนพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์เสียและทรงลืมความทุกข์ยากและการถูกกดขี่ของพวกข้าพระองค์ทั้งหลาย?

25 เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายละลายไปสู่ผงคลีดิน ร่างกายของข้าพระองค์ทั้งหลายเกาะติดดิน 26 ขอทรงลุกขึ้นเพื่อช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายและทรงไถ่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อเห็นแก่ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์

96

1 ใจข้าพเจ้าเต็มล้นไปด้วยเรื่องที่ดี ข้าพเจ้าจะอ่านถ้อยคำที่ข้าพเจ้าได้ประพันธ์เกี่ยวกับกษัตริย์ด้วยเสียงดัง ลิ้นของข้าพเจ้าเป็นปากกาของผู้ประพันธ์ที่พร้อมแล้ว 2 พระองค์ทรงงามสง่ายิ่งกว่าบรรดาบุตรของมนุษย์คนใด พระคุณถูกเทมายังริมฝีพระโอษฐ์ของพระองค์ เพราะฉะนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายจึงรู้ว่าพระเจ้าได้ทรงอวยพระพรพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์

3 ข้าแต่ผู้ทรงอำนาจ ขอทรงคาดดาบของพระองค์ไว้ข้างพระกายด้วยพระสิริและพระบารมีของพระองค์ 4 ขอพระองค์ทรงม้าอย่างมีชัยเนื่องด้วยความสัตย์จริง ความสุภาพอ่อนโยน และความชอบธรรม พระหัตถ์ขวาของพระองค์จะทรงสอนถึงสิ่งที่น่าครั่นคร้ามแก่พระองค์

5 ลูกธนูของพระองค์นั้นคม ประชาชนก็ล้มลงใต้พระองค์ ลูกธนูของพระองค์ก็อยู่ในหัวใจของพวกศัตรูของกษัตริย์ 6 พระที่นั่งและพระเจ้าของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์ คทาแห่งความยุติธรรมเป็นคทาแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ 7 พระองค์ได้ทรงรักความชอบธรรมและเกลียดชังความชั่ว เพราะฉะนั้นพระเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าของพระองค์ ได้ทรงเจิมพระองค์ด้วยน้ำมันแห่งความยินดียิ่งกว่าบรรดาพระสหายของพระองค์

8 ฉลองพระองค์ทั้งหมดของพระองค์ก็หอมไปด้วยกลิ่นมดยอบ กฤษณา และอบเชย จากพระราชวังงาช้าง เครื่องสายทำให้พระองค์ยินดี 9 บรรดาราชธิดาของกษัตริย์ต่างๆ ประทับท่ามกลางสตรีสูงศักดิ์ของพระองค์ พระราชินีประดับด้วยทองคำแห่งเมืองโอฟีร์ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์

10 ราชธิดาเอ๋ย จงฟังเถิด จงพิเคราะห์และเอียงหูของพระนางมา จงลืมประชาชนของพระนางและบ้านพระราชบิดาของพระนางเสีย 11 ด้วยวิธีนี้ กษัตริย์จะทรงปรารถนาความงามของพระนาง พระองค์ทรงเป็นเจ้านายของพระนาง จงเคารพพระองค์เถิด

12 ราชธิดาแห่งเมืองไทระจะประทับที่นั่นพร้อมกับของกำนัล เศรษฐีในท่ามกลางประชาชนจะขอความโปรดปรานจากพระนาง 13 ราชธิดาของกษัตริย์ในพระราชวังทรงสง่าราศีทั้งสิ้น ผ้าทรงของพระนางทำด้วยทองคำ

14 พระนางถูกนำไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ด้วยเครื่องทรงลายปัก บรรดาหญิงพรหมจารี บรรดาเพื่อนของพระนางที่ติดตามพระนางจะถูกนำมาเข้าเฝ้าพระองค์ 15 พวกเขาจะถูกนำมาด้วยความยินดีและเปรมปรีดิ์ พวกเขาจะเข้าสู่พระราชวังของกษัตริย์

16 บรรดาพระโอรสของพระองค์จะมาแทนที่บรรพบุรุษของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์จะทรงแต่งตั้งพวกเขาเป็นเจ้าปกครองทั่วทั้งแผ่นดินโลก 17 ข้าพระองค์จะทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่ระลึกถึงตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์ เพราะฉะนั้นประชาชนจะถวายขอบพระคุณแด่พระองค์เสมอไปเป็นนิตย์

97

1 พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและกำลังของเรา เป็นความช่วยเหลือที่เตรียมพร้อมในยามยากลำบาก 2 เพราะฉะนั้นเราจะไม่กลัว แม้ว่าแผ่นดินโลกจะเปลี่ยนแปลง แม้ว่าภูเขาทั้งหลายจะสั่นสะเทือนในใจกลางของทะเล 3 แม้ว่าน้ำทะเลส่งเสียงคำรามและคลื่นซัดแรง และแม้ภูเขาทั้งหลายจะสั่นสะเทือนด้วยการขยายตัวออกของมัน เสลาห์

4 มีแม่น้ำสายหนึ่ง มีลำธารแยกซึ่งทำให้นครของพระเจ้ามีความสุข คือสถานที่บริสุทธิ์แห่งพลับพลาขององค์ผู้สูงสุด 5 พระเจ้าทรงประทับอยู่ท่ามกลางนครนั้น นครนั้นจะไม่หวั่นไหว พระเจ้าจะทรงช่วยเหลือนครนั้น และพระเจ้าทรงกระทำเช่นนั้นในยามรุ่งอรุณ

6 ชนชาติทั้งหลายก็อลหม่านและอาณาจักรต่างๆ ก็สั่นคลอน พอพระองค์ทรงเปล่งเสียงของพระองค์ แผ่นดินโลกก็มลายไป 7 พระยาห์เวห์จอมโยธาสถิตกับเราทั้งหลาย พระเจ้าของยาโคบทรงเป็นที่ลี้ภัยของเราทั้งหลาย เสลาห์

8 มาเถิด มาดูบรรดาพระราชกิจของพระยาห์เวห์ ดูความพินาศที่พระองค์ได้ทรงทำให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก 9 พระองค์ทรงทำให้สงครามสงบจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์ทรงหักคันธนูและหอกให้เป็นชิ้นๆ พระองค์ทรงเผาโล่ทั้งหลาย

10 จงเงียบสงบและรู้ว่าเราคือพระเจ้า เราจะได้รับการยกย่องในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ เราจะได้รับการยกย่องบนแผ่นดินโลก 11 พระยาห์เวห์จอมโยธาสถิตอยู่กับเรา พระเจ้าของยาโคบทรงเป็นที่ลี้ภัยของเราทั้งหลาย เสลาห์

98

1 ประชากรทั้งปวงเอ๋ย จงตบมือของท่านเถิด จงโห่ร้องแด่พระเจ้าด้วยเสียงแห่งชัยชนะ 2 เพราะพระยาห์เวห์ผู้สูงสุดเป็นที่น่าครั่นคร้าม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น

3 พระองค์ทรงปราบประชากรทั้งหลายให้อยู่ภายใต้เรา และชนชาติทั้งหลายให้อยู่ภายใต้เท้าของเรา 4 พระองค์ทรงเลือกมรดกของเราไว้ให้พวกเรา เป็นศักดิ์ศรีของยาโคบผู้ที่พระองค์ทรงรัก เสลาห์ 5 พระเจ้าทรงเสด็จขึ้นด้วยเสียงโห่ร้อง พระยาห์เวห์ทรงเสด็จขึ้นด้วยเสียงแตร

6 จงร้องสรรเสริญแด่พระเจ้า จงร้องสรรเสริญเถิด จงร้องสรรเสริญแด่กษัตริย์ของเรา จงร้องสรรเสริญเถิด 7 เพราะพระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์เหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น จงร้องสรรเสริญด้วยความเข้าใจ

8 พระเจ้าทรงครอบครองเหนือชนชาติทั้งหลาย พระเจ้าทรงประทับบนบัลลังก์บริสุทธิ์ของพระองค์ 9 บรรดาเจ้านายของประชากรทั้งหลายได้มาชุมนุมพร้อมกันในฐานะประชากรของพระเจ้าของอับราฮัม เพราะโล่ทั้งหลายของแผ่นดินโลกเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องอย่างยิ่งใหญ่

99

1 พระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่และสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง ในนครแห่งพระเจ้าของเรา บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์ 2 สูงตระหง่านงามตระการตา เป็นความชื่นชมยินดีของทั่วทั้งแผ่นดินโลก คือภูเขาศิโยนทางด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นนครของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ 3 พระเจ้าทรงทำให้พระองค์เองเป็นที่รู้จักกันในปราสาททั้งหลายของศิโยนว่าทรงเป็นที่ลี้ภัย

4 เพราะดูเถิด บรรดากษัตริย์ได้มาชุมนุมกัน พวกเขาได้ผ่านไปพร้อมกัน 5 พวกเขาได้เห็นนครนั้น แล้วพวกเขาก็ประหลาดใจ พวกเขาต่างท้อใจและพวกเขาก็รีบหนีไป 6 ความหวาดผวาได้ครอบงำพวกเขาที่นั่น มีความเจ็บปวดเหมือนตอนที่ผู้หญิงกำลังคลอดบุตร

7 พระองค์ทรงทำลายกองเรือแห่งเมืองทารชิชด้วยลมตะวันออก 8 ดั่งที่เราเคยได้ยินมา เราก็ได้เห็นในนครของพระยาห์เวห์จอมโยธาเช่นนั้น ในนครของพระเจ้าของเรา พระเจ้าจะสถาปนานครนั้นไว้ตลอดไปเป็นนิตย์ เสลาห์

9 ข้าแต่พระเจ้า เราได้ระลึกถึงความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ เมื่ออยู่กลางพระวิหารของพระองค์ 10 ข้าแต่พระเจ้า พระนามของพระองค์เป็นเช่นใด คำสรรเสริญของพระองค์ก็ไปถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลกเช่นนั้น พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยความชอบธรรม

11 ให้ภูเขาศิโยนเปรมปรีดิ์เถิด ให้เหล่าธิดาของยูดาห์ชื่นชมยินดีเพราะการพิพากษาอันชอบธรรมของพระองค์

12 จงเดินรอบภูเขาศิโยนเถิด จงไปรอบๆ ศิโยน จงนับหอคอยของศิโยน 13 จงสังเกตกำแพงของศิโยนให้ดี และมองที่ปราสาททั้งหลายของศิโยนเพื่อท่านจะได้เล่าเรื่องราวให้แก่คนในชั่วอายุถัดไป

14 เพราะพระเจ้าองค์นี้คือพระเจ้าของเราตลอดไปเป็นนิตย์ พระองค์จะทรงเป็นผู้นำของเราจนถึงความมรณา

100

1 จงฟังสิ่งนี้ ชนชาติทั้งสิ้นเอ๋ย บรรดาผู้อาศัยทั้งสิ้นในพิภพเอ๋ย จงเอียงหูฟังเถิด 2 ทั้งคนฐานะต่ำต้อยและคนฐานะสูง ทั้งคนร่ำรวยและคนยากจนด้วย

3 ปากของข้าพเจ้าจะเผยปัญญา และการภาวนาแห่งจิตใจข้าพเจ้าจะเป็นความเข้าใจ 4 ข้าพเจ้าจะเอียงหูของข้าพเจ้าฟังคำเปรียบเทียบ ข้าพเจ้าจะเริ่มคำเปรียบเทียบของข้าพเจ้าด้วยพิณเขาคู่ 5 ทำไมข้าพเจ้าจะต้องกลัววันแห่งความชั่วร้าย เมื่อความบาปผิดรายล้อมอยู่ที่ส้นเท้าของข้าพเจ้า?

6 ทำไมข้าพเจ้าจะต้องกลัวบรรดาผู้ที่วางใจในความมั่งคั่งของพวกเขาและอวดถึงระดับความร่ำรวยของพวกเขา? 7 แน่ทีเดียว ไม่มีใครสามารถไถ่พี่น้องของเขาหรือชำระค่าไถ่ตัวเขาให้แด่พระเจ้าได้ 8 เพราะการไถ่ชีวิตของคนหนึ่งนั้นมีค่าสูงมาก และไม่มีใครสามารถชำระสิ่งที่พวกเราติดค้างไว้ได้

9 ไม่มีใครสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปเพื่อร่างกายของเขาจะไม่เน่าเปื่อย 10 เพราะเขาจะเห็นความเน่าเปื่อย คนมีปัญญาก็ตาย คนโง่และคนเขลาก็พินาศเหมือนกัน และทิ้งความมั่งคั่งของพวกเขาไว้ให้แก่คนอื่น

11 ความคิดในใจของพวกเขาคือว่าครอบครัวของพวกเขาจะอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และเป็นที่อยู่อาศัยของเขาทุกชั่วชาติพันธุ์ พวกเขาเรียกที่ดินของพวกเขาตามชื่อของพวกเขาเอง

12 แต่มนุษย์ แม้มีความมั่งคั่งก็ไม่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ เขาเป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉานที่พินาศได้ 13 นี่คือวิถีทางของความโง่เขลาของพวกเขา และต่อจากเขา ก็คือพวกที่ยอมรับคำพูดของพวกเขา เสลาห์

14 เป็นเหมือนแกะ พวกเขาถูกกำหนดไว้สำหรับแดนคนตาย และความตายจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของพวกเขา คนเที่ยงตรงจะปกครองเหนือพวกเขาในยามเช้า และร่างกายของพวกเขาจะเน่าเปื่อยไปในแดนคนตาย ซึ่งไม่มีที่ให้พวกเขาอยู่อาศัย 15 แต่พระเจ้าจะทรงไถ่ชีวิตของข้าพเจ้าจากอำนาจของแดนคนตาย พระองค์จะทรงรับข้าพเจ้าไว้ เสลาห์

16 อย่ากลัวเมื่อผู้หนึ่งได้กลายเป็นคนร่ำรวย และศักดิ์ศรีของบ้านเขาเพิ่มพูนขึ้น 17 เพราะเมื่อเขาตาย เขาจะเอาอะไรไปไม่ได้เลย ศักดิ์ศรีของเขาจะไม่ตามเขาไป

18 เมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ จิตใจของเขาก็เป็นสุข และมนุษย์ทั้งหลายสรรเสริญเจ้าเมื่อเจ้าอยู่เพื่อตัวเอง 19 เขาจะไปอยู่กับคนในยุคบรรพบุรุษของเขา และพวกเขาจะไม่ได้เห็นความสว่างอีกเลย 20 บุคคลผู้ที่มีความมั่งคั่งแต่ไม่มีความเข้าใจก็เป็นเหมือนเหล่าสัตว์เดรัจฉานซึ่งต้องพินาศไป

101

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงตรัสและทรงเรียกแผ่นดินโลกจากที่ดวงอาทิตย์ขึ้นไปจนถึงที่ดวงอาทิตย์ตก 2 พระเจ้าทรงทอแสงออกมาจากศิโยนเป็นความงดงามที่สมบูรณ์พร้อม

3 พระเจ้าของเราเสด็จมาและไม่ทรงเงียบอยู่ ไฟเผาผลาญอยู่เบื้องหน้าพระองค์และมีพายุรุนแรงล้อมรอบพระองค์ 4 พระองค์ทรงเรียกฟ้าสวรรค์เบื้องบนและแผ่นดินโลกเพื่อพระองค์จะพิพากษาประชากรของพระองค์ 5 "จงรวบรวมคนที่ซื่อสัตย์ของเรามาให้เรา คือบรรดาผู้ที่ทำพันธสัญญากับเราด้วยเครื่องบูชา"

6 ฟ้าสวรรค์จะประกาศความชอบธรรมของพระองค์ เพราะพระเจ้าเองทรงเป็นผู้พิพากษา เสลาห์

7 "ประชากรของเราเอ๋ย จงฟังเถิด และเราจะพูด เราคือพระเจ้า พระเจ้าของเจ้า 8 เราจะไม่ตำหนิเจ้าในเรื่องเครื่องบูชาของเจ้า เครื่องเผาบูชาของเจ้าอยู่ต่อหน้าเราเสมอ

9 เราจะไม่รับวัวตัวผู้จากเรือนของเจ้า หรือแพะตัวผู้จากคอกทั้งหลายของเจ้า 10 เพราะสัตว์ทุกตัวในป่าเป็นของเรา รวมทั้งฝูงโคบนภูเขานับพันลูก 11 เรารู้จักนกทุกตัวแห่งภูเขาทั้งหลาย และสัตว์ป่าแห่งท้องทุ่งเป็นของเรา

12 ถ้าเราหิว เราจะไม่บอกเจ้า เพราะโลกนี้เป็นของเรา รวมทั้งทุกสิ่งในนั้นด้วย 13 เราจะกินเนื้อวัวตัวผู้หรือดื่มเลือดของแพะหรือ?

14 จงถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณแด่พระเจ้า และถวายคำปฏิญาณแด่องค์ผู้สูงสุด 15 จงร้องทูลเราในวันยากลำบาก เราจะช่วยกู้เจ้าและเจ้าจะถวายเกียรติเรา"

16 แต่พระเจ้าทรงตรัสกับคนชั่วว่า "เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาประกาศกฎเกณฑ์ของเรา ที่เจ้าได้รับพันธสัญญาของเราด้วยปากของเจ้า 17 ในเมื่อเจ้าเกลียดคำสั่งสอนและทิ้งถ้อยคำของเราไปเสีย?

18 เมื่อเจ้าเห็นโจร เจ้าก็คบกับเขา เจ้ามีส่วนร่วมกับบรรดาผู้ล่วงประเวณี 19 เจ้ายกปากของเจ้าให้แก่ความชั่ว และลิ้นของเจ้าพูดคำหลอกลวง 20 เจ้านั่งลงและพูดต่อต้านพี่น้องของเจ้า เจ้าใส่ร้ายบุตรของมารดาของเจ้าเอง

21 เจ้าได้ทำสิ่งเหล่านี้ แต่เราได้นิ่งเงียบ แล้วเจ้าก็คิดว่าเราเป็นเหมือนกับเจ้า แต่เราจะตำหนิเจ้าและคุ้ยทุกสิ่งที่เจ้าได้กระทำขึ้นมาต่อตาของเจ้า 22 จงพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี เจ้าผู้ลืมพระเจ้า มิฉะนั้นเราจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ และจะไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้เลย

23 บุคคลผู้ที่ถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณก็สรรเสริญเรา และทุกคนที่วางทางเดินของเขาในทางที่ถูกต้อง เราก็จะสำแดงความรอดของพระเจ้าแก่เขา"

102

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์ตามความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ เพื่อเห็นแก่พระหัตถกิจมากมายอันทรงพระกรุณาคุณของพระองค์ ขอทรงลบบรรดาการละเมิดของข้าพระองค์ 2 ขอทรงล้างข้าพระองค์ให้หมดจดจากความผิดของข้าพระองค์ และขอทรงชำระข้าพระองค์จากบาปของข้าพระองค์

3 เพราะข้าพระองค์ทราบถึงบรรดาการละเมิดของข้าพระองค์ และบาปของข้าพระองค์ก็อยู่ตรงหน้าข้าพระองค์เสมอ 4 ข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ ต่อพระองค์เท่านั้น และได้ทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระองค์ พระองค์ทรงถูกต้องเมื่อพระองค์ตรัส พระองค์ทรงถูกต้องเมื่อพระองค์ทรงตัดสิน

5 ดูเถิด ข้าพระองค์ได้เกิดมาในความบาป ทันทีที่มารดาของข้าพระองค์ตั้งครรภ์ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็อยู่ในความบาปแล้ว 6 ดูเถิด พระองค์ทรงปรารถนาความซื่อสัตย์สุจริตในใจของข้าพระองค์ พระองค์จะทรงทำให้ข้าพระองค์รู้จักสติปัญญาในใจของข้าพระองค์

7 ขอทรงชำระข้าพระองค์ให้บริสุทธิ์ด้วยต้นหุสบ และข้าพระองค์จะสะอาด ขอทรงล้างข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขาวยิ่งกว่าหิมะ 8 ขอทรงให้ข้าพระองค์ได้ยินถึงความเปรมปรีดิ์และความยินดี เพื่อกระดูกที่พระองค์ได้ทรงหักจะได้เปรมปรีดิ์ 9 ขอทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากบาปทั้งหลายของข้าพระองค์ และทรงลบความผิดทั้งสิ้นของข้าพระองค์เสีย

10 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสร้างใจสะอาดภายในข้าพระองค์ และทรงสร้างจิตวิญญาณที่ถูกต้องขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์ 11 ขออย่าทรงขับข้าพระองค์ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ และขออย่าทรงเอาพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพระองค์

12 ขอทรงรื้อฟื้นความเปรมปรีดิ์ในความรอดของพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ และขอทรงประคองข้าพระองค์ไว้ด้วยวิญญาณแห่งความเต็มใจ 13 แล้วข้าพระองค์จะสอนบรรดาผู้ละเมิดถึงพระมรรคาทั้งหลายของพระองค์ และบรรดาคนบาปจะหันกลับมาหาพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์

14 ขอทรงอภัยข้าพระองค์ในการหลั่งเลือด และข้าพระองค์จะโห่ร้องสำหรับความเปรมปรีดิ์แห่งความชอบธรรมของพระองค์ 15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเปิดริมฝีปากของข้าพระองค์ และปากของข้าพระองค์จะกล่าวคำสรรเสริญพระองค์ 16 เพราะพระองค์ไม่ทรงยินดีในเครื่องบูชา ถึงข้าพระองค์จะถวายให้ พระองค์ก็ไม่ทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาทั้งหลาย

17 เครื่องบูชาของพระเจ้าคือจิตวิญญาณที่แตกสลาย ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงดูหมิ่นจิตใจที่แตกสลายและใจที่สำนึกผิดเลย 18 ขอทรงทำดีแก่ศิโยนตามชอบพระทัยของพระองค์ ขอทรงสร้างกำแพงของเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ 19 แล้วพระองค์จะทรงพอพระทัยในบรรดาเครื่องบูชาแห่งความชอบธรรม ในบรรดาสัตวบูชาและเครื่องเผาบูชาทั้งตัว แล้วประชากรของข้าพระองค์ทั้งหลายจะถวายวัวตัวผู้บนแท่นบูชาของพระองค์

103

1 เจ้าผู้มีอำนาจ ทำไมเจ้าถึงภูมิใจในการสร้างปัญหา? พันธสัญญาแห่งความซื่อสัตย์ของพระเจ้ามาทุกวัน 2 ลิ้นของเจ้าวางแผนทำลายเหมือนมีดโกนที่คม ทำการหลอกลวง

3 เจ้ารักความชั่วมากกว่าความดี และรักการโกหกมากกว่าการพูดตรงไปตรงมา เสลาห์

4 เจ้ารักถ้อยคำทั้งสิ้นที่กัดกินคนอื่น เจ้าผู้มีลิ้นหลอกลวง 5 พระเจ้าจะทรงทำลายเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์ พระองค์จะทรงคว้าเจ้าและทรงดึงเจ้าออกจากเต็นท์ของเจ้า และทรงถอนรากถอนโคนเจ้าออกจากแผ่นดินของคนเป็น เสลาห์

6 คนชอบธรรมจะเห็นและเกรงกลัว พวกเขาจะหัวเราะเยาะเขาและกล่าวว่า 7 "จงดู นี่คือบุรุษผู้ที่ไม่ให้พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยของเขา แต่เขาได้วางใจในความอุดมสมบูรณ์ของความมั่งคั่งของเขา และเขาได้มีกำลังขึ้นเมื่อเขาได้ทำลายคนอื่น"

8 แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเป็นเหมือนต้นมะกอกเขียวสดในพระนิเวศของพระเจ้า ข้าพเจ้าจะวางใจในพันธสัญญาแห่งความซื่อสัตย์ของพระเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์ 9 ข้าพระองค์จะถวายขอบพระคุณพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์สำหรับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ ข้าพระองค์จะรอคอยพระนามของพระองค์ เพราะว่าเป็นพระนามที่ประเสริฐ ต่อหน้าบรรดาผู้ชอบธรรมของพระองค์

104

1 คนโง่พูดในใจของเขาว่า "ไม่มีพระเจ้า" พวกเขาก็เสื่อมทรามลงและได้ทำความผิดบาปที่น่าเกลียดน่าชัง ไม่มีใครทำความดีเลย 2 พระเจ้าทรงทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์เพื่อดูบรรดาบุตรของมนุษย์ เพื่อดูว่ามีใครบ้างที่เข้าใจ มีใครบ้างที่แสวงหาพระองค์ 3 พวกเขาทั้งสิ้นต่างหันหนีไปเสีย พวกเขาต่างก็เสื่อมทรามลงด้วยกัน ไม่มีสักคนที่ทำดี ไม่มีแม้แต่คนเดียว

4 บรรดาผู้ที่ทำความผิดบาป คือบรรดาผู้ที่กลืนกินประชากรของเราเหมือนดั่งกินขนมปังและพวกเขาไม่ร้องทูลพระเจ้า ไม่มีความเข้าใจหรือ? 5 พวกเขาต่างตกอยู่ในความกลัวอย่างมาก แม้ว่าไม่มีสาเหตุที่ทำให้กลัว เพราะพระเจ้าจะทรงทำให้กระดูกของผู้ที่จะตั้งค่ายต่อสู้เจ้ากระจัดกระจายไป คนแบบนั้นจะได้รับความอับอายเพราะพระเจ้าได้ทรงปฏิเสธพวกเขาแล้ว

6 โอ ความรอดของอิสราเอลจะมาจากศิโยน เมื่อพระเจ้าทรงนำประชากรของพระองค์กลับคืนมาจากการเป็นเชลย แล้วยาโคบจะเปรมปรีดิ์และอิสราเอลจะยินดี

105

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดโดยพระนามของพระองค์ และทรงตัดสินข้าพระองค์ด้วยพระอานุภาพของพระองค์ 2 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอทรงเอียงพระกรรณต่อถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ 3 เพราะคนแปลกหน้าได้ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์ และพวกคนโหดร้ายได้หมายเอาชีวิตของข้าพระองค์ พวกเขาไม่เห็นพระเจ้าอยู่ในสายตาของพวกเขา เสลาห์

4 ดูเถิด พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเหลือของข้าพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ประคับประคองข้าพระองค์ 5 พระองค์จะทรงตอบโต้บรรดาศัตรูของข้าพระองค์ด้วยสิ่งชั่วร้าย ขอทรงทำลายพวกเขาด้วยความซื่อสัตย์ของพระองค์

6 ข้าพระองค์จะถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ด้วยเครื่องบูชาสมัครใจ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะถวายขอบพระคุณแด่พระนามของพระองค์ เพราะพระนามนั้นประเสริฐ 7 เพราะพระองค์ได้ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากความยากลำบากทุกอย่าง ตาของข้าพระองค์ได้มองเห็นชัยชนะเหนือพวกศัตรูของข้าพระองค์

106

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ และขออย่าทรงซ่อนพระองค์จากคำวิงวอนของข้าพระองค์ 2 ขอทรงสดับฟังข้าพระองค์และทรงตอบข้าพระองค์ ข้าพระองค์ไม่ได้บรรเทาในความยากลำบากของข้าพระองค์ 3 เพราะเสียงพวกศัตรูของข้าพระองค์ เพราะการกดขี่ของคนชั่ว เหตุว่าพวกเขานำความทุกข์มาให้ข้าพระองค์และข่มเหงข้าพระองค์ด้วยความโกรธ

4 ใจของข้าพระองค์สั่นกลัวอยู่ภายใน และความน่ากลัวของความตายได้ตกมาบนข้าพระองค์ 5 ความกลัวและความสะทกสะท้านมาเหนือข้าพระองค์ และความหวาดผวาได้ท่วมท้นข้าพระองค์

6 ข้าพระองค์กล่าวว่า "เออ ขอเพียงข้ามีปีกเหมือนนกพิราบ แล้วข้าก็จะบินหนีไปและอยู่อย่างสงบ 7 ดูเถิด แล้วข้าจะพเนจรไปให้ไกล ข้าจะพักในถิ่นทุรกันดาร เสลาห์

8 ข้าจะรีบไปยังที่กำบังให้พ้นจากลมแรงกล้าและพายุ" 9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเผาผลาญพวกเขา ขอทรงให้ภาษาของพวกเขาวุ่นวายไป เพราะข้าพระองค์เคยเห็นความรุนแรงและความโกลาหลในเมือง

10 พวกเขาเดินบนกำแพงเมืองอยู่ทั้งวันทั้งคืน และความชั่วร้ายและความทุกข์ร้อนอยู่ในท่ามกลางเมืองนั้น 11 ความชั่วร้ายอยู่ในท่ามกลางเมืองนั้น การกดขี่และการหลอกลวงไม่ได้หายจากถนนของเมืองนั้นไปเลย

12 เพราะไม่ใช่ศัตรูที่ขนาบข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงจะทนได้ และไม่ใช่ผู้ที่เกลียดชังข้าพระองค์ที่ได้ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จึงจะซ่อนตัวจากเขา 13 แต่เป็นท่าน เป็นผู้เท่าเทียมกับข้าพระองค์ เป็นมิตรสหายและเพื่อนสนิทของข้าพระองค์ 14 เราเคยมีสามัคคีธรรมที่น่าชื่นใจด้วยกัน เราเคยเดินในพระนิเวศของพระเจ้าพร้อมกับฝูงชน

15 ขอให้ความตายมาบนพวกเขาในทันที ขอให้พวกเขาลงไปยังแดนคนตายทั้งเป็น เพราะสิ่งชั่วร้ายจะอยู่กับพวกเขาที่นั้น

16 แต่สำหรับข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะเรียกหาพระเจ้า และพระยาห์เวห์จะทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด 17 ในเวลาเย็น เวลาเช้า และเที่ยงวัน ข้าพระองค์ร้องทุกข์และคร่ำครวญ พระองค์จะทรงฟังเสียงของข้าพระองค์ 18 พระองค์จะช่วยกู้ชีวิตของข้าพระองค์ให้ปลอดภัยจากสงครามที่ต่อต้านข้าพระองค์ เพราะบรรดาคนที่ต่อสู้ข้าพระองค์มีกันมากมาย

19 ข้าแต่พระเจ้า ผู้ทรงครอบครองจากนิรันดร์กาล จะทรงสดับฟังและทำให้พวกเขาอับอาย เสลาห์ พวกเขาไม่เคยเปลี่ยน และพวกเขาไม่เกรงกลัวพระเจ้า

20 เพื่อนของข้าพระองค์ได้ยกมือของเขาขึ้นต่อสู้บรรดาคนที่อยู่สงบกับเขา เขาไม่เคารพต่อพันธสัญญาที่เขาเคยทำไว้ 21 คำพูดของเขาลื่นเหมือนเนย แต่ในใจของเขามีความเป็นศัตรู ถ้อยคำของเขานุ่มนวลกว่าน้ำมัน แต่พวกเขาเป็นเหมือนดาบที่ถูกชักออกมาแล้ว

22 จงวางภาระของท่านไวักับพระยาห์เวห์ และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย ข้าแต่พระเจ้า 23 แต่พระองค์จะทรงเหวี่ยงคนชั่วลงสู่หลุมแห่งการถูกทำลาย พวกที่กระหายเลือดและหลอกลวงจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคนอื่นทั่วไป แต่ข้าพระองค์จะวางใจในพระองค์

107

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระเมตตาแก่ข้าพระองค์ เพราะผู้คนกำลังโจมตีข้าพระองค์ บรรดาผู้ที่ต่อสู้ข้าพระองค์มุ่งโจมตีข้าพระองค์ตลอดวันยังค่ำ 2 พวกศัตรูของข้าพระองค์เหยียบย่ำข้าพระองค์ตลอดวันยังค่ำ เพราะพวกที่ต่อสู้ข้าพระองค์ด้วยความจองหองมีกันมากมาย

3 เมื่อข้าพระองค์กลัว ข้าพระองค์จะไว้วางใจในพระองค์ 4 ในพระเจ้า ผู้ซึ่งข้าพระองค์สรรเสริญพระวจนะ ในพระเจ้า ข้าพระองค์ไว้วางใจ ข้าพระองค์จะไม่กลัว เพียงแค่มนุษย์จะทำอะไรข้าพระองค์ได้?

5 พวกเขาบิดเบือนถ้อยคำทั้งหลายของข้าพระองค์ตลอดวันยังค่ำ ความคิดทั้งหมดของพวกเขาคือการปองร้ายข้าพระองค์ 6 พวกเขารวมหัวกัน พวกเขาแอบซ่อนตัว และพวกเขาหมายย่างก้าวของข้าพระองค์ เหมือนที่พวกเขาได้รอคอยเอาชีวิตของข้าพระองค์

7 ขออย่าทรงให้พวกเขาหนีพ้นจากการกระทำผิด ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเหวี่ยงชนชาติทั้งหลายลงด้วยความกริ้วของพระองค์ 8 พระองค์ทรงนับการเร่ร่อนทั้งหลายของข้าพระองค์ และเก็บน้ำตาของข้าพระองค์ไว้ในขวดของพระองค์ น้ำตานั้นไม่อยู่ในบันทึกของพระองค์หรือ?

9 แล้วพวกศัตรูของข้าพระองค์จะหันกลับไปในวันที่ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ ข้าพระองค์รู้เช่นนี้ว่า พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายข้าพระองค์ 10 ในพระเจ้า ผู้ซึ่งข้าพระองค์สรรเสริญพระวจนะ ในพระยาห์เวห์ ผู้ซึ่งข้าพระองค์สรรเสริญพระวจนะ 11 ในพระเจ้าข้าพระองค์ไว้วางใจ ข้าพระองค์จะไม่กลัว ผู้ใดจะทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้?

12 หน้าที่ที่จะทำตามคำปฏิญาณของข้าพระองค์ที่มีต่อพระองค์อยู่ที่ข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณแด่พระองค์ 13 เพราะพระองค์ได้ทรงช่วยกู้ชีวิตของข้าพระองค์จากความตาย พระองค์ได้ทรงรักษาเท้าของข้าพระองค์ไม่ให้ล้ม เพื่อข้าพระองค์จะได้ดำเนินต่อพระพักตร์พระเจ้าในความสว่างแห่งการมีชีวิต

108

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์ ขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์จนกว่าความทุกข์ยากลำบากทั้งหลายผ่านพ้นไป ข้าพระองค์อยู่ภายใต้ปีกแห่งการคุ้มครองของพระองค์จนกว่าหายนะนี้ผ่านพ้นไป

2 ข้าพระองค์จะร้องทูลต่อพระเจ้าผู้สูงสุด ต่อพระเจ้าผู้ทรงกระทำทุกสิ่งเพื่อข้าพระองค์ 3 พระองค์จะทรงส่งความช่วยเหลือมาจากฟ้าสวรรค์และช่วยข้าพระองค์ให้รอด พระองค์ทรงพระพิโรธบรรดาผู้ที่บดขยี้ข้าพระองค์ เสลาห์ พระเจ้าจะทรงส่งพระเมตตาแห่งความรักและความซื่อสัตย์ของพระองค์มายังข้าพระองค์

4 ชีวิตของข้าพระองค์อยู่ท่ามกลางเหล่าสิงห์ ข้าพระองค์อยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ที่พร้อมจะกัดกินข้าพระองค์ ข้าพระองค์อยู่ท่ามกลางผู้คนที่ฟันของเขาเป็นหอกและลูกธนู และบรรดาผู้ที่ลิ้นของเขาเป็นดาบคม 5 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเหนือฟ้าสวรรค์ ขอพระสิริของพระองค์อยู่เหนือทั่วทั้งแผ่นดินโลก

6 พวกเขากางตาข่ายดักเท้าข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงได้ทุกข์ใจ พวกเขาได้ขุดหลมพรางไว้ตรงหน้าข้าพระองค์ แต่พวกเขากลับตกลงไปกลางหลุมนั้นเสียเอง เสลาห์

7 ข้าแต่พระเจ้า ใจของข้าพระองค์มั่นคง ใจของข้าพระองค์มั่นคง ข้าพระองค์จะร้องเพลง ใช่แล้ว ข้าพระองค์จะร้องสรรเสริญ 8 จิตใจที่น่าสรรเสริญของข้าพเจ้าเอ๋ย จงตื่นเถิด พิณใหญ่และพิณเขาคู่ จงตื่นเถิด ข้าพเจ้าจะปลุกรุ่งอรุณให้ตื่นขึ้น

9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ในท่ามกลางประชากรทั้งหลาย ข้าพระองค์จะร้องสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย 10 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ใหญ่ยิ่ง สูงถึงฟ้าสวรรค์ และความซื่อสัตย์ของพระองค์สูงถึงเมฆ 11 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเหนือฟ้าสวรรค์ ขอพระสิริของพระองค์เป็นที่ยกย่องเหนือทั่วทั้งแผ่นดินโลก

109

1 พวกท่านที่เป็นผู้ปกครองทั้งหลายพูดอย่างชอบธรรมหรือ? ท่านพิพากษาประชาชนอย่างเที่ยงธรรมหรือ? 2 เปล่าเลย ท่านกระทำการชั่วอยู่ในใจของท่าน ท่านปล่อยการทารุณออกไปทั่วแผ่นดินด้วยมือของท่าน

3 คนชั่วก็หลงเจิ่นแม้ตอนที่พวกเขายังอยู่ในครรภ์ พวกเขาหลงเจิ่นไปและพูดโกหกตั้งแต่เกิด 4 พิษของพวกเขาเป็นเหมือนพิษงู พวกเขาเป็นเหมือนงูพิษหูหนวกที่ปิดหูของมัน 5 ที่ไม่ใส่ใจต่อเสียงของหมองู ไม่ว่าพวกเขาจะมีความเชี่ยวชาญเพียงไร

6 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงหักฟันในปากของพวกมันเสีย ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงหักเขี้ยวใหญ่ของสิงห์หนุ่มเสีย 7 ขอให้เขาทั้งหลายละลายไปเหมือนน้ำที่ไหลออก เมื่อพวกเขายิงลูกธนูของพวกเขาออกไป ขอให้มันเป็นเหมือนลูกธนูที่ไร้จุดมุ่งหมาย 8 ขอให้เขาเหมือนหอยทากที่ละลายและตายไป เหมือนทารกที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอดของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยได้เห็นแสงอาทิตย์

9 ก่อนที่หม้อของเจ้ารู้สึกร้อนจากเปลวไฟที่ไหม้ต้นหนาม พระองค์ก็จะทรงกวาดพวกมันไปเสียด้วยพายุหมุน ทั้งหนามสดและหนามที่ไหม้เป็นเปลวไฟ 10 คนชอบธรรมจะเปรมปรีดิ์เมื่อเขาเห็นการแก้แค้นของพระเจ้า เขาจะล้างเท้าของเขาในเลือดของคนชั่ว 11 ดังนั้นคนเหล่านั้นจะกล่าวว่า "แน่ทีเดียว มีบำเหน็จสำหรับคนชอบธรรม แน่ทีเดียว มีพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาแผ่นดินโลก"

110

1 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากพวกศัตรูของข้าพระองค์ ขอทรงตั้งข้าพระองค์ไว้บนที่สูงไกลจากบรรดาผู้ที่ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์ 2 ขอทรงรักษาข้าพระองค์ให้ปลอดภัยจากบรรดาผู้ทำความผิดบาป และขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากพวกคนกระหายเลือด

3 ดูเถิด เพราะพวกเขาแอบซุ่มรอเอาชีวิตของข้าพระองค์ พวกคนทำชั่วที่มีอำนาจรวมหัวกันต่อสู้ข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ไม่ใช่เพราะเหตุการละเมิดของข้าพระองค์หรือความบาปของข้าพระองค์ 4 พวกเขาเตรียมวิ่งใส่ข้าพระองค์แม้ว่าข้าพระองค์ไม่มีความผิด ขอทรงตื่นขึ้นและทรงช่วยข้าพระองค์และทรงทอดพระเนตร

5 ข้าแต่พระเจ้ายาห์เวห์พระเจ้าจอมโยธา ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของอิสราเอล ขอทรงลุกขึ้นและลงโทษบรรดาชนชาติทั้งสิ้น ขออย่าทรงพระกรุณาต่อบรรดาผู้ละเมิดที่ชั่วร้ายคนใดเลย เสลาห์

6 พวกเขากลับมาในตอนเย็น พวกเขาคำรามเหมือนสุนัขและตระเวนไปรอบเมือง 7 ดูเถิด พวกเขาพูดพล่อยออกมาด้วยปากของพวกเขา ดาบก็อยู่ในริมฝีปากของพวกเขา เพราะพวกเขาพูดว่า "ใครจะได้ยินพวกเรา?"

8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงหัวเราะเยาะพวกเขา พระองค์ทรงหัวเราะเยาะบรรดาชนชาติทั้งสิ้น 9 ข้าแต่พระเจ้า พระกำลังของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะเฝ้าดูพระองค์ พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการที่สูงของข้าพระองค์

10 พระเจ้าของข้าพระองค์จะทรงมาพบข้าพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ พระเจ้าจะทรงให้ข้าพระองค์มองเห็นความปรารถนาของข้าพระองค์อยู่บนพวกศัตรูของข้าพระองค์ 11 ขออย่าทรงสังหารพวกเขาเสีย เกรงว่าชนชาติของข้าพระองค์จะลืม ขอทรงให้พวกเขากระจัดกระจายไปด้วยฤทธานุภาพของพระองค์และทรงให้พวกเขาล้มลง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นโล่ของข้าพระองค์ทั้งหลาย

12 เพราะบาปจากปากของพวกเขา และเพราะถ้อยคำจากริมฝีปากของพวกเขา ขอทรงให้พวกเขาติดกับโดยความเย่อหยิ่งของพวกเขา และเพราะบรรดาการแช่งสาปและการมุสาซึ่งพวกเขาเปล่งออกมานั้น 13 ขอทรงเผาผลาญพวกเขาเสียโดยพระพิโรธ ขอทรงเผาผลาญพวกเขาจนพวกเขาจะไม่มีเหลืออีกต่อไป ขอทรงให้พวกเขาทราบว่าพระเจ้าทรงปกครองเหนือยาโคบและจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก เสลาห์

14 พวกเขากลับมาในตอนเย็น พวกเขาคำรามเหมือนสุนัขและตระเวนไปรอบเมือง 15 พวกเขาเร่ร่อนมองหาอาหาร และถ้าพวกเขาไม่ได้กินอิ่มก็ขู่คำรามเหมือนสุนัข

16 แต่ข้าพระองค์จะร้องเพลงถึงพระกำลังของพระองค์ และในยามเช้า ข้าพระองค์จะร้องเพลงเกี่ยวกับความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นป้อมปราการที่สูงของข้าพระองค์ และทรงเป็นที่ลี้ภัยในวันแห่งความทุกข์ยากของข้าพระองค์ 17 ข้าแต่พระกำลังของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะร้องสรรเสริญแด่พระองค์ เพราะพระเจ้าทรงเป็นป้อมปราการที่สูง ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของข้าพระองค์

111

1 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงทะลวงแนวป้องกันของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์เคยทรงพระพิโรธ ขอทรงรื้อฟื้นข้าพระองค์ทั้งหลายอีกครั้งเถิด

2 พระองค์ได้ทรงทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน พระองค์ได้ทรงฉีกมันออกจากกัน ขอทรงรักษารอยแยกนั้นเถิด เพราะมันสั่นสะเทือน 3 พระองค์ได้ทรงทำให้ประชากรของพระองค์เห็นบรรดาสิ่งที่ยากลำบาก พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายดื่มเหล้าองุ่นแห่งความซวนเซ

4 สำหรับบรรดาผู้ที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ พระองค์ทรงตั้งธงหนึ่งไว้เพื่อแสดงถึงการต่อต้านบรรดาผู้ถือธนู เสลาห์ 5 เพื่อบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรักจะได้รับการช่วยกู้ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์และขอทรงตอบข้าพระองค์

6 พระเจ้าตรัสด้วยความบริสุทธิ์ของพระองค์ว่า "เราจะยินดี เราจะแบ่งเมืองเชเคม และแบ่งหุบเขาเมืองสุคคทออก 7 กิเลอาดเป็นของเรา และมนัสเสห์เป็นของเรา เอฟราอิมก็เป็นหมวกป้องกันศีรษะของเรา ยูดาห์เป็นคทาของเรา

8 โมอับเป็นอ่างล้างชำระของเรา เราเหวี่ยงรองเท้าของเราลงบนเอโดม เราจะโห่ร้องด้วยความมีชัยเหนือฟีลิสเตีย" 9 ผู้ใดจะนำข้าพระองค์เข้าไปยังเมืองที่แข็งแกร่ง? ผู้ใดจะนำข้าพระองค์ไปยังเอโดม?

10 ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์มิได้ทรงปฏิเสธข้าพระองค์ทั้งหลายแล้วหรือ? พระองค์ไม่ทรงเสด็จออกรบกับกองทัพของข้าพระองค์ทั้งหลาย 11 ขอทรงประทานความช่วยเหลือแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อต่อต้านศัตรู เพราะความช่วยเหลือของมนุษย์ไร้ประโยชน์ 12 เราจะมีชัยชนะด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า พระองค์จะทรงเหยียบพวกศัตรูทั้งหลายของเราลง

112

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงฟังเสียงร้องทูลของข้าพระองค์ ขอทรงสดับคำอธิษฐานของข้าพระองค์ 2 ข้าพระองค์จะร้องทูลพระองค์จากที่สุดปลายแผ่นดินโลกเมื่อจิตใจของข้าพระองค์อ่อนระอาไป ขอทรงนำข้าพระองค์ไปยังศิลาที่สูงกว่าข้าพระองค์ 3 เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยสำหรับข้าพระองค์ ทรงเป็นหอคอยแข็งแกร่งจากศัตรูพวกนั้น

4 ขอให้ข้าพระองค์อยู่ในพลับพลาของพระองค์เป็นนิตย์ ขอให้ข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ภายใต้ที่กำบังแห่งปีกของพระองค์ เสลาห์ 5 ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงฟังคำปฏิญาณของข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงประทานมรดกของผู้ที่ยกย่องพระนามของพระองค์แก่ข้าพระองค์

6 พระองค์จะทรงยืดพระชนมายุของพระราชา ปีเดือนของท่านจะยืนนานไปหลายชั่วอายุ 7 ท่านจะดำรงอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าเป็นนิตย์

8 ข้าพระองค์จะร้องสรรเสริญแด่พระนามของพระองค์เป็นนิตย์เพื่อข้าพระองค์จะได้ทำตามคำปฏิญาณของข้าพระองค์ทุกวัน

113

1 ข้าพระองค์สงบคอยพระเจ้าเท่านั้น ความรอดของข้าพระองค์มาจากพระองค์ 2 พระองค์เท่านั้นทรงเป็นศิลาและความรอดของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการที่สูงของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่หวั่นไหวเลย

3 พวกเจ้าทั้งหมดจะโจมตีคนหนึ่งนานสักเท่าใด จนเจ้าสามารถคว่ำเขาลงเหมือนกำแพงที่เอนและรั้วที่โยกเยกหรือ? 4 พวกเขาปรึกษากับท่านเพียงเพื่อจะพาท่านลงมาจากตำแหน่งอันทรงเกียรติของท่าน พวกเขารักในการเล่าเรื่องโกหก พวกเขาอวยพรท่านด้วยปากของพวกเขา แต่ในใจของพวกเขา พวกเขาแช่งด่าท่าน เสลาห์

5 ข้าพระองค์สงบคอยพระเจ้าเท่านั้น เพราะความหวังของข้าพระองค์ตั้งมั่นบนพระองค์ 6 พระองค์เท่านั้นทรงเป็นศิลาและความรอดของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการที่สูงของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่หวั่นไหว

7 ด้วยพระเจ้าทรงเป็นความรอดและเกียรติของข้าพระองค์ศิลาแห่งกำลังของข้าพระองค์และที่ลี้ภัยของข้าพระองค์อยู่ในพระเจ้า 8 ประชาชนเอ๋ย จงวางใจในพระองค์ตลอดเวลา จงระบายความในใจของท่านต่อพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยสำหรับเรา เสลาห์

9 แน่ทีเดียว บรรดาคนฐานะต่ำก็อนิจจัง บรรดาคนฐานะสูงก็เป็นเรื่องไม่จริง พวกเขาแทบไม่มีน้ำหนักเลยบนตาชั่ง เมื่อได้ชั่งพร้อมกัน พวกเขาก็เบากว่าความว่างเปล่า 10 อย่าวางใจในการบีบบังคับหรือการปล้น และอย่าหวังลมๆ แล้งๆ ในความร่ำรวย เพราะสิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดผล อย่าปักใจของเจ้าบนสิ่งเหล่านั้น

11 พระเจ้าได้ตรัสครั้งหนึ่ง ข้าพระองค์ได้ยินอย่างนี้สองครั้งแล้วว่าฤทธานุภาพเป็นของพระเจ้า 12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงตอบแทนทุกคนตามสิ่งที่เขาได้ทำไว้

114

1 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะแสวงหาพระองค์อย่างร้อนรน จิตใจของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์ และเนื้อหนังของข้าพระองค์ปรารถนาหาพระองค์ในดินแดนที่แห้งแล้งและอ่อนล้าที่ซึ่งไม่มีน้ำ 2 ดังนั้น ข้าพระองค์จึงได้มองดูพระองค์ในสถานที่บริสุทธิ์เพื่อดูฤทธานุภาพและพระสิริของพระองค์

3 เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ดีกว่าชีวิต ริมฝีปากของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ 4 เช่นนั้นแหละ ข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระองค์ในขณะที่ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ ข้าพระองค์จะชูมือของข้าพระองค์ในพระนามของพระองค์

5 ซึ่งจะเป็นเหมือนข้าพระองค์ได้รับประทานมื้อที่มีไขกระดูกและไขมัน ริมฝีปากของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยความชื่นบาน 6 เมื่อข้าพระองค์ระลึกถึงพระองค์ในขณะที่อยู่บนที่นอนและใคร่ครวญถึงพระองค์ในยามกลางคืน

7 เพราะพระองค์ได้ทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์ภายใต้ร่มปีกของพระองค์ 8 ข้าพระองค์ติดสนิทกับพระองค์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงประคองข้าพระองค์ไว้

9 แต่บรรดาผู้ที่หาทางทำลายชีวิตของข้าพระองค์จะลงไปยังก้นบึ้งของแผ่นดินโลก 10 พวกเขาจะถูกมอบให้แก่บรรดาพวกที่มือของพวกเขาถือดาบ และพวกเขาจะกลายเป็นอาหารของพวกสุนัขจิ้งจอก

11 แต่พระราชาจะทรงยินดีในพระเจ้า ทุกคนที่สาบานโดยอ้างพระเจ้าจะภาคภูมิใจในพระองค์ แต่ปากของบรรดาคนพูดมุสาจะถูกปิด

115

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสดับเสียงของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องทุกข์ของข้าพระองค์ ขอทรงปกป้องชีวิตของข้าพระองค์ไว้จากความหวาดกลัวพวกศัตรูของข้าพระองค์ 2 ขอทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้จากการวางแผนลับของพวกคนทำชั่ว จากการจลาจลของบรรดาผู้ทำความผิดบาป

3 พวกเขาได้ลับลิ้นของพวกเขาอย่างลับดาบ พวกเขาได้เอาคำขมขื่นเล็งมาอย่างลูกธนู 4 เพื่อพวกเขาจะได้ยิงบางคนที่ไม่มีความผิดจากที่ลับ พวกเขายิงใส่เขาในทันทีและไม่กลัวเกรงอะไรเลย

5 พวกเขาให้กำลังใจพวกเขาเองในแผนชั่ว พวกเขาสุมหัวพูดคุยกันอย่างลับๆ เพื่อวางกับดัก พวกเขาพูดว่า "ใครจะเห็นเราได้?" 6 พวกเขาคิดค้นแผนชั่วทั้งหลายขึ้นมา พวกเขากล่าวว่า "เราทำสำเร็จแล้ว" พวกเขาพูดว่า "เป็นแผนการที่แยบยล" ความคิดภายในและจิตใจของมนุษย์นั้นช่างลึกล้ำยิ่งนัก

7 แต่พระเจ้าจะทรงยิงธนูใส่พวกเขา เขาจะบาดเจ็บด้วยลูกธนูของพระองค์ในทันที 8 พวกเขาจะถูกทำให้สะดุด ในเมื่อลิ้นของพวกเขาต่อสู้พวกเขาเอง ทุกคนที่เห็นพวกเขาพากันส่ายหัว 9 แล้วประชาชนทั้งสิ้นจะกลัวเกรงและจะประกาศถึงพระราชกิจของพระเจ้า พวกเขาจะคิดอย่างชาญฉลาดถึงสิ่งซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ

10 คนชอบธรรมยินดีในพระยาห์เวห์และจะลี้ภัยในพระองค์ คนที่มีใจเที่ยงธรรมทั้งสิ้นจะภาคภูมิใจในพระองค์

116

1 ข้าแต่พระองค์ในศิโยน การสรรสริญของข้าพระองค์ทั้งหลายคอยท่าพระองค์ คำปฏิญาณของข้าพระองค์ทั้งหลายจะกระทำต่อพระองค์ 2 พระองค์ผู้ทรงสดับคำอธิษฐาน เนื้อหนังทั้งสิ้นจะมายังพระองค์ 3 บรรดาความผิดบาปชนะเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย ส่วนบรรดาการละเมิดของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ก็จะทรงอภัยให้

4 ผู้ที่พระองค์ทรงเลือกและนำมาใกล้พระองค์ก็เป็นสุข เพื่อเขาจะได้อยู่ในบริเวณที่ประทับของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะอิ่มเอิบด้วยความดีแห่งพระนิเวศของพระองค์ พระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์

5 โอข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์จะทรงตอบข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยความชอบธรรมโดยกิจการที่น่ามหัศจรรย์ พระองค์ผู้ทรงเป็นความมั่นใจของบรรดาที่สุดปลายทั้งสิ้นของแผ่นดินโลก และของคนที่อยู่ไกลโพ้นทะเล

6 เพราะพระองค์ผู้ได้ทรงสร้างภูเขาให้มั่นคง พระองค์ผู้ทรงคาดด้วยพระกำลัง 7 คือพระองค์ผู้ทรงระงับเสียงอึงคะนึงของทะเล เสียงอึงคะนึงของคลื่นทะเล เสียงโกลาหลของประชาชนทั้งหลาย

8 บรรดาผู้อยู่ในที่ไกลโพ้นของแผ่นดินโลกก็เกรงกลัวต่อข้อพิสูจน์แห่งพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำให้ตะวันออกและตะวันตกชื่นบาน 9 พระองค์เสด็จมาทรงช่วยเหลือแผ่นดินโลก พระองค์ทรงรดน้ำให้แก่มัน พระองค์ทรงกระทำให้อุดมยิ่ง แม่น้ำของพระเจ้าเต็มไปด้วยน้ำ พระองค์ทรงจัดหาข้าวให้แก่มนุษย์เมื่อตอนที่พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมแผ่นดินโลกไว้

10 พระองค์ทรงรดน้ำตามรอยไถของมันอย่างอุดมสมบูรณ์ และให้รอยไถนั้นราบลง พระองค์ทรงทำให้มันอ่อนนุ่มด้วยเม็ดฝน พระองค์ทรงอวยพรเมล็ดที่งอกขึ้นบนดิน 11 พระองค์ทรงครอบมงกุฎปีนั้น ด้วยความดีของพระองค์ หนทางทั้งหลายที่รถม้าศึกของพระองค์ผ่านไปก็มีความไพบูลย์หยดลงมาบนแผ่นดินโลก 12 ทุ่งหญ้าในถิ่นทุรกันดารก็มีน้ำค้างหยด และเนินเขาทั้งหลายได้ถูกคลุมด้วยความยินดี

13 ทุ่งหญ้าทั้งหลายถูกคลุมด้วยฝูงแพะแกะ หุบเขาทั้งหลายต่างถูกคลุมไปด้วยข้าว พวกเขาโห่ร้องด้วยความชื่นบาน และพวกเขาร้องเพลง

117

1 แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงทำเสียงชื่นบานแด่พระเจ้า 2 จงร้องเพลงถึงพระสิริแห่งพระนามของพระองค์ จงทำให้การสรรเสริญของพระองค์มีสง่าราศี

3 จงทูลต่อพระเจ้าว่า "บรรดาพระราชกิจของพระองค์นั้นน่าครั่นคร้ามเพียงไร โดยความยิ่งใหญ่แห่งฤทธานุภาพของพระองค์ บรรดาศัตรูของพระองค์จะยอมจำนนต่อพระองค์ 4 แผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะนมัสการพระองค์และจะร้องเพลงแด่พระองค์พวกเขาจะร้องเพลงแด่พระนามของพระองค์" เสลาห์

5 จงมาและดูบรรดาพระราชกิจของพระเจ้า พระองค์นั้นน่าครั่นคร้ามในพระราชกิจของพระองค์ไปยังบรรดาบุตรชายของมนุษย์ 6 พระองค์ทรงเปลี่ยนทะเลให้เป็นแผ่นดินแห้ง พวกเขาได้ย่ำเท้าข้ามผ่านแม่น้ำไป ที่นั่นเราได้ยินดีในพระองค์ 7 พระองค์ทรงปกครองด้วยพระอานุภาพของพระองค์เป็นนิตย์ พระเนตรของพระองค์เฝ้าสังเกตบรรดาประชาชาติอยู่ อย่าให้พวกกบฎยกย่องตนเองเลย เสลาห์

8 ประชาชนเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า จงให้เสียงสรรเสริญพระองค์เป็นที่ได้ยิน 9 พระองค์ทรงให้เราอยู่ท่ามกลางคนเป็น และไม่ทรงยอมให้เท้าของเราพลาด

10 ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงลองใจข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงทดสอบพวกข้าพระองค์เหมือนทดสอบเงิน 11 พระองค์ได้ทรงนำข้าพระองค์ทั้งหลายเข้าไปในตาข่าย พระองค์ได้ทรงวางภาระหนักอึ้งไว้บนเอวข้าพระองค์ทั้งหลาย 12 พระองค์ทรงให้ผู้คนขับรถแล่นทับศีรษะของข้าพระองค์ทั้งหลาย พวกข้าพระองค์ต้องลุยน้ำลุยไฟ แต่พระองค์ได้ทรงนำข้าพระองค์ทั้งหลายเข้ามาสู่ที่กว้างใหญ่

13 ข้าพระองค์จะมายังพระนิเวศของพระองค์พร้อมด้วยเครื่องเผาบูชา ข้าพระองค์จะกล่าวคำปฏิญาณต่อพระองค์ 14 ซึ่งริมฝีปากของข้าพระองค์ได้สัญญาและปากของข้าพระองค์ได้กล่าวไว้เมื่อตอนที่ข้าพระองค์ได้ตกอยู่ในความทุกข์ใจ 15 ข้าพระองค์จะถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระองค์ที่มีไขมันสัตว์พร้อมกับกลิ่นหอมของบรรดาแกะตัวผู้ ข้าพระองค์จะถวายด้วยวัวและแพะทั้งหลาย เสลาห์

16 บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าเอ๋ย จงมาและฟังเถิด และข้าพเจ้าจะประกาศถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำเพื่อจิตใจของข้าพเจ้า 17 ข้าพเจ้าได้ร้องต่อพระองค์ด้วยปากข้าพเจ้า และพระองค์ได้รับการสรรเสริญด้วยลิ้นของข้าพเจ้า 18 ถ้าข้าพเจ้าได้เห็นความบาปภายในใจของข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงสดับฟังข้าพเจ้า

19 แต่พระเจ้าทรงสดับแน่ทีเดียว พระองค์ได้ใส่พระทัยต่อเสียงอธิษฐานของข้าพเจ้า 20 สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ไม่ทรงหันหนีไปจากคำอธิษฐานของข้าพเจ้า หรือหันความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า

118

1 ขอพระเจ้าทรงพระเมตตาต่อข้าพระองค์ทั้งหลายและทรงอวยพรข้าพระองค์ทั้งหลาย และทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย เสลาห์ 2 เพื่อบรรดาพระมรรคาของพระองค์จะเป็นที่รู้จักบนแผ่นดินโลก และความรอดของพระองค์เป็นที่รู้จักในท่ามกลางประชาชาติทั้งสิ้น

3 ขอให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์ 4 โอ ขอให้ชนชาติทั้งหลายยินดีและร้องเพลงด้วยความชื่นบาน เพราะพระองค์จะทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลายด้วยความยุติธรรมและปกครองเหนือชนชาติทั้งหลายบนแผ่นดินโลก เสลาห์

5 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์ ขอให้ชนชาติทั้งสิ้นสรรเสริญพระองค์ 6 แผ่นดินโลกได้เกิดผลของมัน และพระเจ้า คือพระเจ้าของเราได้ทรงอวยพรเรา

7 พระเจ้าได้ทรงอวยพรเรา และที่สุดปลายทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกถวายพระเกียรติแด่พระองค์

119

1 ขอพระเจ้าทรงลุกขึ้น ให้บรรดาศัตรูของพระองค์กระจายไป ให้บรรดาผู้ที่เกลียดชังพระองค์หนีไปต่อพระพักตร์พระองค์ 2 ควันถูกขับไปฉันใด ก็ขอทรงไล่พวกเขาไปฉันนั้น ขี้ผึ้งละลายต่อหน้าไฟฉันใด ก็ขอให้คนชั่วพินาศต่อพระพักตร์พระเจ้าฉันนั้น 3 แต่ขอให้คนชอบธรรมยินดี ให้เขายินดีปรีดาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ขอให้พวกเขาปีติยินดีและมีความสุข

4 จงร้องเพลงถวายพระเจ้า จงร้องสรรเสริญพระนามของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเคลื่อนผ่านที่ราบแห่งหุบเขาของแม่น้ำจอร์แดน พระยาห์เวห์คือพระนามของพระองค์ จงชื่นชมยินดีเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด 5 พระบิดาของเด็กกำพร้า ผู้พิพากษาของบรรดาหญิงม่าย คือพระเจ้าผู้ประทับในสถานที่บริสุทธิ์ 6 พระเจ้าทรงเอาคนโดดเดี่ยวไปไว้ในครอบครัวทั้งหลาย พระองค์ทรงนำบรรดาเชลยออกมาด้วยการร้องเพลง แต่พวกกบฎอาศัยในแผ่นดินที่แตกระแหง

7 ข้าแต่พระเจ้า เมื่อพระองค์เสด็จออกต่อหน้าประชากรของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงขับเคลื่อนขบวนผ่านถิ่นทุรกันดาร เสลาห์ 8 แผ่นดินโลกก็ได้สั่นไหว ท้องฟ้าก็ได้เทฝนลงมาต่อพระพักตร์พระเจ้า ต่อพระพักตร์พระเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จมายังภูเขาซีนาย ต่อพระพักตร์พระเจ้า คือพระเจ้าของอิสราเอล

9 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงเทฝนลงมามากมาย พระองค์ได้ทรงเสริมกำลังให้แก่มรดกของพระองค์เมื่อมันเหนื่อยล้า 10 ประชากรของพระองค์ก็ได้อาศัยอยู่ในนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงประทานให้แก่คนยากจนจากความดีของพระองค์

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานพระบัญชา และบรรดาผู้ประกาศเรื่องนั้นก็เป็นกองทัพใหญ่ 12 บรรดากษัตริย์แห่งกองทัพทั้งหลายก็หนีไป พวกเขาหนี และพวกผู้หญิงที่กำลังรอคอยที่บ้านก็แบ่งของที่ริบมาได้ พวกนกพิราบก็หุ้มด้วยเงินพร้อมกับปีกหุ้มด้วยทอง 13 ในขณะที่บางคนในพวกเจ้าได้อยู่ท่ามกลางฝูงแกะ ทำไมพวกเจ้าจึงทำเช่นนี้?

14 พระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ทรงทำให้กษัตริย์ทั้งหลายกระจัดกระจายไปในที่นั่น เป็นเหมือนเมื่อตอนที่หิมะได้ตกบนภูเขาศัลโมน 15 ภูเขาที่แข็งแกร่งคือแดนภูเขาแห่งบาชาน ภูเขาที่สูงคือแดนภูเขาแห่งบาชาน แดนภูเขาสูงเอ๋ย 16 ทำไมเจ้ามองดูที่แดนภูเขาซึ่งพระเจ้าทรงประสงค์ให้เป็นสถานที่พระองค์จะประทับด้วยความริษยาเล่า? แน่ทีเดียว พระยาห์เวห์จะประทับในที่นั่นเป็นนิตย์

17 บรรดารถรบของพระเจ้านับเป็นสองหมื่น นับเป็นหลายพันหลายหมื่น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทับท่ามกลางพวกเขาในสถานที่บริสุทธิ์ดั่งเช่นที่ภูเขาซีนาย 18 พระองค์ได้เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง ได้ทรงนำเชลยไปด้วย และได้ทรงรับของขวัญจากเหล่ามนุษย์ แม้กระทั่งจากผู้ที่ต่อสู้เจ้า เพื่อพระเจ้าพระยาห์เวห์จะทรงประทับที่นั่น

19 สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงแบกภาระทั้งหลายของเราอยู่ทุกวัน พระเจ้าผู้ทรงเป็นความรอดของเรา เสลาห์ 20 พระเจ้าของเราทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงช่วยให้รอด พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ที่สามารถช่วยกู้เราจากความตาย 21 แต่พระเจ้าจะทรงทรงทุบศีรษะของบรรดาศัตรูของพระองค์ให้แหลก คือทุบกระหม่อมของผู้ที่ดำเนินในทางที่ขัดแย้งกับพระองค์

22 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสว่า "เราจะนำพวกศัตรูของเรากลับมาจากบาชาน เราจะนำพวกเขากลับมาจากที่ลึกของทะเล 23 เพื่อเจ้าจะได้บดขยี้บรรดาศัตรูของเจ้า เอาเท้าของเจ้าจุ่มลงในเลือด และเพื่อลิ้นของสุนัขทั้งหลายของเจ้าจะได้ส่วนแบ่งของพวกมันจากพวกศัตรูของเจ้า"

24 ข้าแต่พระเจ้า พวกเขาได้เห็นขบวนแห่ของพระองค์ ขบวนแห่ของพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้ังหลายผู้เป็นพระมหากษัตริย์ของข้าพระองค์เข้าในสถานที่บริสุทธ์ 25 พวกนักร้องได้นำหน้า พวกนักดนตรีรั้งท้าย และตรงกลางมีหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานเล่นรำมะนา

26 ท่านทั้งหลายผู้มาจากน้ำพุแห่งอิสราเอลเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้าในที่ชุมนุมใหญ่ จงสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด 27 มีเบนยามินเผ่าเล็กน้อยที่สุดนำหน้า แล้วบรรดาพวกผู้นำของยูดาห์และประชาชนของพวกเขา อีกทั้งพวกผู้นำของเศบูลุนและพวกผู้นำของนัฟทาลี

28 อิสราเอลเอ๋ย พระเจ้าของเจ้าได้ทรงบัญชากำลังของเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายดั่งที่พระองค์เคยสำแดงมาแล้วในอดีต 29 ขอทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายจากพระวิหารของพระองค์ที่เยรูซาเล็ม ที่ซึ่งบรรดาพระราชานำเครื่องบรรณาการมาถวายพระองค์

30 ขอทรงเปล่งเสียงกัมปนาทในการสู้รบใส่พวกสัตว์ร้ายป่าเถื่อนในป่ากก ใส่ชนชาติทั้งหลาย ต่อฝูงวัวและฝูงลูกวัว ขอทรงทำให้พวกเขาอับอายและทรงทำให้พวกเขานำของบรรณาการมาถวายแด่พระองค์ ขอทรงทำให้ชนชาติทั้งหลายที่รักในการก่อสงครามกระจัดกระจายไป 31 พวกเจ้านายจะออกมาจากอียิปต์ พวกคนเอธิโอเปียจะรีบยื่นมือของพวกเขาออกต่อพระเจ้า

32 บรรดาราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลกเอ๋ย จงร้องเพลงแด่พระเจ้า จงร้องสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์เถิด เสลาห์ 33 ต่อพระองค์ผู้ทรงขับเคลื่อนไปบนฟ้าสวรรค์แห่งบรรดาฟ้าสวรรค์ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณกาล ดูเถิด พระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียงของพระองค์ขึ้นด้วยฤทธานุภาพ

34 จงพรรณาฤทธานุภาพแด่พระเจ้า พระบารมีของพระองค์อยู่เหนืออิสราเอล และฤทธานุภาพของพระองค์อยู่ในบรรดาท้องฟ้า 35 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงน่าครั่นคร้ามในสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์ พระเจ้าของอิสราเอล พระองค์ทรงประทานกำลังและอำนาจแก่ประชากรของพระองค์ สาธุการแด่พระเจ้า

120

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด เพราะน้ำทำให้ชีวิตข้าพระองค์ตกอยู่ในอันตราย 2 ข้าพระองค์จมอยู่ในเลนลึก ที่ซึ่งไม่มีที่ยืน ข้าพระองค์ได้มายังที่น้ำลึก ที่ซึ่งน้ำไหลท่วมข้าพระองค์

3 ข้าพระองค์เหนื่อยอ่อนกับการร้องไห้ของข้าพระองค์ ลำคอของข้าพระองค์แห้งผาก ตาของข้าพระองค์ร่วงโรยในขณะที่ข้าพระองค์รอคอยพระเจ้าของข้าพระองค์ 4 บรรดาคนที่เกลียดชังข้าพระองค์อย่างไร้เหตุผลมีมากยิ่งกว่าเส้นผมบนศีรษะของข้าพระองค์ บรรดาคนที่่ตัดข้าพระองค์ทิ้ง คนที่เป็นศัตรูของข้าพระองค์ด้วยเหตุผลที่ไม่ถูกต้องก็มีกำลังมาก ข้าพระองค์ต้องส่งคืนสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่ได้ขโมยไป

5 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบถึงความโง่เขลาของข้าพระองค์ และความผิดบาปทั้งหลายของข้าพระองค์ซ่อนไว้จากพระองค์ไม่ได้ 6 ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมเจ้านาย ขออย่าทรงให้บรรดาผู้รอคอยพระองค์ต้องอับอายเพราะข้าพระองค์เลย ข้าแต่พระเจ้าของอิสราเอล ขออย่าทรงให้ผู้ที่แสวงหาพระองค์ได้รับความอัปยศเพราะข้าพระองค์เลย

7 เพราะเห็นแก่พระองค์ ข้าพระองค์จึงได้รับการเยาะเย้ย ความขายหน้าได้คลุมหน้าข้าพระองค์ไว้ 8 ข้าพระองค์กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเหล่าพี่น้องของข้าพระองค์ และเป็นคนต่างด้าวสำหรับบุตรทั้งหลายแห่งมารดาของข้าพระองค์ 9 ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์ได้เผาผลาญข้าพระองค์ และคำเยาะเย้ยของผู้ที่เยาะเย้ยพระองค์ตกบนข้าพระองค์

10 เมื่อข้าพระองค์ได้ร้องไห้และไม่ได้รับประทานอาหาร พวกเขาได้ดูถูกข้าพระองค์ 11 เมื่อข้าพระองค์ใช้ผ้ากระสอบมาเป็นเครื่องนุ่งห่มของข้าพระองค์ ข้าพระองค์กลับกลายเป็นขี้ปากของพวกเขา 12 บรรดาคนที่นั่งที่ประตูเมืองก็พูดเรื่องข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นเพลงของคนขี้เมา ข้าแต่พระยาห์เวห์

13 แต่ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์ในยามที่พระองค์จะทรงยอมรับ ขอทรงตอบข้าพระองค์ด้วยความสัตย์จริงแห่งความรอดของพระองค์ 14 ขอทรงดึงข้าพระองค์ขึ้นจากเลนตม และอย่าทรงปล่อยให้ข้าพระองค์จมเลย ขอทรงนำพระองค์ให้พ้นจากบรรดาคนที่เกลียดชังข้าพระองค์ และทรงช่วยกู้ให้พ้นจากน้ำลึก 15 ขออย่าทรงให้น้ำท่วมข้าพระองค์ และอย่าทรงให้ที่ลึกกลืนข้าพระองค์เสีย ขออย่าทรงให้หลุมลึกนั้นปิดปากของมันงับข้าพระองค์ไว้

16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบข้าพระองค์ เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์นั้นประเสริฐ เพราะบรรดาพระกรุณาของพระองค์สำหรับข้าพระองค์นั้นมีมากมาย ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์ด้วยเถิด 17 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากผู้รับใช้ของพระองค์เลย เพราะข้าพระองค์อยู่ในความทุกข์ใจ ขอทรงรีบตอบข้าพระองค์เถิด

18 ขอเสด็จมาหาข้าพระองค์และทรงไถ่ข้าพระองค์ เพราะพวกศัตรูของข้าพระองค์ตั้งค่าหัวข้าพระองค์ไว้ 19 พระองค์ทรงทราบถึงการถูกเยาะเย้ยของข้าพระองค์ ทั้งความอับอายและความอัปยศของข้าพระองค์ พวกคู่อริของข้าพระองค์ทั้งสิ้นต่างอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์

20 การเยาะเย้ยทำให้ใจข้าพระองค์แตกสลาย ข้าพระองค์เต็มไปด้วยความหนักใจ ข้าพระองค์ได้มองหาบางคนที่จะมาสงสาร แต่ก็ไม่มีเลย ข้าพระองค์ได้มองหาคนปลอบใจ แต่ข้าพระองค์ไม่พบใครเลย 21 พวกเขาให้ยาพิษเป็นอาหารของข้าพระองค์ พวกเขาให้น้ำส้มสายชูแก่ข้าพระองค์ดื่มเพื่อดับกระหาย

22 ขอทรงให้โต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขากลายเป็นกับดัก เมื่อพวกเขาคิดว่าพวกเขาปลอดภัยแล้ว ขอให้มันกลายเป็นบ่วงแร้ว 23 ขอทรงให้ดวงตาของพวกเขามืดไปเพื่อพวกเขาไม่สามารถมองไม่เห็นได้ และทรงทำให้บั้นเอวของพวกเขาสั่นสะเทือนเสมอ

24 ขอทรงเทความกริ้วของพระองค์ลงบนพวกเขา และให้พระพิโรธอันร้อนยิ่งของพระองค์ตามทันพวกเขา 25 ขอให้สถานที่ของพวกเขาร้างเปล่า อย่าให้มีผู้ใดอาศัยอยู่ในเต็นท์ทั้งหลายของพวกเขาเลย

26 เพราะพวกเขาได้ข่มเหงผู้ที่พระองค์ทรงเฆี่ยนตี พวกเขาเล่าซ้ำถึงความเจ็บปวดของผู้ที่พระองค์ทรงให้บาดเจ็บแล้ว 27 ขอทรงกล่าวโทษพวกเขาด้วยเรื่องการทำผิดบาปซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่าปล่อยให้พวกเขาเข้ามาในชัยชนะแห่งความชอบธรรมของพระองค์

28 ขอให้พวกเขาถูกลบออกจากหนังสือแห่งชีวิต และอย่าให้ถูกบันทึกลงไปไว้ในหมู่คนชอบธรรม 29 แต่ข้าพระองค์ทุกข์ยากและเศร้าโศก ข้าแต่พระเจ้า ขอความรอดของพระองค์วางข้าพระองค์ไว้บนที่สูง

30 ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระนามของพระเจ้าด้วยบทเพลง และจะยกย่องพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ 31 นั่นจะเป็นที่พอพระทัยพระยาห์เวห์มากกว่าวัวตัวผู้หรือวัวหนุ่มที่มีทั้งเขาและกีบ

32 บรรดาผู้ถ่อมตัวได้เห็นการนั้นและยินดี ท่านผู้เสาะหาพระเจ้า ขอให้ใจของท่านมีชีวิตชีวา 33 เพราะพระยาห์เวห์ทรงฟังคนขัดสนและไม่ทรงดูหมิ่นบรรดาคนที่ถูกจองจำไว้ของพระองค์

34 ขอฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกสรรเสริญพระองค์ ทั้งทะเลและสรรพสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในนั้น 35 เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยศิโยนให้รอดและจะทรงสร้างเมืองทั้งหลายของยูดาห์ขึ้น ประชาชนจะอาศัยอยู่ที่นั่นและได้ไว้เป็นกรรมสิทธิ์ 36 พงศ์พันธุ์ผู้รับใช้ของพระองค์จะได้เป็นมรดก และบรรดาผู้ที่รักพระนามของพระองค์จะอยู่ที่นั่น

121

1 ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด ขอทรงรีบเสด็จมาและช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด 2 ขอให้บรรดาผู้ที่พยายามเอาชีวิตของข้าพระองค์ได้อับอายและขายหน้า ขอให้พวกเขาหันกลับไปและได้รับความอัปยศอดสู คือบรรดาผู้ที่ชอบใจในความเจ็บปวดของข้าพระองค์ 3 ขอให้พวกเขาได้หันกลับไปเพราะความขายหน้าของพวกเขา คือบรรดาผู้ที่พูดว่า "อะฮ้า อะฮ้า"

4 ให้บรรดาผู้ที่แสวงหาพระองค์ทั้งสิ้นเปรมปรีดิ์และยินดีในพระองค์ ขอให้บรรดาผู้ที่รักความรอดของพระองค์กล่าวอยู่เสมอว่า "ขอให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ" 5 แต่ข้าพระองค์ยากจนและขัดสน ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรีบมาหาข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพระองค์และพระองค์ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงอย่าชักช้า

122

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ ขออย่าให้ข้าพระองค์ได้รับความอับอายเลย 2 ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์และทรงให้ข้าพระองค์ปลอดภัยในความชอบธรรมของพระองค์ ขอทรงเอียงพระกรรณของพระองค์ฟังข้าพระองค์และทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด 3 ขอทรงเป็นศิลาลี้ภัยของข้าพระองค์ที่ข้าพระองค์จะเข้าไปหลบได้เสมอ พระองค์ได้ทรงบัญชาให้ช่วยข้าพระองค์ให้รอด เพราะพระองค์ทรงเป็นศิลาและป้อมปราการของข้าพระองค์

4 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากมือของคนชั่ว พ้นจากมือของคนอธรรมและคนโหดร้าย 5 ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นความหวังของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้วางใจในพระองค์ตั้งแต่ข้าพระองค์เป็นเด็กมา

6 ข้าพระองค์ได้รับการอุปถัมภ์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ พระองค์ทรงเป็นผู้นำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์มารดาของข้าพระองค์ คำสรรเสริญของข้าพระองค์จะกล่าวถึงพระองค์อยู่เสมอ 7 ข้าพระองค์เป็นตัวอย่างแก่ผู้คนมากมาย พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยแข็งแกร่งของข้าพระองค์

8 ปากของข้าพระองค์เต็มไปด้วยคำสรรเสริญพระองค์ และด้วยการถวายพระเกียรติพระองค์ตลอดวันยังค่ำ 9 ขออย่าทรงทิ้งข้าพระองค์ไปเสียในวัยชราของข้าพระองค์ ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เมื่อกำลังของข้าพระองค์หมดลง

10 เพราะพวกศัตรูของข้าพระองค์กำลังพูดถึงข้าพระองค์ บรรดาคนที่เฝ้าเอาชีวิตของข้าพระองค์ก็สุมหัวกันวางแผน 11 พวกเขากล่าวว่า "พระเจ้าทรงทอดทิ้งเขาแล้ว จงไล่ตามและจับเข้าไว้ เพราะไม่มีใครช่วยเขาให้รอดได้"

12 ข้าแต่พระเจ้า อย่าทรงอยู่ไกลจากข้าพระองค์เลย ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงรีบมาช่วยข้าพระองค์เถิด 13 ขอให้พวกเขาได้รับความอับอายและถูกทำลายเสีย คือบรรดาผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อชีวิตของข้าพระองค์ ขอให้พวกเขาถูกโถมทับไปด้วยการเยาะเย้ยและความอัปยศอดสู คือบรรดาผู้ที่หาทางทำร้ายข้าพระองค์

14 แต่ข้าพระองค์จะหวังใจในพระองค์อยู่เสมอและจะสรรเสริญพระองค์มากยิ่งขึ้น 15 ปากของข้าพระองค์จะเล่าถึงความชอบธรรมและความรอดของพระองค์ตลอดวันยังค่ำ แม้ว่าข้าพระองค์ไม่สามารถเข้าใจได้ก็ตาม 16 ข้าพระองค์จะมาด้วยเรื่องกิจการอันทรงอานุภาพของพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะเอ่ยถึงความชอบธรรมของพระองค์ ของพระองค์แต่ผู้เดียว

17 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงสอนข้าพระองค์ตั้งแต่เยาว์วัย แม้กระทั่งบัดนี้ข้าพระองค์ก็ประกาศถึงบรรดากิจการอันมหัศจรรย์ของพระองค์ 18 แน่ทีเดียว แม้ยามข้าพระองค์ชราและมีผมหงอกก็ตาม ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงลืมข้าพระองค์เสีย เมื่อข้าพระองค์ได้ประกาศถึงพระอานุภาพของพระองค์ให้แก่ชั่วอายุถัดไป และประกาศฤทธานุภาพของพระองค์แก่ทุกคนที่จะเกิดมานั้น

19 ข้าแต่พระเจ้า ความชอบธรรมของพระองค์ก็สูงสุดเช่นกัน พระองค์ผู้ได้ทรงกระทำสิ่งยิ่งใหญ่ ข้าแต่พระเจ้า ผู้ใดจะเหมือนพระองค์เล่า? 20 พระองค์ผู้ได้ทรงสำแดงความทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย จะทรงรื้อฟื้นชีวิตของข้าพระองค์ทั้งหลายและจะทรงนำข้าพระองค์ทั้งหลายจากขึ้นมาจากที่ลึกของแผ่นดินโลกอีกครั้ง

21 ขอพระองค์ทรงเพิ่มเกียรติของข้าพระองค์ ขอทรงหันมาอีกครั้งและปลอบโยนข้าพระองค์ 22 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ด้วยพิณใหญ่เนื่องด้วยความสัตย์จริงของพระองค์ ข้าแต่องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล ข้าพระองค์จะร้องสรรเสริญด้วยพิณแด่พระองค์

23 ริมฝีปากของข้าพระองค์จะโห่ร้องด้วยความยินดีเมื่อข้าพระองค์ร้องสรรเสริญแด่พระองค์ แม้กระทั่งจิตใจของข้าพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงไถ่ไว้ก็เช่นกัน 24 ลิ้นของข้าพระองค์จะกล่าวถึงความชอบธรรมของพระองค์ตลอดวันยังค่ำ เพราะพวกเขาถูกทำให้อับอายและสับสน คือบรรดาผู้ที่หาทางทำร้ายข้าพระองค์

123

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงประทานการพิพากษาอันชอบธรรมของพระองค์แก่พระราชา และความชอบธรรมของพระองค์แก่พระราชโอรสของพระราชา 2 ขอให้ท่านพิพากษาประชาชนของพระองค์ด้วยความชอบธรรมและพิพากษาคนยากจนของพระองค์ด้วยความยุติธรรม 3 ให้บรรดาภูเขาสร้างสันติสุขเพื่อประชาชน ขอให้เนินเขาทั้งหลายสร้างความชอบธรรม

4 ขอท่านสู้คดีเพื่อคนยากจนในหมู่ประชาชน ขอท่านช่วยลูกหลานของคนขัดสน และทุบผู้กดขี่ให้แตกเป็นชิ้นๆ 5 ขอให้พวกเขาถวายเกียรติพระองค์ตราบที่ดวงอาทิตย์ดำรงอยู่ และตราบเท่าที่ดวงจันทร์ดำรงอยู่ตลอดทุกชาติพันธุ์

6 ขอให้ท่านเสด็จลงมาเหมือนฝนที่ตกบนหญ้าซึ่งตัดแล้ว เหมือนเม็ดฝนที่รดบนแผ่นดินโลก 7 ขอให้ความชอบธรรมเจริญงอกงามในสมัยของท่าน และขอให้มีสันติสุขอย่างมากมายจนกว่าไม่มีดวงจันทร์อีกต่อไป

8 ขอให้ท่านครอบครองจากทะเลถึงทะเล และจากแม่น้ำนั้นจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก 9 ขอให้บรรดาผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารก้มกราบลงต่อท่าน ขอให้บรรดาศัตรูของท่านเลียผงคลีดิน 10 ขอให้บรรดาพระราชาแห่งเมืองทารชิชและเกาะทั้งหลายถวายเครื่องบรรณาการ ขอให้บรรดาพระราชาแห่งเชบาและเสบาถวายของกำนัลทั้งหลาย

11 แน่ทีเดียว ขอให้พระราชาทั้งสิ้นน้อมกายลงคำนับท่าน ขอให้ชนชาติทั้งสิ้นปรนนิบัติท่าน 12 เพราะท่านช่วยเหลือคนขัดสนผู้ร้องทูล และคนยากจนผู้ที่ไม่มีคนช่วยเหลือ

13 ท่านสงสารคนยากจนและคนขัดสน และท่านช่วยชีวิตคนขัดสน 14 ท่านไถ่ชีวิตของพวกเขาจากการบีบบังคับและความทารุณ และโลหิตของพวกเขาก็มีค่าในสายตาของท่าน

15 ขอให้ท่านมีชีวิตยืนยาว ขอให้ท่านได้รับทองแห่งเชบา ขอให้ประชาชนอธิษฐานเพื่อท่านอยู่เสมอ ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่านตลอดวันยังค่ำ 16 ขอให้มีข้าวอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดิน ขอให้พืชผลเหล่านั้นพริ้วไหวบนยอดเขาทั้งหลาย ขอให้ผลของแผ่นดินเป็นเหมือนเลบานอน ขอให้ประชาชนเจริญงอกงามขึ้นในเมืองทั้งหลายเหมือนหญ้าแห่งท้องทุ่ง

17 ขอให้นามของท่านดำรงอยู่เป็นนิตย์ ขอให้นามของท่านยั่งยืนอย่างดวงอาทิตย์ ขอให้ประชาชนได้รับพรในท่าน ขอให้ประชาชาติทั้งสิ้นเรียกท่านว่าผู้ได้รับพระพร

18 ขอให้พระเจ้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลได้รับการถวายสาธุการ พระองค์ผู้ทรงกระทำสิ่งอัศจรรย์ทั้งหลายแต่พระองค์เดียว 19 สาธุการแด่พระนามอันทรงสง่าราศีตลอดไปเป็นนิตย์ และขอให้แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มไปด้วยพระสิริของพระองค์ อาเมนและอาเมน 20 คำอธิษฐานทั้งหลายของดาวิดผู้เป็นบุตรของเจสซีได้จบลงแล้ว

124

1 แน่ทีเดียว พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล ต่อบรรดาผู้มีใจบริสุทธิ์ 2 แต่ส่วนข้าพเจ้า เท้าของข้าพเจ้าเกือบลื่นไถล เท้าของข้าพเจ้าจวนพลาดจากภายใต้ข้าพเจ้า 3 เพราะข้าพเจ้าได้ริษยาคนจองหองเมื่อข้าพเจ้าได้เห็นความเจริญมั่งคั่งของคนชั่ว

4 เพราะเขาทั้งหลายไม่มีความเจ็บปวดไปจนถึงความตายของพวกเขา แต่พวกเขากลับแข็งแรงและได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี 5 เขาทั้งหลายพ้นจากภาระทั้งหลายอย่างคนอื่นๆ พวกเขาไม่ต้องทุกข์ใจเหมือนอย่างคนอื่นๆ

6 ความเย่อหยิ่งจึงเป็นเหมือนสร้อยคอประดับรอบคอของพวกเขา ความทารุณคลุมพวกเขาไว้เหมือนอย่างเสื้อคลุม 7 เพราะความมืดบอดแบบนั้นทำให้ความบาปเข้ามา ความคิดชั่วร้ายทั้งหลายผ่านเข้ามาในใจพวกเขา

8 พวกเขาเย้ยหยันและพูดชั่วร้าย ในความยโสของพวกเขา พวกเขาขู่ว่าจะบีบบังคับ 9 เขาทั้งหลายอ้าปากสู้ฟ้าสวรรค์ และลิ้นของพวกเขาก็ตระเวนไปในโลก

10 เพราะฉะนั้นประชาชนของพระองค์จึงหันไปหาพวกเขาและน้ำที่อุดมสมบูรณ์ก็เหือดแห้งไป 11 พวกเขาพูดว่า "พระเจ้าทรงทราบได้อย่างไร? พระเจ้าผู้สูงสุดมีความรู้หรือ?" 12 จงระวัง พวกคนเหล่านี้เป็นคนชั่ว พวกเขาสบายอยู่เสมอ กำลังร่ำรวยขึ้นและร่ำรวยขึ้น

13 แน่ทีเดียว เป็นการเปล่าประโยชน์ที่ข้าพเจ้าได้ปกป้องจิตใจของข้าพเจ้าไว้และได้ชำระมือของข้าพเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ 14 เพราะข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ทรมานตลอดวันยังค่ำและถูกตีสอนอยู่ทุกเช้า 15 ถ้าข้าพระองค์ได้กล่าวว่า "ข้าพเจ้าจะพูดอย่างนี้" แล้วข้าพระองค์ก็คงได้ทรยศต่อพวกบุตรของพระองค์ในชั่วอายุนี้

16 ถึงแม้ว่าข้าพระองค์ได้พยายามทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ แต่ก็ยากเกินไปสำหรับข้าพระองค์ 17 แล้วข้าพระองค์ได้เข้าไปในสถานนมัสการของพระเจ้าและจึงได้เข้าใจถึงปลายทางของพวกเขา

18 แน่ทีเดียว พระองค์ทรงวางพวกเขาไว้ในที่ลื่น พระองค์ทรงนำพวกเขาลงไปสู่ความพินาศ 19 พวกเขาช่างกลายเป็นถิ่นทุรกันดารได้ในทันที พวกเขามาถึงจุดจบและได้สิ้นสุดลงในความน่ากลัวที่เลวร้าย 20 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาเป็นเหมือนความฝันที่หายไปเมื่อตื่นขึ้น เมื่อพระองค์ทรงตื่นขึ้น พระองค์ก็จะไม่ทรงคิดถึงความฝันเหล่านั้นเลย

21 เพราะจิตใจของข้าพระองค์เศร้าโศก และข้าพระองค์เจ็บปวดรวดร้าวอย่างยิ่ง 22 ข้าพระองค์ไม่ได้รู้และขาดความเข้าใจ ข้าพระองค์ได้เป็นเหมือนสัตว์ที่ไร้ความรู้สึกต่อพระพักตร์พระองค์

23 ถึงกระนั้นก็ดี ข้าพระองค์อยู่กับพระองค์เสมอ พระองค์ทรงจับมือขวาของข้าพระองค์ไว้ 24 พระองค์จะทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำแนะนำของพระองค์และภายหลังก็ทรงรับข้าพระองค์ไปสู่เกียรติยศ

25 นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์มีใครในฟ้าสวรรค์เล่า? นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีผู้ใดบนโลกที่ข้าพระองค์ปรารถนา 26 เนื้อหนังและจิตใจของข้าพระองค์ก็ร่วงโรย แต่พระเจ้าทรงเป็นกำลังแห่งจิตใจของข้าพระองค์ตลอดไป

27 บรรดาผู้ที่ห่างเหินจากพระองค์ก็จะพินาศ พระองค์จะทรงทำลายบรรดาผู้ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ 28 แต่ส่วนข้าพระองค์ ทั้งหมดที่ข้าพระองค์จะทำก็คือการเข้าใกล้พระเจ้า ข้าพระองค์ได้ให้พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะประกาศถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์

125

1 ข้าแต่พระเจ้า ไฉนพระองค์ทรงปฏิเสธข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นนิตย์? ไฉนความกริ้วของพระองค์เผาผลาญแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์? 2 ขอทรงระลึกถึงประชากรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงซื้อมาในสมัยโบราณ เป็นเผ่าที่พระองค์ได้ทรงไถ่ไว้ให้เป็นมรดกของพระองค์เอง และขอทรงระลึกถึงภูเขาศิโยนที่ซึ่งพระองค์ประทับนั้น

3 ขอเสด็จมาทอดพระเนตรซากปรักหักพัง และความเสียหายทั้งสิ้นที่ศัตรูนั้นได้กระทำในสถานที่บริสุทธิ์ 4 พวกคู่อริของพระองค์ได้คำรามอยู่กลางสถานที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้ พวกเขาตั้งบรรดาธงรบของพวกเขาขึ้น 5 พวกเขาบุกเข้าไปฟันป่าทึบด้วยขวาน 6 พวกเขาทุบและพังไม้แกะสลักทั้งสิ้นลง พวกเขาพังสิ่งเหล่านั้นด้วยขวานและค้อน

7 เขาทั้งหลายเอาไฟเผาสถานนมัสการของพระองค์ พวกเขาทำให้สถานที่ประทับของพระองค์เป็นมลทินไป พังลงจนราบคาบ 8 เขาทั้งหลายได้รำพึงในใจว่า "เราจะทำลายพวกเขาทั้งสิ้น" พวกเขาเผาบรรดาสถานที่ประชุมของพระองค์ทั้งหมดในแผ่นดิน

9 พวกเราไม่เห็นบรรดาหมายสำคัญทั้งหลายอีกเลย ไม่มีผู้เผยพระวจนะอีกแล้ว และไม่มีแม้สักคนหนึ่งในพวกเราที่รู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอีกนานเท่าไร 10 ข้าแต่พระเจ้า ศัตรูนั้นจะดูหมิ่นพระองค์อยู่นานเท่าใด? ศัตรูจะหมิ่นประมาทพระนามของพระองค์เป็นนิตย์หรือ? 11 ไฉนพระองค์จึงรั้งพระหัตถ์ของพระองค์ไว้ คือพระหัตถ์ขวาของพระองค์? ขอเหยียดพระหัตถ์ขวาของพระองค์จากฉลองของพระองค์และทำลายพวกเขาเถิด

12 ถึงกระนั้น พระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ของข้าพระองค์ตั้งแต่โบราณกาล ทรงนำความรอดมาบนแผ่นดินโลก 13 พระองค์ได้ทรงแยกทะเลด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ พระองค์ทรงทุบบรรดาหัวของสัตว์ทะเลมหึมาในน้ำ

14 พระองค์ได้ทรงขยี้หัวทั้งหลายของเลวีอาธาน พระองค์ทรงให้มันกลายเป็นอาหารแก่บรรดาสัตว์ที่อาศัยในถิ่นทุรกันดาร 15 พระองค์เองทรงทุบตาน้ำพุและลำธารทั้งหลายให้เปิดออก พระองค์ได้ทรงทำให้แม่น้ำที่ไหลอยู่แห้งไป

16 วันเป็นของพระองค์ และคืนก็เป็นของพระองค์เช่นกัน พระองค์เองทรงตั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไว้ในที่ของมัน 17 พระองค์เองทรงจัดเขตแดนทั้งหลายของแผ่นดินโลก พระองค์เองได้ทรงสร้างฤดูร้อนและฤดูหนาว

18 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกถึงการที่ศัตรูได้เยาะเย้ยพระองค์ และชนชาติโง่เขลาได้หมิ่นประมาทต่อพระนามของพระองค์ 19 ขออย่าทรงมอบชีวิตนกเขาของพระองค์แก่สัตว์ป่า ขออย่าทรงลืมชีวิตของประชากรที่ถูกกดขี่ของพระองค์เป็นนิตย์

20 ขอทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ เพราะบรรดาเขตแดนที่มืดของแผ่นดินเต็มไปด้วยบรรดาที่อาศัยของความทารุณ 21 ขออย่าให้ผู้ที่ถูกกดขี่ต้องกลับไปด้วยความขายหน้า ขอให้คนยากจนและคนถูกกดขี่สรรเสริญพระนามของพระองค์

22 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงลุกขึ้นปกป้องพระเกียรติของพระองค์ ขอทรงระลึกว่าพวกคนโง่เขลาเยาะเย้ยพระองค์อยู่วันยังค่ำ 23 ขออย่าทรงลืมเสียงพวกคู่อริของพระองค์หรือเสียงอึงคะนึงของบรรดาผู้ที่ท้าทายพระองค์อย่างต่อเนื่อง

126

1 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายขอบพระคุณพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณ เพราะพระองค์ทรงสำแดงถึงการทรงสถิตของพระองค์ เหล่าประชากรต่างเล่าถึงกิจการอันมหัศจรรย์ของพระองค์ 2 เมื่อถึงเวลาหนึ่งแล้ว เราจะตัดสินอย่างยุติธรรม 3 แม้ว่าแผ่นดินโลกและบรรดาผู้อยู่อาศัยทั้งสิ้นจะสั่นด้วยความกลัว เราทำให้บรรดาเสาหลักของแผ่นดินโลกมั่นคง เสลาห์

4 เราพูดกับคนหยิ่งยโสว่า "อย่าหยิ่งยโส" และกับคนชั่วว่า "อย่ายกเขานั้นขึ้น 5 อย่ายกเขาของเจ้าขึ้นให้สูง อย่าชูคอพูดอวดดี" 6 เพราะการยกขึ้นสูงนั้นมิได้มาจากทิศตะวันออกหรือจากทิศตะวันตก มันมิได้มาจากถิ่นทุรกันดาร

7 แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา พระองค์ทรงทำให้ลง และพระองค์ทรงยกขึ้น 8 เพราะพระยาห์เวห์ทรงถือจอกใบหนึ่งที่มีเหล้าองุ่นเป็นฟอง ซึ่งถูกผสมด้วยเครื่องเทศต่างๆ และทรงเทออก แน่ทีเดียว คนชั่วทั้งปวงของแผ่นดินโลกจะดื่มมันจนหยดสุดท้าย

9 แต่ข้าพระองค์จะเล่าถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำอยู่เรื่อยไป ข้าพระองค์จะร้องสรรเสริญแด่พระเจ้าของยาโคบ 10 พระองค์ตรัสว่า "เราจะตัดบรรดาเขาของคนชั่วทั้งสิ้น แต่บรรดาเขาของคนชอบธรรมจะถูกยกขึ้น"

127

1 พระเจ้าได้ทรงทำให้พระองค์เองเป็นที่รู้จักในยูดาห์ พระนามของพระองค์ใหญ่ยิ่งนักในอิสราเอล 2 ที่ประทับของพระองค์อยู่ในซาเล็ม ที่ทรงสถิตของพระองค์อยู่ในศิโยน 3 พระองค์ทรงหักบรรดาลูกธนู โล่ ดาบ และบรรดายุทธภัณฑ์อื่นๆ แห่งสงคราม เสลาห์

4 พระองค์ทรงส่องแสงจ้าและทรงสำแดงพระสิริของพระองค์ เมื่อพระองค์เสด็จลงมาจากภูเขาทั้งหลาย ที่ซึ่งพระองค์ได้ทรงประหารบรรดาเหยื่อของพระองค์ 5 บรรดาคนใจกล้าได้ถูกริบข้าวของ พวกเขาได้ล่วงหลับไป บรรดานักรบทั้งสิ้นต่างขาดความช่วยเหลือ

6 ข้าแต่พระเจ้าของยาโคบ พอพระองค์ทรงกำราบ ทั้งผู้ขี่ม้าและม้าก็ล่วงหลับไป 7 แต่พระองค์เจ้า พระองค์ทรงเป็นที่น่าครั่นคร้าม เมื่อพระองค์กริ้ว ใครเล่าจะสามารถยืนต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ได้?

8 พระองค์ได้ทรงลั่นคำพิพากษาของพระองค์ให้ได้ยินจากฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลกก็กลัวและนิ่งเงียบ 9 ข้าแต่พระเจ้า เมื่อพระองค์ได้ทรงลุกขึ้นทำการพิพากษาและช่วยบรรดาผู้ถูกกดขี่แห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้นให้รอด เสลาห์

10 แน่ทีเดียว การพิพากษาด้วยความกริ้วของพระองค์ต่อมนุษย์จะนำการสรรเสริญมาสู่พระองค์ พระองค์ทรงคาดพระองค์เองด้วยสิ่งที่หลงเหลือจากความกริ้วของพระองค์

11 จงปฏิญาณต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและรักษาคำปฏิญาณเหล่านั้นไว้ ให้ทุกคนที่อยู่รอบพระองค์นำบรรดาของถวายมายังพระองค์ผู้ซึ่งเป็นที่น่าครั่นคร้าม 12 พระองค์ทรงตัดวิญญาณของบรรดาเจ้านายออกไปเสีย พระองค์ทรงเป็นที่น่าครั่นคร้ามต่อบรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลก

128

1 ข้าพระองค์จะร้องทูลพระเจ้าด้วยเสียงของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะร้องทูลพระเจ้าด้วยเสียงของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์จะทรงฟังข้าพระองค์

2 ในวันแห่งความยากลำบากของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้เสาะหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ยามค่ำคืน ข้าพระองค์ได้เหยียดมือของข้าพระองค์ออก และมือนั้นไม่เมื่อยล้าเลย จิตใจของข้าพระองค์ไม่ยอมรับการปลอบโยน 3 ข้าพระองค์ได้ระลึกถึงพระเจ้าเมื่อข้าพระองค์ได้ครวญคราง ข้าพระองค์ได้ระลึกถึงพระองค์เมื่อข้าพระองค์อ่อนระอา เสลาห์

4 พระองค์ได้ทรงจับหนังตาของข้าพระองค์ให้เปิดออก ข้าพระองค์ทุกข์ใจเกินกว่าที่จะพูดได้ 5 ข้าพระองค์ได้ระลึกถึงวันเก่าๆ ถึงเวลาที่ผ่านไปนานแล้ว

6 ในยามกลางคืน ข้าพระองค์ระลึกถึงบทเพลงที่ข้าพระองค์เคยร้อง ข้าพระองค์ได้คิดตรึกตรองและได้พยายามเข้าใจในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 7 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เป็นนิตย์หรือ? พระองค์จะไม่ทรงโปรดปรานข้าพระองค์อีกเลยหรือ?

8 ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ได้หมดสิ้นไปเป็นนิตย์แล้วหรือ? พระสัญญาของพระองค์ได้ล้มเลิกไปเป็นนิตย์แล้วหรือ? 9 พระเจ้าได้ทรงลืมที่จะเมตตาแล้วหรือ? ความกริ้วของพระองค์ได้ปิดบังพระกรุณาของพระองค์ไปแล้วหรือ? เสลาห์

10 ข้าพระองค์กล่าวว่า "นี่แหละคือความทุกข์โศกของข้าพระองค์ คือการเปลี่ยนไปของพระหัตถ์ขวาขององค์ผู้สูงสุดที่มีต่อพวกเรา"

11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ข้าพระองค์จะระลึกถึงพระราชกิจทั้งหลายของพระองค์ ข้าพระองค์จะระลึกถึงบรรดาพระราชกิจอัศจรรย์ของพระองค์ในสมัยโบราณ 12 ข้าพระองค์จะใคร่ครวญถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์และจะตรึกตรองถึงสิ่งเหล่านั้น

13 ข้าแต่พระเจ้า พระมรรคาของพระองค์บริสุทธิ์ พระองค์ไหนจะเทียบกับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของข้าพระองค์ทั้งหลายได้เล่า? 14 พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์ทั้งหลาย พระองค์ได้ทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์ในท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย 15 พระองค์ได้ทรงประทานชัยชนะแก่ประชากรของพระองค์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ คือแก่บรรดาลูกหลานของยาโคบและโยเซฟ เสลาห์

16 ข้าแต่พระเจ้า ทะเลได้เห็นพระองค์ ทะเลได้เห็นพระองค์ และพวกมันก็เกรงกลัว บรรดาที่ลึกก็สั่นสะท้าน 17 บรรดาเมฆเทน้ำลงมา บรรดาท้องฟ้าก็คะนองเสียง บรรดาลูกธนูของพระองค์ก็ปลิวว่อน

18 เสียงฟ้าร้องของพระองค์ได้ยินอยู่ในพายุ ฟ้าแลบทำให้ทั้งโลกสว่าง แผ่นดินโลกก็ได้สั่นและสะเทือน 19 พระมรรคาของพระองค์พาดผ่านทะเลและพระวิถีของพระองค์พาดผ่านน้ำเชี่ยวกราก แต่รอยพระบาทของพระองค์ก็มองไม่เห็น 20 พระองค์ได้ทรงนำประชากรของพระองค์เหมือนนำฝูงแพะแกะ โดยมือของโมเสสและอาโรน

129

1 ประชากรของข้าเอ๋ย จงฟังคำสอนของข้า จงฟังบรรดาถ้อยคำแห่งปากข้า 2 ข้าจะอ้าปากกล่าวบรรดาคำอุปมา ข้าจะร้องเพลงถึงบรรดาสิ่งที่ถูกซ่อนไว้ในอดีต

3 เหล่านี้คือบรรดาสิ่งที่เราเคยได้ยินและได้เรียนรู้มาแล้ว ถึงบรรดาสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้บอกเรา 4 เราจะไม่ซ่อนสิ่งเหล่านั้นไว้จากบรรดาลูกหลานของพวกเขา เราจะบอกแก่คนรุ่นถัดไปถึงบรรดาพระราชกิจอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ ฤทธานุภาพของพระองค์ และการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ

5 เพราะพระองค์ได้ทรงสถาปนาบรรดาพระโอวาทไว้ในยาโคบและทรงตั้งธรรมบัญญัติไว้ในอิสราเอล พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่บรรดาบรรพบุรุษของเราว่าพวกเขาต้องสอนเรื่องราวเหล่านั้นแก่ลูกหลานของพวกเขา 6 พระองค์ได้ทรงบัญชาแบบนี้เพื่อคนรุ่นต่อไปจะได้รู้เรื่องบรรดาพระโอวาทของพระองค์ คือลูกหลานที่ยังไม่เกิดมา ผู้ซึ่งควรเล่าเรื่องราวนั้นให้แก่ลูกหลานของพวกเขาต่อไปอีก

7 แล้วพวกเขาจะตั้งความหวังของพวกเขาไว้ในพระเจ้าและไม่ลืมบรรดาพระราชกิจของพระองค์แต่รักษาบรรดาพระบัญชาของพระองค์ไว้ 8 แล้วพวกเขาจะไม่เป็นเหมือนบรรพบุรุษของพวกเขา ผู้ซึ่งเป็นชาติพันธุ์ที่ดื้อรั้นและมักกบฎ เป็นชาติพันธุ์ที่จิตใจไม่ถูกต้อง และเป็นผู้ซึ่งจิตวิญญาณของเขาไม่อุทิศและซื่อตรงต่อพระเจ้า

9 คนเอฟราอิมได้มีธนูเป็นอาวุธ แต่พวกเขาได้หันกลับไปในวันสงคราม 10 เขาทั้งหลายไม่ได้รักษาพันธสัญญากับพระเจ้า และพวกเขาได้ปฏิเสธที่จะเชื่อฟังทำตามธรรมบัญญัติของพระองค์ 11 พวกเขาได้ลืมบรรดากิจการของพระองค์ คือบรรดาสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ได้ทรงสำแดงแก่พวกเขา

12 พวกเขาได้ลืมสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้ทรงกระทำต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขาในแผ่นดินอียิปต์ ในที่ดินของโศอัน 13 พระองค์ได้ทรงแยกทะเลและได้ทรงนำพวกเขาข้ามทะเลไป พระองค์ได้ทรงทำให้น้ำตั้งเหมือนกำแพง 14 ในกลางวันพระองค์ได้ทรงนำพวกเขาด้วยเมฆและในตลอดทั้งคืนด้วยแสงไฟ

15 พระองค์ได้ทรงแยกศิลาในถิ่นทุรกันดาร และพระองค์ได้ทรงประทานน้ำให้พวกเขาดื่มอย่างอุดม เพียงพอที่จะเติมบรรดาที่ลึกของทะเล 16 พระองค์ได้ทรงทำให้บรรดาลำธารได้ไหลออกมาจากศิลาและได้ทรงทำให้น้ำไหลลงมาเหมือนแม่น้ำทั้งหลาย

17 แต่พวกเขายังได้ทำบาปต่อพระองค์อย่างต่อเนื่อง ได้กบฎต่อองค์ผู้สูงสุดในถิ่นทุรกันดาร 18 พวกเขาได้ท้าทายพระเจ้าในใจของเขาโดยเรียกร้องหาอาหารเพื่อทำให้ความหิวของพวกเขาได้อิ่ม

19 พวกเขาได้พูดกล่าวร้ายพระเจ้า พวกเขาได้พูดว่า "พระเจ้าทรงเตรียมโต๊ะไว้สำหรับพวกเราในถิ่นทุรกันดารได้หรือ? 20 ดูเถิด เมื่อพระองค์ทรงตีศิลา น้ำก็ได้พุ่งออกมาและลำธารทั้งหลายก็ไหลล้น แต่พระองค์ทรงประทานอาหารได้หรือ? พระองค์จะทรงจัดเนื้อให้ประชากรของพระองค์ได้หรือ?"

21 เมื่อพระพระยาห์เวห์ทรงสดับเรื่องนี้แล้ว พระองค์ก็ทรงกริ้ว ดังนั้นไฟของพระองค์ได้เผาผลาญยาโคบ และความกริ้วของพระองค์ได้โจมตีอิสราเอล 22 เพราะพวกเขาไม่ได้เชื่อในพระเจ้าและไม่ไว้วางใจในการช่วยให้รอดของพระองค์

23 แต่พระองค์ยังได้ทรงบัญชาบรรดาท้องฟ้าเบื้องบนและเปิดบรรดาประตูแห่งท้องฟ้าทั้งหลายออก 24 พระองค์ได้ทรงโปรยมานาลงมาให้พวกเขากิน และประทานข้าวจากฟ้าสวรรค์ให้แก่พวกเขา 25 ประชาชนต่างได้กินอาหารของพวกทูตสวรรค์ พระองค์ได้ทรงส่งอาหารให้เขาอย่างบริบูรณ์

26 พระองค์ได้ทรงทำให้ลมตะวันออกพัดในท้องฟ้า และได้ทรงนำลมใต้ด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ 27 พระองค์ได้ทรงโปรยเนื้อให้พวกเขาอย่างผงคลี คือบรรดานกอย่างมากมายเหมือนอย่างทรายในทะเล 28 พวกมันได้ตกลงมากลางค่ายของพวกเขา และรอบๆ เต็นท์ของพวกเขา

29 ดังนั้นพวกเขาได้กินและอิ่มหนำ พระองค์ได้ประทานสิ่งที่เขาพวกอยากกินแก่พวกเขา 30 แต่พวกเขายังไม่ทันได้อิ่ม ในขณะที่อาหารยังอยู่ในปากของพวกเขา

31 แล้วความกริ้วของพระเจ้าก็ได้โจมตีพวกเขาและได้สังหารคนแข็งแรงที่สุดของพวกเขาเสีย พระองค์ได้คว่ำบรรดาคนหนุ่มแห่งอิสราเอลเสีย 32 แม้กระนั้นก็ตาม พวกเขาก็ยังได้ทำบาปต่อไปและไม่ได้เชื่อในกิจการอันอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์

33 เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงทำให้วันของพวกเขาสั้นลง ปีเดือนของพวกเขาเต็มไปด้วยความน่าสยดสยอง 34 เมื่อใดก็ตามที่พระองค์ได้ทรงทำให้พวกเขาทุกข์ทรมาน พวกเขาก็แสวงหาพระองค์ และพวกเขาก็กลับมาและเสาะหาพระเจ้าด้วยใจร้อนรน

35 พวกเขาก็จะระลึกว่าพระเจ้าได้ทรงเป็นพระศิลาของพวกเขาและพระเจ้าผู้สูงสุดนั้นได้ทรงเป็นพระผู้ช่วยกู้ของพวกเขา 36 แต่พวกเขาก็ประจบพระองค์ด้วยปากของพวกเขาและมุสาด้วยบรรดาคำพูดของพวกเขา 37 เพราะใจของพวกเขาไม่ยึดมั่นอยู่ในพระองค์ และพวกเขาไม่ซื่อตรงต่อพันธสัญญาของพระองค์

38 ถึงกระนั้นก็ตาม พระองค์ยังทรงเมตตา ได้ทรงอภัยความผิดบาปของพวกเขาและไม่ได้ทรงทำลายพวกเขา แท้จริงแล้ว พระองค์ได้ทรงยับยั้งความกริ้วของพระองค์อยู่หลายครั้งและไม่ได้ทรงกวนพระพิโรธทั้งสิ้นของพระองค์ขึ้นมา

39 พระองค์ได้ทรงระลึกว่าพวกเขาถูกสร้างจากเนื้อหนัง เป็นลมที่ผ่านไปแล้วไม่ได้กลับมาอีก 40 พวกเขาได้กบฏต่อพระองค์ในถิ่นทุรกันดารและได้ทำให้พระองค์โทมนัสในที่แห้งแล้งบ่อยครั้งทีเดียว 41 พวกเขายังได้ท้าทายพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าและได้ทำให้องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลเศร้าพระทัย

42 พวกเขาไม่ได้ระลึกถึงฤทธานุภาพของพระองค์ ถึงการที่พระองค์ได้ทรงช่วยกู้พวกเขาจากศัตรู 43 เมื่อพระองค์ได้ทรงทำบรรดาหมายสำคัญที่น่ากลัวของพระองค์ในอียิปต์และการอัศจรรย์ทั้งหลายของพระองค์ในที่ดินของโศอัน

44 พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนแม่น้ำของอียิปต์ให้เป็นเลือดเพื่อพวกเขาไม่สามารถดื่มจากลำธารทั้งหลายของพวกเขาได้ 45 พระองค์ได้ทรงส่งฝูงเหลือบที่ได้มากัดกินพวกเขาและฝูงกบได้ขึ้นมาเกลื่อนแผ่นดินของพวกเขา 46 พระองค์ได้ทรงประทานพืชผลของพวกเขาแก่ตั๊กแตนตัวอ่อนและผลผลิตของพวกเขาแก่ตั๊กแตนวัยบิน

47 พระองค์ได้ทรงทำลายบรรดาเถาองุ่นของพวกเขาด้วยลูกเห็บและบรรดาต้นมะเดื่อของพวกเขาด้วยลูกเห็บมากขึ้น 48 พระองค์ได้ทรงโปรยลูกเห็บลงบนฝูงวัวของพวกเขาและได้ทรงโยนสายฟ้าใส่ฝูงปศุสัตว์ของพวกเขา 49 ความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ได้ฟาดใส่พวกเขา พระองค์ได้ส่งทั้งความเกรี้ยวกราด ความโกรธ และความทุกข์ลำบากมาเป็นเหมือนบรรดาทูตสวรรค์ผู้นำความหายนะมา

50 พระองค์ได้ทรงยกทางสำหรับความกริ้วของพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงละเว้นพวกเขาจากความตายแต่ได้ทรงมอบพวกเขาให้แก่โรคระบาด 51 พระองค์ได้ทรงประหารลูกหัวปีทั้งสิ้นในอียิปต์ คือผลแรกแห่งกำลังของพวกเขาในบรรดาเต็นท์ของฮาม

52 แล้วพระองค์ได้ทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาเหมือนนำแกะและได้ทรงพาพวกเขาผ่านถิ่นทุรกันดารเหมือนพาฝูงแพะแกะ 53 พระองค์ได้ทรงนำพวกเขาไปอย่างปลอดภัยและไม่น่ากลัว แต่ทะเลได้ท่วมศัตรูของพวกเขา

54 แล้วพระองค์ได้ทรงพาพวกเขามายังเขตแดนแห่งแผ่นดินบริสุทธิ์ของพระองค์ ยังภูเขานี้ซึ่งพระหัตถ์ขวาของพระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น 55 พระองค์ได้ทรงขับประชาชาติต่างๆ ออกไปต่อหน้าพวกเขาและได้ทรงแบ่งที่ดินให้เป็นมรดกของพวกเขา พระองค์ได้ทรงตั้งเผ่าทั้งหลายของอิสราเอลตามเต็นท์ของพวกเขา

56 แต่เขาทั้งหลายก็ยังได้ท้าทายและกบฏต่อพระเจ้าผู้สูงสุดและไม่ได้รักษาบรรดาพระบัญชาที่เข้มงวดของพระองค์ 57 พวกเขาไม่ได้ซื่อสัตย์และทำตัวทรยศเหมือนอย่างบรรพบุรุษของพวกเขา พวกเขาต่างไว้ใจไม่ได้เหมือนคันธนูที่เสีย

58 เพราะพวกเขาได้ทำให้พระองค์กริ้วด้วยเรื่องสถานสูงของเขาและได้ยั่วยุพระองค์ให้กริ้วด้วยความหวงแหนด้วยเรื่องบรรดารูปเคารพของพวกเขา 59 เมื่อพระเจ้าได้ทรงสดับเรื่องนี้แล้ว พระองค์ได้ทรงเกรี้ยวกราดและทรงปฏิเสธอิสราเอลอย่างสิ้นเชิง

60 พระองค์ได้ทรงทอดทิ้งสถานนมัสการแห่งเมืองชิโลห์ คือเต็นท์ที่พระองค์เคยประทับอยู่ท่ามกลางประชาชน 61 พระองค์ได้ทรงปล่อยให้ฤทธานุภาพของพระองค์ถูกจับเป็นเชลยและทรงประทานพระสิริของพระองค์ให้แก่มือของศัตรู

62 พระองค์ได้ทรงมอบประชากรของพระองค์ให้แก่ดาบ และพระองค์ได้ทรงเกรี้ยวกราดต่อมรดกของพระองค์ 63 ไฟได้เผาผลาญบรรดาคนหนุ่มๆ ของพวกเขา และพวกสาวๆ ของพวกเขาจึงไม่มีเพลงแต่งงาน

64 บรรดาปุโรหิตของพวกเขาได้ล้มลงด้วยดาบ และบรรดาหญิงม่ายของพวกเขาไม่อาจร้องไห้ไว้ทุกข์ 65 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตื่นเหมือนอย่างตื่นบรรทม เหมือนอย่างนักรบโห่ร้องเพราะฤทธิ์เหล้าองุ่น 66 พระองค์ได้ทรงขับพวกคู่อริของพระองค์ให้กลับไป พระองค์ได้ทรงให้พวกเขาอับอายเป็นนิตย์

67 พระองค์ได้ทรงปฏิเสธเต็นท์ของโยเซฟ และพระองค์มิได้ทรงเลือกเผ่าเอฟราอิม 68 พระองค์ได้ทรงเลือกเผ่ายูดาห์และภูเขาศิโยนซึ่งพระองค์ทรงรัก 69 พระองค์ได้ทรงสร้างสถานนมัสการของพระองค์เหมือนอย่างฟ้าสวรรค์ เหมือนอย่างแผ่นดินโลกซึ่งพระองค์ทรงสถาปนาไว้เป็นนิตย์

70 พระองค์ได้ทรงเลือกดาวิด ผู้รับใช้ของพระองค์ และได้ทรงพาท่านมาจากคอกแกะ 71 พระองค์ได้ทรงพาท่านมาจากการดูแลแม่แกะที่มีลูกอ่อน และพระองค์ได้ทรงพาท่านให้เป็นผู้เลี้ยงดูแกะของยาโคบ คือประชากรของพระองค์ และของอิสราเอล ซึ่งเป็นมรดกของพระองค์ 72 ดาวิดได้เลี้ยงดูพวกเขาดุจเลี้ยงแกะด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแห่งจิตใจของท่าน และท่านได้นำพวกเขาด้วยความช่ำชองแห่งมือของท่าน

130

1 ข้าแต่พระเจ้า บรรดาชนต่างชาติได้ล่วงล้ำมรดกของพระองค์ พวกเขาได้ทำให้พระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์เป็นมลทิน พวกเขาได้ทำให้กรุงเยรูซาเล็มกลายเป็นกองปรักหักพัง 2 พวกเขาได้ให้ศพบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ให้เป็นอาหารแก่พวกนกในท้องฟ้า ให้ศพของบรรดาผู้จงรักภักดีของพระองค์แก่พวกสัตว์ป่าแห่งแผ่นดินโลก 3 พวกเขาได้หลั่งเลือดของพวกเขาออกเหมือนน้ำรอบๆ กรุงเยรูซาเล็ม และไม่มีใครได้ฝังพวกเขาเลย

4 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กลายเป็นที่เยาะเย้ยสำหรับเพื่อนบ้าน เป็นที่ถูกถากถางและเหยียดหยามแก่บรรดาคนที่อยู่รอบข้างข้าพระองค์ทั้งหลาย 5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อีกนานสักเท่าใด? พระองค์จะกริ้วไปเป็นนิตย์หรือ? ความกริ้วเพราะความหวงแหนของพระองค์จะไหม้ดั่งไฟไปอีกนานเท่าใด?

6 ขอทรงเทพระพิโรธของพระองค์ลงเหนือบรรดาประชาชาติที่ไม่รู้จักพระองค์ และเหนือราชอาณาจักรทั้งหลายที่ไม่ร้องทูลต่อพระนามของพระองค์ 7 เพราะเขาได้กลืนกินยาโคบและได้ทำลายหมู่บ้านทั้งหลายของเขา

8 ขออย่าทรงถือความชั่วของบรรพบุรุษทั้งหลายมาต่อสู้ข้าพระองค์ทั้งหลายเลย ขอกิจการแห่งพระเมตตาของพระองค์มายังข้าพระองค์ทั้งหลาย เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายตกต่ำมาก 9 ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลาย เพื่อเห็นแก่พระสิริแห่งพระนามของพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอดและทรงอภัยบรรดาบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์

10 ทำไมบรรดาประชาชาติมากล่าวว่า "พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน?" ขอให้โลหิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ที่หลั่งออกได้รับการแก้แค้นให้ตกไปบนบรรดาประชาชาติต่อหน้าต่อตาของข้าพระองค์ทั้งหลาย 11 ขอให้บรรดาเสียงคร่ำครวญของเชลยมาอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ ขอทรงรักษาลูกหลานของผู้ที่ตายไปแล้วให้มีชีวิตอยู่ด้วยความยิ่งใหญ่แห่งฤทธานุภาพของพระองค์

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตอบโต้ให้ตกไปบนตักของชนประเทศเพื่อนบ้านของข้าพระองค์ทั้งหลายเจ็ดเท่า ให้มากเท่ากับการดูหมิ่นที่พวกเขาได้ดูหมิ่นพระองค์ 13 ดังนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายผู้เป็นประชากรของพระองค์และแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์เป็นนิตย์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะกล่าวบรรดาคำสรรเสริญของพระองค์แก่ทุกชั่วอายุ

131

1 ข้าแต่พระผู้ทรงเลี้ยงดูอิสราเอลดุจเลี้ยงแกะ ขอทรงสนพระทัยฟัง คือพระองค์ผู้ทรงนำโยเซฟอย่างนำฝูงแพะแกะ พระผู้ประทับเหนือเหล่าเครูบ ขอทรงทอแสงมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย 2 ต่อหน้าเอฟราอิม และเบนยามิน และมนัสเสห์ ขอทรงปลุกฤทธานุภาพของพระองค์ขึ้น ขอเสด็จมาและช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด 3 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรื้อฟื้นข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอให้พระพักตร์ของพระองค์ทรงทอแสงมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย และข้าพระองค์ทั้งหลายจะรอด

4 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมเจ้านาย พระองค์จะกริ้วต่อประชากรของพระองค์เมื่อพวกเขาอธิษฐานอีกนานสักเท่าใด? 5 พระองค์ได้ทรงเลี้ยงพวกเขาด้วยอาหารแห่งน้ำตา และทรงประทานน้ำตาให้พวกเขาดื่มอย่างมากมายมหาศาล 6 พระองค์ทรงทำบางสิ่งแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อให้หมู่เพื่อนบ้านของข้าพระองค์ทั้งหลายเอามาถกเถียงกัน และบรรดาศัตรูของข้าพระองค์ทั้งหลายพากันหัวเราะกันในเรื่องของข้าพระองค์ทั้งหลาย

7 ข้าแต่พระเจ้าจอมเจ้านาย ขอทรงรื้อฟื้นข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพระพักตร์ของพระองค์ทรงทอแสงมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย และข้าพระองค์ทั้งหลายจะรอด 8 พระองค์ได้ทรงนำเถาองุ่นออกจากอียิปต์ พระองค์ได้ทรงขับไล่บรรดาประชาชาติออกไปและได้ทรงปลูกเถาองุ่นไว้

9 พระองค์ได้ทรงเตรียมแผ่นดินให้โล่งไว้สำหรับมัน มันก็ได้หยั่งรากลึกและได้แผ่เต็มแผ่นดิน 10 บรรดาภูเขาได้ถูกปกคลุมด้วยร่มใบของมัน บรรดาต้นสนสีดาร์ของพระเจ้าก็ถูกปกคลุมด้วยบรรดากิ่งก้านของมัน 11 มันได้ยื่นกิ่งของมันไปไกลถึงทะเล และบรรดาหน่อของมันไปถึงแม่น้ำยูเฟรตีส

12 ไฉนพระองค์ได้ทรงพังกำแพงของมันลง เพื่อให้พวกเขาทั้งสิ้นที่ผ่านทางได้เด็ดผลของมัน 13 บรรดาหมูป่าก็ออกจากดงมาย่ำยีมัน และบรรดาสัตว์ป่าในท้องทุ่งก็กินมันเป็นอาหาร

14 ข้าแต่พระเจ้าจอมเจ้านาย ขอทรงหันกลับมาเถิด ขอทรงทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์และทรงสังเกตและดูแลเถาองุ่นนี้ด้วยเถิด 15 นี่คือรากที่พระหัตถ์ขวาของพระองค์ได้ทรงปลูกไว้ คือหน่อที่พระองค์ได้ทรงทำให้เติบโต 16 มันได้ถูกเผาเสียและได้ถูกตัดลง พวกมันพินาศไปเพราะการขนาบของพระองค์

17 ขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่เหนือคนที่อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ เหนือบุตรมนุษย์ที่พระองค์ได้ทรงทำให้แข็งแรงเพื่อพระองค์เอง 18 แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายจะไม่หันไปจากพระองค์ ขอทรงรื้อฟื้นข้าพระองค์ทั้งหลาย และข้าพระองค์ทั้งหลายจะร้องทูลออกพระนามของพระองค์

19 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมเจ้านาย ขอทรงรื้อฟื้นข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย และข้าพระองค์ทั้งหลายจะรอด

132

1 จงร้องเพลงแด่พระเจ้าพระกำลังของเราด้วยเสียงดัง จงโห่ร้องด้วยความยินดีแด่พระเจ้าของยาโคบ 2 จงร้องเพลงและเล่นรำมะนา จงร้องเพลงชื่นบานพร้อมกับพิณ 3 จงเป่าเขาแกะตัวผู้ในวันขึ้นหนึ่งค่ำ และในวันขึ้นสิบห้าค่ำ เมื่อวันเทศกาลเลี้ยงของเราได้เริ่มขึ้น

4 เพราะนี่คือกฎเกณฑ์ของอิสราเอล เป็นพระราชบัญญัติที่พระเจ้าของยาโคบได้ทรงประทานให้ 5 พระองค์ได้ทรงตราให้เป็นกฎเกณฑ์ในโยเซฟ เมื่อพระองค์ได้เสด็จออกไปโจมตีแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก

6 กล่าวว่า "เราได้ปลดภาระจากบ่าของเขา มือของเขาได้พ้นจากการถือตระกร้า 7 เจ้าได้ร้องทูลในความทุกข์ใจของเจ้า และเราได้ช่วยเจ้า เราได้ตอบเจ้าจากเมฆคะนองที่มืดทึบ เราได้ทดสอบเจ้าที่น้ำแห่งเมรีบาห์ เสลาห์

8 ประชากรของเราเอ๋ย จงฟัง เพราะเราจะตักเตือนเจ้า อิสราเอลเอ๋ย ถ้าเพียงแต่เจ้าจะฟังเรา 9 ต้องไม่มีพระต่างด้าวใดๆ ท่ามกลางพวกเจ้าเลย เจ้าต้องไม่นมัสการพระต่างด้าวใดๆ 10 เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้พาเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ จงอ้าปากของเจ้าให้กว้าง และเราจะป้อนให้อิ่ม

11 แต่ประชากรของเราไม่ได้ฟังบรรดาถ้อยคำของเรา อิสราเอลไม่ได้เชื่อฟังเรา 12 ดังนั้นเราจึงได้ปล่อยพวกเขาไปตามทางที่ดื้อด้านของพวกเขาเอง เพื่อที่พวกเขาจะได้ทำตามที่พวกเขาเห็นว่าถูกต้อง

13 โอ ประชากรของเราควรจะฟังเรา โอ ประชากรของเราควรจะเดินในบรรดาทางของเรา 14 แล้วเราก็จะปราบศัตรูของพวกเขาในทันใด และจะหันมือของเราต่อสู้บรรดาผู้ข่มเหงพวกเขา

15 ขอให้บรรดาผู้ที่เกลียดชังพระยาห์เวห์โน้มตัวลงด้วยความกลัวต่อพระพักตร์พระองค์ ขอให้พวกเขาได้อับอายเป็นนิตย์ 16 เราจะเลี้ยงอิสราเอลด้วยข้าวสาลีอย่างดี เราจะทำให้เจ้าอิ่มใจด้วยน้ำผึ้งที่ออกมาจากหิน

133

1 พระเจ้าทรงประทับยืนในที่ชุมนุมของพระเจ้า ในท่ามกลางบรรดาพระทั้งหลาย พระองค์ทรงพิพากษา 2 เจ้าทั้งหลายจะพิพากษาอย่างอยุติธรรมและลำเอียงเข้าข้างคนชั่วอีกนานเท่าใด? เสลาห์

3 จงปกป้องคนยากจนและเด็กกำพร้า จงปกป้องสิทธิของผู้ทุกข์ยากและผู้ขัดสน 4 จงช่วยคนยากจนและคนขัดสนให้พ้นภัย จงเอาพวกเขาออกจากเงื้อมมือของคนชั่ว

5 พวกเขาไม่รู้และไม่เข้าใจ พวกเขาตระเวนไปในความมืด บรรดารากฐานทั้งสิ้นของแผ่นดินโลกก็หวั่นไหว

6 เราได้กล่าวว่า "เจ้าทั้งหลายเป็นพระ เป็นบรรดาบุตรขององค์ผู้สูงสุด 7 ถึงกระนั้นก็ตาม พวกเจ้าก็จะตายอย่างมนุษย์และล้มลงเหมือนหนึ่งในบรรดาเจ้านายทั้งหลาย"

8 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงลุกขึ้นพิพากษาแผ่นดินโลก เพราะบรรดาประชาชาติทั้งสิ้นเป็นมรดกของพระองค์

134

1 ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงเงียบอยู่ ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงเพิกเฉยต่อข้าพระองค์ทั้งหลายและทรงนิ่งอยู่ 2 ดูเถิด บรรดาศัตรูของพระองค์กำลังสร้างความโกลาหล และบรรดาผู้ที่ชังพระองค์ได้ยกศีรษะของพวกเขาขึ้น

3 เขาทั้งหลายวางแผนต่อสู้ประชากรของพระองค์ และร่วมกันวางแผนต่อสู้ผู้ที่พระองค์ได้ทรงปกป้องไว้ 4 เขาทั้งหลายได้พูดว่า "มาเถิด ให้เราทำลายพวกเขาในฐานะที่เป็นชนชาติหนึ่ง แล้วชื่อของอิสราเอลจะไม่เป็นที่จดจำอีกต่อไป" 5 พวกเขาได้สุมหัวกันวางแผนด้วยกลยุทธ์เดียวกัน พวกเขาได้สร้างพันธมิตรขึ้นต่อสู้พระองค์

6 นี่รวมไปถึงบรรดาเต็นท์ของเอโดมและคนอิชมาเอล และคนโมอับและคนฮาการ์ เป็นผู้ที่ได้วางแผนร่วมกัน 7 เกบาล อัมโมน อามาเลข และรวมไปถึงฟีลิสเตียกับชาวเมืองไทระ

8 อัสซีเรียก็สมทบพวกเขาด้วย พวกเขากำลังช่วยเหลือบรรดาลูกหลานของโลท เสลาห์

9 ขอพระองค์ทรงทำแก่พวกเขาเหมือนอย่างที่พระองค์ได้ทรงทำแก่คนมีเดียน อย่างที่ได้ทรงทำแก่สิเสราและยาบินที่แม่น้ำคีโชน 10 พวกเขาได้พินาศไปที่เมืองเอนโดร และกลายเป็นเหมือนปุ๋ยคอกสำหรับแผ่นดินโลก

11 ขอทรงทำให้พวกขุนนางของพวกเขาเป็นเหมือนโอเรบและเศเอบ และบรรดาเจ้านายทั้งสิ้นของพวกเขาเป็นเหมือนเศบาห์และศัลมุนนา 12 พวกเขาได้กล่าวว่า "ให้เราเอาบรรดาทุ่งหญ้าของพระเจ้ามาเป็นของพวกเราเถิด"

13 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงทำให้พวกเขาเหมือนผงคลีที่วนเวียน เหมือนแกลบต่อหน้าลม 14 เหมือนอย่างไฟที่เผาผลาญป่าไม้ และอย่างเปลวไฟที่ให้ภูเขาลุกโพลง 15 ขอทรงไล่ตามพวกเขาไปด้วยพายุรุนแรงของพระองค์ และทรงทำให้พวกเขาสยดสยองด้วยพายุของพระองค์

16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงให้บรรดาใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความอาย เพื่อพวกเขาจะได้แสวงหาพระนามของพระองค์ 17 ขอให้พวกเขาอับอายและหวาดกลัวอยู่เป็นนิตย์ ให้พวกเขาพินาศไปในความอัปยศอดสู

18 แล้วพวกเขาจะทราบว่าพระองค์ผู้เดียว พระยาห์เวห์ ทรงเป็นผู้สูงสุดเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น

135

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ที่ประทับของพระองค์ช่างงดงามจริงๆ 2 ข้าพระองค์โหยหาบริเวณพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ความปรารถนาของข้าพระองค์ที่มีต่อพระนิเวศได้ทำให้ข้าพระองค์อ่อนแรง ทั้งจิตใจและกายทั้งสิ้นของข้าพระองค์กำลังร้องเรียกหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

3 แม้นกกระจอกก็หาบ้านได้แล้ว และนกนางแอ่นหารังสำหรับตัวมันได้ ในที่ที่มันจะวางไข่ออกลูกของมันใกล้กับบรรดาแท่นบูชาของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ผู้ทรงเป็นกษัตริย์และพระเจ้าของข้าพระองค์ 4 ผู้ที่อาศัยอยู่ในพระนิเวศของพระองค์ก็เป็นสุข พวกเขาสรรเสริญพระองค์อยู่เรื่อยไป เสลาห์

5 คนที่พละกำลังของเขาอยู่ในพระองค์ก็เป็นสุข ในผู้ที่ใจของเขาเป็นบรรดาทางหลวงขึ้นไปยังศิโยน 6 ขณะที่ผ่านไปตามหุบเขาแห่งน้ำตา พวกเขาก็พบบรรดาน้ำพุที่จะดื่ม ฝนต้นฤดูปกคลุมที่นั่นด้วยพระพรทั้งหลาย

7 พวกเขาไปด้วยกำลังที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาทุกคนเข้าเฝ้าต่อพระพักตร์พระเจ้าในศิโยน 8 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมเจ้านาย ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์! ข้าแต่พระเจ้าของยาโคบ ขอทรงสดับฟังสิ่งที่ข้าพระองค์กำลังร้องทูล เสลาห์ 9 ข้าแต่พระเจ้า ขอทอดพระเนตรโล่ของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงสำแดงความห่วงใยต่อผู้ที่พระองค์ได้ทรงเจิมไว้ 10 เพราะวันเดียวในบริเวณพระนิเวศของพระองค์ก็ดีกว่าพันวันในที่อื่น ข้าพเจ้าขอเป็นคนเฝ้าประตูในพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพเจ้าดีกว่าอาศัยอยู่ในบรรดาเต็นท์ของคนชั่ว

11 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเป็นดวงอาทิตย์และเป็นโล่ของเรา พระยาห์เวห์จะทรงประทานพระคุณและศักดิ์ศรี พระองค์มิได้ทรงรั้งสิ่งดีอันใดจากบรรดาผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์สุจริต 12 ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย คนที่วางใจในพระองค์ก็เป็นสุข

136

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงสำแดงความโปรดปรานแก่แผ่นดินของพระองค์ พระองค์ได้ทรงรื้อฟื้นความเป็นอยู่ที่ดีของยาโคบ 2 พระองค์ได้ทรงยกโทษความบาปของประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงได้ทรงปกปิดความบาปทั้งสิ้นของพวกเขา เสลาห์

3 พระองค์ได้ทรงขจัดความเกรี้ยวกราดทั้งสิ้นของพระองค์ พระองค์ได้ทรงหันจากความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ 4 ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้กลับคืนสู่สภาพดี ขอทรงระงับโทสะที่มีต่อข้าพระองค์ทั้งหลาย 5 พระองค์จะกริ้วข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นนิตย์หรือ? พระองค์จะทรงให้ความกริ้วของพระองค์ดำรงอยู่ไปจนถึงชั่วอายุในอนาคตหรือ?

6 พระองค์จะไม่ทรงรื้อฟื้นข้าพระองค์ทั้งหลายขึ้นอีกหรือ? เพื่อประชากรของพระองค์จะชื่นชมยินดีในพระองค์ 7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสำแดงความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย

8 ข้าพระองค์จะฟังสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัส เพราะพระองค์จะทรงสร้างสันติภาพกับประชากรของพระองค์ คือแก่บรรดาผู้ที่ติดตามพระองค์อย่างซื่อสัตย์ แต่กระนั้นก็ตาม พวกเขาต้องไม่หันกลับไปสู่บรรดาทางแห่งความโง่อีก 9 แน่ทีเดียวที่ความรอดของพระองค์อยู่ใกล้คนที่ยำเกรงพระองค์ เพื่อสง่าราศีจะดำรงอยู่ในแผ่นดินของข้าพระองค์ทั้งหลาย

10 ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาและความสัตย์จริงได้มาบรรจบกัน ความชอบธรรมและสันติภาพได้จูบกันและกัน 11 ความสัตย์จริงก็งอกขึ้นมาจากแผ่นดิน และความชอบธรรมก็มองลงมาจากท้องฟ้า

12 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์จะประทานบรรดาพระพรที่ดี และแผ่นดินของข้าพระองค์ทั้งหลายจะผลิตผลของมันออกมา 13 ความชอบธรรมจะนำหน้าพระองค์และเตรียมพระมรรคาไว้สำหรับก้าวพระบาทของพระองค์

137

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสดับฟัง และขอทรงตอบข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ยากจนและถูกกดขี่ 2 ขอทรงคุ้มครองข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์เป็นผู้จงรักภักดี ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ให้รอดคือผู้ที่วางใจในพระองค์

3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์วันยังค่ำ 4 ขอทรงให้ผู้รับใช้ของพระองค์ยินดี ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ยกชูจิตใจของข้าพระองค์ต่อพระองค์

5 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงประเสริฐ และทรงพร้อมที่จะประทานอภัย และพระองค์ได้ทรงสำแดงพระเมตตาอันยิ่งใหญ่แก่บรรดาผู้ที่ร้องทูลต่อพระองค์ทั้งสิ้น 6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอทรงสดับบรรดาเสียงวิงวอนของข้าพระองค์ 7 ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์ในวันแห่งความยากลำบากของข้าพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงตอบข้าพระองค์

8 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ในบรรดาพระทั้งหลาย ไม่มีผู้ใดเทียบกับพระองค์ได้ ไม่มีกิจการใดๆ ที่เป็นเหมือนบรรดาพระราชกิจของพระองค์ 9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดาชนชาติทั้งสิ้นที่พระองค์ได้ทรงสร้างจะมาและกราบลงเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ พวกเขาจะเทิดทูนพระนามของพระองค์

10 เพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่และทรงทำการอัศจรรย์ต่างๆ พระองค์แต่ผู้เดียวทรงเป็นพระเจ้า 11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนบรรดาพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะดำเนินในความจริงของพระองค์ ขอทรงรวมใจของข้าพระองค์เป็นใจเดียวเพื่อเคารพยำเกรงต่อพระองค์ 12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยสุดใจ ข้าพระองค์จะเทิดทูนพระนามของพระองค์เป็นนิตย์

13 เพราะความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ที่ทรงมีต่อข้าพระองค์นั้นใหญ่ยิ่งนัก พระองค์ได้ทรงช่วยกู้ชีวิตของข้าพระองค์จากที่ลึกของแดนคนตาย 14 ข้าแต่พระเจ้า คนโอหังได้ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์ กลุ่มคนโหดร้ายมุ่งเอาชีวิตข้าพระองค์ พวกเขาไม่เคารพยำเกรงพระองค์เลย

15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระกรุณาและพระคุณ ทรงกริ้วช้า และทรงอุดมด้วยความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาและความสัตย์จริง 16 ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์และทรงพระเมตตาข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอทรงประทานพระกำลังของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และขอทรงช่วยบุตรชายของหญิงคนใช้ของพระองค์ให้รอด 17 ขอทรงสำแดงหมายสำคัญแห่งความโปรดปรานแก่ข้าพระองค์ เพื่อคนที่เกลียดชังข้าพระองค์จะเห็นแล้วอับอายเพราะพระองค์ คือพระยาห์เวห์ ได้ทรงช่วยเหลือข้าพระองค์และได้ทรงปลอบโยนข้าพระองค์

138

1 มีเมืองที่ตั้งไว้บนภูเขาบริสุทธิ์ซึ่งพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ 2 พระยาห์เวห์ทรงรักบรรดาประตูของศิโยนมากยิ่งกว่าบรรดาเต็นท์ของยาโคบทั้งสิ้น 3 โอ เมืองของพระเจ้าเอ๋ย บรรดาสิ่งที่มีสง่าราศีต่างกล่าวถึงเธอ เสลาห์

4 "เราได้เอ่ยถึงราหับและบาบิโลนแก่บรรดาผู้ติดตามเรา ดูเถิด มีฟีลิสเตีย และไทระ พร้อมกับเอธิโอเปีย และจะกล่าวว่า 'ผู้นี้ได้เกิดที่นั่น'"

5 ส่วนเรื่องศิโยนก็จะกล่าวว่า "คนเหล่านี้แต่ละคนได้เกิดในเธอ และองค์ผู้สูงสุดเองจะทรงสถาปนาเธอไว้" 6 พระยาห์เวห์ทรงบันทึกไว้ในสมุดทะเบียนแห่งบรรดาประชาชาติว่า "ผู้นี้ได้เกิดที่นั่น" เสลาห์

7 ดังนั้นบรรดานักร้องและนักเต้นกล่าวพร้อมกันว่า "น้ำพุทั้งสิ้นของเราอยู่ในเธอ"

139

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระพักตร์พระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน 2 ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอทรงสนพระทัยต่อเสียงร้องทูลของข้าพระองค์

3 เพราะข้าพระองค์ได้เต็มไปด้วยบรรดาความทุกข์ยากลำบาก และชีวิตของข้าพระองค์ได้ลงไปถึงแดนคนตาย 4 บรรดาผู้คนต่างปฏิบัติต่อข้าพระองค์เหมือนผู้ที่ลงไปยังหลุมมรณา ข้าพระองค์เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่มีกำลัง

5 ข้าพระองค์ได้ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางคนตาย ข้าพระองค์เป็นเหมือนคนตายที่นอนอยู่ในหลุมศพ เป็นผู้ที่พระองค์ไม่สนพระทัยอีกต่อไปเพราะพวกเขาถูกตัดออกจากฤทธานุภาพของพระองค์ 6 พระองค์ทรงวางข้าพระองค์ไว้ที่ก้นบึ้งของหลุมมรณา ในที่มืดและลึก

7 พระพิโรธของพระองค์หนักอึ้งบนข้าพระองค์ และบรรดาคลื่นของพระองค์ทั้งสิ้นได้ซัดท่วมข้าพระองค์ เสลาห์

8 เป็นเพราะพระองค์ บรรดามิตรสหายของข้าพระองค์จึงได้เหินห่างจากข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นภาพที่น่าตกใจต่อพวกเขา ข้าพระองค์ถูกขังไว้และข้าพระองค์หนีออกไปไม่ได้

9 ดวงตาของข้าพระองค์ร่วงโรยไปจากความทุกข์ยากลำบาก ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์วันยังค่ำ ข้าพระองค์ยื่นมือของข้าพระองค์ออกต่อพระองค์ 10 พระองค์จะทรงทำบรรดาการอัศจรรย์เพื่อคนตายหรือ? บรรดาผู้ที่ตายไปแล้วจะลุกขึ้นและสรรเสริญพระองค์หรือ? เสลาห์

11 ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์จะถูกประกาศในหลุมฝังศพ หรือประกาศความเสมอต้นเสมอปลายของพระองค์ในแดนคนตายหรือ? 12 พระราชกิจอันอัศจรรย์ของพระองค์จะเป็นรู้จักกันในความมืด หรือความชอบธรรมของพระองค์เป็นที่รู้จักกันในแผ่นดินแห่งความหลงลืมหรือ?

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์ ในยามเช้า คำอธิษฐานของข้าพระองค์มายังพระพักตร์ของพระองค์ 14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ไฉนพระองค์ทรงปฏิเสธข้าพระองค์เสีย? ไฉนพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์ไปจากข้าพระองค์?

15 ข้าพระองค์เคยทุกข์ยากและเฉียดตายมาแล้วตั้งแต่วัยเด็กของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทนทุกข์เนื่องจากความสยดสยองของพระองค์ ข้าพระองค์ท้อแท้ 16 บรรดากิจการแห่งความกริ้วของพระองค์ได้ผ่านมาเหนือข้าพระองค์ บรรดากิจการที่น่ากลัวจากพระองค์ได้ทำลายล้างข้าพระองค์

17 พวกมันได้ล้อมข้าพระองค์เหมือนอย่างน้ำวันยังค่ำ พวกมันโอบล้อมข้าพระองค์ไว้รอบด้าน 18 พระองค์ได้ทรงเอาบรรดาสหายและเพื่อนสนิทออกไปจากข้าพระองค์ มีเพียงความมืดเป็นเพื่อนสนิทของข้าพระองค์

140

1 ข้าพระองค์จะร้องเพลงถึงบรรดากิจการแห่งความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์เป็นนิตย์ ข้าพระองค์จะประกาศถึงความสัตย์จริงของพระองค์แก่บรรดาชั่วอายุคนในอนาคต 2 เพราะข้าพระองค์ได้กล่าวว่า "ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาได้ถูกสถาปนาไว้เป็นนิตย์ พระองค์ได้ทรงสถาปนาความสัตย์จริงของพระองค์ไว้ในฟ้าสวรรค์"

3 "เราได้ทำพันธสัญญาไว้กับผู้ที่ถูกเลือกไว้ของเรา เราได้ปฏิญาณแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา 4 เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเจ้าไว้เป็นนิตย์ และเราจะสถาปนาบัลลังก์ของเจ้าไว้ทุกชั่วชาติพันธุ์" เสลาห์

5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ฟ้าสวรรค์ยกย่องสรรเสริญบรรดาการอัศจรรย์ของพระองค์ ความสัตย์จริงของพระองค์เป็นที่สรรเสริญในที่ประชุมของบรรดาผู้บริสุทธิ์ 6 เพราะผู้ใดบนท้องฟ้าเปรียบกับพระยาห์เวห์ได้? ผู้ใดในท่ามกลางบรรดาบุตรชายของพระทั้งหลายเป็นเหมือนพระยาห์เวห์ได้?

7 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ได้รับการยกย่องอย่างใหญ่ยิ่งในสภาของบรรดาผู้บริสุทธิ์ และน่าเกรงขามในท่ามกลางคนทั้งปวงที่อยู่ล้อมรอบพระองค์ 8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าจอมทัพ ผู้ใดจะแข็งแกร่งเหมือนพระองค์ผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้? ความสัตย์จริงของพระองค์ล้อมรอบพระองค์

9 พระองค์ทรงปกครองทะเลที่ปั่นป่วน เมื่อบรรดาคลื่นซัดกระหน่ำ พระองค์ทรงทำให้มันสงบ 10 พระองค์ได้ทรงบดขยี้ราหับเหมือนผู้ถูกฆ่า พระองค์ได้ทรงกระจายพวกศัตรูของพระองค์ด้วยพระกรแข็งแกร่งของพระองค์

11 ฟ้าสวรรค์เป็นของพระองค์ และแผ่นดินโลกด้วย พระองค์ได้ทรงสร้างโลกและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น 12 พระองค์ได้ทรงสร้างทิศเหนือและทิศใต้ ภูเขาทาโบร์และภูเขาเฮอร์โมนชื่นชมยินดีในพระนามของพระองค์

13 พระองค์ทรงมีพระกรอันทรงอานุภาพและพระหัตถ์อันแข็งแกร่ง และพระหัตถ์ขวาของพระองค์ก็สูงส่ง 14 ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานแห่งบัลลังก์ของพระองค์ ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาและความสัตย์จริงเดินนำหน้าพระองค์

15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ประชากรผู้ที่นมัสการพระองค์ก็เป็นสุข พวกเขาเดินในความสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์ 16 พวกเขาเปรมปรีดิ์ในพระนามของพระองค์ตลอดวันยังค่ำ และพวกเขายกย่องเชิดชูพระองค์ในความชอบธรรมของพระองค์

17 เพราะพระองค์ทรงเป็นกำลังอันสูงส่งของเขาทั้งหลาย และข้าพระองค์ทั้งหลายมีชัยชนะโดยความโปรดปรานของพระองค์ 18 เพราะโล่ของเราเป็นของพระยาห์เวห์ บรรดากษัตริย์ของเราเป็นขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

19 เมื่อนานมาแล้ว พระองค์ได้ตรัสในนิมิตแก่บรรดาผู้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ พระองค์ได้ตรัสว่า "เราได้ตั้งมงกุฎบนผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง เราได้ยกคนหนึ่งที่ถูกเลือกจากท่ามกลางหมู่ประชาชนขึ้น 20 เราได้เลือกดาวิดผู้รับใช้ของเรา เราได้เจิมเขาไว้ด้วยน้ำมันบริสุทธิ์ของเรา 21 มือของเราจะประคับประคองเขา แขนของเราจะเสริมกำลังเขา 22 ไม่มีศัตรูใดจะหลอกเขาได้ ไม่มีบุตรของความชั่วจะข่มเหงเขาได้ 23 เราจะบดขยี้พวกศัตรูของเขาต่อหน้าเขา เราจะประหารบรรดาผู้ที่เกลียดชังเขา

24 ความจริงและความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของเราจะอยู่กับเขา เขาจะเป็นผู้มีชัยชนะโดยนามของเรา 25 เราจะเอามือของเขาวางบนทะเลและมือขวาของเขาบนแม่น้ำทั้งหลาย 26 เขาจะร้องต่อเราว่า 'ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ และทรงเป็นพระศิลาแห่งความรอดของข้าพระองค์'

27 และเราจะให้เขาเป็นเหมือนบุตรชายหัวปีของเรา เป็นผู้ได้รับการยกย่องสูงสุดแห่งบรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลก 28 เราจะขยายความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของเรากับเขาเป็นนิตย์ และพันธสัญญาของเรากับเขาจะมั่นคงอยู่ 29 เราจะทำให้บรรดาลูกหลานของเขามีอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และบัลลังก์ของเขาดำรงอยู่ดั่งเช่นท้องฟ้าเบื้องบน

30 ถ้าลูกหลานของเขาทอดทิ้งธรรมบัญญัติของเราและไม่ดำเนินตามบรรดากฎหมายของเรา 31 ถ้าพวกเขาฝ่าฝืนบรรดากฎเกณฑ์ของเราและไม่รักษาบัญญัติของเราไว้ 32 แล้วเราจะลงโทษการกบฎของพวกเขาด้วยไม้เรียวและลงโทษความผิดบาปของพวกเขาด้วยการเฆี่ยน

33 แต่เราจะไม่ถอนความรักมั่นคงของเราไปจากเขาหรือไม่ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาของเรา 34 เราจะไม่ฝ่าฝืนพันธสัญญาของเราหรือเปลี่ยนแปลงบรรดาถ้อยคำแห่งริมฝีปากของเรา

35 เราได้ปฏิญาณโดยความบริสุทธิ์ของเราเพียงครั้งเดียวเป็นพอ เราจะไม่มุสาต่อดาวิด 36 บรรดาพงศ์พันธุ์ของเขาจะดำรงอยู่เป็นนิตย์และบัลลังก์ของเขาจะยืนนานดั่งเช่นดวงอาทิตย์ต่อหน้าเรา 37 บัลลังก์นั้นจะถูกสถาปนาไว้เป็นนิตย์ดั่งเช่นดวงจันทร์ ซึ่งเป็นพยานที่ซื่อสัตย์ในท้องฟ้า" เสลาห์

38 แต่พระองค์ได้ทรงปฏิเสธและทรงทอดทิ้งแล้ว พระองค์ได้ทรงพระพิโรธต่อกษัตริย์ที่ได้รับการเจิมไว้ของพระองค์ 39 พระองค์ได้ทรงยกเลิกพันธสัญญาที่ทำไว้กับผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงทำให้มงกุฎของเขาเป็นมลทินบนพื้นดิน 40 พระองค์ได้ทรงพังกำแพงทั้งสิ้นของเขาลง พระองค์ได้ทรงทำลายที่กำบังเข้มแข็งของเขา

41 คนทั้งปวงที่ผ่านไปก็ได้ปล้นเขา เขากลายเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงต่อบรรดาเพื่อนบ้านของพระองค์ 42 พระองค์ได้ทรงยกมือขวาพวกศัตรูของเขาขึ้น พระองค์ได้ทรงทำให้พวกศัตรูทั้งสิ้นของเขายินดี 43 พระองค์ทรงหันคมดาบของเขาไปและไม่ทรงให้เขาตั้งมั่นได้ในศึกสงคราม

44 พระองค์ทรงให้ความรุ่งโรจน์ของเขาสิ้นสุดลง พระองค์ได้ทรงนำบัลลังก์ของเขาลงสู่พื้นดิน 45 พระองค์ได้ทรงให้วันเวลาวัยหนุ่มของเขาสั้นลง พระองค์ได้ทรงคลุมเขาด้วยความอาย เสลาห์

46 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อีกนานเท่าใด? พระองค์จะซ่อนพระองค์เองเป็นนิตย์หรือ? พระพิโรธของพระองค์จะไหม้เหมือนไฟอยู่นานเท่าใด? 47 โอ ขอทรงระลึกว่าช่วงชีวิตของข้าพระองค์นั้นสั้นเพียงไร และเพราะพระองค์ได้ทรงสร้างลูกหลานของมนุษย์ทั้งสิ้นมาเปล่าประโยชน์ 48 ใครสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ตาย หรือสามารถช่วยกู้ชีวิตของตนจากเงื้อมมือแห่งแดนคนตายได้? เสลาห์

49 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดากิจการของความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ตั้งแต่เก่าก่อนที่พระองค์ได้ทรงปฏิญาณไว้แก่ดาวิดด้วยความสัตย์จริงของพระองค์นั้นอยู่ที่ไหน? 50 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงระลึกถึงการเยาะเย้ยที่พุ่งใส่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ และการที่ข้าพระองค์แบกรับคำสบประมาทมากมายจากชนชาติทั้งหลายไว้ในใจของข้าพระองค์ 51 ข้าแต่พระยาห์เวห์ บรรดาศัตรูของพระองค์ได้เย้ยหยัน พวกเขาเยาะเย้ยรอยเท้าของผู้ที่พระองค์ได้ทรงเจิมไว้

52 สาธุการแด่พระยาห์เวห์เป็นนิตย์ อาเมนและอาเมน

141

1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ทั้งหลายทุกชั่วชาติพันธุ์ 2 ก่อนที่ภูเขาทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้น หรือก่อนที่พระองค์ได้ทรงสร้างแผ่นดินและโลก พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล

3 พระองค์ทรงให้มนุษย์กลับเป็นผงคลีดิน และพระองค์ตรัสว่า "บรรดาพงศ์พันธุ์ของมนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย จงกลับมาเถิด" 4 เพราะพันปีในสายพระเนตรของพระองค์เป็นเหมือนวานนี้ซึ่งผ่านไปแล้ว และเป็นเหมือนยามเดียวในเวลากลางคืน

5 พระองค์ทรงกวาดเขาทั้งหลายไปเหมือนกวาดด้วยน้ำท่วมและพวกเขาก็หลับไหล ในเวลาเช้าพวกเขาเป็นเหมือนหญ้าที่งอกขึ้น 6 ในเวลาเช้ามันก็บานออกและงอกขึ้น ในเวลาเย็นก็เหี่ยวลงและแห้งไป

7 แท้ที่จริงแล้ว ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกความกริ้วของพระองค์เผาผลาญเสีย และในพระพิโรธของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายก็หวาดกลัว 8 พระองค์ทรงตั้งบรรดาความชั่วของข้าพระองค์ทั้งหลายไว้ต่อพระพักตร์พระองค์ ทรงตั้งบรรดาความบาปที่ซ่อนเร้นของข้าพระองค์ทั้งหลายไว้ในความสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์

9 ชีวิตของข้าพระองค์ทั้งหลายหมดไปภายใต้พระพิโรธของพระองค์ บรรดาปีของพวกข้าพระองค์ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนอย่างเสียงถอนหายใจ 10 บรรดาปีของพวกข้าพระองค์คือเจ็ดสิบ หรือแปดสิบ ถ้าพวกข้าพระองค์มีสุขภาพดี แต่แม้ว่าบรรดาปีที่ดีที่สุดของข้าพระองค์ทั้งหลายก็ถูกประทับไว้ด้วยความยากลำบากและความเศร้าโศก แน่ทีเดียว ช่วงปีเหล่านั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และข้าพระองค์ทั้งหลายก็จากไป

11 ผู้ใดจะทราบถึงพลังแห่งความกริ้วของพระองค์ และพระพิโรธของพระองค์ที่มีขนาดเท่ากับความเกรงกลัวพระองค์ได้? 12 ดังนั้นขอทรงสอนข้าพระองค์ทั้งหลายให้ตรึกตรองถึงชีวิตของข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อที่ข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา 13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงหันกลับมาเถิด จะเป็นแบบนี้อีกนานเท่าใด? ขอทรงสงสารบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์

14 ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายอิ่มเอมในเวลาเช้าด้วยความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้เปรมปรีดิ์และยินดีตลอดวันเวลาของข้าพระองค์ทั้งหลาย 15 ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายยินดีตามส่วนสัดเท่ากับจำนวนวันทั้งหลายที่พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทุกข์ยากนั้น และตามบรรดาปีที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ประสบความยากลำบากนั้น 16 ขอให้บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ได้เห็นพระราชกิจของพระองค์ และให้ลูกหลานของข้าพระองค์ทั้งหลายได้เห็นความสง่างามของพระองค์

17 ขอให้ความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นของพวกข้าพระองค์ ขอทรงให้การงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลายได้เจริญรุ่งเรือง แน่ทีเดียว ขอทรงทำให้การงานแห่งมือของข้าพระองค์ทั้งหลายได้เจริญรุ่งเรือง

142

1 ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่กำบังขององค์ผู้สูงสุดจะอยู่ในร่มเงาของผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ 2 ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงพระยาห์เวห์ว่า "พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์และป้อมปราการของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้วางใจ"

3 เพราะพระองค์จะทรงช่วยกู้ท่านให้พ้นจากกับดักของนายพรานและพ้นจากโรคระบาดร้ายแรงนั้น 4 พระองค์จะทรงปกท่านไว้ด้วยปีกของพระองค์ และท่านจะพบที่ลี้ภัยภายใต้ปีกของพระองค์ ความสัตย์จริงของพระองค์เป็นโล่และที่คุ้มภัย

5 ท่านจะไม่กลัวความสยดสยองในกลางคืน หรือลูกธนูที่ปลิวว่อนในกลางวัน 6 หรือกลัวโรคระบาดที่ตระเวนไปทั่วในความมืด หรือโรคภัยซึ่งมาถึงในเที่ยงวัน 7 พันคนจะล้มอยู่ข้างๆ ท่านและหมื่นคนที่ขวามือของท่าน แต่ภัยนั้นจะไม่มาถึงท่าน

8 ท่านจะได้แต่เฝ้าดูและเห็นการลงโทษคนชั่วเท่านั้น 9 เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า จงให้องค์ผู้สูงสุดเป็นที่ลี้ภัยของท่านด้วย

10 ไม่มีความชั่วจะตามมาทันท่านได้ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บจะมาใกล้ที่พักของท่าน 11 เพราะพระองค์จะทรงบัญชาเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ให้ปกป้องท่าน เพื่อคุ้มครองท่านในบรรดาทางทั้งสิ้นของท่าน

12 เหล่าทูตสวรรค์จะยกท่านขึ้นด้วยมือของพวกเขาเพื่อเท้าของท่านจะไม่กระแทกหิน 13 ท่านจะบดขยี้เหล่าสิงห์และงูพิษไว้ใต้เท้าของท่าน ท่านจะเหยียบย่ำเหล่าสิงห์หนุ่มและงูร้าย

14 เพราะพระองค์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า เราจะช่วยกู้เขา เราจะปกป้องเขาเพราะเขาจงรักภักดีต่อเรา 15 เมื่อเขาร้องทูลเรา เราก็จะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามลำบาก เราจะให้ชัยชนะแก่เขาและให้เกียรติเขา 16 เราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตที่ยืนยาวและสำแดงความรอดของเราให้เขาเห็น

143

1 เป็นการดีที่จะถวายขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์และร้องบรรดาเพลงสรรเสริญแด่พระนามของพระองค์ผู้สูงสุด 2 เพื่อประกาศความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ในเวลาเช้าและความสัตย์จริงของพระองค์ทุกคืน 3 ด้วยพิณสิบสายและด้วยทำนองของพิณเขาคู่

4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพระองค์ยินดีด้วยบรรดาพระราชกิจของพระองค์ ข้าพระองค์จะร้องเพลงด้วยความชื่นบานเนื่องด้วยบรรดาพระราชกิจแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ 5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ บรรดาพระราชกิจของพระองค์ใหญ่หลวงยิ่งนัก บรรดาพระดำริของพระองค์ก็สุดลึกล้ำ

6 คนเขลาไม่ทราบ และคนโง่ก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้ 7 เมื่อคนชั่วงอกขึ้นมาเหมือนอย่างต้นหญ้า และแม้กระทั่งเมื่อบรรดาคนทำชั่วทั้งปวงเจริญขึ้น พวกเขาก็ยังต้องถูกทำลายเป็นนิตย์

8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์จะทรงครอบครองเป็นนิตย์ 9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะนี่แน่ะ ขอทรงทอดพระเนตรพวกศัตรูของพระองค์ พวกเขาจะพินาศไป บรรดาคนทำชั่วทั้งปวงจะต้องถูกทำให้กระจัดกระจายไป

10 พระองค์ได้ทรงยกเขาของข้าพระองค์ขึ้นเหมือนอย่างเขาของวัวกระทิง ข้าพระองค์ได้รับการทรงเจิมด้วยน้ำมันใหม่ 11 นัยน์ตาของข้าพระองค์ได้มองเห็นการล้มลงของพวกศัตรูของข้าพระองค์ หูของข้าพระองค์ได้ยินถึงคราวเคราะห์ของพวกศัตรูชั่วร้ายของข้าพระองค์

12 คนชอบธรรมจะงอกงามขึ้นเหมือนอย่างต้นอินทผลัม พวกเขาจะเติบโตขึ้นเหมือนอย่างต้นสนสีดาร์ในเลบานอน 13 พวกมันได้ถูกปลูกไว้ในพระนิเวศของพระเจ้า พวกมันเจริญขึ้นตามลานในบริเวณของพระเจ้าของเราทั้งหลาย

14 พวกมันออกผลแม้ว่าพวกมันแก่แล้ว พวกมันยังคงสดและเขียวอยู่ 15 เพื่อเป็นการประกาศว่าพระยาห์เวห์นั้นทรงเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นพระศิลาของข้าพระองค์ และไม่มีความอธรรมในพระองค์เลย

144

1 พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง พระองค์ทรงสวมความยิ่งใหญ่ พระยาห์เวห์ได้ทรงสวมและได้ทรงคาดพระองค์เองด้วยพระกำลัง โลกได้ถูกสถาปนาไว้อย่างมั่นคง มันไม่สามารถสั่นคลอนได้ 2 พระที่นั่งของพระองค์ได้ถูกสถาปนาไว้แล้วตั้งแต่สมัยโบราณ พระองค์ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่นิรันดร์กาล

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ บรรดามหาสมุทรก็คึกคะนอง พวกมันได้ยกเสียงของพวกมันขึ้น คือบรรดาเสียงคลื่นที่ซัดกระหน่ำและเสียงกึกก้องของมหาสมุทร 4 พระยาห์เวห์ผู้ประทับบนที่สูงนั้นทรงมหิทธิฤทธิ์ ยิ่งกว่าเสียงซัดกระหน่ำของน้ำมากหลาย ยิ่งกว่าคลื่นจอมทำลายที่ทรงอำนาจแห่งทะเล

5 บรรดาพระบัญชาอันจริงจังของพระองค์นั้นเป็นที่ไว้วางใจได้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระนิเวศของพระองค์ประดับด้วยความบริสุทธิ์เป็นนิตย์

145

1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งการแก้แค้น พระเจ้าผู้ทรงทำการแก้แค้น ขอทรงทอแสงมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด 2 ข้าแต่พระผู้ทรงพิพากษาโลก ขอทรงลุกขึ้น ให้คนโอหังได้รับผลตอบแทนที่สาสมของพวกเขา

3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อีกนานเท่าใดที่คนชั่ว อีกนานเท่าใดที่คนชั่วจะลิงโลด? 4 พวกเขาพล่ามบรรดาถ้อยคำจองหองของพวกเขาออกมา บรรดาคนที่ทำชั่วก็อวดตัว

5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเขาบดขยี้ประชากรของพระองค์ พวกเขาทำให้ชนชาติที่เป็นของพระองค์ต้องเจ็บปวด 6 พวกเขาสังหารแม่ม่ายและคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในบ้านเมืองของพวกเขา และพวกเขาฆ่าลูกกำพร้า 7 และพวกเขากล่าวว่า "พระยาห์เวห์จะไม่ทรงทอดพระเนตร พระเจ้าของยาโคบไม่ทรงสนพระทัยเรื่องนี้"

8 พวกคนโง่เขลา จงเข้าใจ พวกคนโง่เอ๋ย เมื่อไรพวกเจ้าจะเรียนรู้? 9 พระองค์ผู้ได้ทรงสร้างหู พระองค์จะไม่ทรงได้ยินหรือ? พระองค์ผู้ทรงปั้นดวงตา พระองค์จะไม่ทรงเห็นหรือ?

10 พระองค์ผู้ทรงตีสอนบรรดาประชาชาติ พระองค์จะไม่ทรงต่อว่าหรือ? คือพระองค์ผู้ทรงประทานความรู้ให้มนุษย์ 11 พระยาห์เวห์ทรงทราบความคิดทั้งหลายของมนุษย์ ว่ามันเป็นเพียงไอหมอก

12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ที่พระองค์ทรงสั่งสอนก็เป็นสุข คือผู้ที่พระองค์ทรงสอนจากธรรมบัญญัติของพระองค์ 13 พระองค์ทรงให้เขาพักในยามยากลำบากจนกว่าหลุมจะได้ขุดไว้สำหรับคนชั่ว

14 เพราะพระยาห์เวห์จะไม่ทรงทอดทิ้งประชากรของพระองค์และจะไม่ทรงสละมรดกของพระองค์ 15 เพราะการพิพากษาจะเป็นที่ชอบธรรมอีกครั้ง และคนที่มีใจเที่ยงธรรมทั้งปวงจะติดตามไป 16 ผู้ใดจะลุกขึ้นป้องกันข้าพระองค์จากพวกคนทำชั่วเล่า? ผู้ใดจะยืนขึ้นฝ่ายข้าพระองค์ในการต่อสู้กับพวกคนชั่วเล่า?

17 ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ได้เป็นความช่วยเหลือของข้าพระองค์ ข้าพระองค์คงนอนลงในแดนแห่งความสงบในไม่ช้า 18 เมื่อข้าพระองค์ได้พูดว่า "เท้าของข้าพระองค์พลาด" ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความซื่อสัตย์แห่งพันธสัญญาของพระองค์ได้พยุงข้าพระองค์ขึ้น 19 เมื่อบรรดาความกังวลภายในข้าพระองค์มีมากมาย การปลอบโยนของพระองค์ก็ทำให้ข้าพระองค์ปีติยินดี

20 บัลลังก์แห่งการทำลาย คือผู้ที่สร้างความไม่ยุติธรรมโดยอาศัยกฎเกณฑ์ จะสามารถเป็นพันธมิตรกับพระองค์ได้หรือ? 21 เขาทั้งหลายสุมหัวกันเพื่อเอาชีวิตของคนชอบธรรมและพวกเขาลงโทษคนไม่มีความผิดให้ถึงตาย

22 แต่พระยาห์เวห์ทรงเป็นหอคอยที่สูงของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์ ทรงเป็นศิลาที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ 23 พระองค์จะทรงให้ความผิดบาปของพวกเขาตกมาบนพวกเขา และจะทรงตัดพวกเขาออกทิ้งไปเสียในความชั่วร้ายของพวกเขาเอง พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะทรงตัดพวกเขาออกไปเสีย

146

1 มาเถิด ให้เราร้องเพลงแด่พระยาห์เวห์ ให้เราร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีแด่พระศิลาแห่งความรอดของเรา 2 ให้เราเข้ามาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยการขอบพระคุณ ให้เราร้องเพลงถวายพระองค์ด้วยบรรดาบทเพลงสดุดีแห่งการสรรเสริญ 3 เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าใหญ่ยิ่ง และทรงเป็นกษัตริย์ใหญ่ยิ่งเหนือบรรดาพระทั้งปวง

4 บรรดาที่ลึกของแผ่นดินโลกอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ บรรดาที่สูงของภูเขาทั้งหลายก็เป็นของพระองค์ 5 ทะเลเป็นของพระองค์เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างมันขึ้นมา และพระหัตถ์ของพระองค์ได้ทรงปั้นแผ่นดินแห้ง

6 มาเถิด ให้เรานมัสการและก้มกราบลง ให้เราคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์ของพระยาห์เวห์องค์พระผู้สร้างของเรา 7 เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา และเราเป็นประชากรแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์ และเป็นแกะแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ วันนี้ ท่านทั้งหลายคงได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ว่า

8 "อย่าให้จิตใจของพวกเจ้ากระด้างกระเดื่องเหมือนอย่างที่เมรีบาห์ หรือเหมือนอย่างวันนั้นที่มัสสาห์ในถิ่นทุรกันดาร 9 ที่ซึ่งบรรพบุรุษทั้งหลายของพวกเจ้าได้ทดลองเราและได้พิสูจน์เรา ถึงแม้ว่าพวกเขาได้เห็นกิจการทั้งหลายของเรามาแล้วก็ตาม

10 เราได้กริ้วคนชั่วอายุนี้เป็นเวลาสี่สิบปีและได้กล่าวว่า 'นี่คือชนชาติที่มีจิตใจหลงเจิ่นไป พวกเขาไม่ได้รู้จักบรรดาทางของเรา' 11 เพราะฉะนั้น เราจึงได้ปฏิญาณด้วยความกริ้วว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้าสู่ที่หยุดพักของเราเลย"

147

1 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระยาห์เวห์ แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงร้องเพลงแด่พระยาห์เวห์เถิด 2 จงร้องเพลงแด่พระยาห์เวห์ จงถวายสาธุการพระนามของพระองค์ จงประกาศความรอดของพระองค์ทุกๆ วัน

3 จงเล่าถึงพระสิริของพระองค์ในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และบรรดาพระราชกิจอันมหัศจรรย์ของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งปวง 4 เพราะพระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่และทรงสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงเป็นที่เกรงกลัวเหนือบรรดาพระอื่นๆ ทั้งสิ้น

5 เพราะบรรดาพระทั้งสิ้นของชนชาติต่างๆ เป็นรูปเหล่าเคารพ แต่พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ 6 ความสง่างามและพระบารมีอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ พระกำลังและความงดงามอยู่ในสถานนมัสการของพระองค์

7 บรรดาตระกูลของชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์เพราะพระสิริและพระกำลังของพระองค์ 8 จงถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์ จงนำของถวายมายังบริเวณพระนิเวศของพระองค์

9 จงก้มกราบต่อพระยาห์เวห์ด้วยสวมเครื่องแต่งกายที่ถวายเกียรติแด่ความบริสุทธิ์ของพระองค์ แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์พระองค์ 10 จงกล่าวในท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า "พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง" พิภพโลกก็ถูกสถาปนาแล้ว โลกไม่สามารถสั่นคลอนได้เลย พระองค์จะทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลายด้วยความยุติธรรม

11 จงให้ฟ้าสวรรค์ยินดี และแผ่นดินโลกเปรมปรีดิ์ ให้ทะเลส่งเสียงกึกก้องและทุกอย่างที่อยู่ในนั้นโห่ร้องด้วยความยินดี 12 ให้ทุ่งนาทั้งหลายและทุกอย่างที่อยู่ในนั้นเปรมปรีดิ์ แล้วให้ต้นไม้ทั้งสิ้นของป่าโห่ร้องด้วยความยินดี 13 เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์กำลังเสด็จมา พระองค์กำลังเสด็จมาพิพากษาโลก พระองค์จะทรงพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรมและจะทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลายด้วยความซื่อสัตย์ของพระองค์

148

1 พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง จงให้แผ่นดินโลกเปรมปรีดิ์ ให้แผ่นดินชายทะเลมากมายนั้นยินดี 2 หมู่เมฆและความมืดทึบอยู่รอบพระองค์ ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานแห่งพระบัลลังก์ของพระองค์

3 ไฟลุกอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์และเผาผลาญบรรดาคู่อริที่อยู่ทุกด้านของพระองค์เสีย 4 ฟ้าแลบของพระองค์ทำให้พิภพโลกสว่างขึ้น แผ่นดินโลกเห็นและสั่นสะท้าน 5 ภูเขาทั้งหลายละลายลงอย่างขี้ผึ้งเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโลกทั้งสิ้น

6 บรรดาท้องฟ้าประกาศถึงความชอบธรรมของพระองค์ และบรรดาชนชาติทั้งสิ้นเห็นพระสิริของพระองค์ 7 ทุกคนที่นมัสการบรรดารูปเคารพแกะสลักจะได้รับความอับอาย คือทุกคนที่โอ้อวดในพระไร้ค่า บรรดาพระทั้งหลายของเจ้า จงก้มกราบต่อพระองค์ 8 ศิโยนได้ยินและยินดี และเมืองทั้งหลายของยูดาห์ก็เปรมปรีดิ์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะคำพิพากษาอันชอบธรรมของพระองค์

9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์ผู้สูงสุดเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น พระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องอย่างสูงเหนือบรรดาพระทั้งปวง 10 บรรดาผู้รักพระยาห์เวห์เอ๋ย จงเกลียดชังความชั่ว พระองค์ทรงคุ้มครองบรรดาชีวิตของธรรมิกชนของพระองค์ และพระองค์ทรงเอาพวกเขาออกจากมือของคนชั่ว 11 ความสว่างได้หว่านไว้เพื่อคนชอบธรรม และหว่านความยินดีไว้เพื่อคนที่มีใจซื่อตรง ท่านทั้งหลายผู้ชอบธรรมเอ๋ย

12 จงยินดีในพระยาห์เวห์เถิด และจงถวายขอบพระคุณเมื่อพวกท่านระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระองค์

149

1 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ พระหัตถ์ขวาและพระกรบริสุทธิ์ของพระองค์ได้ให้ชัยชนะแก่พระองค์ 2 พระยาห์เวห์ได้ทรงให้ความรอดของพระองค์เป็นที่รู้จัก พระองค์ได้ทรงสำแดงความยุติธรรมของพระองค์แก่บรรดาประชาชาติทั้งสิ้นอย่างเปิดเผย

3 พระองค์ทรงระลึกถึงความจงรักภักดีแห่งพันธสัญญาและความซื่อสัตย์ของพระองค์ต่อวงศ์วานอิสราเอล บรรดาที่สุดปลายแผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะได้เห็นชัยชนะของพระเจ้าของเรา 4 แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงโห่ร้องด้วยความชื่นบานถวายแด่พระยาห์เวห์ จงโห่ร้องออกมาเป็นบทเพลง

5 จงร้องเพลงด้วยความยินดี และร้องบรรดาเพลงสดุดี จงร้องบรรดาเพลงสดุดีถวายแด่พระยาห์เวห์ด้วยพิณเขาคู่ และด้วยบทเพลงตามทำนอง 6 ด้วยบรรดาเสียงแตรและเสียงเป่าเขาสัตว์ จงทำเสียงชื่นบานเฉพาะพระพักตร์พระมหากษัตริย์ คือพระยาห์เวห์

7 ให้ทะเลกับทุกอย่างที่อยู่ในนั้นโห่ร้อง อีกทั้งพิภพโลกกับบรรดาผู้อาศัยอยู่ในนั้น 8 ให้แม่น้ำทั้งหลายตบมือของพวกมัน และให้บรรดาภูเขาโห่ร้องด้วยความชื่นบาน 9 พระยาห์เวห์กำลังเสด็จมาพิพากษาโลก พระองค์จะทรงพิพากษาพิภพโลกด้วยความชอบธรรม และจะทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลายด้วยความยุติธรรม

150

1 พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง ให้ชนชาติทั้งหลายตัวสั่น พระองค์ประทับบนบัลลังก์เหนือเครูบ แผ่นดินโลกก็สั่นไหว 2 พระยาห์เวห์ทรงใหญ่ยิ่งในศิโยน พระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเชิดชูเหนือบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น 3 จงให้พวกเขาสรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามของพระองค์ พระองค์ทรงบริสุทธิ์

4 พระมหากษัตริย์ทรงฤทธานุภาพ และพระองค์ทรงรักความยุติธรรม พระองค์ได้ทรงสถาปนาความยุติธรรม พระองค์ได้ทรงกระทำความชอบธรรมและความยุติธรรมในยาโคบ 5 จงสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราและนมัสการที่แท่นรองพระบาทของพระองค์ พระองค์ทรงบริสุทธิ์

6 โมเสสและอาโรนได้อยู่ท่ามกลางพวกปุโรหิตของพระองค์ และซามูเอลได้อยู่ท่ามกลางพวกที่อธิษฐานต่อพระองค์ เขาเหล่านั้นได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ และพระองค์ได้ทรงตอบพวกเขา 7 พระองค์ได้ตรัสกับเขาเหล่านั้นจากเสาเมฆ พวกเขาได้รักษาบรรดาพระบัญชาอันจริงจังของพระองค์และบรรดากฎเกณฑ์ที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่พวกเขา

8 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ได้ทรงตอบเขาเหล่านั้น พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงอภัยโทษสำหรับเขาเหล่านั้น แต่ทรงเป็นผู้ลงโทษต่อการกระทำผิดบาปทั้งหลายของเขาเหล่านั้นด้วย 9 จงสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา และจงนมัสการที่ภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงบริสุทธิ์