ไทย (Thai): Unlocked Literal Bible Print

Updated ? hours ago # views See on WACS
LAMENTATIONS
LAMENTATIONS
1

1 ครั้งหนึ่งเมืองเต็มไปด้วยผู้คน บัดนี้มานั่งอ้างว้างแล้ว เธอได้กลายเป็นดั่งหญิงม่ายแล้ว เธอเคยเป็นหญิงสูงศักดิ์ของชนชาติ เธอเป็นดั่งเจ้าหญิงท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย แต่บัดนี้ถูกบังคับให้เป็นทาสี 2 เธอร้องไห้และคร่ำครวญตอนกลางคืน และน้ำตาของเธอไหลนองหน้า ไม่มีใครที่รักเธอปลอบประโลมเธอ เพื่อนทุกคนของเธอได้ทรยศเธอ พวกเขากลายเป็นศัตรูของเธอ

3 หลังจากความยากจนและความทุกข์ เมื่อยูดาห์ได้ไปเป็นทาส เธอต้องพำนักอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติและไม่พบที่พักสงบเลย ทุกคนที่ไล่ล่าเธอก็ตามเธอทันในความแค้นใจของเธอนั้น

4 ถนนสู่ศิโยนก็โศกเศร้า เพราะไม่มีผู้เดินทางไปงานเทศกาลเลี้ยงตามกำหนด ประตูเมืองทุกบานของเธอก็ร้าง ปุโรหิตทั้งหลายของเธอพากันถอนใจ หญิงสาวพรหมจารีของเธอต้องสลดใจ และเธอเองก็ขมขื่นยิ่งนัก 5 ศัตรูของเธอกลายเป็นเจ้านายของเธอ ศัตรูของเธอได้จำเริญขึ้น พระยาห์เวห์ทรงให้เธอทนทุกข์ เนื่องด้วยบาปมากมายของเธอ บุตรเล็กทั้งหลายของเธอไปเป็นทาสของศัตรู

6 ความสวยได้หายไปจากธิดาแห่งศิโยน พวกเจ้าชายทั้งหลายของเธอก็เป็นดุจฝูงกวางที่หาทุ่งหญ้าไม่พบ และพวกมันก็ได้หมดแรงต่อหน้าผู้ไล่ล่าของพวกมัน

7 ในวันแห่งความทุกข์และไร้บ้านของเธอ กรุงเยรูซาเล็มจะหวนคิดถึงของล้ำค่าทั้งสิ้นที่เธอเคยมีในครั้งก่อน เมื่อประชาชนของเธอตกอยู่ในมือของศัตรู และไม่มีใครสงเคราะห์เธอได้ พวกศัตรูได้เห็นเธอแล้วก็เย้ยหยันความพินาศของเธอ

8 กรุงเยรูซาเล็มได้ทำบาปมาก ฉะนั้นเธอจึงได้เป็นที่เย้ยหยันเหมือนกับสิ่งที่ไม่สะอาด ทุกคนที่เคยให้เกียรติเธอ บัดนี้กลับลบหลู่เธอ เพราะพวกเขาเห็นความเปลือยเปล่าของเธอ เธอได้แต่ถอนใจ และพยายามหันหนีไป 9 เธอได้เป็นมลทินภายใต้กระโปรงของเธอ เธอหาได้คำนึงถึงอนาคตไม่ ดังนั้นความล้มเหลวของเธอจึงน่ากลัว ไม่มีใครปลอบประโลมเธอ เธอได้แต่ร้องว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทอดพระเนตรความทุกข์ของข้าพระองค์ เพราะพวกศัตรูนั้นมากเกินไป"

10 ศัตรูได้ยื่นมือออกมายึดเอาของล้ำค่าทุกชิ้นของเธอไป เธอได้เห็นบรรดาประชาชาติ บุกเข้ามาในสถานนมัสการของเธอ แม้กระนั้นคนที่พระองค์ได้ทรงห้ามว่าพวกเขาต้องไม่เข้ามาในที่ประชุมของพระองค์

11 ประชาชนทั้งหมดของเธอได้ถอนใจใหญ่เมื่อเขาทั้งหลายเสาะหาอาหาร พวกเขาได้เอาของล้ำค่าแลกอาหารเพื่อจะได้ประทังชีวิตของพวกเขา ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทอดพระเนตรดูและทรงพิจารณาข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ถูกลบหลู่ ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป 12 ท่านไม่รู้สึกอะไรหรือ? จงมองและรู้ว่ามีความทุกข์ใดบ้างที่เหมือนความทุกข์ที่เกิดแก่ข้าพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงทรมานข้าพระองค์ในวันแห่งพระพิโรธอันเกรี้ยวกราดของพระองค์นั้น

13 จากเบื้องบนซึ่งพระองค์ได้ทรงส่งเพลิงลงมาให้เข้าไปในกระดูกของข้าพระองค์และมันก็ลึกลงไปในกระดูก พระองค์ได้ทรงกางตาข่ายไว้ดักเท้าของข้าพระองค์ และได้ทรงทำให้ข้าพระองค์ต้องหันกลับ พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพระองค์สิ้นหวัง และอ่อนระอาตลอดเวลา 14 แอกแห่งบรรดาการฝ่าฝืนของข้าพระองค์ถูกมัดไว้โดยพระหัตถ์ของพระองค์ การฝ่าฝืนเหล่านั้นก็ถูกถักทอเข้าด้วยกันและใส่รอบคอของข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงทำให้กำลังของข้าพระองค์อ่อนลง องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้ในมือของพวกมัน ผู้ที่ข้าพระองค์ไม่สามารถต่อต้านได้

15 พระองค์ได้ทรงผลักไสข้าพระองค์ออกไปยังผู้กล้าทั้งหลายที่สู้ข้าพระองค์ พระองค์ได้เรียกฝูงชนมาสู้ข้าพระองค์เพื่อขยี้ผู้ชายที่แข็งแรงของข้าพระองค์ให้แหลกไป องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงย่ำธิดาพรหมจารีแห่งยูดาห์ดั่งย่ำผลองุ่นในบ่อองุ่น

16 “เพราะเหตุนี้เอง ข้าพระองค์จึงร้องไห้ ดวงตาของข้าพระองค์หนอ ข้าพระองค์มีน้ำตาไหลจากสายตาของข้าพระองค์ เมื่อผู้ปลอบประโลมที่จะช่วยชีวิตของข้าพระองค์อยู่ห่างไกลจากข้าพระองค์ บรรดาบุตรของข้าพระองค์สิ้นหวัง 17 เพราะพวกศัตรูได้ชัยชนะ ศิโยนกางมือทั้งคู่ออก แต่ไม่มีใครปลอบประโลมเธอ พระยาห์เวห์ทรงบัญชาผู้ที่อยู่รอบยาโคบให้กลายเป็นศัตรูของเขา กรุงเยรูซาเล็มกลายเป็นสิ่งโสโครกสำหรับเขาทั้งหลาย

18 พระยาห์เวห์ทรงชอบธรรมแล้ว เพราะข้าพระองค์ได้กบฎต่อพระบัญญัติของพระองค์ ทุกชนชาติจงฟัง และมองดูการทนทุกข์ของข้าพระองค์ สาวพรหมจารีทั้งหลายและผู้ชายที่แข็งแรงทั้งหลายของข้าพระองค์ได้ตกไปเป็นทาสแล้ว 19 ข้าพระองค์ได้เรียกหาบรรดาสหายทั้งหลายของข้าพระองค์ แต่เขาทั้งหลายได้ทรยศข้าพระองค์ พวกปุโรหิตทั้งหลายและพวกผู้อาวุโสทั้งหลายของข้าพระองค์ก็ตายที่กลางเมืองขณะออกหาอาหาร ประทังชีวิตของพวกเขา

20 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตร เพราะข้าพระองค์มีทุกข์ ท้องของข้าพระองค์ก็ปั่นป่วน ใจข้าพระองค์ก็สับสนอยู่ภายใน เพราะข้าพระองค์ได้กบฎอย่างมาก ข้างนอกบ้านนั้นคมดาบก็ทำให้เสียมารดา ส่วนในบ้านนั้นก็เหลือแต่ความตาย

21 เขาทั้งหลายได้ยินว่าข้าพระองค์ถอนใจอย่างไร แต่ไม่มีใครปลอบประโลมข้าพระองค์ บรรดาศัตรูของข้าพระองค์ต่างยินดีที่ได้ยินถึงเหตุร้ายที่ตกแก่ข้าพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงทำอย่างนี้ เพราะพระองค์ได้ทรงนำวันที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้นั้นมา บัดนี้ขอให้พวกมันเป็นเหมือนข้าพระองค์ 22 ขอให้ความเลวร้ายทุกอย่างของพวกมันแสดงเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ขอทรงทำแก่พวกมัน ดังที่ทรงทำแก่ข้าพระองค์ เนื่องด้วยการฝ่าฝืนทั้งสิ้นของข้าพระองค์เถิด ด้วยการถอนใจของข้าพระองค์นั้นมากมาย และใจข้าพระองค์ก็อ่อนล้า

2

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงปกคลุมเหนือธิดาแห่งศิโยนภายใต้เมฆแห่งพระพิโรธของพระองค์ พระองค์ได้ทรงโยนความโอ่อ่าตระการของอิสราเอลจากฟ้าลงพื้นดิน พระองค์ไม่ได้ทรงคิดถึงแท่นรองพระบาทของพระองค์ในวันแห่งพระพิโรธของพระองค์ 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกลืนกินและไร้ความปรานีต่อเมืองทุกแห่งของยาโคบ ในวันแห่งพระพิโรธของพระองค์ พระองค์ทรงโค่นบรรดาเมืองป้อมของธิดาแห่งยูดาห์ พระองค์ทรงล้มล้างอาณาจักรและเหล่าผู้ครอบครองลงดินอย่างน่าอัปยศอดสู

3 ด้วยพระพิโรธอันรุนแรง พระองค์ทรงตัดเขาทุกเขาของอิสราเอลออก พระองค์ทรงเพิกถอนการปกป้องรักษาจากศัตรู พระองค์ได้ทรงเผายาโคบเหมือนเปลวไฟลุกโชนซึ่งแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ มัน 4 เหมือนทรงเป็นศัตรู พระองค์ได้ทรงดึงคันธนูมายังพวกเรา ด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงเตรียมพร้อมจะยิง พระองค์ได้ทรงประหารทุกคนผู้เป็นที่ชื่นตาชื่นใจพระองค์ในเต็นท์ของธิดาแห่งศิโยน พระองค์ได้ทรงระบายพระพิโรธเหมือนไฟแผดเผา

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเป็นเหมือนศัตรู พระองค์ทรงกลืนกินอิสราเอลเสีย พระองค์ได้ทรงกลืนพระราชวังทั้งสิ้นของเธอ พระองค์ได้ทรงทำลายที่มั่นเข้มแข็งต่างๆ ของเธอ พระองค์ได้ทรงทำให้การร้องไห้คร่ำครวญมากขึ้นสำหรับธิดาแห่งยูดาห์ 6 พระองค์ได้ทรงโจมตีพลับพลาของพระองค์ดั่งกระท่อมในสวน พระองค์ได้ทรงทำลายสถานที่ของที่ประชุมศักดิ์สิทธิ์ พระยาห์เวห์ได้ทรงทำให้ทั้งที่ประชุมศักดิ์สิทธิ์และสะบาโตทั้งหลายในศิโยนถูกลืม เพราะพระองค์ได้ทรงทำให้ทั้งกษัตริย์และปุโรหิตถูกดูหมิ่นด้วยพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์

7 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงปฏิเสธแท่นบูชาของพระองค์ และได้ทรงทอดทิ้งสถานนมัสการของพระองค์ พระองค์ได้ทรงมอบกำแพงปราสาทราชวังไว้ในมือของศัตรู พวกศัตรูได้ส่งเสียงโห่ร้องในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ราวกับวันฉลองตามเทศกาลที่ได้กำหนด

8 พระยาห์เวห์ได้ทรงประสงค์ที่จะทลายกำแพงเมืองของธิดาแห่งศิโยน พระองค์ทรงขึงสายวัดและไม่ระงับพระหัตถ์ของพระองค์จากการทำลายกำแพง พระองค์ได้ทรงทำให้เชิงเทินและกำแพงคร่ำครวญเพราะมันพังทลายไปด้วยกัน 9 ประตูทั้งหลายของเธอได้ทรุดจมดิน พระองค์ได้ทรงทำลายและหักลูกกรงประตูทั้งหลายของเธอ กษัตริย์และบรรดาเจ้าเมืองของเธอตกเป็นทาสบรรดาชาติต่างๆ บทบัญญัติสูญสิ้นไปแล้วและผู้เผยพระวจนะทั้งหลายของเธอก็ไม่ได้รับนิมิตจากพระยาห์เวห์อีก

10 เหล่าผู้อาวุโสของธิดาแห่งศิโยนนั่งอยู่ที่พื้นในความสงบเงียบ พวกเขาได้โรยผงธุลีบนศีรษะของพวกเขาและนุ่งห่มผ้ากระสอบ บรรดาหญิงสาวพรหมจารีแห่งกรุงเยรูซาเล็มได้ก้มศีรษะของพวกเขาลงกับพื้น

11 นัยน์ตาของข้าพเจ้าได้หมองช้ำเพราะการร้องไห้ ท้องของข้าพเจ้าได้ทุกข์ระทม ส่วนภายในของข้าพเจ้าก็ไหลออกมายังพื้นเพราะการทำลายของธิดาแห่งประชาชนของข้าพเจ้า เด็กและทารกก็เป็นลมอยู่ตามถนนหนทางในเมือง 12 พวกเขาพูดกับมารดาของพวกเขาว่า "ไหนล่ะอาหารและเหล้าองุ่น?" ขณะที่พวกเขาเป็นลมหมือนคนบาดเจ็บกลางถนนต่างๆ ของเมือง ชีวิตของพวกเขาหลุดลอยไปจากอ้อมอกแม่ของพวกเขา

13 ธิดาแห่งกรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย เราจะพูดอะไรเพื่อเจ้าได้เล่า? ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนเอ๋ย เราจะเทียบเจ้ากับสิ่งใดดี เพื่อจะปลอบประโลมเจ้าได้? บาดแผลของเจ้าลึกดั่งทะเล ใครเล่าจะเยียวยารักษาเจ้าได้? 14 นิมิตของเหล่าผู้เผยพระวจนะของเจ้าล้วนจอมปลอมและไร้ค่าต่อเจ้า พวกเขาไม่ได้ตีแผ่ความชั่วของเจ้าเพื่อจะนำอนาคตกลับมา แต่ว่าพระดำรัสที่พวกเขาแจ้งเจ้านั้นจอมปลอมและพาให้หลงผิด

15 คนทั้งปวงที่ผ่านไปมาตามถนนได้ตบมือของพวกเขาเย้ยหยันเจ้า พวกเขาถากถางและส่ายศีรษะสมเพชธิดาแห่งกรุงเยรูซาเล็มและกล่าวว่า "นี่น่ะหรือกรุงที่ได้รับการขนานนามว่า 'ความงามเพียบพร้อม' 'ความชื่นชมยินดีของคนทั้งโลก'?" 16 ศัตรูทั้งปวงของเจ้าอ้าปากเย้ยหยันเจ้าและส่งเสียงเย้ยหยัน พวกเขาได้ยิงฟัน ขบเขี้ยว และกล่าวว่า "พวกเราได้กลืนเจ้าลงได้แล้ว นี่เป็นวันที่เรารอคอย เราอยู่มาจนได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น!"

17 พระยาห์เวห์ได้ทรงทำตามที่ดำริที่พระองค์ได้วางแผนไว้ว่าจะทรงกระทำ พระองค์ได้ทรงทำให้สำเร็จตามพระวาทะของพระองค์ พระองค์ได้ทรงล้มเจ้าลงโดยไม่ปรานี เพราะพระองค์ทรงยอมให้ศัตรูลิงโลดอยู่เหนือเจ้า พระองค์ได้ทรงชูเขาของศัตรูของเจ้า

18 จิตใจของพวกเขาร้องหาองค์พระผู้เป็นเจ้า กำแพงของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย! ให้น้ำตาของเจ้าหลั่งไหลดั่งแม่น้ำตลอดทั้งวันทั้งคืน อย่าได้หยุดหย่อน อย่าให้ตาของเจ้าได้พักเลย 19 จงลุกขึ้นร่ำไห้ในตอนกลางคืนตั้งแต่เริ่มมืด! จงระบายความในใจของเจ้าออกมาเหมือนสายน้ำต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า จงยกมือขึ้นอ้อนวอนต่อพระองค์เพื่อชีวิตบุตรทั้งหลายของเจ้าซึ่งเป็นลมไปเพราะความหิวโหยอยู่ทุกมุมของหัวถนน"

20 ข้าแต่พระยาห์เวห์ขอทรงทอดพระเนตรและใคร่ครวญต่อผู้เหล่านั้นที่พระองค์ทรงจัดการพวกเขา ควรที่คนเป็นมารดาจะกินผลจากครรภ์ของพวกนางเอง คือบรรดาบุตรที่นางฟูมฟักเลี้ยงดูมาหรือ? ควรที่ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะจะถูกฆ่าในสถานนมัสการขององค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ?

21 ทั้งคนหนุ่มและคนแก่ทั้งหลายนอนคลุกฝุ่นอยู่ด้วยกันกลางถนน หญิงสาวและชายหนุ่มของข้าพระองค์ได้ล้มตายด้วยคมดาบ พระองค์ทรงประหารพวกเขาโดยไม่ปรานี 22 พระองค์ทรงระดมความอกสั่นขวัญแขวนรอบด้านเข้าใส่ข้าพระองค์ เหมือนเกณฑ์คนมาในวันงานเลี้ยงตามเทศกาลในวันแห่งพระพิโรธของพระยาห์เวห์ ไม่มีใครหนีหรือรอดชีวิตไปได้เลย ศัตรูของข้าพระองค์ได้ทำลายล้างบรรดาผู้ที่ข้าพระองค์ฟูมฟักและเลี้ยงดูมา

3

1 ข้าพระองค์คือผู้ที่เห็นความทุกข์ลำเค็ญจากแส้แห่งพระพิโรธของพระยาห์เวห์ 2 พระองค์ได้ทรงขับไล่ข้าพระองค์ออกมาและทำให้ข้าพระองค์เดินในความมืดมนแทนที่จะเดินในความสว่าง 3 อันที่จริงพระองค์ทรงหันพระหัตถ์ของพระองค์มาเล่นงานข้าพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดเวลา 4 พระองค์ได้ทรงทำให้เนื้อและหนังของข้าพระองค์เหี่ยวย่นไป พระองค์ได้ทรงหักพวกกระดูกของข้าพระองค์

5 พระองค์ได้ทรงสร้างเครื่องจับข้าพระองค์และล้อมข้าพระองค์ไว้ด้วยความขมขื่นและความทุกข์ลำเค็ญ 6 พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพระองค์อยู่ในสถานที่มืดเหมือนคนที่ตายไปนานแล้ว 7 พระองค์ได้ทรงล้อมข้าพระองค์ไว้ไม่ให้หนีไปได้ พระองค์ได้ทรงถ่วงข้าพระองค์ด้วยโซ่ตรวนหนักอึ้ง 8 และแม้กระนั้นข้าพระองค์ได้ทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือ พระองค์ก็ทรงเพิกเฉยคำอธิษฐานของข้าพระองค์

9 พระองค์ได้ทรงกั้นวิถีทางของข้าพระองค์ด้วยกำแพงหินสกัด พระองค์ได้ทรงทำให้หนทางทั้งหลายของข้าพระองค์ลดเลี้ยว 10 พระองค์ทรงเป็นดั่งหมีที่คอยตะครุบ ดั่งสิงโตที่ซุ่มอยู่ 11 พระองค์ได้ทรงลากข้าพระองค์ออกจากทางและพระองค์ได้ทำให้ข้าพระองค์หดหู่ใจ

12 พระองค์ได้ทรงโก่งคันธนูและได้ทรงเล็งลูกธนูมายังข้าพระองค์ 13 พระองค์ได้ทรงยิงข้าพระองค์ที่ไตด้วยลูกธนูจากแล่งธนูของพระองค์ 14 ข้าพระองค์ตกเป็นขี้ปากให้ประชาชนของข้าพระองค์ทั้งปวงหัวเราะเยาะ เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาล้อเลียนข้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน 15 พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์เต็มไปด้วยความระทมใจ และได้บังคับให้ดื่มน้ำบอระเพ็ด

16 พระองค์ได้ทรงเลาะฟันของข้าพระองค์ด้วยเศษกรวด และพระองค์ได้ทรงเหยียบย่ำข้าพระองค์จมฝุ่นธุลี 17 จิตใจของข้าพระองค์ก็ปราศจากสันติสุข ข้าพระองค์ลืมสิ่งที่เป็นความสุขไปแล้ว 18 ดังนั้น ข้าพระองค์จึงกล่าวว่า "ความอดทนของข้าพระองค์ได้พินาศและความหวังของข้าพระองค์ได้สูญสิ้นเสียแล้ว"

19 โปรดคิดถึงความทุกข์ลำเค็ญและการระหกระเหินของข้าพระองค์ น้ำบอระเพ็ดและความขมขื่น 20 ข้าพระองค์จดจำสิ่งเหล่านี้ได้ดี และข้าพระองค์ก็หดหู่อยู่ภายในเสมอ 21 แต่ถึงกระนั้นข้าพระองค์ก็หวนคิดถึงและข้าพระองค์ได้มีความหวัง

22 ความรักอันมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยเหือดหายและความเมตตาของพระองค์ไม่เคยหมดสิ้น 23 ความซื่อสัตย์ของพระองค์ยิ่งใหญ่นักเป็นของใหม่ทุกเช้า 24 ดังนั้นข้าพระองค์ได้กล่าวกับตนเองว่า "พระยาห์เวห์ทรงเป็นมรดกของข้าพระองค์ ฉะนั้นข้าพระองค์จะหวังในพระองค์"

25 พระยาห์เวห์ทรงดีต่อผู้ที่รอคอยพระองค์ และต่อคนที่ค้นหาพระองค์ 26 ดีแล้วที่จะรอคอยความรอดที่พระยาห์เวห์อย่างเงียบๆ 27 ดีแล้วที่คนเราจะแบกแอกไว้ขณะที่เขายังหนุ่มอยู่ 28 ให้เขานั่งเงียบๆ อยู่แต่ลำพัง เมื่อพระองค์ทรงวางแอกนั้นไว้บนเขา 29 ให้เขาซบปากลงกับดิน ก็อาจจะยังมีความหวัง

30 ให้เขาหันแก้มให้ผู้ที่จะตบเขา และให้เขายอมรับความอัปยศอดสู 31 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงทอดทิ้งเราตลอดไป 32 แต่ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงให้เกิดความทุกข์โศก พระองค์ก็จะทรงสำแดงความเมตตาตามความรักมั่นคงของพระองค์อย่างบริบูรณ์ 33 เพราะพระองค์ไม่ได้ทรงเต็มพระทัยที่จะให้เกิดความทุกข์ทรมาน หรือความโศกเศร้าแก่ลูกหลานของมนุษยชาติ

34 การเหยียบย่ำนักโทษแห่งแผ่นดินโลกทั้งปวงให้อยู่ใต้เท้า 35 การไม่ให้ความชอบธรรมแก่ผู้หนึ่งใครต่อพระพักตร์ขององค์ผู้สูงสุด 36 ที่ปฏิเสธความชอบธรรมแก่คนเช่นนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงเห็นด้วยในสิ่งเหล่านี้!

37 ใครเล่าที่ได้พูดและเป็นไปได้ นอกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสั่งให้มันเกิดขึ้นตามนั้น? 38 ไม่ใช่จากพระโอษฐ์ขององค์ผู้สูงสุดที่ทั้งหายนะและสิ่งดีงามล้วนเกิดขึ้นหรือ? 39 มนุษย์จะบ่นได้อย่างไร? คนหนึ่งจะบ่นเมื่อถูกลงโทษเพราะบาปทั้งหลายของตนได้อย่างไร?

40 ให้พวกเราสำรวจวิถีทางของเราและทดสอบสิ่งเหล่านี้ และให้พวกเรากลับมาหาพระยาห์เวห์ 41 ให้เราชูใจและยกมือขึ้นต่อพระเจ้าในท้องฟ้า 42 "ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปและได้กบฏ และพระองค์ไม่ได้ทรงให้อภัย 43 พระองค์ได้ทรงปกคลุมพระองค์เองไว้ด้วยพระพิโรธของพระองค์และทรงตามล่าข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ได้ทรงประหารและพระองค์ไม่ทรงละเว้นใครเลย

44 พระองค์ได้ทรงปกคลุมพระองค์เองไว้ด้วยเมฆเพื่อไม่ให้คำอธิษฐานวิงวอนผ่านขึ้นไปได้ 45 พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นกากเดนและถูกปฏิเสธในหมู่ประชาชาติ 46 ศัตรูทั้งปวงของพวกข้าพระองค์แช่งด่าพวกข้าพระองค์ 47 ความกลัวและหลุมพรางได้มายังข้าพระองค์ ความพินาศและความย่อยยับก็ตามมา

48 นัยน์ตาของข้าพระองค์มีน้ำตาไหลหลั่งดั่งลำธาร เพราะประชาชนของข้าพระองค์ถูกทำลาย 49 นัยน์ตาของข้าพระองค์จะหลั่งน้ำตาไม่ขาดสายโดยไม่หยุดหย่อน 50 จนกว่าพระองค์จะทอดพระเนตรจากท้องฟ้าลงมาเหลียวแล

51 นัยน์ตาของข้าพระองค์ทุกข์ระทมเพราะบรรดาบุตรหญิงแห่งเมืองของข้าพระองค์ 52 ข้าพระองค์ถูกตามล่าเหมือนกับนกที่มีศัตรูของมัน พวกมันได้ไล่ล่าข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ 53 พวกเขาได้โยนข้าพระองค์ในบ่อและพวกเขาได้ขว้างก้อนหินใส่ข้าพระองค์ 54 และห้วงน้ำได้ไหลท่วมศีรษะของข้าพระองค์ ข้าพระองค์กล่าวว่า 'ข้าพระองค์ถึงจุดจบแล้ว!'

55 ข้าพระองค์เรียกหาหาพระนามของพระองค์ พระยาห์เวห์ จากก้นบ่อ 56 พระองค์ทรงได้ยินเสียงของข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์วิงวอนว่า 'ขออย่าทรงปิดพระกรรณจากคำร้องทูลขอของข้าพระองค์' 57 พระองค์ได้เสด็จมาใกล้เมื่อข้าพระองค์ได้เรียกหาพระองค์ พระองค์ได้ตรัสว่า 'อย่ากลัวเลย'

58 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรับคำร้องของข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงช่วยชีวิตของข้าพระองค์! 59 โอพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงเห็นความเลวร้ายที่เขาทำแก่ข้าพระองค์ ขอทรงให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพระองค์ 60 พระองค์ได้ทรงเห็นการเหยียดหยามของพวกเขา สิ่งทั้งปวงที่พวกเขาคบคิดกันต่อสู้ข้าพระองค์ 61 โอ พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงได้ยินคำสบประมาทของพวกเขาแล้ว และสิ่งทั้งปวงที่พวกเขาคบคิดกันต่อสู้ข้าพระองค์

62 ริมฝีปากที่ว่าร้ายข้าพระองค์และการกล่าวหาของพวกเขาตลอดทั้งวัน 63 โปรดทอดพระเนตรวิธีที่พวกเขาจะลุกขึ้นและนั่งลง พวกเขาได้ร้องเพลงทั้งหลายของพวกเขาเพื่อถากถางข้าพระองค์

64 โอ พระยาห์เวห์ ขอทรงคืนสนองพวกเขาอย่างสาสมตามสิ่งที่มือของพวกเขาได้ทำ 65 ขอพระองค์จะทรงให้ใจของพวกเขาไร้ยางอาย! ขอให้คำสาปแช่งของพระองค์ตกแก่พวกเขา! 66 ขอพระองค์ทรงรุกไล่พวกเขาด้วยพระพิโรธและทำลายล้างพวกเขาจากภายใต้ท้องฟ้าเถิด พระยาห์เวห์!"

4

1 ทองคำได้มัวหมองลงแล้วหนอ ทองคำบริสุทธิ์ที่สุดได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว อัญมณีศักดิ์สิทธิ์ได้กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหัวถนน 2 บรรดาบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนแห่งศิโยนซึ่งเคยสูงค่าเทียบทองบริสุทธิ์ แต่บัดนี้พวกเขามีค่าไม่มากไปกว่าหม้อดิน ผลงานจากมือของช่างปั้นหม้อ!

3 แม้หมาไนยังให้นมฟูมฟักลูกๆ ของมัน แต่ธิดาของประชาชนของข้าพเจ้ากลับใจไม้ไส้ระกำเหมือนฝูงนกกระจอกเทศในทะเลทราย

4 ลิ้นของทารกแห้งติดเพดานปากเพราะความกระหาย เด็กๆ ได้ร้องขออาหารแต่ไม่มีใครหยิบยื่นให้พวกเขา 5 บรรดาผู้ที่เคยกินอาหารชั้นเลิศ บัดนี้ก็อดอยากอยู่ตามถนนทั้งหลาย บรรดาผู้ที่ถูกเลี้ยงให้นุ่งห่มอาภรณ์สีแดงเข้ม บัดนี้นอนคลุกกองขี้เถ้า

6 โทษทัณฑ์ของธิดาของประชาชนของข้าพเจ้า มากกว่าโทษทัณฑ์ของโสโดม ซึ่งถูกคว่ำทลายในชั่วพริบตาและไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วยเธอเลย

7 บรรดาผู้นำของเธอผุดผ่องยิ่งกว่าหิมะ ขาวยิ่งกว่าน้ำนม ร่างกายของพวกเขาเปล่งปลั่งยิ่งกว่าทับทิม รูปร่างหน้าตาสง่างามดั่งอัญมณี 8 แต่บัดนี้ผิวพรรณของพวกเขาหมองคล้ำยิ่งกว่าเขม่า พวกเขาอยู่ตามถนนโดยไม่มีใครจำได้ ผิวหนังของเขาเหี่ยวหุ้มกระดูกของพวกเขา มันดูซูบผอมราวไม้เสียบผี

9 บรรดาคนที่ถูกปลิดชีวิตด้วยคมดาบยังดีกว่าคนที่ตายเพราะความอดอยากที่ต้องตายไป ซึ่งได้ทนทุกข์ทรมานเพราะไม่มีการเก็บเกี่ยวจากทุ่งนา 10 มือของหญิงที่เต็มด้วยความรักได้ต้มลูกของพวกนางเอง ลูกได้กลายมาเป็นอาหารของพวกนางในช่วงอดอยากนี้ เมื่อธิดาของประชาชนของข้าพระองค์ถูกทำลาย

11 พระยาห์เวห์ได้ทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์ และพระองค์ได้ทรงระบายพระพิโรธอันรุนแรงออกมา พระองค์ได้ทรงจุดไฟขึ้นในศิโยนเพื่อเผาผลาญฐานรากทั้งหลายของเมืองนี้

12 ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนเชื่อหรือไม่มีผู้อยู่อาศัยใดๆ ทั่วโลกนี้เชื่อว่า ข้าศึกหรือศัตรูจะสามารถล่วงล้ำผ่านประตูกรุงเยรูซาเล็มเข้ามาได้ 13 สิ่งนี้ได้ก็เกิดขึ้น เพราะความบาปทั้งหลายของเหล่าผู้เผยพระวจนะของเมือง และความชั่วช้าของเหล่าปุโรหิตซึ่งทำให้โลหิตของคนชอบธรรมไหลนองอยู่กลางเมือง

14 พวกเขาได้เดินเร่ร่อนไปตามถนนเหมือนคนตาบอด พวกเขาได้แปดเปื้อนเลือดจนไม่มีใครกล้าแตะต้องเสื้อผ้าของพวกเขา 15 "ไปให้พ้น! เจ้าคนมีมลทิน! ไปให้พ้น! ไปให้พ้น! อย่ามาถูกเนื้อต้องตัว!" ดังนั้นพวกเขาจึงได้ร่อนเร่ไป ผู้คนท่ามกลางประชาชาติต่างๆได้ พูดกันว่า "พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้"

16 พระยาห์เวห์เองนี่แหละได้ทรงกระจายพวกเขาไป พระองค์ไม่ทรงดูแลพวกเขาอีก เหล่าปุโรหิตไม่เป็นที่เคารพนับถือ เหล่าผู้อาวุโสไม่เป็นที่ชื่นชอบ

17 นัยน์ตาของเราก็อ่อนล้า มองหาความช่วยเหลืออะไรจากเขาไม่ได้ จากหอคอยของเรา เราได้เฝ้าดูชนชาติหนึ่งซึ่งช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้ 18 พวกเขาได้ตามรอยเท้าเราทุกฝีก้าวจนเราเดินไปตามถนนของพวกเราไม่ได้ จุดจบของพวกเราใกล้เข้ามา วันเวลาของเราได้ใกล้จะครบกำหนดเพราะจุดจบของเราได้มาถึงแล้ว

19 คนที่ตามล่าเราก็ว่องไวยิ่งกว่าบรรดานกอินทรีในท้องฟ้า พวกเขาได้รุกไล่เราบนภูเขาต่างๆ และซุ่มดักพวกเราอยู่ในถิ่นกันดาร 20 เจ้าของชีวิตของเราคือองค์พระยาห์เวห์ผู้ที่เจิมแล้ว ผู้ที่ได้ติดอยู่ในหลุมกับดักต่างๆ ของพวกเขา ที่พวกเขาได้เคยพูดว่า "ใต้ร่มเงาของเขา เราจึงจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ"

21 ธิดาแห่งเอโดมเอ๋ย ผู้อาศัยในดินแดนอูส ชื่นชมและยินดีไปเถิด แต่สำหรับเจ้า ถ้วยแห่งพระพิโรธก็จะเวียนไปถึง เจ้าจะเมามายและเปลือยกายล่อนจ้อน 22 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย โทษทัณฑ์ของเจ้าจะจบสิ้น พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้เจ้าตกเป็นทาสอยู่ช้านาน แต่ธิดาแห่งเอโดมเอ๋ย พระองค์จะทรงลงโทษบาปของเจ้า และพระองค์จะเปิดเผยความบาปทั้งหลายของเจ้า

5

1 ขอทรงระลึก โอ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย ดูเถิดและขอทรงพิจารณาความอดสูของพวกข้าพระองค์ 2 มรดกของพวกข้าพระองค์ทั้งหลายกลับเป็นของพวกคนแปลกหน้า บรรดาบ้านเรือนของพวกข้าพระองค์เป็นของพวกต่างด้าว 3 พวกข้าพระองค์ได้กลายเป็นบรรดาลูกกำพร้าไม่มีพ่อ และแม่ของข้าพระองค์ก็เป็นดั่งพวกหญิงม่าย 4 พวกข้าพระองค์ต้องจ่ายเงินซื้อน้ำให้พวกข้าพระองค์ดื่ม และพวกข้าพระองค์ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อฟืนของพวกข้าพระองค์ใช้เอง

5 ผู้เหล่านั้นที่ไล่ตามพวกข้าพระองค์ใกล้พวกข้าพระองค์เข้ามาแล้ว พวกข้าพระองค์ทั้งอ่อนเพลียและพวกข้าพระองค์ไม่ได้พักผ่อนเลย 6 พวกข้าพระองค์ยอมมอบตัวเองต่ออียิปต์และอัสซีเรียเพื่อจะได้อาหารพอกิน 7 บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายทำบาปและพวกเขาไม่อยู่แล้ว และพวกข้าพระองค์ต้องรับโทษเพราะความชั่วร้ายของพวกเขาแทน

8 พวกทาสปกครองข้าพระองค์ทั้งหลาย และไม่มีใครปลดปล่อยพวกข้าพระองค์ให้รอดจากมือของพวกเขาได้ 9 พวกข้าพระองค์ได้อาหารมาโดยเสี่ยงชีวิตของพวกข้าพระองค์ เหตุเพราะดาบแห่งถิ่นทุรกันดาร 10 ผิวหนังของพวกข้าพระองค์ก็ร้อนปานเตาอบ เพราะความร้อนแผดเผาแห่งจากความหิวโหย

11 ผู้หญิงในศิโยนถูกข่มเหง รวมทั้งสาวพรหมจารีในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ 12 เจ้าเมืองถูกมัดแขวนไว้ด้วยมือของพวกเขาเอง และไม่มีการให้เกียรติต่อผู้อาวุโส

13 พวกคนหนุ่มถูกบังคับให้โม่แป้งด้วยหินโม่ และพวกเด็กผู้ชายต้องเดินโผเผเพราะแบกฟืนที่หนัก 14 พวกผู้อาวุโสออกไปจากประตูเมือง และพวกคนหนุ่มได้ละทิ้งดนตรีของพวกเขา

15 ความยินดีก็หายไปจากใจของพวกข้าพระองค์ และการเต้นรำของพวกข้าพระองค์กลายเป็นความเศร้าโศก 16 มงกุฎได้ตกหล่นจากศีรษะของพวกข้าพระองค์ แล้วหายนะก็มีแก่พวกข้าพระองค์ เพราะพวกข้าพระองค์ได้ทำความผิดบาป

17 เพราะฉะนั้นใจพวกข้าพระองค์จึงเจ็บป่วย เพราะสิ่งเหล่านี้ นัยน์ตาของข้าพระองค์จึงมืดมัวไป 18 เพราะภูเขาศิโยนรกร้างด้วยฝูงหมาไนเดินเพ่นพ่านอยู่ที่นั่น

19 โอ ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงครอบครองอยู่ตลอดไป และพระองค์จะประทับบนพระที่นั่งของพระองค์จากคนรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง 20 เหตุใดพระองค์ทรงลืมพวกข้าพระองค์ตลอดไป? เหตุใดทรงทอดทิ้งพวกข้าพระองค์นานเช่นนี้? 21 โอ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์เองทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้กลับหาพระองค์ และพวกข้าพระองค์จะกลับได้ ขอทรงฟื้นวันเวลาของข้าพระองค์ให้เหมือนดังก่อน 22 หากแต่พระองค์ทรงปฏิเสธพวกข้าพระองค์อย่างเด็ดขาดแล้ว และพระองค์กริ้วพวกข้าพระองค์เป็นล้นพ้น