ไทย (Thai): Unlocked Literal Bible Print

Updated ? hours ago # views See on WACS
EPHESIANS
EPHESIANS
1

1 เปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์โดยน้ำพระทัยของพระเจ้า ถึงชาวเอเฟซัส ผู้เป็นธรรมิกชนของพระเจ้า และเป็นผู้ซื่อสัตย์ในองค์พระเยซูคริสต์ 2 ขอพระคุณบังเกิดแก่ท่าน ทั้งสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดา และจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

3 ขอพระเจ้าและพระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้รับการสรรเสริญ พระองค์คือผู้ได้ทรงอวยพรพวกเราแล้วด้วยพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการในสวรรค์สถานในพระคริสต์ 4 ในพระองค์พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกเราไว้ ตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อพวกเราจะได้เป็นคนบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์ในความรัก

5 พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกเราไว้ล่วงหน้าแล้วในฐานะบุตรทั้งหลายของพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์ ตามความชอบพระทัยอันเป็นพระประสงค์ของพระองค์ 6 ผลลัพธ์ก็คือพระเจ้าทรงได้รับการสรรเสริญสำหรับพระคุณอันทรงพระสิริของพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ประทานให้แก่พวกเราเปล่าๆ โดยทางพระบุตรที่รักของพระองค์

7 เพราะในพระเยซูคริสต์ผู้เป็นที่รักของพระองค์นั้น พวกเราได้รับการไถ่ผ่านทางพระโลหิตของพระองค์ และการยกโทษบาปทั้งปวง พวกเราได้รับสิ่งนี้เพราะความมั่งคั่งแห่งพระคุณของพระองค์ 8 พระองค์ทรงทำให้พระคุณมีบริบูรณ์แก่พวกเราด้วยปัญญาและความเข้าใจทั้งมวล

9 พระเจ้าได้ทรงทำให้พวกเรารู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์ซึ่งถูกปิดซ่อนไว้ ตามสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัยซึ่งสำแดงให้เห็นแล้วในพระคริสต์ 10 ด้วยการพิจารณาถึงแผนงานตามที่กำหนดไว้ เพื่อรวบรวมสิ่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน คือทุกสิ่งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก ภายใต้ผู้เดียวที่เป็นศีรษะคือพระคริสต์

11 ในพระคริสต์นั้นพวกเราได้ถูกกำหนดไว้เพื่อเป็นมรดก พวกเราถูกเลือกไว้ล่วงหน้าตามแผนการของพระองค์ ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งให้เกิดผล ตามพระประสงค์แห่งน้ำพระทัยของพระองค์ 12 พระเจ้าได้ทรงกำหนดพวกเราให้เป็นผู้รับมรดกเพื่อพวกเราจะเป็นคนกลุ่มแรกที่มีความหวังอันแน่นอนในพระคริสต์ ด้วยเหตุนี้เราจึงดำรงชีวิตอยู่เพื่อเป็นที่สรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์

13 ในพระคริสต์นั้น ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน เมื่อพวกท่านได้ฟังพระวจนะแห่งความจริง คือข่าวประเสริฐแห่งความรอดของพวกท่าน ในพระองค์นั้นพวกท่านก็ได้เชื่อและถูกประทับตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงสัญญา 14 พระวิญญาณนั้นคือหลักประกันล่วงหน้าว่าพวกเราจะได้รับมรดกของพวกเราก่อนถึงเวลาครอบครอง นี่ก็เพื่อให้เป็นที่สรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์

15 เพราะเหตุนี้ นับตั้งแต่เวลาที่ข้าพเจ้าได้ยินถึงเรื่องความเชื่อของท่านในองค์พระเยซูเจ้า และเรื่องความรักที่ท่านมีต่อบรรดาธรรมิกชนแล้ว 16 ข้าพเจ้าก็ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพวกท่านไม่หยุดเลย ทั้งเอ่ยถึงท่านเสมอในยามอธิษฐาน

17 ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้พระเจ้าแห่งองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา คือพระบิดาผู้ทรงพระสิริ ได้ทรงประทานวิญญาณแห่งปัญญาและการเปิดเผยถึงความรู้ของพระองค์ 18 ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้ดวงตาแห่งใจของท่านได้เห็นความสว่าง เพื่อพวกท่านจะได้เกิดความหวังในการทรงเรียกของพวกเรา เพื่อพวกท่านจะได้รู้ถึงความหวังของการที่พระเจ้าได้ทรงเรียกพวกท่านและรู้ว่ามรดกที่พระเจ้าประทานแก่ธรรมิกชนของพระองค์นั้นมีสง่าราศีมั่งคั่งบริบูรณ์เพียงใด

19 ข้าพเจ้าอธิษฐานเพื่อให้ท่านรู้ถึงฤทธิ์เดชอันยิ่งใหญ่มหาศาลของพระองค์ซึ่งทำการอยู่ภายในเราผู้ซึ่งเชื่อ ความยิ่งใหญ่นี้เท่ากับขนาดความเข้มแข็งแห่งฤทธิ์เดชของพระองค์ 20 คือฤทธิ์เดชที่กระทำการในพระคริสต์เมื่อพระเจ้าชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย และตั้งพระองค์ไว้ที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าในสวรรค์สถาน 21 พระเจ้าทรงตั้งพระคริสต์ไว้สูงยิ่งเหนือผู้ครอบครอง ผู้มีอำนาจ ผู้มีฤทธิ์เดช เจ้าอาณาจักร และเหนือทุกนามที่เคยเอ่ยกันมา พระคริสต์จะทรงปกครองไว้ไม่ใช่เฉพาะในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย

22 พระเจ้าทรงกระทำให้ทุกสิ่งอยู่ใต้พระบาทของพระคริสต์ และกระทำให้พระองค์เป็นศีรษะเหนือทุกสรรพสิ่งในคริสตจักร 23 ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ เป็นความบริบูรณ์ของพระองค์ผู้เติมเต็มทุกสิ่ง ในทุกทาง

2

1 ส่วนพวกท่านนั้น พวกท่านได้ตายแล้วเพราะการละเมิดและความบาปทั้งหลายของพวกท่าน 2 ในการละเมิดและความบาปเหล่านี้ พวกท่านเคยดำเนินชีวิตตามวิถีของโลกนี้ ตามเทพผู้ครองสถานฟ้าอากาศ ซึ่งเป็นวิญญาณที่กำลังทำงานอยู่ในบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อฟัง 3 ครั้งหนึ่งพวกเราทั้งหลายเองก็เคยอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้ ซึ่งกระทำตามความปรารถนาชั่วอันเป็นธรรมชาติบาปของเรา และได้กระทำตามความต้องการของร่างกายและความนึกคิด โดยธรรมชาติแล้วพวกเราจึงเป็นบุตรที่สมควรแก่พระพิโรธเช่นเดียวกับมนุษย์ที่เหลืออยู่

4 แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาเพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงรักพวกเรา 5 ในขณะที่พวกเราตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดนั้น พระองค์ทรงทำให้พวกเรากลับมามีชีวิตอยู่ร่วมกันในพระคริสต์ ที่ท่านรอดได้นั้นก็เป็นเพราะพระคุณ 6 พระเจ้าทรงยกชูพวกเราขึ้นพร้อมกับพระคริสต์และพระเจ้าทรงทำให้พวกเรานั่งอยู่ร่วมกันในสวรรค์สถานในองค์พระเยซูคริสต์ 7 เพื่อว่าพระองค์จะแสดงให้พวกเราเห็นถึงพระคุณอันอุดมเหลือล้นในยุคที่จะมาถึง ทั้งนี้โดยทางพระกรุณาของพระองค์ที่สำแดงแก่พวกเราในพระเยซูคริสต์

8 เพราะว่าโดยพระคุณ พวกท่านจึงได้รับความรอดผ่านทางความเชื่อ และสิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากตัวพวกท่านเองแต่เป็นของประทานจากพระเจ้า 9 ไม่ได้เกิดจากการกระทำของพวกท่านดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดโอ้อวดได้ 10 ด้วยว่าพวกเราเป็นผลงานของพระเจ้า ที่ถูกสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้กระทำการดีที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้านานแล้วสำหรับพวกเรา เพื่อพวกเราจะได้ดำเนินในสิ่งเหล่านั้น

11 ฉะนั้น จงระลึกไว้ว่า เมื่อก่อนพวกท่านก็เป็นคนต่างชาติในฝ่ายเนื้อหนัง พวกท่านถูกเรียกว่า "พวกที่ไม่ได้เข้าสุหนัต" จากพวกเข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนังโดยมือของมนุษย์ 12 เพราะตอนนั้นพวกท่านถูกแยกออกจากพระคริสต์ เป็นคนต่างชาติสำหรับประชากรอิสราเอล เป็นคนแปลกหน้านอกพันธสัญญาอันประกอบด้วยพระสัญญา พวกท่านจึงไม่มีความหวัง และอยู่ในโลกอย่างคนที่ปราศจากพระเจ้า

13 แต่บัดนี้ โดยพระเยซูคริสต์ ท่านซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ห่างไกลจากพระเจ้าก็ถูกนำเข้ามาใกล้แล้วผ่านทางพระโลหิตของพระคริสต์ 14 เพราะพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของพวกเรา ผู้ทรงทำให้คนสองพวกรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ โดยเนื้อหนังของพระองค์เอง พระองค์ทรงทำลายกำแพงแห่งความแตกแยกที่ขวางกั้นพวกเราไว้ 15 นั่นคือ พระองค์ได้ทรงยกเลิกธรรมบัญญัติและกฎต่างๆ เพื่อจะได้ทรงสร้างคนใหม่คนเดียวขึ้นในพระองค์เอง พระองค์สร้างสันติสุข 16 พระคริสต์ทรงทำให้คนทั้งสองพวกได้คืนดีกลายเป็นกายเดียวกันสำหรับพระเจ้าโดยทางไม้กางเขน ทรงทำให้ความเป็นศัตรูกันนั้นตายไป

17 พระเยซูได้มาประกาศสันติสุขให้พวกท่านทั้งผู้ที่อยู่ไกลและผู้ที่อยู่ใกล้ 18 เพราะโดยผ่านพระเยซูพวกเราทั้งสองพวกจึงเข้าถึงพระบิดาได้โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน

19 ฉะนั้น เวลานี้พวกท่านซึ่งเป็นคนต่างชาติจึงไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าและต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่พวกท่านคือประชากรของพระเจ้าด้วยกันกับบรรดาธรรมิกชนและเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า 20 พวกท่านได้รับการสร้างขึ้นบนรากฐานของเหล่าอัครทูตและผู้เผยพระวจนะ โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก 21 ในพระองค์นั้นตัวอาคารทั้งหมดยึดติดกันและเจริญขึ้นเป็นพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 22 ในพระองค์นั้นพวกท่านกำลังถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าในพระวิญญาณด้วยเช่นกัน

3

1 เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าเปาโลจึงเป็นนักโทษของพระเยซูคริสต์เพื่อเห็นแก่พวกท่านผู้เป็นคนต่างชาติ 2 ข้าพเจ้าคิดว่าพวกท่านคงได้ยินถึงภารกิจแห่งพระคุณของพระเจ้าซึ่งพระองค์ทรงประทานแก่ข้าพเจ้าเพื่อพวกท่านแล้ว

3 ข้าพเจ้าเขียนถึงพวกท่านตามการสำแดงที่ข้าพเจ้าได้รับ นี่คือความจริงที่ปิดซ่อนอยู่ซึ่งข้าพเจ้าได้เขียนไว้อย่างย่อๆ 4 เมื่อพวกท่านได้อ่านแล้วก็จะสามารถเข้าใจถึงความรู้ของข้าพเจ้าเกี่ยวกับความจริงเรื่องพระคริสต์ที่ปิดซ่อนไว้นั้น 5 ซึ่งในยุคอื่นๆ ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้สำแดงให้แก่บุตรของมนุษย์คนใด แต่บัดนี้ได้เปิดเผยโดยทางพระวิญญาณให้แก่อัครทูตและผู้เผยพระวจนะของพระองค์แล้ว ผู้ซึ่งถูกแยกออกมาเพื่อการงานนี้

6 ความจริงที่ปิดซ่อนอยู่นี้คือการที่พวกคนต่างชาติได้เป็นผู้รับมรดกร่วมกัน และเป็นสมาชิกร่วมกันในพระกายนี้ และพวกเขาร่วมรับพระสัญญาในองค์พระเยซูคริสต์โดยผ่านทางข่าวประเสริฐนั้น 7 เพราะข้าพเจ้าได้มาเป็นผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐนี้ตามของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้า ซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าผ่านทางกิจการที่กระทำด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์

8 พระเจ้าทรงมอบของประทานนี้แก่ข้าพเจ้าแม้จะเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดในบรรดาธรรมิกชนของพระเจ้า เพื่อให้ข้าพเจ้าป่าวประกาศแก่พวกต่างชาติถึงข่าวประเสริฐแห่งความไพบูลย์ของพระคริสต์ซึ่งเกินกว่าจะสืบค้นได้ 9 เพื่อให้ข้าพเจ้าเปิดเผยให้คนทั้งปวงได้ตาสว่าง เห็นถึงแผนงานลับลึกของพระเจ้า คือแผนงานที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งได้ปิดซ่อนไว้หลายยุคหลายสมัยมาแล้ว

10 แผนงานนี้ถูกทำให้เป็นที่รู้จักโดยผ่านทางคริสตจักรเพื่อให้บรรดาวิญญาณที่ครอบครองและผู้มีอำนาจในสวรรค์สถานได้รู้ถึงพระปัญญาอันสลับซับซ้อนของพระเจ้า 11 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นตามแผนงานนิรันดร์ที่พระองค์ทรงกระทำสำเร็จแล้วในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา

12 เพราะในพระคริสต์นั้นพวกเราจึงมีใจกล้า และสามารถเข้ามาเฝ้าได้ด้วยความมั่นใจเพราะเหตุความเชื่อในพระองค์ 13 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอร้องพวกท่านว่าอย่าท้อใจเพราะการที่ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์เพื่อพวกท่านซึ่งเป็นสง่าราศีของพวกท่าน

14 เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าลงต่อพระบิดา 15 ผู้ทรงเป็นต้นแบบของการเรียกชื่อสำหรับทุกครอบครัวในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก 16 ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้พระองค์ทรงโปรดกระทำให้พวกท่านเข้มแข็ง ตามขนาดความไพบูลย์แห่งพระสิริของพระองค์ ด้วยฤทธิ์เดชผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์ผู้ทรงสถิตภายในพวกท่าน

17 ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้พระคริสต์สถิตในใจของพวกท่านทางความเชื่อ ว่าพวกท่านจะหยั่งรากและปักหลักมั่นคงในความรักของพระองค์ 18 ขอให้พวกท่านได้เข้าใจพร้อมกับผู้เชื่อทั้งปวงว่า อะไรคือความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึกแห่งความรักของพระคริสต์ 19 เพื่อว่าพวกท่านจะเข้าใจความยิ่งใหญ่แห่งความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อว่าพวกท่านจะได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความครบบริบูรณ์ของพระเจ้า

20 แด่พระองค์ผู้ทรงสามารถกระทำทุกสิ่งได้มากมายมหาศาลยิ่งกว่าที่พวกเราทูลขอหรือคิดได้ ตามฤทธิ์เดชที่กระทำกิจอยู่ภายในพวกเรา 21 ขอให้พระสิริจงมีแด่พระองค์ในคริสตจักรและในพระเยซูคริสต์ ทุกยุค ทุกสมัยสืบไป อาเมน

4

1 ด้วยเหตุนี้ในฐานะผู้ถูกจองจำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอเร่งเร้าให้พวกท่านดำเนินให้สมกับการทรงเรียกที่พวกท่านเองได้รับนั้น 2 จงดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจ อ่อนสุภาพ และอดทน จงยอมรับซึ่งกันและกันในความรัก 3 จงทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพระวิญญาณโดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน

4 มีกายเดียว และพระวิญญาณองค์เดียว เหมือนกับที่พวกท่านได้ถูกเรียกให้เข้ามาในความเชื่อมั่นที่เต็มไปด้วยความหวังเดียวในการทรงเรียกของพวกท่านนั้น 5 และมีองค์พระผู้เป็นเจ้าเดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว 6 และพระเจ้าองค์เดียว และพระบิดาของคนทุกคน พระองค์ทรงครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่ง ผ่านทางทุกสิ่ง และอยู่ในทุกสิ่ง

7 พวกเราแต่ละคนได้รับของประทานอย่างหนึ่งตามขนาดของประทานของพระคริสต์ 8 เหมือนที่พระคัมภีร์ได้กล่าวเอาไว้ว่า "เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นไปสู่ที่สูงแล้ว พระองค์ได้นำบรรดาเชลยเข้าไปในที่จองจำ พระองค์ได้ประทานของประทานต่างๆ ให้แก่ผู้คน"

9 อะไรคือความหมายของคำว่า "พระองค์เสด็จขึ้น" จะมีความหมายอื่นใดได้อีกหรือนอกเสียจากการที่พระองค์ได้เสด็จลงไปสู่ที่ลึกของแผ่นดินด้วย? 10 พระองค์ผู้เสด็จลงไปนั้นก็คือพระองค์ผู้เสด็จขึ้นไปเหนือฟ้าสวรรค์ทั้งปวง พระองค์กระทำเช่นนี้เพื่อพระองค์จะทรงสามารถทำให้ทุกสิ่งบริบูรณ์ได้

11 พระคริสต์ได้ทรงให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้ประกาศ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ 12 พระองค์ได้ประทานตำแหน่งเหล่านี้ไว้เพื่อเตรียมผู้เชื่อให้พร้อมสำหรับการงานแห่งการปรนนิบัติ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ 13 พระองค์ยังทรงเสริมสร้างพระกายของพระองค์ต่อไปจนกว่าพวกเราทั้งหมดจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า และจนกว่าพวกเราจะกลายเป็นผู้ใหญ่ และบรรลุถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์

14 พระคริสต์ทรงสร้างพวกเราขึ้นเพื่อพวกเราจะไม่เป็นเหมือนเด็กที่ถูกทำให้โคลงเคลงอีกต่อไป ไม่ต้องถูกพัดไปด้วยลมแห่งคำสอนทุกอย่าง ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของคนที่มีแผนการอันหลอกลวง 15 แต่ให้พวกเราพูดความจริงในความรักและเติบโตขึ้นทุกทางเพื่อเข้าสนิทในพระองค์ผู้เป็นศีรษะคือ พระคริสต์ 16 พระคริสต์ทรงสร้างร่างกายทั้งหมดและร่างกายทั้งหมดนั้นได้เชื่อมต่อเข้าไว้ด้วยกันโดยข้อต่อและเส้นเอ็นทุกเส้น และเมื่อแต่ละส่วนทำงานร่วมกัน ก็จะทำให้ร่างกายเติบโตและสร้างตนเองขึ้นในความรัก

17 ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอกล่าวและชี้แนะพวกท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า พวกท่านจงอย่าดำเนินชีวิตเหมือนคนต่างชาติที่มีความคิดอันไร้สาระอีกต่อไป 18 ความเข้าใจของพวกเขาถูกทำให้มืดมนไป พวกเขาถูกทำให้ห่างไกลจากชีวิตของพระเจ้าโดยความโง่เขลาที่อยู่ในพวกเขาเนื่องจากใจที่แข็งกระด้าง 19 พวกเขาไม่รู้สึกละอาย พวกเขาปล่อยตัวตามกิเลสตัณหาด้วยการประพฤติที่ไม่บริสุทธิ์อย่างเกินควรในทุกรูปแบบ

20 แต่พวกท่านไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระคริสต์แบบนั้น 21 ข้าพเจ้าถือว่าพวกท่านได้ยินเกี่ยวกับพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าถือว่าพวกท่านได้รับการสอนในพระองค์แล้วเหมือนกับที่ความจริงอยู่ในพระเยซู 22 พวกท่านได้รับการสอนให้กำจัดสิ่งที่เป็นไปตามความประพฤติเดิมซึ่งเป็นตัวตนเก่าของพวกท่าน เพราะว่าตัวตนเก่านั้นกำลังเน่าเสียไปเนื่องจากความปรารถนาอันหลอกลวง

23 พวกท่านได้รับการสอนให้เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งในวิญญาณและในความคิดจิตใจของพวกท่าน 24 และสวมใส่ตัวตนใหม่ซึ่งถูกสร้างขึ้นตามพระฉายของพระเจ้า ในความชอบธรรมที่แท้จริงและในความบริสุทธิ์

25 เพราะฉะนั้นจงเลิกมุสา และให้พวกท่านแต่ละคนพูดความจริงต่อเพื่อนบ้าน เพราะพวกเราเป็นอวัยวะของกันและกัน 26 โกรธได้แต่อย่าทำบาป อย่าปล่อยให้ตะวันตกดินไปโดยที่พวกท่านยังโกรธอยู่ 27 จงอย่าให้โอกาสแก่มาร

28 ใครที่เป็นขโมยก็อย่าขโมยอีก แต่ให้เขาทุ่มเททำงานหนักดีกว่า เขาต้องทำงานที่เป็นประโยชน์ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเพื่อเขาจะสามารถแบ่งปันให้กับคนที่ขัดสนได้ 29 อย่าให้มีคำหยาบคายออกมาจากปากของพวกท่าน แต่จงใช้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างคนอื่น ให้เหมาะสมต่อความจำเป็น เพื่อถ้อยคำของพวกท่านจะให้ผลดีต่อผู้ที่ฟังอยู่นั้น 30 และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าต้องโศกเศร้า เพราะโดยทางพระองค์นั้นพวกท่านจึงได้รับการประทับตราเพื่อวันแห่งการทรงไถ่

31 พวกท่านต้องทิ้งความขมขื่นทุกอย่าง ความเดือดดาล ความโกรธแค้น การทะเลาะวิวาท และการดูถูกต่างๆ พร้อมกับความชั่วในทุกรูปแบบ 32 จงปราณีต่อกัน จงมีหัวใจที่อ่อนสุภาพ ให้อภัยต่อกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าในพระคริสต์ได้ให้อภัยแก่พวกท่าน

5

1 ฉะนั้น ในฐานะที่เป็นบุตรที่รักของพระเจ้า จงเป็นผู้ที่เลียนแบบพระเจ้าเถิด 2 และจงดำเนินอยู่ในความรัก เหมือนอย่างที่พระคริสต์ได้รักพวกเราและยอมสละพระองค์เองให้แก่พวกเรา พระองค์เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชา อันเป็นกลิ่นหอมที่พระเจ้าพอพระทัย

3 แต่การเอ่ยถึงเรื่องความประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศ ความไม่บริสุทธิ์ และความละโมบทางเพศ อย่าให้มีขึ้นท่ามกลางพวกท่านเป็นอันขาดจะได้สมกับที่เป็นประชากรบริสุทธิ์ของพระเจ้า 4 หรือแม้แต่จะพูดจาลามก เรื่องเหลวไหล หรือตลกหยาบโลน ซึ่งเป็นการไม่สมควร แต่ในทางกลับกันควรจะเต็มไปด้วยการขอบพระคุณ

5 จงรู้แน่เถิดว่าผู้ที่ประพฤติผิดทางเพศ คนที่ไม่บริสุทธิ์ หรือคนละโมบ ซึ่งจะเป็นเหมือนคนไหว้รูปเคารพจะไม่มีสิทธิได้รับมรดกใดๆ ในราชอาณาจักรของพระคริสต์และของพระเจ้า 6 อย่าให้ใครหลอกลวงท่านได้ด้วยคำที่ไร้สาระ เพราะสิ่งเหล่านี้ พระพิโรธของพระเจ้าจะมาถึงบรรดาบุตรผู้ที่ไม่เชื่อฟัง 7 ดังนั้น อย่าไปมีส่วนร่วมใดๆ กับคนเหล่านั้นเลย

8 เพราะครั้งหนึ่งท่านเคยเป็นความมืด แต่ตอนนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ดังนั้น จงดำเนินอย่างบุตรของความสว่าง 9 (เพราะว่าผลของความสว่างประกอบด้วยความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ) 10 จงค้นดูว่าสิ่งใดเป็นที่ชอบพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า 11 อย่ามีส่วนกับการกระทำของความมืดที่ไร้ผล แต่ในทางกลับกันจงเปิดเผยการกระทำเหล่านั้นให้ปรากฏ 12 เพราะกิจการของความมืดเหล่านี้แค่พูดถึงก็น่าละอายแล้ว

13 ทุกสิ่งเมื่อเผยออกมาด้วยความสว่างก็เท่ากับทำให้เป็นที่ปรากฏ 14 เพราะทุกสิ่งที่เปิดเผยก็อยู่ในความสว่าง ฉะนั้น จึงมีคำกล่าวว่า "จงตื่นขึ้น ผู้ที่หลับใหลเอ๋ย จงฟื้นจากความตาย แล้วพระคริสต์จะฉายแสงแก่ท่าน"

15 ฉะนั้น จงระมัดระวังวิถีการดำเนินชีวิตของพวกท่านให้เหมือนคนมีปัญญา อย่าเหมือนอย่างคนเขลา 16 จงใช้เวลาให้เป็นประโยชน์เพราะทุกวันนี้เป็นเวลาแห่งความชั่วร้าย 17 อย่าเขลาเลย แต่จงเข้าใจเถิดว่าสิ่งใดคือน้ำพระทัยขององค์พระผู้พระเจ้า

18 และอย่าเมาเหล้าองุ่น เพราะจะทำให้เสียคน แต่จงเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 19 จงพูดกันด้วยบทเพลงสดุดี บทเพลงสรรเสริญ และเพลงฝ่ายวิญญาณ จงร้องและสรรเสริญด้วยสุดใจของท่านแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 20 จงกล่าวคำขอบพระคุณโดยพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าแด่พระเจ้าพระบิดาของพวกเราในทุกเรื่องอยู่เสมอ 21 จงยอมฟังกันและกันด้วยความยำเกรงในพระคริสต์

22 ฝ่ายภรรยาจงยอมฟังสามีของตน เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า 23 เพราะสามีคือศีรษะของภรรยา ดั่งเช่นที่พระคริสต์เป็นศีรษะของคริสตจักร และพระคริสต์เองก็เป็นพระผู้ช่วยให้รอด 24 คริสตจักรยอมอยู่ใต้พระคริสต์ฉันใด ก็ให้ภรรยายอมอยู่ใต้สามีของตนทุกประการฉันนั้น

25 ท่านผู้เป็นสามีจงรักภรรยาของพวกท่านดังที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักรและสละพระองค์เองเพื่อคริสตจักร 26 พระคริสต์ทรงสละพระองค์เองเพื่อคริสตจักรเช่นนี้ ก็เพื่อให้คริสตจักรบริสุทธิ์ พระองค์ได้ชำระคริสตจักรให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำแห่งพระวจนะ 27 จงกำจัดตัวตนเก่าของพวกท่านเพื่อจะได้คริสตจักรที่มีสง่าราศี ปราศจากความด่างพร้อยและริ้วรอย หรือมลทินใดๆ แต่บริสุทธิ์และปราศจากความผิด

28 ในทำนองเดียวกัน ฝ่ายท่านผู้เป็นสามีจะต้องรักภรรยาของตนเหมือนกับที่รักร่างกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตนเอง 29 ไม่มีผู้ใดที่จะเกลียดชังร่างกายของตน แต่เขาจะบำรุงเลี้ยงและดูแลรักษาด้วยความระมัดระวังเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงหล่อเลี้ยงและดูแลคริสตจักรด้วยความระมัดระวัง 30 เพราะเราเป็นอวัยวะในพระกายของพระองค์

31 "ด้วยเหตุนี้เอง สามีจึงต้องจากบิดามารดาของตนเพื่อไปผูกพันกับภรรยาของต แล้วทั้งสองจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน" 32 เรื่องนี้เป็นความจริงยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ แต่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงพระคริสต์กับคริสตจักร 33 แต่อย่างไรก็ตาม ท่านแต่ละคนจงรักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยาก็ต้องให้เกียรติแก่สามีของตน

6

1 บุตรทั้งหลาย จงเชื่อฟังบิดามารดาของท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะนี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง 2 "จงให้เกียรติบิดาและมารดาของเจ้า" (ซึ่งเป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาอยู่ด้วย) 3 "เพื่อพวกท่านจะสุขสบายดี และมีอายุยืนยาวบนแผ่นดินโลก"

4 บิดาทั้งหลาย อย่ายั่วยุบุตรของตนให้โกรธ แต่ตรงกันข้าม จงอบรมเลี้ยงดูพวกเขาด้วยวินัยและคำสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า

5 ฝ่ายทาสทั้งหลาย จงเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกของพวกท่านด้วยความนับถืออย่างลึกซึ้ง และด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่น ด้วยใจที่ซื่อตรง จงเชื่อฟังนายของพวกท่านเหมือนเชื่อฟังพระคริสต์ 6 จงเชื่อฟังไม่ใช่แสร้งเอาใจเจ้านายเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าเท่านั้น แต่จงทำอย่างทาสของพระคริสต์ กระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าด้วยความเต็มใจ 7 จงปรนนิบัติด้วยสุดหัวใจของพวกท่าน เหมือนอย่างกระทำต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่รับใช้มนุษย์ 8 เพราะพวกเรารู้ว่า การดีทุกอย่างที่แต่ละคนกระทำไปนั้นจะเป็นเหตุให้เขาได้รับรางวัลจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าเขาจะเป็นทาสหรือเสรีชนก็ตาม

9 ฝ่ายพวกท่านผู้เป็นเจ้านาย จงกระทำแบบเดียวกันต่อทาสของพวกท่าน อย่าข่มขู่เขา พวกท่านก็ทราบว่าพระองค์ผู้เป็นทั้งเจ้านายของเขาและของพวกท่านทรงประทับอยู่ในสวรรค์ พวกท่านก็ทราบว่าพระองค์ไม่ทรงลำเอียงเข้าข้างใครเลย

10 สุดท้ายนี้ จงเข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า และด้วยพลังแห่งอานุภาพของพระองค์ 11 จงสวมยุทธภัณฑ์ของพระเจ้าให้ครบชุด เพื่อพวกท่านจะสามารถยืนหยัดต่อต้านยุทธอุบายของมารได้

12 เพราะสงครามของเรานั้นไม่ใช่การต่อสู้กับมนุษย์ที่มีเลือดและเนื้อ แต่ตรงกันข้าม มันเป็นการต่อสู้กับอำนาจปกครองต่างๆ อำนาจครอบครองฝ่ายวิญญาณ และผู้ครอบครองในมิติมืดอันชั่วร้าย ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วร้ายในสถานฟ้าอากาศ 13 เพราะฉะนั้น จงสวมยุทธภัณฑ์ของพระเจ้าให้ครบชุด เพื่อพวกท่านจะสามารถยืนหยัดมั่นคงได้ในการต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายในยุคที่ชั่วร้ายนี้ หลังจากพวกท่านกระทำทุกสิ่งครบถ้วนแล้ว พวกท่านจะได้ยืนหยัดมั่นคง

14 ดังนั้น จงยืนหยัดมั่นคง จงกระทำสิ่งนี้หลังจากที่พวกท่านได้สวมเข็มขัดแห่งความจริง และเสื้อเกราะแห่งความชอบธรรมแล้ว 15 จงกระทำสิ่งนี้หลังจากที่พวกท่านได้สวมรองเท้าด้วยการมีใจพร้อมที่จะประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขแล้ว 16 ในทุกสถานการณ์นั้น จงยกโล่แห่งความเชื่อ เพื่อพวกท่านจะสามารถดับลูกศรเพลิงจากมารร้ายได้

17 จงรับเอาหมวกเหล็กแห่งความรอด และดาบแห่งพระวิญญาณซึ่งก็คือพระวจนะของพระเจ้า 18 จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลา ด้วยการอธิษฐานและคำขอทุกอย่าง ด้วยท่าทีเช่นนี้ในใจ ให้เฝ้าระวังอยู่เสมอด้วยความเพียรพยายามและด้วยการอธิษฐานเพื่อผู้เชื่อทุกคน

19 และโปรดอธิษฐานเผื่อข้าพเจ้า เพื่อให้มีถ้อยคำเทศนาทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเปิดปากพูด โปรดอธิษฐานเพื่อให้ข้าพเจ้ากล้าหาญในการป่าวประกาศให้คนได้รู้ถึงความจริงแห่งข่าวประเสริฐที่ปิดซ่อนไว้นั้น 20 เพราะข่าวประเสริฐนี้เอง ข้าพเจ้าจึงกลายเป็นทูตผู้ถูกล่ามโซ่ เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีใจกล้าในการป่าวประกาศตามที่ข้าพเจ้าควรจะพูด

21 แต่เพื่อพวกท่านจะได้รับรู้ถึงความเป็นอยู่และสถานการณ์ของข้าพเจ้า ทิคีกัสซึ่งเป็นพี่น้องที่รักและเป็นผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะแจ้งให้พวกท่านได้ทราบทุกสิ่ง 22 ข้าพเจ้าส่งเขามาหาพวกท่านก็เพื่อจุดประสงค์ข้อนี้ คือเพื่อให้ได้รู้ข่าวคราวของพวกเรา และให้เขาได้ปลอบประโลมใจพวกท่านด้วย

23 ขอสันติสุขจงมีแก่พี่น้องทุกท่าน พร้อมทั้งความรักและความเชื่อจากพระเจ้าพระบิดา และจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้า 24 ขอพระคุณสถิตอยู่กับทุกคนซึ่งรักพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย