ไทย (Thai): Unlocked Literal Bible Print

Updated ? hours ago # views See on WACS
ZECHARIAH
ZECHARIAH
1

1 ในเดือนที่แปดของปีที่สองของรัชกาลดาริอัส ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเศคาริยาห์ผู้เผยพระวจนะ บุตรชายของเบเรคิยาห์บุตรชายของอิดโด ตรัสว่า 2 "พระยาห์เวห์ได้กริ้วต่อพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้าเป็นอย่างยิ่ง

3 จงกล่าวกับพวกเขาว่า 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสสิ่งนี้ จงหันมาหาเรา นี่คือประกาศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย และพระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสว่า เราจะกลับมาหาพวกเจ้า 4 จงอย่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษของพวกเจ้า ผู้ซึ่งผู้เผยพระวจนะได้ร้องประกาศก่อนหน้านี้ กล่าวว่า "พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า จงหันจากทางชั่วร้ายและการกระทำที่ชั่วช้าของพวกเจ้า" แต่พวกเขาไม่ได้ยินและไม่ได้สนใจเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์'

5 พวกบรรพบุรุษของพวกเจ้าอยู่ไหน? พวกผู้เผยพระวจนะอยู่ไหน พวกเขาอยู่ที่นี่ตลอดไปเป็นนิตย์หรือ? 6 แต่ถ้อยคำของเราและกฏเกณฑ์ของเราซึ่งเราได้บัญชาแก่พวกผู้รับใช้ ผู้เผยพระวจนะทั้งหลายของเรา ก็ได้ตามมาทันพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้ามิใช่หรือ? ดังนั้นพวกเขาทั้งหลายจึงได้กลับใจและพูดว่า 'ตามที่พระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้วางแผนที่จะทำกับเราตามทางและการกระทำที่สมควรจะได้รับของพวกเรา ดังนั้นพระองค์จึงได้ทรงจัดการกับพวกเรา'''

7 ในวันที่ยี่สิบสี่เดือนที่สิบเอ็ดซึ่งเป็นเดือนเชบัท ในปีที่สองของรัชกาลดาริอุส ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเศคาริยาห์ผู้เผยพระวจนะ บุตรชายของเบเรคิยาห์บุตรชายของอิดโด ตรัสว่า 8 "ในเวลากลางคืน เราได้เห็น และนี่แน่ะ มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังขี่ม้าสีแดง และเขาอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันสีเขียวที่อยู่ในหุบเขา และเบื้องหลังของเขามีม้าสีแดง สีแสด และสีขาว"

9 ข้าพเจ้าได้ถามว่า "องค์เจ้านาย สิ่งเหล่านี้คืออะไร?" จากนั้นทูตสวรรค์ผู้ที่ได้พูดกับข้าพเจ้า ได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า "เราจะแสดงให้เจ้ารู้ว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร" 10 แล้วผู้ชายคนนั้นได้ยืนขึ้นท่ามกลางต้นน้ำมันสีเขียวได้ตอบและกล่าวว่า "คนเหล่านี้คือคนทั้งหลายที่พระยาห์เวห์ได้ส่งออกไปท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน"

11 พวกเขาได้ตอบทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ผู้ที่ได้ยืนอยู่ระหว่างต้นน้ำมันสีเขียว พวกเขาได้พูดกับเขาว่า "เราได้ท่องเที่ยวไปทั่วแผ่นดิน ดูเถิดทั่วแผ่นดินยังคงพักผ่อนอยู่อย่างสงบ" 12 จากนั้นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้ตอบ และพูดว่า "พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย อีกนานสักเท่าใดที่พระองค์จะไม่แสดงความสงสารต่อกรุงเยรูซาเล็ม และเมืองทั้งหลายของยูดาห์ที่ได้ทนทุกข์อย่างไม่น่าพึงพอใจมานานเจ็ดสิบปี?"

13 พระยาห์เวห์ได้ทรงตอบทูตสวรรค์ผู้ซึ่งได้พูดกับข้าพเจ้า ด้วยถ้อยคำที่ดี ถ้อยคำแห่งการเล้าโลมใจ 14 ดังนั้นทูตสวรรค์ผู้ซึ่งได้พูดกับข้าพเจ้า ได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า "จงร้องประกาศ และพูดว่า 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสสิ่งนี้ เราได้หวงแหนกรุงเยรูซาเล็ม และศิโยนด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ 15 เราโกรธประชาชาติทั้งหลายที่อยู่อย่างสบายมาก เมื่อเราได้โกรธเพียงเล็กน้อยกับพวกเขา พวกเขาได้ทำความหายนะที่รุนแรงเพิ่มขึ้น

16 ดังนั้นพระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า เราได้กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มด้วยความเมตตา พระนิเวศของเราจะถูกสร้างในนั้น นี่คือประกาศของพระยาห์เวห์จอมพลโยธา และเชือกวัดจะถูกขึงออกเหนือกรุงเยรูซาเล็ม' 17 จงร้องประกาศอีกครั้ง กล่าวว่า 'พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ว่า เมืองทั้งหลายของเราจะท่วมท้นไปด้วยความดีงามอีกครั้ง และพระยาห์เวห์จะทรงเล้าโลมใจศิโยนอีกครั้ง และพระองค์จะทรงเลือกกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้ง'"

18 ข้าพเจ้าได้เงยหน้าขึ้นและได้เห็นเขาสัตว์สี่อัน 19 ข้าพเจ้าได้พูดกับทูตสวรรค์ผู้ซึ่งได้พูดกับข้าพเจ้าว่า "สิ่งเหล่านี้คืออะไร?" เขาได้ตอบข้าพเจ้าว่า "เหล่านี้คือเขาสัตว์ทั้งหลายที่ได้ทำให้ยูดาห์ อิสราเอล และกรุงเยรูซาเล็มกระจัดกระจายไป" 20 จากนั้นพระยาห์เวห์ได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นช่างฝีมือสี่คน 21 ข้าพเจ้าได้พูดว่า "คนเหล่านี้กำลังจะมาทำอะไร?" เขาได้ตอบและพูดว่า "เหล่านี้คือเขาสัตว์ทั้งหลายที่ทำให้ยูดาห์กระจัดกระจายไป ดังนั้นจึงไม่มีใครยกศีรษะของเขาขึ้น แต่คนเหล่านี้กำลังมาเพื่อขับไล่เขาสัตว์ทั้งหลายของบรรดาประชาชาติที่ได้ยกเขาสัตว์ใดๆขึ้นต่อสู้แผ่นดินแห่งยูดาห์เพื่อทำให้ยูดาห์กระจัดกระจายไป"

2

1 ต่อจากนั้นข้าพเจ้าได้เงยหน้าขึ้นและได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีเชือกรางวัดอยู่ในมือ 2 ข้าพเจ้าได้ถามว่า “ท่านกำลังจะไปไหน?” และเขาได้ตอบข้าพเจ้าว่า “ไปรางวัดกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อดูความกว้างและความยาวของกรุงนั้น”

3 แล้วทูตสวรรค์ผู้ที่ได้พูดกับข้าพเจ้านั้นก็ได้จากไปและทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งได้ออกไปพบเขา 4 ทูตสวรรค์องค์ที่สองได้พูดกับเขาว่า “จงวิ่งไปและพูดกับชายคนหนุ่มคนนั้น พูดว่า ‘กรุงเยรูซาเล็มจะนั่งอยู่ในชนบทที่โล่งกว้างเพราะการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนและสัตว์ทั้งหลายในกรุงนั้น 5 เพราะว่าเราเอง นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เราจะเป็นเหมือนกำแพงไฟล้อมรอบเธอ และเราจะเป็นศักดิ์ศรีในท่ามกลางเธอ

6 จงลุกขึ้น จงลุกขึ้นหนีไปจากแผ่นดินแห่งทิศเหนือ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ เพราะว่าเราได้ทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปเหมือนลมสี่ทิศแห่งท้องฟ้า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ 7 จงลุกขึ้น หนีไปยังศิโยน พวกเจ้าที่อาศัยอยู่กับบุตรหญิงของบาบิโลน’” 8 เพราะว่าหลังจากที่พระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้ให้เกียรติข้าพเจ้าและส่งข้าพเจ้าไปต่อสู้บรรดาประชาชาติที่ได้ปล้นพวกท่าน สำหรับใครก็ตามที่ได้แตะต้องพวกท่านก็ได้แตะต้องแก้วพระเนตรของพระเจ้า หลังจากพระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำสิ่งนี้ เขาได้พูดว่า

9 “ข้าพเจ้าจะสลัดมือของข้าพเจ้าเองเหนือพวกเขาทั้งหลาย และพวกเขาจะถูกปล้นเพื่อให้แก่ทาสทั้งหลายของพวกเขา” จากนั้นพวกท่านจะรู้ว่าพระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้ส่งข้าพเจ้ามา 10 “บุตรหญิงของศิโยนเอ๋ย จงร้องด้วยความยินดี เพราะว่าเรา ตัวเราเองจะเข้ามาและอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์”

11 จากนั้นบรรดาประชาชาติทั้งหลายจะรวมตัวกันมายังพระยาห์เวห์ในวันนั้น พระองค์ตรัสว่า “จากนั้นพวกเจ้าจะกลายเป็นประชากรของเรา เพราะว่าเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า” และพวกท่านจะรู้ว่าพระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้ส่งข้าพเจ้ามาหาพวกท่าน 12 เพราะว่าพระยาห์เวห์จะรับยูดาห์เป็นมรดก เป็นกรรมสิทธิ์อันชอบธรรมในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงเลือกกรุงเยรูซาเล็มสำหรับพระองค์เองอีกครั้ง บรรดาเนื้อหนังทั้งหลาย 13 จงเงียบสงบต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้เสด็จออกจากสถานที่อันบริสุทธิ์ของพระองค์

3

1 แล้วพระยาห์เวห์ได้ทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นโยชูวามหาปุโรหิตกำลังยืนอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ และซาตานก็กำลังยืนอยู่ทางขวามือของเขาเพื่อที่จะกล่าวโทษความบาปของเขา 2 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้พูดกับซาตานว่า "ขอพระยาห์เวห์ตำหนิเจ้าซาตาน ขอพระยาห์เวห์ผู้ที่ได้ทรงเลือกกรุงเยรูซาเล็มตำหนิเจ้า นี่ไม่ใช่เหล็กตีตราที่ถูกชักออกมาจากเตาไฟหรือ?"

3 เมื่อโยชูวาได้ยืนอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์ เขาได้สวมเสื้อผ้าสกปรก 4 ทูตสวรรค์นั้นได้พูดและกล่าวกับคนเหล่านั้นที่ได้ยืนต่อหน้าเขาว่า "จงเอาเสื้อผ้าสกปรกออกจากเขา" จากนั้นเขาได้กล่าวกับโยชูวาว่า "จงมองดูสิ เราได้เป็นเหตุให้นำเอาความผิดบาปของเจ้าออกไปจากเจ้า และเราจะแต่งตัวเจ้าใหม่ด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี" 5 จากนั้นเขาได้กล่าวว่า "ให้พวกเขานำผ้าโพกศีรษะสะอาดมาโพกศีรษะของเขา" ดังนั้นพวกเขาได้นำผ้าโพกศีรษะสะอาดมาโพกศีรษะโยชูวา และแต่งตัวเขาด้วยเสื้อผ้าสะอาดในขณะที่ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ

6 ต่อจากนั้นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ได้สั่งโยชูวาอย่างจริงจัง และได้พูดว่า 7 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ ถ้าเจ้าจะดำเนินในทางทั้งหลายของเรา และถ้าเจ้าจะรักษากฏบัญญัติทั้งหลายของเรา แล้วเราจะให้เจ้าครอบครองพระนิเวศของเรา และดูแลสถานที่ของเรา เพราะว่าเราจะอนุญาตให้เจ้าไปและเข้ามาท่ามกลางคนเหล่านี้ผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเรา

8 โยชูวามหาปุโรหิต จงฟัง เจ้าและเพื่อนทั้งหลายของเจ้าผู้ที่อาศัยอยู่กับเจ้า เพราะว่าคนทั้งหลายเหล่านี้คือหมายสำคัญ เพราะเราเอง เราจะนำกิ่งก้านคือผู้รับใช้ของเรามา 9 บัดนี้ จงดูที่ก้อนหินนั้นที่เราได้ตั้งไว้ต่อหน้าโยชูวา มีดวงตาเจ็ดดวงบนก้อนหินก้อนเดียวนี้ และเราจะจารึกข้อความไว้ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมโยธา และเราจะขจัดความบาปออกจากแผ่นดินนี้ภายในหนึ่งวัน

10 นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมโยธา ในวันนั้นแต่ละคนจะเชิญเพื่อนบ้านของเขาให้มานั่งใต้ต้นองุ่นของเขา และใต้ต้นมะเดื่อของเขา"

4

1 จากนั้นทูตสวรรค์ผู้ที่ได้กำลังพูดกับข้าพเจ้าได้หันมาและได้ปลุกข้าพเจ้าเหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ตื่นจากการหลับของเขา 2 เขาได้พูดกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้าได้ตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นคันประทีปอันหนึ่งที่ทำจากทองคำทั้งอัน และมีถ้วยอยู่บนส่วนยอดนั้น มีประทีปเจ็ดดวงอยู่บนนั้น และมีไส้ประทีบเจ็ดอันอยู่ที่ยอดของดวงประทีปแต่ละอัน 3 มีต้นมะกอกสองต้นอยู่ข้าง ๆ ต้นหนึ่งอยู่ทางด้านขวาของถ้วยและอีกต้นหนึ่งอยู่ทางด้านซ้าย”

4 ดังนั้นข้าพเจ้าได้พูดกับทูตสวรรค์ผู้ที่ได้กำลังพูดกับข้าพเจ้าอีกครั้ง ข้าพเจ้าได้พูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า สิ่งเหล่านี้หมายความว่าอะไร?” 5 ทูตสวรรค์ผู้ที่กำลังพูดกับข้าพเจ้าได้ตอบและได้พูดกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้หมายความว่าอะไร?” ข้าพเจ้าได้ตอบว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่รู้”

6 ดังนั้นเขาได้พูดกับข้าพเจ้าว่า “นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ถึงเศรุบบาเบลคือ ไม่ใช่ด้วยอำนาจ หรือไม่ใช่ด้วยกำลัง แต่ด้วยพระวิญญาณของเรา พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้แหละ 7 โอ ภูเขาที่ยิ่งใหญ่ เจ้าคืออะไร? ต่อหน้าเศรุบบาเบลเจ้าจะกลายเป็นที่ราบและเขาจะนำหินยอดเขามาเพื่อโห่ร้องว่า ‘งามจริง งามจริงๆ’”

8 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงข้าพเจ้ากล่าวว่า 9 “มือของเศรุบบาเบลได้วางรากฐานของพระนิเวศนี้ และมือของเขาจะนำมาสู่ความสมบูรณ์” จากนั้นเจ้าจะรู้ว่าพระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้ส่งข้าพเจ้ามายังเจ้า 10 ใครได้เหยียดหยามวันแห่งสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้? ประชาชนเหล่านี้จะชื่นชมยินดีและจะเห็นหินลูกดิ่งในมือของเศรุบบาเบล (ประทีปเจ็ดดวงเหล่านี้คือดวงเนตรของพระยาห์เวห์ที่ทรงมองสำรวจทั่วทั้งแผ่นดิน)

11 จากนั้นข้าพเจ้าได้ถามทูตสวรรค์นั้นว่า “ต้นมะกอกสองต้นที่อยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของคันประทีปคืออะไร?” 12 ข้าพเจ้าได้ถามเขาอีกครั้งว่า “กิ่งมะกอกสองกิ่งข้างท่อทองคำที่มีน้ำมันสีทองเทออกมาคืออะไร?” 13 แล้วเขาได้ตอบข้าพเจ้าว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าเหล่านี้คืออะไร?” ข้าพเจ้าได้ตอบว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่รู้” 14 ดังนั้นเขาได้พูดว่า “เหล่านี้คือบุตรชายทั้งหลายที่ได้รับเจิมผู้ซึ่งยืนอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินทั้งสิ้น”

5

1 จากนั้นข้าพเจ้าได้หันมาและได้เงยหน้าขึ้น และข้าพเจ้าได้เห็น ดูเถิดมีม้วนหนังสือกำลังลอยอยู่บนฟ้า 2 ทูตสวรรค์นั้นได้พูดกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้าได้ตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นม้วนหนังสือกำลังลอยอยู่บนฟ้า ยาวยี่สิบศอก และกว้างสิบศอก”

3 แล้วเขาได้พูดกับข้าพเจ้า “นี่คือคำสาปที่ออกไปทั่วทั้งแผ่นดิน เพราะว่าขโมยทุกคนจะถูกขจัดออกไปตามที่เขียนบนด้านหนึ่ง และทุกคนผู้ซึ่งกล่าวคำสัตย์สาบานเท็จจะถูกขจัดออกไปตามที่เขียนไว้บนอีกด้านหนึ่ง 4 “เราจะส่งมันออกไป นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ดังนั้นมันจะเข้าไปในบ้านของขโมยนั้นและเข้าไปในบ้านของบุคคลนั้นที่สาบานเท็จโดยนามของเรา มันจะยังคงอยู่ในบ้านของเขาและเผาผลาญท่อนไม้และก้อนหินทั้งหลายของบ้านนั้น”

5 จากนั้นทูตสวรรค์ผู้ที่กำลังพูดกับข้าพเจ้าได้ออกไปและได้พูดกับข้าพเจ้าว่า “จงเงยหน้าของเจ้าขึ้นและดูว่าอะไรกำลังมา” 6 ข้าพเจ้าได้พูดว่า “มันคืออะไร?” เขาได้พูดว่า “นี่คือตะกร้าบรรจุหนึ่งเอฟาห์ที่กำลังมา นี่คือความผิดบาปของเขาทั้งหลายในแผ่นดินทั้งสิ้น” 7 แล้วฝาที่ทำจากตะกั่วที่ปิดตะกร้าได้ถูกเปิดออกและมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น 8 ทูตสวรรค์นั้นได้พูดว่า “นี่คือความชั่วร้าย” เขาได้โยนเธอกลับเข้าไปข้างในตะกร้า และเขาได้โยนฝาที่ทำจากตะกั่วปิดปากตะกร้า

9 ข้าพเจ้าได้เงยหน้าขึ้นและได้เห็นผู้หญิงสองคนกำลังมุ่งหน้ามายังข้าพเจ้า และลมอยู่ใต้ปีกของพวกเธอ เพราะว่าพวกเธอมีปีกเหมือนปีกของนกกระสา พวกเธอยกตะกร้านั้นขึ้นระหว่างแผ่นดินกับท้องฟ้า 10 ดังนั้นข้าพเจ้าได้พูดกับทูตสวรรค์ผู้ที่ได้กำลังพูดกับข้าพเจ้าว่า “พวกเธอกำลังจะนำตะกร้านั้นไปไหน?” 11 เขาได้พูดกับข้าพเจ้าว่า “ไปสร้างพระวิหารในแผ่นดินชินาห์สำหรับมัน ดังนั้นเมื่อพระวิหารพร้อมแล้ว ตะกร้านั้นจะถูกจัดไว้ที่นั่นบนฐานที่ได้จัดเตรียมไว้ของมัน”

6

1 จากนั้นข้าพเจ้าได้หันมาและได้เงยหน้าขึ้นดูและข้าพเจ้าได้เห็นรถม้าศึกสี่คันกำลังออกมาจากระหว่างภูเขาสองลูก และภูเขาสองลูกนั้นทำมาจากทองสัมฤทธิ์ 2 รถม้าศึกคันแรกเทียมด้วยพวกม้าสีแดง รถม้าศึกคันที่สองเทียมด้วยพวกม้าสีดำ 3 รถม้าศึกคันที่สามเทียมด้วยพวกม้าสีขาว และรถม้าศึกคันที่สี่เทียมด้วยพวกม้าลายจุดสีเทา

4 ดังนั้นข้าพเจ้าได้ตอบและได้พูดกับทูตสวรรค์ผู้ที่ได้พูดกับข้าพเจ้าว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า สิ่งเหล่านี้คืออะไร?” 5 ทูตสวรรค์นั้นได้ตอบและได้พูดกับข้าพเจ้าว่า “สิ่งเหล่านี้คือลมทั้งสี่แห่งท้องฟ้าที่ออกไปจากสถานที่ซึ่งพวกเขาทั้งหลายได้กำลังยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินทั้งหลาย” 6 คนกับม้าสีดำทั้งหลายกำลังจะออกไปยังประเทศทางเหนือ ม้าสีขาวทั้งหลายกำลังจะออกไปยังประเทศตะวันตก และม้าลายจุดสีเทาทั้งหลายกำลังจะออกไปยังประเทศทางใต้”

7 ม้าแข็งแรงเหล่านี้ได้ออกไปและแสวงหาที่จะไปและสำรวจทั่วทั้งแผ่นดิน ดังนั้นทูตสวรรค์จึงได้พูดว่า “จงออกไปและสำรวจทั่วทั้งแผ่นดิน” และพวกมันได้ออกไปทั่วทั้งแผ่นดิน 8 จากนั้นทูตนั้นได้เรียกหาข้าพเจ้าและได้พูดกับข้าพเจ้าและได้กล่าวว่า “จงมองดูพวกที่กำลังจะออกไปยังประเทศทางเหนือ พวกเขาจะตอบสนองพระวิญญาณของเราเกี่ยวกับประเทศทางเหนือ”

9 ดังนั้นถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงข้าพเจ้า กล่าวว่า 10 “จงเอาเครื่องบูชาจากบรรดาเชลย คือจากเฮลดัย โทบียาห์ และเยเดยาห์ และในวันเดียวกันจงไปและจงนำเอามันเข้าไปในเรือนของโยสิยาห์บุตรชายของเศฟันยาห์ผู้ซึ่งได้มาจากบาบิโลน 11 แล้วจงเอาเงินและทองทำเป็นมงกุฎอันหนึ่งและสวมมันบนศีรษะโยชูวาบุตรชายของเยโฮซาดัก มหาปุโรหิต ”

12 จงพูดกับเขา และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ ชายคนนี้ ชื่อของเขาคือ กิ่ง เขาจะเติบโตขึ้นในที่ที่เขาอยู่ และจากนั้นเขาจะสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ 13 เขานั่นเองจะเป็นผู้สร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ และเขาจะยกความยิ่งใหญ่ของมันขึ้น และเขาจะนั่งและปกครองบนบัลลังก์ของเขา เขาจะเป็นปุโรหิตคนหนึ่งบนบัลลังก์ของเขา และความเข้าใจแห่งสันติจะยังคงอยู่ระหว่างสองฝ่าย 14 มงกุฎจะถูกวางไว้ในพระวิหารของพระยาห์เวห์เพื่อให้เกียรติให้แก่เฮลดัย โทบีอาห์ และเยเดยาห์ เป็นที่ระลึกถึงความใจกว้างของบุตรชายของเศฟันยาห์

15 แล้วคนเหล่านั้นผู้ที่อยู่ไกลจะมาและสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ ดังนั้นพวกท่านจะรู้ว่าพระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาพวกท่าน เพราะนี่จะเกิดขึ้นถ้าท่านฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านอย่างแท้จริง’”

7

1 เมื่อกษัตริย์ดาริอัสได้ปกครองมานานสี่ปี ในวันที่สี่ของเดือนคิสเลฟ (ซึ่งเป็นเดือนที่เก้า) ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเศคาริยาห์ 2 ประชาชนเมืองเบธเอลได้ส่งชาเรเซอร์ และเรเกมเมเลค และพรรคพวกของเขาเพื่อร้องทูลต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ 3 พวกเขาได้กล่าวต่อพวกปุโรหิตผู้ซึ่งได้อยู่ที่พระนิเวศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย และต่อพวกผู้เผยพระวจนะ พวกเขาได้กล่าวว่า “ควรที่ข้าพเจ้าจะไว้ทุกข์ในเดือนที่ห้าด้วยการอดอาหารเหมือนที่ข้าพเจ้าได้กระทำมานานแล้วหลายปีหรือ?”

4 ดังนั้นถ้อยคำของพระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้มาถึงข้าพเจ้า กล่าวว่า 5 “จงพูดกับประชาชนทั้งหมดของแผ่นดินและกับปุโรหิตทั้งหลาย และพูดว่า ‘เมื่อพวกเจ้าอดอาหารและไว้ทุกข์ในเดือนที่ห้าและเดือนที่เจ็ดมานานถึงเจ็ดสิบปี พวกเจ้าได้อดอาหารเพื่อเราจริง ๆ หรือ? 6 เมื่อพวกเจ้าได้กินและดื่ม พวกเจ้าไม่ได้กินและดื่มเพื่อตัวพวกเจ้าเองหรือ? 7 ถ้อยคำเหล่านี้ไม่ใช่ถ้อยคำเดียวกันที่พระยาห์เวห์ได้ประกาศผ่านทางปากของพวกผู้เผยพระวจนะรุ่นก่อน ๆ เมื่อพวกเจ้ายังคงได้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและเมืองทั้งหลายที่เจริญรุ่งเรืองโดยรอบและได้ตั้งถิ่นฐานในเนเกบ และเชิงเขาทางตะวันตกหรือ?’”

8 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเศคาริยาห์ กล่าวว่า 9 “พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ ‘จงวินิจฉัยด้วยความยุติธรรมอย่างแท้จริง ทำพันธสัญญาที่สัตย์ซื่อ และเมตตา ให้แต่ละคนกระทำสิ่งนี้กับพี่น้องของเขา 10 เกี่ยวกับหญิงหม้ายและลูกกำพร้า คนต่างด้าว และคนยากจนคือ อย่ากดขี่ข่มเหงพวกเขาและอย่าให้พวกเจ้าคนใดคิดวางแผนในใจที่จะทำร้ายคนอื่น’

11 แต่พวกเขาได้ปฏิเสธที่จะเอาใจใส่ และยืดไหล่ขึ้นอย่างดื้อดึง พวกเขาได้อุดหูของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ยิน 12 พวกเขาทำให้จิตใจของพวกเขาแข็งกระด้างไปเหมือนหินดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ยินพระบัญญัติหรือถ้อยคำทั้งหลายของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พระองค์ได้ส่งข้อความเหล่านี้ไปยังประชาชนโดยพระวิญญาณของพระองค์ในสมัยเริ่มแรก โดยปากของผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย แต่พวกประชาชนได้ปฏิเสธที่จะฟัง ดังนั้นพระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้ทรงพิโรธต่อพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง

13 มันได้เกิดขึ้นเมื่อพระองค์ได้ทรงเรียก แต่พวกเขาไม่ได้ฟัง ด้วยวิธีการเดียวกัน” พระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้ตรัสว่า “พวกเขาจะร้องทูลต่อเรา แต่เราจะไม่ฟัง 14 เพราะเราจะกระจัดกระจายพวกเขาด้วยลมพายุหมุนไปยังประชาชาติทั้งหลายที่พวกเขาไม่ได้เห็น และแผ่นดินนั้นจะถูกทำให้ว่างเปล่าหลังจากพวกเขา เพราะว่าจะไม่มีใครผ่านแผ่นดินนั้น หรือกลับมาหามันอีก ตั้งแต่ประชาชนนั้นได้ทำให้แผ่นดินเป็นที่น่าพึงพอใจของพวกเขากลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า”

8

1 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้มาถึงข้าพเจ้า กล่าวว่า 2 “พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ เราหวงแหนศิโยนด้วยความหวงแหนอันยิ่งใหญ่และเราหวงแหนเธอด้วยความโกรธอันยิ่งใหญ่ 3 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ เราจะกลับมายังศิโยนและจะอาศัยในท่ามกลางกรุงเยรูซาเล็ม เพราะว่ากรุงเยรูซาเล็มจะถูกเรียกว่าเมืองแห่งความจริงและภูเขาแห่งพระยาห์เวห์จอมเจ้านายจะถูกเรียกว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์

4 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ ชายชราและหญิงชราจะอยู่ตามท้องถนนของกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้ง และทุกคนต้องการไม้เท้าในมือของเขาเพราะว่าเขาชราภาพมากแล้ว 5 ถนนต่าง ๆ ของเมืองนั้นจะเต็มไปด้วยพวกเด็กชายและพวกเด็กหญิงที่กำลังเล่นตามถนนเหล่านั้น

6 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ ในวันเหล่านั้น ถ้าบางสิ่งดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในสายตาของผู้ที่เหลืออยู่ของประชาชนนี้ มันควรดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในสายตาของเราด้วยหรือ? นี่คือประกาศของพระยาห์เวห์ 7 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ ดูเถิด เราต้องการช่วยเหลือประชาชนของเราจากดินแดนที่ดวงอาทิตย์ขึ้น และจากดินแดนที่ดวงอาทิตย์ตก 8 เพราะว่าเราจะนำพวกเขากลับมา และพวกเขาจะอาศัยในท่ามกลางกรุงเยรูซาเล็ม ดังนั้นพวกเขาจะเป็นประชาชนของเราอีกครั้ง และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขาในความจริงและในความชอบธรรม

9 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ บัดนี้พวกเจ้าผู้ซึ่งยังคงฟังถ้อยคำทั้งหลายเดิม ๆ ที่มาจากปากของผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย เมื่อฐานรากของพระนิเวศของเราได้ถูกวางแล้ว นี่คือพระนิเวศของเรา พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสว่า จงทำให้มือของเจ้าแข็งแรงดังนั้นพระวิหารจึงจะสามารถสร้างได้ 10 เพราะว่าก่อนวันเหล่านั้น ไม่มีใครรวบรวมธัญพืชได้ ไม่มีใครได้กำไรไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ไม่มีสันติภาพจากศัตรูสำหรับผู้ที่กำลังจะไป หรือกำลังจะมา เราได้ทำให้พวกเขาทุกคนต่อสู้ซึ่งกันและกันกับเพื่อนบ้านของเขา

11 แต่บัดนี้มันจะไม่เหมือนกับอดีต เราจะอยู่กับประชาชนที่เหลืออยู่ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย 12 เพราะว่าเมล็ดพันธ์ุแห่งสันติภาพจะถูกหว่าน เถาองุ่นจะออกผลและแผ่นดินจะให้ผลผลิต บรรดาท้องฟ้าจะให้น้ำค้าง เพราะว่าเราจะทำให้ประชาชนที่เหลืออยู่ได้รับสืบทอดสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด พงศ์พันธุ์ของยูดาห์ และพงศ์พันธุ์ของอิสราเอลเอ๋ย 13 พวกเจ้าจะเป็นตัวอย่างสำหรับบรรดาประชาชาติแห่งคำแช่งสาป ดังนั้นเราจะช่วยเหลือพวกเจ้า และพวกเจ้าจะกลายเป็นพระพร จงอย่ากลัว จงทำให้มือของพวกเจ้าเข้มแข็ง

14 เพราะพระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ ดังที่เราได้วางแผนเพื่อจะทำร้ายพวกเจ้าเมื่อบรรพบุรุษของพวกเจ้ายั่วโทสะของเรา พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัส และไม่ได้ผ่อนปรน 15 ดังนั้นเราได้วางแผนที่จะทำดีอีกครั้งแก่กรุงเยรูซาเล็ม และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ในวันเหล่านี้ด้วย จงอย่ากลัว 16 สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำ ทุกคนจงพูดความจริงกับเพื่อนบ้านทุกคนของเขา จงวินิจฉัยด้วยความจริง ความยุติธรรม และสันติภาพในประตูทั้งหลายของพวกเจ้า 17 จงอย่าวางแผนชั่วในจิตใจของพวกเจ้าต่อสู้ซึ่งกันและกัน จงอย่ารักคำสัตย์สาบานเท็จเพราะเราเกลียดสิ่งเหล่านี้ นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์”

18 จากนั้นถ้อยคำของพระยาห์เวห์จอมเจ้านายได้มาถึงข้าพเจ้า กล่าวว่า 19 “พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ การอดอาหารในเดือนที่สี่ เดือนที่ห้า เดือนที่เจ็ดและเดือนที่สิบจะเป็นเวลาแห่งความชื่นชม ความยินดี และเทศกาลความสุขสำหรับพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ดังนั้นจงรักความจริงและสันติภาพ

20 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ ประชาชนจะมาอีกครั้ง แม้ว่าคนเหล่านั้นจะอาศัยอยู่ในเมืองต่าง ๆ 21 คนทั้งหลายของเมืองหนึ่งจะไปอีกเมืองหนึ่งและพูดว่า "ให้เรารีบไปเพื่อร้องทูลต่อพระพักตร์พระยาห์เวห์ และเพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย พวกเราเองก็กำลังไปด้วย 22 ประชาชนทั้งหลายและประชาชาติที่เข้มแข็งจะมาแสวงหาพระยาห์เวห์จอมโยธาในกรุงเยรูซาเล็ม และร้องทูลขอพระกรุณาของพระยาห์เวห์ 23 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายตรัสดังนี้ ในวันเหล่านั้น ผู้ชายสิบคนจากทุกชาติ ทุกภาษา จะจับชายเสื้อคลุมของพวกเจ้าและพูดว่า ‘ให้เราไปกับเจ้าเพื่อที่เราจะได้ยินว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพวกท่าน’”

9

1 “นี่คือการประกาศถ้อยคำของพระยาห์เวห์เกี่ยวกับดินแดนหัดรากและดามัสกัส สถานที่พักสงบของมัน เพราะดวงตาทั้งหลายของมนุษยชาติ และเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลทั้งหมดจับจ้องที่พระยาห์เวห์ 2 นี่คือคำประกาศเกี่ยวกับฮามัทด้วย ซึ่งมีชายแดนติดกับดามัสกัส และเกี่ยวกับเมืองไทระและเมืองไซดอน เพราะพวกเขาฉลาดมาก 3 เมืองไทระได้สร้างป้อมปราการที่แข็งแรงสำหรับตนเองและสะสมเงินไว้จำนวนมากเหมือนฝุ่นและทองเนื้อดีเหมือนโคลนในถนนทั้งหลาย 4 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าจะยึดทรัพย์สินของเธอ และทำลายความเข้มแข็งของเธอบนท้องทะเล ดังนั้นเธอจะถูกเผาผลาญด้วยไฟ

5 เมืองอัชเคโลนจะเห็นและกลัว กาซาจะสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่งด้วย ความหวังของเมืองเอโครนจะล่มสลาย กษัตริย์นั้นจะสาบสูญไปจากเมืองกาซา และเมืองอัชเคโลนจะไม่มีผู้อยู่อาศัยอีกต่อไป 6 คนแปลกหน้าจะใช้เมืองอัชโดดเป็นบ้านของพวกเขา และเราจะขจัดความหยิ่งผยองของคนฟีลิสเตีย

7 เพราะเราจะล้างโลหิตของพวกเขาจากปากทั้งหลายของพวกเขา และความเกลียดชังทั้งหลายออกจากซอกฟันของพวกเขา จากนั้นพวกเขาจะกลายเป็นผู้ที่เหลืออยู่สำหรับพระเจ้าของพวกเราเหมือนตระกูลหนึ่งในยูดาห์ และเอโครนจะกลายเป็นเหมือนคนเยบุส 8 เราจะตั้งค่ายล้อมรอบดินแดนของเราเพื่อต่อสู้กองทัพของศัตรู ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไป หรือกลับออกมา เพราะไม่มีผู้กดขี่ข่มเหงจะย่ำยีพวกเขา เพราะบัดนี้เราจะเฝ้าดูด้วยดวงตาของเราเอง

9 บุตรหญิงของศิโยนเอ๋ย จงร้องตะโกนด้วยความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง บุตรหญิงของเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนด้วยความสุข ดูเถิด กษัตริย์ของพวกเจ้ากำลังมาหาพวกเจ้าด้วยความชอบธรรม และกำลังจะช่วยเหลือพวกเจ้า พระองค์ทรงถ่อมใจและกำลังประทับบนหลังลา บนหลังลูกลา 10 จากนั้นเราจะขจัดรถม้าศึกออกจากเอฟราอิม และม้าออกจากเยรูซาเล็ม และธนูจะถูกขจัดออกจากการสู้รบ เพราะพระองค์จะตรัสอย่างสันติต่อบรรดาประชาชาติ และการปกครองของพระองค์จะไปทั่วแผ่นดิน และจากแม่น้ำนั้นจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก

11 สำหรับพวกเจ้า เพราะโลหิตแห่งพันธสัญญาของเรากับพวกเจ้า เราจะปลดปล่อยบรรดาผู้ที่ถูกจำจองของพวก เจ้าให้เป็นอิสระจากบ่อที่ไม่มีน้ำ 12 พวกนักโทษแห่งความหวังเอ๋ย จงกลับสู่ป้อมปราการที่เข้มแข็ง แม้กระทั่งวันนี้เรากำลังประกาศว่าเราจะชดใช้เป็นสองเท่าแก่พวกเจ้า 13 เพราะเราได้โก่งยูดาห์เหมือนคันธนูของเรา และได้บรรจุ​เอฟ​รา​อิม​ให้เป็น​ลูก​ธนู​เต็ม​แล่ง เราได้กระตุ้นบุตรชายทั้งหลายของพวกเจ้าคือศิโยนให้ต่อสู้บุตรชายทั้งหลายของพวกเจ้าคือ กรีก และทำให้พวกเจ้าคือศิโยนเป็นเหมือนดาบนักรบ”

14 พระยาห์เวห์จะทรงปรากฏแก่พวกเขา และลูกธนูของพระองค์จะถูกยิงออกเหมือนฟ้าแลบ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์จะทรงเป่าแตรทองเหลืองและจะทรงไปข้างหน้าด้วยพายุจากเทมาน 15 พระยาห์เวห์จอมเจ้านายจะทรงป้องกันพวกเขาและพวกเขาจะเผาผลาญพวกนั้นและเอาชนะพวกก้อนหินของสลิงทั้งหลาย จากนั้นพวกเขาจะดื่มและร้องตะโกนเหมือนคนเมาเหล้าองุ่นและพวกเขาจะถูกเติมด้วยเหล้าองุ่นเหมือนถ้วยทั้งหลาย เหมือนกับมุมทั้งหลายของแท่นบูชา

16 ดังนั้นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขาจะช่วยเหลือพวกเขาในวันนั้น พวกเขาจะเป็นประชากรของพระองค์เหมือนฝูงสัตว์ พวกเขาเป็นอัญมณีบนมงกุฎที่จะส่องแสงบนแผ่นดินของพระองค์ 17 พวกเขาช่างดีและงดงามเสียนี่กระไร ชายหนุ่มทั้งหลายจะเจริญเติบโตด้วยเมล็ดข้าว และหญิงบริสุทธิ์จะเจริญงอกงามด้วยเหล้าองุ่น

10

1 จงทูลขอฝนจากพระยาห์เวห์ในเวลาฝนชุกปลายฤดูฝน พระยาห์เวห์ผู้ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และพระองค์ประทานฝนแก่ทุกคน และพืชผักในท้องทุ่ง 2 สำหรับรูปเคารพประจำบ้านทั้งหลายที่พูดเท็จ พวกผู้ทำนายที่หลับตาพูดโกหก พวกเขาบอกความฝันที่หลอกลวง และให้คำปลอบประโลมที่ว่างเปล่า ดังนั้นพวกเขาจึงเดินไปเหมือนแกะที่ไม่มีจุดหมายและทุกข์ยากลำบากเพราะไม่มีผู้เลี้ยง

3 “ความโกรธกริ้วของเราเผาผลาญพวกผู้เลี้ยง มันเป็นพวกแพะตัวผู้คือพวกผู้นำที่เราจะลงโทษ พระยาห์เวห์จอมเจ้านายจะอยู่กับฝูงแกะของพระองค์ คือพงศ์พันธุ์ของยูดาห์ และทำให้พวกเขาเป็นเหมือนม้าศึกของพระองค์ในสงคราม 4 ศิลามุมเอกจะมาจากยูดาห์ หมุดเต็นท์จะมาจากเขา ธนูสงครามจะมาจากเขา บรรดาผู้ปกครองจะรวมตัวกันมาจากเขา 5 พวกเขาจะเป็นเหมือนนักรบทั้งหลายผู้ซึ่งเหยียบศัตรูทั้งหลายของพวกเขาลงในโคลนแห่งท้องถนนในสงคราม พวกเขาจะทำสงคราม เพราะพระยาห์เวห์อยู่กับพวกเขา และพวกเขาจะให้คนเหล่านั้นผู้ซึ่งขี่ม้าศึกทั้งหลายอับอาย

6 เราจะเสริมกำลังพงศ์พันธุ์ของยูดาห์ และปกป้องพงศ์พันธุ์ของโยเซฟ เพราะเราจะทำให้พวกเขากลับสู่สภาพเดิมและเมตตาพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่ได้ขจัดพวกเขาออกไป เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และเราจะตอบสนองพวกเขา 7 จากนั้นเอฟราอิมจะเป็นเหมือนนักรบคนหนึ่ง และจิตใจของพวกเขาทั้งหลายจะชื่นชมยินดีเหมือนดื่มเหล้าองุ่น พวกบุตรทั้งหลายของพวกเขาจะเห็นและชื่นชมยินดี จิตใจของพวกเขาทั้งหลายจะชื่นชมยินดีในเรา

8 เราจะผิวปากเรียกพวกเขา และรวบรวมพวกเขาเพราะว่าเราจะช่วยพวกเขา และพวกเขาจะยิ่งใหญ่เหมือนที่พวกเขาเคยเป็นมาก่อน 9 เราได้หว่านพวกเขาไปท่ามกลางประชาชนทั้งหลาย แต่พวกเขาจะระลึกถึงเราในประเทศที่ห่างไกลทั้งหลาย ดังนั้นพวกเขาและบุตรทั้งหลายของพวกเขาจะมีชีวิตอยู่และกลับมา 10 เพราะเราจะทำให้พวกเขากลับสู่สภาพเดิมจากแผ่นดินอียิปต์ และรวบรวมพวกเขาจากอัสซีเรีย เราจะนำพวกเขามาสู่แผ่นดินกิเลอาด และเลบานอนจนกว่าที่นั่นจะไม่มีที่สำหรับพวกเขา 11 เราจะผ่านทะเลแห่งความทุกข์ของพวกเขา เราจะโจมตีคลื่นทั้งหลายแห่งทะเลนั้นและจะทำให้ที่ลึกทั้งหมดของแม่น้ำไนล์แห้ง อำนาจของอัสซีเรียจะถูกโค่นลง และคฑาของอียิปต์จะหนีไปจากชาวอียิปต์ 12 เราจะทำให้พวกเขาเข้มแข็งด้วยตัวของเราเอง และพวกเขาจะดำเนินในนามของเรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์”

11

1 เลบานอนเอ๋ย จงเปิดประตูทั้งหลายของพวกเจ้า ที่ไฟจะเผาผลาญไม้สนสีดาร์ทั้งหลายของพวกเจ้า 2 ต้นสนสามใบ จงโศกเศร้าเพราะต้นสนสีดาร์ได้ล้มลง สิ่งที่สง่างามได้ถูกทำลายล้าง ต้นโอ๊กแห่งบาชานจงโศกเศร้าเพราะป่าทึบได้ถูกโค่นล้ม 3 ผู้เลี้ยงแกะทั้งหลายร่ำไห้เพราะว่าชื่อเสียงของพวกเขาถูกทำลาย เสียงร้องคำรามของสิงโตหนุ่ม เพราะความภาคภูมิใจของแม่น้ำจอร์แดนได้ถูกทำลายล้าง

4 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสว่า “เหมือนผู้เลี้ยงแกะคนหนึ่ง เฝ้าดูแลฝูงแกะซึ่งได้ถูกกำหนดให้ถูกฆ่าเป็นอาหาร 5 (คนทั้งหลายผู้ซึ่งซื้อพวกมัน ฆ่าพวกมันเป็นอาหาร และไม่ได้ถูกลงโทษ และคนทั้งหลายผู้ซึ่งขายพวกมัน พูดว่า ‘สาธุการแด่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ร่ำรวย’ เพราะผู้เลี้ยงแกะทั้งหลายทำงานเพื่อเจ้าของทั้งหลายของพวกฝูงแกะไม่มีความสงสารพวกมัน) 6 เพราะเราจะไม่สงสารบรรดาคนที่อาศัยของแผ่นดินนั้นอีกต่อไป นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ จงดู ตัวเราเองที่จะทำให้พวกเขาทุกคนตกอยู่ในมือของเพื่อนบ้านของเขา และในมือของกษัตริย์ของเขา และพวกเขาจะทำลายแผ่นดินนั้น และเราจะไม่ช่วยพวกเขาสักคนให้พ้นจากมือของพวกเขา”

7 ดังนั้นข้าพเจ้าได้กลายเป็นผู้เลี้ยงแกะของฝูงแกะที่ได้ถูกกำหนดให้ถูกฆ่าเป็นอาหาร เพราะคนเหล่านั้นผู้ซึ่งได้จัดการฝูงแกะ ข้าพเจ้าได้เอาไม้เท้าสองอัน อันหนึ่งข้าพเจ้าได้เรียกว่า “โปรดปราน” และอีกอันหนึ่งข้าพเจ้าได้เรียกว่า "สามัคคี" ด้วยวิธีนี้ข้าพเจ้าได้เลี้ยงฝูงแกะ 8 ในหนึ่งเดือนข้าพเจ้าได้ทำลายผู้เลี้ยงแกะสามคนเพราะข้าพเจ้าหมดความอดทนกับพวกเขา และพวกเขาเกลียดชังข้าพเจ้าด้วย 9 จากนั้นข้าพเจ้าได้พูดต่อเจ้าของทั้งหลาย “ข้าพเจ้าจะไม่ทำงานเป็นผู้เลี้ยงแกะให้ท่านอีกต่อไป แกะที่กำลังจะตาย ให้พวกมันตายเถอะ แกะนั้นกำลังถูกทำลาย ให้พวกมันถูกทำลายเถอะ ให้แกะนั้นที่ยังเหลืออยู่กินเนื้อของพวกมันกันเอง”

10 ดังนั้นข้าพเจ้าได้นำเอาไม้เท้าของข้าพเจ้าที่เรียกว่า “เมตตา” ออกมาและหักมันเพื่อหักพันธสัญญาที่ข้าพเจ้าได้ทำกับเผ่าทั้งหมดของข้าพเจ้า 11 ในวันนั้นที่พันธสัญญาถูกหัก และคนเหล่านั้นที่จัดการฝูงแกะและผู้ซึ่งกำลังเฝ้าดูข้าพเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ได้ตรัสแล้ว

12 ข้าพเจ้าได้พูดกับพวกเขาว่า “ถ้าดูเหมือนว่ามันดีต่อพวกท่าน จงจ่ายเงินค่าจ้างของข้าพเจ้า แต่ถ้าไม่ใช่ ก็อย่าจ่ายเงินนั้น” ดังนั้นพวกเขาได้จ่ายเงินค่าจ้างข้าพเจ้าจำนวนเงินสามสิบแผ่นเงิน 13 จากนั้นพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงสะสมเงินนั้นไว้ในคลัง ค่าจ้างงดงามที่พวกเขาประเมินค่าจ้าง” ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้เอาเงินสามสิบแผ่นเงินและสะสมมันไว้ในพระคลังในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 14 จากนั้นข้าพเจ้าได้หักไม้เท้าอันที่สองของข้าพเจ้าคือ “เอกภาพ” เพื่อตัดความเป็นพี่น้องระหว่างยูดาห์กับอิสราเอล

15 พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อีกครั้งหนึ่ง จงยึดเอาเครื่องใช้ของผู้เลี้ยงแกะที่โง่เขลามาเพื่อตัวเจ้าเอง 16 เพราะว่าจงดู เราจะตั้งผู้เลี้ยงแกะคนหนึ่งในแผ่นดินนั้น เขาจะไม่สนใจความพินาศของแกะ เขาจะไม่แสวงหาแกะที่หลงหาย หรือรักษาแกะพิการ เขาจะไม่เลี้ยงแกะที่แข็งแรง แต่จะกินเนื้อของแกะอ้วนพีและจะฉีกกีบเท้าของพวกมัน

17 วิบัติแก่ผู้เลี้ยงที่ไร้ค่าผู้ซึ่งทอดทิ้งฝูงแกะนั้น ขอให้ดาบนั้นมาต่อสู้แขนของเขาและตาขวาของเขา ขอให้แขนของเขาเหี่ยวแห้งไป และให้ตาข้างขวาของเขาบอดไป"

12

1 นี่คือการประกาศถ้อยคำของพระยาห์เวห์เกี่ยวกับอิสราเอล คำประกาศของพระยาห์เวห์ผู้ซึ่งได้ทรงกางท้องฟ้าออกและทรงวางฐานรากของแผ่นดิน ผู้ทรงใส่จิตวิญญาณของมนุษยชาติไว้ในมนุษย์ 2 "จงดู เราจะทำให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นถ้วยแห่งต้นเหตุสำหรับประชาชนทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ เธอให้เดินโซเซ มันจะเป็นเช่นเดียวกันด้วยสำหรับยูดาห์ในช่วงระหว่างการล้อมกรุงเยรูซาเล็ม

3 ในวันนั้น เราจะทำให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นก้อนหินหนักสำหรับประชาชนทั้งหมด ใครก็ตามที่พยายามยกก้อนหินนั้นจะทำให้ตัวเขาเองบาดเจ็บอย่างมาก และบรรดาประชาชาติแห่งแผ่นดินโลกจะรวมตัวกันต่อสู้เมืองนั้น 4 นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ ในวันนั้นเราจะโจมตีม้าทุกตัวด้วยความสับสนและผู้ขี่ทุกคนด้วยความบ้าคลั่ง เราจะมองดูด้วยความเมตตาต่อพงศ์พันธุ์ของยูดาห์ และจะโจมตีทำให้ม้าทุกตัวของศัตรูตาบอดไป 5 จากนั้นผู้นำทั้งหลายของยูดาห์จะพูดในใจของพวกเขาทั้งหลายว่า ‘คนทั้งหลายผู้อาศัยแห่งกรุงเยรูซาเล็มคือกำลังของพวกเราเพราะว่าพระยาห์เวห์จอมโยธาคือพระเจ้าของพวกเขา’

6 ในวันนั้น เราจะทำให้ผู้นำทั้งหลายของยูดาห์เป็นเหมือนหม้อไฟท่ามกลางไม้ และเป็นเหมือนคบเพลิงท่ามกลางต้นข้าวที่ยืนต้นอยู่ เพราะว่าพวกเขาจะกลืนกินประชาชนทั้งหลายที่อยู่รอบ ๆ ทางด้านขวาและทางด้านซ้ายของพวกเขา กรุงเยรูซาเล็มจะอยู่ในที่ของเธอเองอีกครั้ง” 7 พระยาห์เวห์จะรักษาเต็นท์ของยูดาห์เป็นอันดับแรก ดังนั้นเกียรติยศของพงศ์พันธุ์ดาวิดและเกียรติยศคนเหล่านั้นผู้ซึ่งอาศัยในกรุงเยรูซาเล็มจะไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าคนที่เหลืออยู่ของยูดาห์

8 ในวันนั้นพระยาห์เวห์จะทรงเป็นผู้ป้องกันของผู้ที่อยู่อาศัยของกรุงเยรูซาเล็ม และในวันนั้นคนเหล่านั้นที่อ่อนกำลังท่ามกลางพวกเขาจะเป็นเหมือนดาวิด ในขณะที่พงศ์พันธุ์ของดาวิดจะเป็นเหมือนพระเจ้า เหมือนทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์อยู่ข้างหน้าพวกเขา 9 “ในวันนั้นที่เราจะเริ่มต้นทำลายบรรดาประชาชาติทั้งหมดที่มาต่อสู้กรุงเยรูซาเล็ม

10 แต่เราจะเทพระวิญญาณแห่งความสงสาร และการวิงวอนมาเหนือพงศ์พันธุ์ของดาวิด และคนทั้งหลายที่อาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม ดังนั้นพวกเขาจะมองดูเรา ผู้เดียวที่พวกเขาได้มองผ่าน พวกเขาจะโศกเศร้าเสียใจเพื่อเรา เหมือนผู้ที่โศกเศร้าเสียใจถึงบุตรชายคนเดียว พวกเขาจะโศกเศร้าเสียใจอย่างขมขื่น สำหรับพวกเขาเหมือนคนเหล่านั้นผู้ที่โศกเศร้าเสียใจถึงการตายของบุตรชายหัวปี 11 ในวันนั้นผู้โศกเศร้าเสียใจในกรุงเยรูซาเล็มจะเป็นเหมือนผู้โศกเศร้าเสียใจที่ฮาดัก ริมโมน ในที่ราบเมกิดโด

12 แผ่นดินนั้นจะโศกเศร้าเสียใจ แต่ละตระกูลแยกออกจากตระกูลต่าง ๆ ตระกูลของพงศ์พันธุ์ดาวิดจะถูกแยกออก และภรรยาทั้งหลายของพวกเขาจะถูกแยกออกจากผู้ชายทั้งหลาย ตระกูลของพงศ์พันธุ์นาธันจะถูกแยกออกและภรรยาทั้งหลายของพวกเขาจะถูกแยกออกจากผู้ชายทั้งหลาย 13 ตระกูลของพงศ์พันธุ์เลวีจะถูกแยกออกและภรรยาทั้งหลายของพวกเขาจะถูกแยกออกจากพวกผู้ชาย ตระกูลของพงศ์พันธุ์ชิเมอีจะถูกแยกออกและภรรยาทั้งหลายของพวกเขาจะถูกแยกออกจากพวกผู้ชาย 14 ทุกตระกูลของตระกูลต่าง ๆ ที่เหลืออยู่ แต่ละตระกูลจะถูกแยกออกและภรรยาทั้งหลายจะถูกแยกออกจากพวกผู้ชาย

13

1 ในวันนั้นน้ำพุจะพลุ่งขึ้นสำหรับราชวงศ์ดาวิดและผู้อาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม เพราะความบาปและความไม่บริสุทธิ์ของพวกเขา 2 นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย ในวันนั้นเราจะขจัดชื่อทั้งหลายของบรรดารูปเคารพออกจากแผ่นดินและจะไม่มีใครระลึกถึงพวกเขาอีกเลย เราจะทำให้บรรดาผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จและวิญญาณแห่งมลทินออกไปจากแผ่นดินนั้น 3 ถ้ามีใครยังคงเผยพระวจนะ บิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดเขาจะบอกเขาว่า ‘เจ้าจะไม่มีชีวิตอยู่ เพราะเจ้าพูดโกหกในนามของพระยาห์เวห์’ จากนั้นบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดเขาจะแทงเขาเมื่อเขาเผยพระวจนะ

4 ในวันนั้นผู้เผยพระวจนะแต่ละคนจะอับอายเพราะนิมิตของของเขาเมื่อเขาจะเผยพระวจนะ ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้จะไม่สวมเสื้อคลุมที่มีขนเพื่อที่จะหลอกลวงประชาชนอีกต่อไป 5 เพราะแต่ละคนจะพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะ ข้าพเจ้าเป็นผู้ชายที่ทำงานกับดิน เพราะแผ่นดินกลายเป็นงานของข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเป็นหนุ่ม’ 6 แต่บางคนจะพูดกับเขาว่า ‘บาดแผลเหล่านี้ที่แขนของท่านคืออะไร?’ และเขาจะตอบว่า ‘ข้าพเจ้าได้รับบาดเจ็บกับคนเหล่านั้นในบ้านเพื่อนทั้งหลายของข้าพเจ้า’”

7 “ดาบเอ๋ย เจ้าจงลุกขึ้นต่อสู้ผู้เลี้ยงแกะของเราคือผู้ชายคนนั้นที่ยืนใกล้เรา นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย จงโจมตีผู้เลี้ยงแกะ และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป เพราะเราจะหันมือของเราต่อสู้คนต่ำต้อยทั้งหลาย 8 แล้วสิ่งนี้จะได้เกิดขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน นี่คือคำประกาศของพระยาห์เวห์ว่า สองในสามของมันจะถูกขจัดออก คนเหล่านั้นจะถูกทำให้ย่อยยับ เพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่จะเหลืออยู่ 9 เราจะนำหนึ่งในสามนั้นผ่านไฟ และทำให้พวกเขาบริสุทธิ์เหมือนเงินที่ถูกถลุง คือเราจะทดสอบพวกเขาเหมือนทดสอบทองคำ พวกเขาจะเรียกชื่อของเรา และเราจะตอบพวกเขาและพูดว่า ‘นี่คือประชากรของเรา’ และพวกเขาจะพูดว่า ‘พระยาห์เวห์คือพระเจ้าของข้าพระองค์’ ”

14

1 ดูเถิด วันของพระยาห์เวห์กำลังมาเมื่อของที่พวกเจ้าปล้นมาจะถูกแบ่งในท่ามกลางพวกเจ้า 2 เพราะเราจะรวบรวมทุกประชาชาติมาต่อสู้กรุงเยรูซาเล็มเพื่อทำสงครามและเมืองนั้นจะถูกยึดครอง บ้านเรือนทั้งหลายจะถูกปล้นและบรรดาผู้หญิงจะถูกข่มขืน ครึ่งหนึ่งของเมืองจะถูกจับไปเป็นเชลย แต่ประชาชนผู้ที่เหลืออยู่จะไม่ถูกขจัดออกจากเมืองนั้น 3 แต่พระยาห์เวห์จะเสด็จออกไปและทำสงครามต่อประชาชาติเหล่านั้นเหมือนเมื่อพระองค์ทรงทำสงครามในวันแห่งสงคราม

4 ในวันนั้นพระบาทของพระองค์จะเหยียบอยู่บนภูเขามะกอกเทศซึ่งอยู่ข้างกรุงเยรูซาเล็มทางทิศตะวันออก ภูเขามะกอกเทศจะถูกแบ่งครึ่งระหว่างทิศตะวันออกและทิศตะวันตกโดยหุบเขาใหญ่ และครึ่งหนึ่งของภูเขาจะกลับไปด้านไปทางทิศเหนือและครึ่งหนึ่งไปทางทิศใต้ 5 จากนั้นพวกเจ้าจะหนีลงไปในหุบเขาระหว่างภูเขาทั้งหลายของพระยาห์เวห์ เพราะว่าหุบเขาระหว่างภูเขาเหล่านั้นจะยาวไปถึงอาซาล พวกเจ้าจะหนีเหมือนพวกเจ้าได้หนีจากแผ่นดินไหวในสมัยที่อุสซียาห์เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ จากนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าจะเสด็จมาและองค์บริสุทธิ์ทั้งหมดจะมาพร้อมกับพระองค์

6 ในวันนั้นจะไม่มีแสงสว่าง แต่ไม่หนาวหรือมีลูกเห็บ 7 ในวันนั้นมีเพียงพระยาห์เวห์เท่านั้นที่รู้ จะไม่มีวันและคืนอีกต่อไป เพราะว่าเวลาเย็นจะเป็นเวลาของแสงสว่าง

8 ในวันนั้นน้ำแห่งชีวิตจะไหลออกจากกรุงเยรูซาเล็ม ครึ่งหนึ่งของมันจะไหลไปยังทะเลตะวันออกและครึ่งหนึ่งจะไหลไปยังทะเลตะวันตกในฤดูร้อนและฤดูหนาว 9 พระยาห์เวห์จะเป็นกษัตริย์เหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น ในวันนั้นจะมีพระยาห์เวห์ เป็นพระเจ้าองค์เดียว และมีเพียงพระนามของพระองค์เท่านั้น

10 แผ่นดินทั้งหมดจะเป็นเหมือนอาราบาห์ จากเกบาถึงริมโมนทางทิศใต้ของกรุงเยรูซาเล็ม กรุงเยรูซาเล็มจะยังคงถูกยกขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่ในที่ของมัน จากประตูเบนยามินถึงสถานที่เคยเป็นประตูแรกถึงประตูหัวมุม และจากหอคอยแห่งฮานันเอลถึงบ่อย่ำองุ่นของกษัตริย์ 11 ประชาชนจะอาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม และพระเจ้าจะไม่ทำลายล้างพวกเขาจนราบคาบอีกต่อไป ชาวกรุงเยรูซาเล็มจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย

12 นี่จะเป็นภัยพิบัติที่พระยาห์เวห์จะโจมตีประชาชนทั้งหลายที่รับจ้างทำสงครามต่อสู้กรุงเยรูซาเล็ม เนื้อหนังของพวกเขาจะเน่าเปื่อยออกไปแม้ว่าพวกเขากำลังยืนอยู่บนเท้าของพวกเขาเอง ดวงตาทั้งหลายของพวกเขาจะเน่าเปื่อยในเบ้าตาของเขาทั้งหลาย ลิ้นทั้งหลายของพวกเขาจะเน่าเปื่อยในปากของพวกเขาทั้งหลาย 13 ในวันนั้นความเกรงกลัวอันยิ่งใหญ่จากพระยาห์เวห์จะมีอยู่ท่ามกลางพวกเขา แต่ละคนจะจับมือซึ่งกันและกัน และมือของคนหนึ่งจะถูกทำให้ยกขึ้นต่อสู้มือของอีกคนหนึ่ง 14 ยูดาห์ก็จะต่อสู้กับกรุงเยรูซาเล็มด้วย พวกเขาจะรวบรวมความมั่งคั่งทั้งหมดรอบ ๆ บรรดาประชาชาติ คือทอง เงิน และผ้าเนื้อดีจำนวนมาก 15 ภัยพิบัติจะมีมาถึงม้าทั้งหลายและล่อทั้งหลาย อูฐทั้งหลาย และลาทั้งหลาย และสัตว์ทุกอย่างในที่พักเหล่านั้นจะมีความทุกข์ยากลำบากเพราะภัยพิบัติเดียวกัน

16 แล้วมันจะเกิดขึ้นคือคนทั้งหมดที่เหลืออยู่ในประชาชาติเหล่านั้นที่มาต่อสู้กรุงเยรูซาเล็มนั้นจะขึ้นมาปีแล้วปีเล่าเพื่อนมัสการกษัตริย์คือพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย และรักษาเทศกาลอยู่เพิง 17 มันจะเกิดขึ้นถ้าใครคนใดจากบรรดาประชาชาติของแผ่นดินโลกไม่ขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อนมัสการกษัตริย์คือพระยาห์เวห์จอมเจ้านาย แล้วพระยาห์เวห์จะไม่นำฝนมาบนพวกเขา 18 ถ้าประชาชาติของอียิปต์ไม่ขึ้นไป พวกเขาก็จะไม่ได้รับฝน ภัยพิบัติจากพระยาห์เวห์จะโจมตีประชาชาติทั้งหลายที่ไม่ขึ้นไปรักษาเทศกาลอยู่เพิง 19 นี่จะเป็นการลงโทษสำหรับอียิปต์และการลงโทษสำหรับทุกประชาชาติที่ไม่ได้ขึ้นไปรักษาเทศกาลอยู่เพิง

20 แต่ในวันนั้น กระพรวนทั้งหลายของพวกม้าจะพูดว่า “จงแยกไว้แด่พระยาห์เวห์” และอ่างทั้งหลายในพระนิเวศของพระยาห์เวห์จะเหมือนถ้วยทั้งหลายต่อหน้าแท่นบูชา 21 เพราะทุกหม้อในกรุงเยรูซาเล็มและยูดาห์จะถูกแยกไว้แด่พระยาห์เวห์จอมเจ้านาย และทุกคนที่นำเครื่องบูชามาจะกินจากพวกมันทั้งหลายและต้มในพวกมัน ในวันนั้นจะไม่มีพวกพ่อค้าทั้งหลายในพระนิเวศของพระยาห์เวห์จอมเจ้านายอีกต่อไป